Flipkart – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 07 Jan 2020 04:20:42 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ศึกเดือดอีคอมเมิร์ซ “อินเดีย” เศรษฐีผู้รวยที่สุดในเอเชีย เปิดตัว JioMart ท้าชิง Amazon https://positioningmag.com/1259447 Mon, 06 Jan 2020 06:10:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1259447 ตลาดอีคอมเมิร์ซกำลังเติบโตทั่วโลก ผู้คนเข้าถึงเทคโนโลยีเเละทุกวันนี้การซื้อขายสินค้าออนไลน์เป็นเรื่องสะดวกสบาย บริษัทใหญ่ต่างทุ่มลงทุนในธุรกิจนี้ด้วยโอกาสทางธุรกิจมหาศาล โดยเฉพาะในประเทศที่มีประชากรจำนวนมากอย่าง “อินเดีย”

ล่าสุดมหาเศรษฐี Mukesh Ambani ผู้ร่ำรวยที่สุดในอินเดียเเละรวยที่สุดในเอเชีย วัย 62 ปี ด้วยทรัพย์สินกว่า 51.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (จากการจัดอันดับของ Forbes 2019) เขาเป็นเจ้าพ่อพลังงานน้ำมันและก๊าซ ที่ครอบครองกิจการทั้งค้าปลีกรายใหญ่เเละโทรคมนาคม ตัดสินใจลงสนามอีคอมเมิร์ซในอินเดีย เปิดตัว “JioMart” เเพลตฟอร์มดิจิทัลท้องถิ่น เพื่อมาท้ารบกับ “Amazon” อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากอเมริกาที่ครองเจ้าตลาดในอินเดียมาก่อน

Mukesh Ambani

อินเดียถือเป็นตลาดใหญ่หนึ่งที่ Amazon และ Flipkart (บริษัทเเม่คือ Walmart) แข่งขันกันอยู่ในปัจจุบัน เเละเเน่นอนว่ากำลังถูกท้าทายด้วยคู่เเข่งรายใหม่อย่าง JioMart

โดย JioMart เปิดตัวโดยใช้แคมเปญการตลาดปลุกชาตินิยมว่า “The Nation’s New Store” (ร้านค้าแห่งใหม่ของประเทศ) เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคหันมาใช้บริการแพลตฟอร์มท้องถิ่น

ในช่วงแรกจะมีสินค้าได้ราว 50,000 รายการให้เลือกซื้อ และบริการจัดส่งฟรีเเละข้อเสนอ “รับคืนสินค้าแบบไร้เงื่อนไข” โดยจะให้บริการใน 3 เมืองแรกคือ นาวีมุมไบ คาลยัน และฐาเณของรัฐมหาราษฏระ ก่อนจะขยายไปทั่วประเทศในเร็วๆ นี้

นับเป็นเป้าหมายต่อยอดธุรกิจของมหาเศรษฐี Ambani แห่ง Reliance Industries หลังเขาประสบความสำเร็จจากการดำเนินกิจการ “ค้าปลีก” ซึ่งมีบริษัทลูกอย่าง Reliance Retail ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2006 เเละกลายบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ให้บริการลูกค้ากว่า 3.5 ล้านคนทุกสัปดาห์ผ่านร้านค้ากว่า 1 หมื่นแห่งในเมืองในประเทศอินเดียกว่า 6,500 เมือง

เเละยิ่งพัฒนาให้เป็นอีคอมเมิร์ซได้ง่ายไปอีก เมื่อ Ambani กุมธุรกิจสื่อสารไว้ในมือ เพราะเขาเป็นเจ้าของ Reliance Jio Infocomm ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดในของอินเดีย มีผู้ใช้บริการเครือข่ายราว 350 ล้านคนให้บริการเฉพาะ 4G เท่านั้น เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ครั้งแรกเมื่อปี 2016 ซึ่งบริษัทนี้กำลังมีผู้ใช้งานเป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกที่ดึงดูดใจด้วยการโทรฟรีเเละการเก็บข้อมูลราคาถูก

โดย Ambani กล่าวเมื่อเดือน ส.ค. ปีที่เเล้วว่า ธุรกิจใหม่ซึ่งรวมทั้งโทรคมนาคมและค้าปลีกมีแนวโน้มที่จะทำกำไรให้กับบริษัทจากเดิมราว 32% เเละจะเพิ่มเป็น 50% ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า

ตามรายงานของ Technopak Advisors ระบุว่า อีคอมเมิร์ซยังคิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยของยอดค้าปลีกทั้งหมดในอินเดีย โดยคาดว่าตลาดค้าปลีกของอินเดียจะเติบโตเป็น 188,000 ล้านเหรียญสหรัฐในอีก 4 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นจากประมาณ 7.9 หมื่นล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว

ด้าน Amit Agarwal ผู้จัดการของ Amazon India เคยให้สัมภาษณ์ในช่วงต้นปี 2019 ว่า “อีคอมเมิร์ซมีสัดส่วนในธุรกิจค้าปลีกในอินเดียน้อยมาก ซึ่งอาจน้อยกว่า 3%”

เเสดงให้เห็นว่า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอินเดียยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

JioMart จึงกลายเป็นคู่เเข่งสำคัญของทั้ง Amazon และ Flipkart เพราะอีคอมเมิร์ซข้ามชาติกำลังเผชิญผลกระทบจากกฎปกป้องค้าปลีกในประเทศของอินเดีย ที่บังคับใช้เมื่อเดือน ก.พ. ปี 2019 ซึ่งต้องหยุดการจำหน่ายสินค้าไปรวมกว่า 4 เเสนรายการ

