ช่วง 2 ปีมานี้ ‘ออปโป้ (OPPO)’ ประกาศชัดว่าจะบุก ‘ตลาดไฮเอนด์’ ให้มากขึ้น หลังจากสามารถยึดตำแหน่งผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนระดับล่างและกลาง
เพื่อบุกตลาดไฮเอนด์ OPPO ทุ่มทุนวิจัยและพัฒนาถึง 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ที่จะมายกระดับประสบการณ์เพื่อไลฟ์สไตล์ในยุคใหม่พร้อมพัฒนาขีดความสามารถในการทำการตลาดระดับไฮเอนด์ ดังนั้น จากนี้ไป สิ่งที่คนนึกถึง OPPO จะไม่ใช่แค่เรื่องการ ‘เซลฟี่’ แต่จะมีนวัตกรรมใหม่ ๆ อีกมากมายอัดแน่นในสมาร์ทโฟน
อย่างล่าสุด OPPO เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล้ำสมัย ฉีกทุกกรอบของสมาร์ทโฟนกับ “OPPO x 2021 rollable concept handset” สมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอยืดหยุ่นได้ โดยสามารถปรับให้เล็กได้ 6.7 นิ้ว และ ปรับให้ใหญ่ได้ 7.4 นิ้ว เรียกได้ว่า เราจะเลือกใช้จอขนาดเท่าไหร่ ก็สามารถปรับได้ตามใจ
โดย OPPO ได้เผยนวัตกรรมดังกล่าวในงาน OPPO INNO DAY 2020 งานจัดแสดงนวัตกรรมที่จะฉีกกรอบความคิด ก้าวทันยุคสมัยใหม่ และไม่ใช่แค่มาเปิดตัวนวัตกรรมหน้าจอยืดหยุ่น แต่ OPPO ยังเผยนวัตกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ ‘OPPO AR Glass 2021’ แว่นตา AR ขนาดกะทัดรัด เบาพิเศษ ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น ท่าทาง สมาร์ทโฟน หรือแม้กระทั่งเสียง โดยผู้ใช้สามารถนำนวัตกรรมใช้ได้ทั้ง การเล่นเกมแบบ AR, การดูวิดีโอ หรือ การตกแต่งบ้านด้วยระบบ AR
และแอปพลิเคชั่น OPPO CybeReal AR แอปประมวลตำแหน่งแสดงในรูปแบบ AR ที่มีความแม่นยำในระดับเซนติเมตรแม้จะอยู่ในอาคารได้แบบเรียลไทม์ โดยเราสามารถปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น เมื่อเราต้องการหาที่จอดรถที่ยังว่างอยู่ในอาคารจอดรถ ก็สามารถใช้แอปพลิเคชั่นนี้ระบุตำแหน่งได้เช่นเดียวกัน
เรียกได้ว่าไม่ใช่แค่พร้อมบุกตลาดไฮเอนด์ แต่ตลาด ‘Gadget’ ก็เป็นอีกหมุดหมายของ OPPO เพราะหากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่า OPPO มีการส่งสินค้าอย่างหูฟัง ‘OPPO Enco Free’ และสมาร์ทวอชท์ ‘OPPO Watch’ เพื่อที่จะรุกตลาด Gadget ให้มากขึ้น และอ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงคิดไม่ถึงว่าหน้าจอมือถือจะสามารถยืดหดได้ตามใจ เรียกได้ว่า OPPO มาฉีกกรอบความคิดจุดประกายนวัตกรรมใหม่ ๆ พร้อมบุกตลาดไฮเอนด์ได้ดีทีเดียว
]]>ในตอนที่เรากำลังเล่นเกม เราคงไม่อยากเสียจังหวะเวลาเอื้อมมือไปหยิบขนมกันใช่ไหม ไม่ว่าจะเป็นนักเล่นเกมมืออาชีพหรือเป็นมือสมัครเล่นต่างก็เจอปัญหานี้กันหมด ‘อยากกิน’ แต่ก็กลัวตัวละครในเกมจะ ‘ตาย’
ดังนั้น ‘พริงเกิลส์’ (Pringles) แบรนด์มันฝรั่งทอดกรอบสัญชาติอเมริกันก็คิดหาวิธีแก้ปัญหานี้เรียบร้อยด้วย ‘Hunger Hammer’
สำหรับ Hunger Hammer เป็นต้นแบบชุดเสริมที่สามารถติดตั้งกับชุดหูฟังของ ‘Razer’ แบรนด์เกมมิ่งเกียร์ชื่อดัง โดยเจ้า Hunger Hammer จะมีลักษณะเหมือนกับหมวกเบียร์ ที่จะคอยป้อนพริงเกิลส์เข้าปาก เมื่อกดปุ่มบนชุดหูฟังหรือรีโมต โดยที่เราไม่ต้องปล่อยมือจากจอมือถือ จอยเกมหรือเมาส์และคีย์บอร์ด ช่วยให้เราโฟกัสที่เกมอย่างเต็มที่
และเพื่อเป็นการโปรโมตเจ้า Hunger Hammer ทาง Pringles ก็ได้ส่งตัวทดลองให้ streamer นาม ‘Criken’ ลองใช้ในขณะที่กำลังสตรีมอยู่ ใครสนใจตามไปดูรีวิวฉบับเต็มกันได้ในคลิปนี้เลย
Photo : Engadget
Source
