ประเด็นแรก คือผู้ขายหุ้นให้กับซีพีเอ็น พัทยา ซึ่งประกอบด้วย 1.บริษัท เจริญกฤษ เอ็นเตอร์ไพร้ส์ จำกัด บริษัท ดังกล่าวมีกรรมการที่มาจากตระกูล “บุญดีเจริญ” ตั้งแต่หัวเรือใหญ่ “โยธิน บุญดีเจริญ” และทายาท “เจตรศิริ-รมณี-เจตรมงคล บุญดีเจริญ” 2. บริษัท เบ็ล พาร์ค เรสซิเดนซ์ จำกัด 3. นายเจตรศิริ บุญดีเจริญ 4. นางสาวรมณี บุญดีเจริญ และ5.นายเจตรมงคล บุญดีเจริญ

เงินหมื่นล้านที่ “ซีพีเอ็น” ทุ่มซื้อเป็นการได้มาหุ้น “ก้อนแรก” ของ GLAND เท่านั้น เพราะตามสเต็ป ยังต้องการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของกิจการ (Mandatory Tender Offer) อีกกว่า 3.22 พันล้านหุ้น คิดเป็น 49.57% ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินอีกประมาณ  9,987 ล้านบาท หากปิดดีล จะทำให้ “ซีพีเอ็น” ครอบครองอาณาจักร GLAND ได้แบบเบ็ดเสร็จ 100% และเป็นการทุ่มทุนร่วม 20,000 ล้านบาท

คำถามที่น่าสนใจ และยังรอคำตอบจากทั้ง 2 ฝั่งคือ GLAND ขายเพราะอะไร ข้อนี้พอวิเคราะห์ได้จากสถานการณ์ของบริษัทเองที่มีภาระหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ในอัตราที่สูง ปี 2560 คือ 1.44 เท่า กลางปี 2561 หนี้สินต่อทุนยังอยู่ในอัตรามากกว่า 1 เท่า เพราะบริษัทมีหนี้สินรวมกว่า 17,733 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นกว่า 11,247 ล้านบาท เรียกว่าตั้งแต่ปี 2558 หนี้สินต่อทุนของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้านกระแสเงินสดของบริษัทก็มีไม่มากนัก เพราะ ณ 30 มิ.ย. 2561 มีมากกว่า 924 ล้านบาท

ปี 2557 “มังกรเร้นกาย” อย่าง “โยธิน บุญดีเจริญ” ประธานกรรมการ บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) ที่ห่างหายจากแวดวงธุรกิจอสังหาฯ ไปนานนับสิบปี ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมแผนพัฒนาโครงการเมกะโปรเจกต์ “The Grand Rama 9” มูลค่าสูงถึง “แสนล้านบาท” พลิกหน้าดิน 73 ไร่ ย่านใจกลางธุรกิจใหม่ (New CBD) พระราม 9 ให้เป็น “แลนด์มาร์ก” เมืองกรุง ที่เต็มไปด้วยห้างค้าปลีก โดยมีกลุ่มเซ็นทรัลเป็นผู้เช่าที่ดินเพื่อพัฒนาศูนย์การค้า “เซ็นทรัล แกรนด์ พระราม 9” มีอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม และเล็งผุดศูนย์ประชุมและนิทรรศการ โรงแรม จะมีอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย แถมทุบสถิติภูมิภาคอาเซียนในชื่อ “The  Super Tower” ด้วยความสูงประมาณ 125 ชั้น!

เมื่อสภาพคล่องสวนทางกับฝันและการลงทุนใหญ่ของ “โยธิน” จึงต้องขายหุ้นทิ้งให้กับ “ซีพีเอ็น” รับช่วงในการพัฒนาต่อแทน  

การขายหุ้นครั้งนี้ ยังเห็นภาพของการถอยทัพรุกธุรกิจอสังหาฯ ของบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (ช่อง7) ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน GLAND มากกว่า 1,082 ล้านหุ้น คิดเป็น 18.20% โดยยังคงขับเคลื่อนธุรกิจสำคัญของตระกูลทั้ง “สื่อ” และ “การเงิน” ไว้

แล้ว “ซีพีเอ็น” ได้อะไรจาก “บิ๊กดีล” จากการพูดคุยกับ “กูรูตลาดทุน” วิเคราะห์เกมนี้ในมิติของธุรกิจยิ่งใหญ่ยิ่งสวยสง่าเตะตานักลงทุน หรือ BIG is BEAUTIFUL สวยที่เป็นเจ้าของที่ดินแปลงใหญ่ในกรุงเทพฯ นับวันยิ่งหากยากขึ้นราวกับงมเข็มในมหาสมุทร สวยเพื่อเนรมิตโปรเจกต์ยักษ์เป็นอาณาจักรของตัวเองทั้งหมด ดีกว่ามองเห็นแค่ศูนย์การค้าที่เป็นกระผีกหนึ่งบนโครงการของ GLAND สวยในสายตาของ “ธนาคารพาณิชย์” ที่เป็นพันธมิตรในการปล่อยสินเชื่อให้พัฒนาโครงการ สวยเพราะความยิ่งใหญ่ขึ้นของ “ซีพีเอ็น” จะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เป็นต้น

สุดท้ายธุรกิจแข่งขันกันที่ความใหญ่ ยิ่งยุคนี้ยิ่งใหญ่ยิ่งสวย Big is Beautiful

แหล่งข่าว กล่าว

นอกจากได้ความ “สวย” เสริมศักยภาพของ CPN แล้ว สินทรัพย์และโครงการต่างๆ ที่จะเข้ามาอยู่ภายใต้อาณาจักร มีอีกมากมาย ได้แก่ โครงการเดอะไนน์ ทาวเวอร์ส แกรนด์พระราม 9 พื้นที่ค้าปลีกให้เช่า โครงการ The Shoppes @ the Ninth, โครงการเบ็ล สกาย คอนโดมิเนีย,โครงการ อาคารสำนักงานยูนิลีเวอร์ส เฮ้าส์, โครงการจี ทาวเวอร์ส แกรนด์ พระราม 9, “เบย์วอเตอร์” บริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท รัชดา แอสเซท โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นฝ่ายละ 50% เท่ากัน บริษัทดังกล่าวจะเน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เฉพาะโครงการร่วมกัน เนื่องจากเบย์วอเตอร์ มีที่ดินเปล่าบริเวณพหลโยธินที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เป็นต้น

การได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ ยังทำให้ภาพของการเป็น “บิ๊กดีเวลลอปเปอร์” ของ CPN ในการเป็นผู้พัฒนาโครงการ “มิกซ์ยูส” ยึดทุกมุมเมือง ย่านใจกลางธุรกิจราชประสงค์มี “เซ็นทรัลเวิลด์”, เซ็นทรัล พลาซา บางนา, เซ็นทรัล พลาซา แจ้งวัฒนะ, เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว ในอนาคตจะมีโครงการมิกซ์ยูสร่วมทุนกับ “ดุสิตธานี” มูลค่าหมื่นล้าน เป็นต้น

ดีลซื้อหุ้น GLAND จึงเป็นอีกกลยุทธ์ที่ช่วยให้ CPN “เบ่ง” ขนาดธุรกิจใหญ่คับสังเวียนอสังหาฯ!.