การเปิดศึกอีคอมเมิร์ซอินเดียจึงน่าจับตามองยิ่งนัก เมื่อ JioMart มีทั้งฐานลูกค้าธุรกิจค้าปลีกเเละโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย เเถมชูเเคมเปญปลุกชาตินิยมอินเดียด้วย งานนี้…อีคอมเมิร์ซต่างชาติต้องเจองานหินเลยทีเดียว

ที่มา : bloomberg , techcrunch , Forbes 

]]>
1259447
Walmart เดิมพันอีคอมเมิร์ซอินเดีย เท 16,000 ล้านดอลล์ซื้อหุ้นใหญ่ Flipkart ท้ารบ Amazon https://positioningmag.com/1169492 Thu, 10 May 2018 15:12:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1169492 วอลมาร์ท (Walmart) บริษัทค้าปลีกอเมริกันรายใหญ่ประกาศเทเงินลงทุน 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อหวังโตในตลาดอีคอมเมิร์ซสุดเฟื่องฟูของอินเดีย เม็ดเงินนี้ถูกเทเพื่อซื้อหุ้นบริการตลาดออนไลน์แดนโรตีชื่อฟลิปคาร์ท (Flipkart) คาดดีลที่ใหญ่ที่สุดที่ Walmart เคยทำนอกบ้านเกิดนี้จะถูกวางเป้าเพื่อดับเครื่องชนคู่แข่งสำคัญอย่างแอมะซอน (Amazon) ให้ได้

การซื้อหุ้นครั้งนี้จะเป็นทางลัดให้ Walmart สามารถเข้าถึงนักช็อปกลุ่มใหญ่ของอินเดียได้โดยตรงอย่างทันใจ เนื่องจาก Walmart จะเข้าควบคุมการดำเนินงานของ Flipkart ผู้ค้าปลีกออนไลน์ที่มีจุดเด่นเรื่องพนักงานส่งสินค้าแพร่หลายทุกทิศทั่วประเทศ ซึ่งจะขับรถจักรยานยนต์พร้อมกระเป๋าเป้สะพายหลังใบใหญ่

Walmart ถือเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในโลก การเทเงินซื้อหุ้น Flipkart ถูกมองว่าเป็นเพราะ Walmart มั่นใจในเศรษฐกิจร้อนแรงของอินเดีย ซึ่งนอกจาก Walmart และ Amazon หลายบริษัทมีความกระตือรือร้นอยากจะขายสินค้าให้แก่ประชากรกลุ่มใหญ่ในแดนโรตี

แต่แทนที่จะแข่งขันกับ Flipkart เจ้าพ่ออย่าง Walmart เลือกครอบครองบริษัทเพื่อมุ่งสู่อีคอมเมิร์ซเต็มตัวในอนาคต ซึ่ง Walmart เพิ่งตัดสินใจเมื่อเดือนที่แล้ว เรื่องขายแผนกงาน Asda ในอังกฤษที่เน้นดำเนินธุรกิจแบบซูเปอร์มาร์เก็ตดั้งเดิม

ด้านคู่แข่ง Walmart อย่าง Amazon ซึ่งดำเนินธุรกิจออนไลน์ในอินเดียแล้ว ก็มีรายงานว่าได้เจรจาพูดคุยกับ Flipkart ด้วยเช่นกัน แต่ Walmart เป็นฝ่ายชนะคว้าดีลไป

สำหรับ Flipkart นั้นเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซที่มียอดขายสุทธิ 4,600 ล้านเหรียญสหรัฐ (ในปีงบประมาณล่าสุด) ขณะที่ Walmart มียอดขาย 485,800 ล้านเหรียญสหรัฐ แน่นอนว่า Walmart เชื่อมั่นในอินเดียซึ่งมีประชากร 1,300 ล้านคน และอาจเป็น 1 ใน 5 ตลาดอีคอมเมิร์สที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายใน 5 ปีข้างหน้า

จุดเริ่มต้นของ Flipkart มีส่วนคล้าย Amazon สูงมาก โดย Flipkart ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ก่อตั้งยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยร่วมกับอดีตพนักงานของ Amazon โดยที่ผ่านมา Flipkart ก็เริ่มต้นธุรกิจด้วยฐานะผู้ขายหนังสือออนไลน์เช่นกัน

Flipkart เป็นบริการอีคอมเมิร์ซกลุ่มแรกที่มุ่งเน้นให้บริการบนโทรศัพท์มือถือก่อนใคร กระทั่งในปี 2016 ดาวรุ่งอย่าง Flipkart กลายเป็นแอปพลิเคชันตัวแรกในอินเดียที่มีผู้ใช้เกิน 50 ล้านราย ขณะนี้ Flipkart มีผู้ใช้ที่ลงทะเบียนแล้วกว่า 100 ล้านรายและผู้ขายที่ลงทะเบียนในระบบมากกว่า 100,000 ราย ขณะที่ธุรกิจซัปพลายเชนในเครือ Flipkart อย่าง eKart เปิดให้บริการแล้วมากกว่า 800 เมือง ดำเนินการจัดส่งสินค้ามากกว่า 500,000 เที่ยวต่อวัน

อย่างไรก็ตาม หุ้นของ Walmart Inc. ร่วงลงกว่า 3% เมื่อวันพุธเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการลงทุนนี้จะทำให้ผลกำไรของบริษัทลดลง.

Source

]]>
1169492