บริษัท คอนเซปต์ ทรี จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Thai Thumb ((ตั๊มไดรฟ์) ต้นแบบผลิตภัณฑ์ที่ต่อยอดจากผลการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพและยางพารา ครั้งแรกของไทย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพิ่มทางเลือกกลุ่มลูกค้า รักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพและยางพาราอย่างต่อเนื่อง หวังสร้างจุดเด่น เสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยในเวทีผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมสากล ต่อไป
นางณัฎฐยา อรรจนานันท์ ผู้จัดการทั่วไปบริษัท คอนเซปต์ ทรี จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยความเชื่อที่ว่า “กรีน ไลฟ์สไตล์” จะเป็นวิถีแห่งความยั่งยืนเพื่อให้คนและโลกอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล เปิดเผยว่า หลังจากที่ บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.) ให้ทำการวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนและGadgets (Thumb Drive) ที่ย่อยสลายได้และโอกาสทางการขายของผลิตภัณฑ์ โดยมีเป้าหมาย เพื่อ เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรกรรมและสามารถนำงานวิจัยไปใช้ได้จริงเชิงพาณิชย์ บริษัทฯจึงได้นำผลวิจัยการพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพและยางพารา มาผลิตเป็นสินค้าต้นแบบขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งผลการวิจัยพบว่า กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ เคยได้รับข้อมูลเรื่องพลาสติกชีวภาพ แต่ยังไม่มีประสบการณ์ตรงในการใช้สินค้า จึงมองเห็นช่องทางที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และต้องการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยได้เลือกผลิต ตั๊มไดรฟ์ “Thai Thumb” เป็นผลิตภัณฑ์นำร่องออกสู่ตลาดก่อน
“ผลิตภัณฑ์ “Thai Thumb” เป็น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับเก็บข้อมูล ขนาดบรรจุ 4 GB ผลิตจากพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ มีส่วนผสมของยางธรรมชาติ ออกแบบ โดยคนไทยและผลิตทุกอย่างในประเทศไทย นับเป็นครั้งแรกของผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนที่ผลิตจากพลาสติกชีวภาพในเชิงพาณิชย์ เป็นความภูมิใจที่เกิดจากความร่วมมืออย่างเชื่อมโยงเป็นระบบจาก หน่วยงานของรัฐ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมพลาสติค และบริษัทฯเอกชน ซึ่งนอกจากเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรกรรมยางพารา และเป็นการต่อยอดธุรกิจที่ยั่งยืนแล้ว ยังเป็นทางเลือกหนึ่งในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย”
นางณัฎฐยา อรรจนานันท์ กล่าวต่อไปว่า กลยุทธ์การทำตลาดของ “ผลิตภัณฑ์ “Thai Thumb” เน้นการทำตลาดแบบ B2B เพื่อองค์กรธุรกิจที่มีนโยบายสนับสนุนสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในอนาคตจะมีการวางสินค้าจำหน่ายให้กับผู้บริโภคทั่วไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท คอนเซปต์ ทรี จำกัด www.concept-tree.net และ [email protected] นอกจากผลิตThai Thumb แล้ว บริษัท ฯยังมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวอื่นภายใต้พลาสติกชีวภาพและยางพารา อาทิ กล่อง ไม้บรรทัด ปากกา ฯลฯ ออกมาตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่สนใจสนับสนุนสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
อาร์ทีบี เทคโนโลยี ชี้กระแสเทรนด์ออกกำลังกาย และ อุปกรณ์ Wearable มาแรงในปีนี้ พร้อมตอกย้ำแบรนด์ “Jabra” (จาบรา) สู่ความเป็นผู้นำทางด้านตลาดหูฟังมิวสิคไวร์เลสของเมืองไทย รุกจับมือ “เจมาร์ท” ในฐานะตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์เสริมชั้นนำของเมืองไทย เปิดตัว “Jabra Sport Pulse Wireless” (จาบรา สปอร์ต พัลส์ ไวเลส) หูฟังสเตอริโออัจฉริยะตัวแรกของโลกที่สามารถจับจังหวะการเต้นของหัวใจได้ และเมื่อทำงานควบคู่ไปกับ Jabra Sport Life Application (จาบรา สปอร์ต ไลฟ์ แอพพลิเคชั่น) แล้วจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลการเต้นของหัวใจให้เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ออกกำลังกาย นอกจากนั้นหูฟังยังถูกออกแบบมาเพื่อให้สวมใส่ได้กระชับสบาย มีความทนทานต่อความชื้นและแรงกระแทก เหมาะสำหรับการออกกำลังกายเกือบทุกประเภท จึงทำให้มั่นใจว่า “Jabra Sport Pulse Wireless” (จาบรา สปอร์ต พัลส์ ไวเลส) จะสามารถรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ดร.บรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยว่า “เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากคนไทยหันมาออกกำลังกายกันเป็นอย่างมาก อาทิ ปั่นจักรยาน, กิจกรรมวิ่งมาราธอน, วันนี้ “อาร์ทีบี เทคโนโลยี” ได้ร่วมกับ “เจมาร์ท” ในฐานะตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์เสริมชั้นนำของเมืองไทย ทำการเปิดตัว “Jabra Sport Pulse Wireless” (จาบรา สปอร์ต พัลส์ ไวเลส) หูฟังสเตอริโออัจฉริยะที่นอกจากจะสามารถจับจังหวะการเต้นของหัวใจคุณได้ แล้วยังสามารถนำข้อมูลการเต้นของหัวใจนี้มาแปลงเป็นข้อมูลสำคัญเพื่อบอกให้เราสามารถออกกำลังกายได้ดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งแตกต่างจาก เครื่องวัดการเต้นของหัวใจทั่วไปในท้องตลาด ที่เพียงแค่บอกค่า แต่ไม่สามารถบอกว่าผู้ออกกำลังกาย ควรทำอย่างไรกับอัตราการเต้นของหัวใจของตัวเอง ดังนั้นนอกจากที่ผู้ใช้สามารถฟังเพลงในระหว่างออกกำลังกายและ ยังสามารถรับทราบอัตราการเต้นของหัวใจ ระยะทางที่วิ่ง ความเร็ว ของตนเอง รวมไปถึงคำสั่งให้ออกกำลังให้หนักขึ้น หรือเบาลง เพื่อให้รักษาระดับการเต้นของหัวใจในโซนที่เราต้องการ เสมือนมีเทรนเนอร์คอยคุมนักกีฬาอยู่นั่นเอง ทั้งหมดนี้จะรายงานในรูปแบบของเสียงผ่านหูฟัง เพื่อให้เกิดความสะดวกสูงสุด โดยหูฟังสามารถเชื่อมต่อมือถือสมาร์ทโฟนได้ทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS และ แอนดรอยด์ผ่าน Jabra Sport Life Application (จาบรา สปอร์ต ไลฟ์ แอพพลิเคชั่น) สามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ถึงฝนจะตก ก็ไม่ใช่ปัญหา กับระดับมารตฐาน IP55 กันน้ำกระเด็นได้และทนทานกับทุกสภาพอากาศ ใช้งานง่าย สะดวกสบายกับ Bluetooth 4.0 และ NFC เทคโนโลยีล่าสุดได้อย่างลงตัว โดยสามารถสนทนาและฟังเพลงต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 5 ชั่วโมง ส่วนคุณภาพของเสียงเป็นเสียงระดับพรีเมียมของระบบเสียง Dolby ซึ่งเป็นเสียงคุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อให้เสียงแบบไร้สายออกมาดีไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ เพลิดเพลินกับเพลงอย่างที่ใจต้องการด้วยเสียงเบสนุ่มลึกชัดเจนและเสียงสูงที่ใสคมชัด และยังสามารถใช้งานเป็น Small Talk พร้อมรีโมทควบคุมเพิ่มลดเสียง หรือเปลื่ยนเพลงได้ รวมถึงยังเป็นหูฟังแบบ in-ear ที่ถูกออกแบบมาให้ล็อตกับใบหูไม่ให้หลุดง่าย และยังมีน้ำหนักเบามากอีกด้วย”
“สำหรับความร่วมมือระหว่าง “อาร์ทีบี เทคโนโลยี” และ “เจมาร์ท” ในครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากนโยบายของบริษัทฯในปีนี้เน้นการทำการตลาดร่วมกับพันธมิตรที่มีความแข็งแรงทางด้านต่างๆ เพื่อเสริมศักยภาพทางธุรกิจซึ่งกันและกัน โดยอาร์ทีบีฯได้อาศัยจุดแข็งของเจมาร์ทในฐานะตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์เสริมชั้นนำของเมืองไทย ซึ่งมีความแข็งแกร่งในเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีอยู่ทั่วประเทศ และจากข้อมูลยอดขายหูฟังของอาร์ทีบีฯตั้งแต่ต้นปี พบว่า ยอดจำหน่ายหูฟังมิวสิคไวเลสแบบสปอร์ตคิดเป็นสัดส่วน 5% ของหูฟังทั้งหมด โดยคาดว่าในปีหน้าแนวโน้มตลาดรวมของหูฟังมิวสิคไวเลสแบบสปอร์ตจะมีอัตราการเติบโตขึ้นถึง 200% อย่างแน่นอน ทั้งนี้ปัจจัยหนุนมาจากคนไทยหันมาดูแลสุขภาพและออกกำลังกายกันมากขึ้น” ดร.บรรพตกล่าว
ทางด้านนายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์เสริมชั้นนำของเมืองไทย เปิดเผยว่า “แนวโน้มภาพรวมตลาดอุปกรณ์เสริมอิเล็กทรอนิคส์สวมใส่ หรือ Wearable Device ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย โดยสินค้าพวก Wearable Device จะทำงานควบคู่กับสมาร์ทโฟน และเป็นการเติมเต็มให้กับสินค้าสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน โดยจะเห็นได้ชัดเจนช่วงไตรมาส 4 สินค้าจะมีความหลากหลายขึ้น แบรนด์ต่างๆ เริ่มออกสินค้าดังกล่าวออกสู่ตลาด
บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) ได้มีการเพิ่มไลน์สินค้า Wearble Device มากยิ่งขึ้น โดยเน้นไปที่กลุ่มผู้ที่ชื่นชอบในการออกกำลังกายและ กลุ่มที่ชื่นชอบในสินค้าไลฟ์สไตล์หรือแฟชั่น จึงได้จับมือร่วมกับ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์หูฟังระดับพรีเมี่ยม จัดงานเปิดตัว “Jabra Sport Pulse” พร้อมเตรียมกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเพื่อผลักดันยอดขายอุปกรณ์เสริมในปีนี้ สำหรับยอดขายอุปกรณ์เสริมมือถือของเจมาร์ทช่วงครึ่งปีแรกมียอดขายอยู่ที่ 150 ล้านบาท และช่วงครึ่งปีหลังคาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 200 ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปีบริษัทมีรายได้จากอุปกรณ์เสริม 350 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 15%”
สำหรับ “Jabra Sport Pulse Wireless” (จาบรา สปอร์ต พัลส์ ไวเลส) วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 7,490 บาท ตัวเครื่องมี 1 สี ได้แก่ สีดำ ซึ่งผู้สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ Jaymart หรือสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.jaymart.co.th, www.facebook.com/jaymartthailand, www.rtbtechnology.com หรือ www.facebook.com/jabrathailand
แซนดิสก์ คอร์ปอเรชั่น (NASDAQ: SNDK), ผู้นำด้านโซลูชั่นอุปกรณ์การเก็บข้อมูลแบบแฟลช เปิดตัวการ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO® SDXC UHS-I ความจุขนาด 512 GB** ซึ่งเป็นความจุของการ์ดความจำที่สูงที่สุดในโลกในตลาดปัจจุบัน ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทีมีความต้องการอุปกรณ์ที่มีความทันสมัยมากที่สุดสำหรับการถ่ายภาพที่ต้องใช้ความละเอียดในการบันทึกภาพวิดีโอด้วยความละเอียดระดับ 4K Ultra HD (3840x2160p) การบันทึกภาพวิดีโอด้วยระบบ Full HD(1920×1080)1 และการถ่ายภาพที่ต้องใช้โหมดความเร็วสูง
นายเจษฎา ภวภูตานนท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย แซนดิสก์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่าในฐานะที่แซนดิสก์เป็นหนึ่งในผู้นำของตลาด จึงยังคงผลักดันให้เกิดการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับต่อความต้องการของผู้บริโภค ด้วยการนำเสนอนวัตกรรม ความน่าเชื่อถือ และโซลูชั่นประสิทธิภาพขั้นสูงให้ตรงตามที่ผู้บริโภคคาดหวัง
“เทคโนโลยีที่รองรับความละเอียดระดับ 4K Ultra HD ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ให้ประสิทธิภาพในการจัดเก็บไฟล์ลขนาดใหญ่ โดยการ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO® SDXC UHS-I ความจุขนาด 512 GB นับเป็นพัฒนาการครั้งสำคัญที่ช่วยให้กลุ่มผู้ใช้งานมืออาชีพสามารถจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้ในการ์ดเพียง 1 ใบได้อย่างปลอดภัยและน่าเชื่อถืออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”
ผลิตขึ้นเพื่อมืออาชีพ
ตั้งแต่แซนดิสก์ได้เปิดตัวการ์ดความจำที่มีความจุขนาด 512 MB เป็นครั้งแรกในปี 2003 นั้น ทำให้เริ่มมีความต้องการผลิตภัณฑ์ซึ่งให้ความจุที่เพิ่มสูงขึ้น โดยล่าสุดการ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SDXC UHS-I ความจุขนาด 512 GB ได้นำเสนอความจุในการจัดเก็บข้อมูลลที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 1,000 เท่า ในรอบกว่า 10 ปี โดยที่ยังคงมาตรฐานเดิมของแซนดิสก์ทั้งในด้านของประสิทธิภาพการทำงานและให้ความจุที่สูงขึ้นเช่นเดียวกับการ์ดความจำรุ่น UHS-I นอกจากนี้ยังให้ความเร็วในการเขียนข้อมูลสูง ถึง 90 MB ต่อวินาที* และ UHS ยังช่วยให้การบันทึกภาพที่มีความละเอียดสูงด้วยระดับSpeed Class 3 (U3) มีสีสันสดใสเสมือนจริงและรองรับการบันทึกภาพด้วยความละเอียดในระดับ 4K Ultra HD1 และความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลมากถึง 95 MB ต่อวินาที* จึงช่วยให้การทำงานPost-production มีความรวดเร็วและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับการ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SDXC UHS-I ความจุขนาด 512 GB ที่มาพร้อมความเร็วและความจุในการจัดเก็บข้อมูลที่รองรับการบันทึกภาพที่มีความละเอียดในระดับ 4K Ultra HD จึงช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกภาพได้จำนวนมากโดยไม่มีการหยุดชะงักกลางคัน
ผลิตภัณฑ์ได้มาพร้อมกับคุณสมบัติสำคัญที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานในระดับมืออาชีพ
· ผลิตเพื่อทำการทดสอบภายใต้สภาวการณ์ที่รุนแรง – ทนต่อสภาพภูมิอากาศ กันน้ำ ทนต่อแรงกระแทกและทนต่อการผ่านเครื่องเอ็กซ์เรย์
· มีอายุการใช้งานที่จำกัด
· โปรแกรม RescuePRO®เป็นโปรแกรมสำหรับการกู้คืนข้อข้อมูลคืน4 เพื่อช่วยกู้คือข้อมูลภาพในกรณีที่เผลอลบภาพโดยไม่ได้ตั้งใจ
มร.เซบาสเตียน เดฟโว สมาชิกทีม SanDisk Extreme ผู้อำนวยการและโปรดิวเซอร์ชื่อดัง ซึ่งต้องอาศัยอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูงในการทำงานโปรดักชั่น กล่าวว่า ผมมักจะสนใจในเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยปรับปรุงวิธีการทำงานให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และด้วยความจุในการจัดเก็บข้อมูลที่สูงขึ้นจึงทำให้สามารถใช้ประโยชน์ของกล้องได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของอุปกรณ์ใด
มร. แกรนท์ เพ็ตตี้ ประธานบริหาร บริษัท Blackmagic Design กล่าวต่อว่า “การ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SDXC UHS-I ความจุขนาด 512 GB นั้นมาพร้อมความเร็วและความจุในการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งลูกค้ากลุ่มผู้ใช้กล้องเพื่อการถ่ายทำภาพยนต์นั้นต่างมีความต้องการที่จะถ่ายทำในทุกๆ สภาวะแวดล้อมและทุกสถานที่ เพื่อให้ได้ลักษณะของภาพในประเภทไฟล์ RAW ซึ่งจะให้ภาพที่เน้นความสว่างสดใสแต่ยังมีมีส่วนของเงาที่มืดๆ อยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ความจุขนาดใหญ่ของการ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SDXC UHS-I ยังช่วยให้ลูกค้าของเราที่ถ่ายทำภาพประเภทไฟล์ RAW สามารรถคิดสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างอิสระ ทั้งยังสามารถนำภาพที่ถ่ายด้วยไฟล์ประเภท RAW ไปใช้ในงานโปรดักชั่นอื่นๆ ได้อีกด้วย
ราคาและการจัดจำหน่าย
การ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SDXC UHS-I วางจำหน่ายทั่วโลกในความจุขนาด 512 GB, 256 GB และ 128 GB โดยการ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SDXC UHS-I ความจุขนาด 512 GB ได้วางจำหน่ายในราคา 31,000 บาท ซึ่งสามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้ที่ http://th.sandisk.com
อุปกรณ์ดังกล่าวนี้ไม่รองรับอุปกรณ์ประเภท SDXC ควรตรวจสอบกับผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
*ความเร็วในการอ่านสูงสุดถึง 95 MB ต่อวินาทีและความเร็วในการเขียนสูงสุดถึง 90 MB ต่อวินาที โดยอ้างอิงจากการทดสอบประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงได้โดยขึ้นอยู่กับอุปกรณ์นั้นๆ 1MB = 1,000,000 bytes การจัดเก็บข้อมูลขั้นต่ำจากผู้ใช้ตามความเป็นจริง
1การบันทึกภาพด้วยความละเอียดในระดับ 4K Ultra HD (3840×2160), การบันทึกภาพวิดีโอด้วยระบบ Full HD (1920×1080) จะให้ประสิทธิภาพแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับอุปกรณ์หลัก โดยคุณสมบัติของไฟล์หรือคุณสมบัติอื่นๆ เพิ่มเติม สามารถเข้าชมได้ที่ www.sandisk.com/HD . UHS Speed Class 3 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการบันทึกภาพวิดีโอแบบ 4K Ultra HD ด้วยอุปกรณ์ UHS
2ชมบรรจุภัฑณ์ของสินค้าหรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sandisk.com/proof
3เข้ารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sandisk.com/wug
4ควรลงทะเบียนเพื่อรับทราบข้อตกลงและเงื่อนไขต่างๆ
นายอมรศักดิ์ แดงแสงทอง รองประธานฝ่ายการตลาด บริษัท ดีพลัส อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายฟิล์มกันรอยแบรนด์ Focus เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ตลาดฟิล์มกันรอยและอุปกรณ์เสริมจะมีการขยายตัวมากเป็นพิเศษ เนื่องจากช่วงปลายปีเป็นช่วงเวลาที่ผู้บริโภคเลือกซื้อมือถือและอุปกรณ์เสริมใหม่สูงที่สุด อีกทั้งในปีนี้เป็นช่วงที่ค่ายใหญ่ 2 ค่ายเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ Apple iPhone6/ iPhone6Plus และ Samsung Galaxy Note4 ซึ่งบริษัทได้มีการจัดแคมเปญ “ติดโฟกัส ลัดฟ้าไปเจแปน” เพื่อกระตุ้นยอดขายและตอบแทนลูกค้า
ทั้งนี้บริษัทจะใช้งบประมาณจำนวน 20 ล้านบาท สำหรับการโปรโมทแคมเปญผ่านสื่อโฆษณารูปแบบต่างๆ ตลอดจนมีการจัดกิจกรรมกับกลุ่มผู้บริโภคตลอดช่วงเดือน ต.ค.-ธ.คนี้ คาดว่าแคมเปญนี้จะช่วยเพิ่มยอดขายฟิล์มกันรอยขึ้นจากช่วงเวลาปกติราว 30-35% และส่งผลให้ปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมาย 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตั้งเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท
“ผู้บริโภคสามารถร่วมกิจกรรม “ติดโฟกัส ลัดฟ้าไปเจแปน” ลุ้นรางวัลแพ็คเกจทัวร์ญี่ปุ่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ฮอกไกโด 6 วัน 4 คืน ได้ง่ายๆ โดยนำรหัสในซองฟิล์มทุกชนิด ไปลงทะเบียนที่ http://japan.focusshield.com ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. – 20 ธ.ค. 2557 เพื่อลุ้นตะลุยประเทศญี่ปุ่น กิน ช้อป เที่ยว สัมผัสหิมะที่ฮอกไกโด รวม 10 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่งจับรางวัลทุกสัปดาห์ รวมมูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท” นายอมรศักดิ์ กล่าว
สำหรับมุมมองตลาดฟิล์มกันรอยและอุปกรณ์เสริมปี 58 จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงสมาร์ทโฟน แท็บเลต ถี่มากขึ้น ขณะที่กลุ่มผู้ใช้เครื่องเดิมยังมีความจำเป็นในการซื้ออุปกรณ์เสริมและฟิล์มกันรอย เพื่อเปลี่ยนแทนของเก่าในลักษณะของสินค้าฟุ่มเฟือย คาดว่ามูลค่าตลาดรวมของฟิล์มกันรอยและอุปกรณ์เสริม มีเม็ดเงินหมุนเวียนในตลาดอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท
ทั้งนี้สัดส่วนการเลือกใช้งานฟิล์มกันรอยของผู้บริโภคชาวไทย แบ่งเป็นฟิล์มประเภทใส-ด้านทั่วไปประมาณ 65% และฟิล์มที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่นลดรอยนิ้วมือ กันกระแทก ถนอมสายตาประมาณ 35% โดย Focus ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่ง มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 55% ซึ่งในปี 58 บริษัทมีแผนบุกตลาดเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่งต่อเนื่อง โดยเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้สอดรับกับรุ่นของอุปกรณ์ ความต้องการของผู้บริโภค และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 25% หรือมีรายได้จากการขายอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท
บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด จับมือกับบริษัท ซานริโอ เวฟ จำกัด เอาใจสาวกผู้คลั่งไคล้ความน่ารักของเจ้าแมวเหมียว Hello Kitty ด้วยการมอบประสบการณ์พิเศษกับนวัตกรรมเครื่องพิมพ์ภาพถ่ายขนาดพกพา LG Pocket Photo รุ่น Hello Kitty Limited Edition (PD239SP) ให้ได้จับจองเป็นเจ้าของ ใช้งานง่ายเพียงเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนผ่าน NFC Tag หรือบลูทูธ รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Android, iOS และ Windows Phone 8 ก็สามารถพิมพ์ภาพแห่งความประทับใจออกมาเป็นของที่ระลึกให้กับตัวคุณเอง ครอบครัว เพื่อน หรือคนพิเศษ ได้ง่ายๆ อย่างมีสไตล์ โดย LG Pocket Photo รุ่น Hello Kitty Limited Edition แอลจีจัดทำเป็นพิเศษเพื่อร่วมเฉลิมฉลอง Hello Kitty ครบรอบ 40 ปีในปีนี้
LG Pocket Photo รุ่น Hello Kitty Limited Edition (PD239SP) ได้รับการออกแบบลายเส้นและโทนสีเป็นพิเศษ โดยตัวเครื่องสีชมพูพร้อมลายเอ็กซ์คลูซีฟของHello Kitty ลิขสิทธิ์แท้จากซานริโอ มีขนาดกะทัดรัดด้วยน้ำหนักเพียง 221 กรัม ผู้ใช้สามารถพิมพ์ภาพขนาด 2 x 3 นิ้ว ได้สูงสุด 30 แผ่นต่อการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้ง ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องใช้หมึกเพราะเทคโนโลยีล่าสุด ZINK® (Zero Ink) ใช้ความร้อนในการกำเนิดสีเพื่อพิมพ์ลงในกระดาษแต่ละแผ่น ทั้งยังรักษาความคมชัดของภาพได้นานกว่าและเป็นรอยน้อยกว่า ภาพที่พิมพ์ออกมามีความละเอียดคมชัดถึง 313dpi เหมาะสำหรับการแบ่งปันกับเพื่อนๆ และคนที่คุณรัก หลังจากดาวน์โหลดและติดตั้งแอพลิเคชั่น LG Pocket Photo เรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนเพื่อเริ่มพิมพ์ภาพได้ทันที ผ่าน NFC Tag หรือบลูทูธ
ความพิเศษของฟีเจอร์การตกแต่งรูปภาพในแอพลิเคชั่น LG Pocket Photo ของรุ่น Hello Kitty Limited Edition (PD239SP) ผู้ใช้จะสนุกสนานไปกับตัวเลือกการตกแต่งรูปภาพที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นฟิลเตอร์หลายแบบ กรอบภาพสุดเก๋ การแบ่งภาพออกเป็นสองส่วนหรือสี่ส่วน การใส่ข้อความเพิ่มเติม และการพิมพ์ภาพลงบนกระดาษแบบธรรมดาและกระดาษแบบสติ๊กเกอร์ ด้วยการผสมผสานระหว่างอุปกรณ์ไอทีและแอพลิเคชั่นทำให้ LG Pocket Photo รุ่น Hello Kitty Limited Edition (PD239SP) เป็นอุปกรณ์อัจฉริยะขนาดพกพาที่สามารถตกแต่งและพิมพ์ภาพได้โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์อีกต่อไป
LG Pocket Photo รุ่น Hello Kitty Limited Edition (PD239SP) มาพร้อมกับกระเป๋า Hello Kitty สุดน่ารัก และกระดาษ Zink Paper อีก 5 แผ่น โดยทั้งหมดนี้จะรวมอยู่ในกล่องแพ็คเกจพิเศษสีชมพูสดใสลาย Hello Kitty ราคาเพียง 5,490 บาท และมีจำนวนจำกัด โดยจัดจำหน่ายที่ร้าน Hello Kitty House Café Bangkok (สยามสแควร์ วัน) ร้าน iService ดิจิตอล เกทเวย์ชั้น 3 (สยามสแควร์) และร้านค้าออนไลน์ www.lazada.co.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 0-2878-5757 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.lg.com/th
บริษัทดีพลัส อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแผ่นฟิล์มกันรอยหน้าจอสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต อันดับหนึ่งของไทย ภายใต้แบรนด์ “Focus” จัดกิจกรรมส่งท้ายปี ตอกย้ำความเป็นผู้นำอีกครั้ง
เปิดตัวแคมเปญ “ติดฟิล์มโฟกัส ลุ้นบินลัดฟ้าไปเจแปน” ในงาน Thailand Mobile Expo 2014 Showcase มหกรรมมือถือครั้งสุดท้ายของปีนี้
เพียงติดฟิล์มโฟกัสชนิดใดก็ได้ ส่งรหัส 10 หลักในซองฟิล์มมาที่ http://japan.focusshield.com เพื่อร่วมลุ้น กินฟรี เที่ยวฟรี ที่ฮอกไกโด 6 วัน 4 คืน มูลค่ากว่า 1,200,000 บาท ตั้งแต่ 1 ตุลาคมถึง 20 ธันวาคมนี้ ภายในงานยังได้พบกับกิจกรรมสนุกๆ และมินิคอนเสิร์ตจาก “หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ” ในวันที่ 3 ตุลาคม เวลา 14.30 น.
พบกับฟิล์มกันรอยโฟกัส ได้ในงาน Thailand Mobile Expo 2014 Showcase ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 2 – 5 ตุลาคมนี้ เจอกันที่บูธ M1 หน้า Plenary Hall หรือถามหาฟิล์มกันรอยโฟกัส ได้แล้ววันนี้ที่โซนมือถือชั้นนำทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการ Focus โทร 02-2944848-503 หรือ https://www.facebook.com/FocusFilm
บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด อวดโฉม “Beats Solo 2” (บีทส์-โซโล 2) ฟังออนเอีย (On-Ear) พรีเมี่ยมระดับตำนาน ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์สุดล้ำเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยวัสดุมีความทนทานสูง ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกที่โค้งมน สีสันและรูปทรงที่สวยงาม หูฟังผลิตจากวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง หูครอบสวมใส่สบาย เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนแอคทีฟ อีกทั้งยังให้คุณได้สัมผัสคุณภาพของเสียงระดับพรีเมี่ยมที่ถูกออกแบบมาให้มีมิติมากยิ่งขึ้น ด้วยเสียงเบสที่ทุ่มนุ่มลึก เสียงกลางที่มีพลัง และเสียงสูงที่ชัดใส เพื่อเอาใจผู้รักในเสียงดนตรีหลากหลายประเภท
นอกจากนี้ตัวหูฟังของ “Beats Solo 2” (บีทส์-โซโล 2) ยังสามารถพกพาได้อย่างสะดวกสบาย เนื่องจากเป็นหูฟังที่ไม่ใหญ่เกินไปและมีลักษณะเป็นแบบ Tri-Fold สามารถพับเก็บได้ง่ายกับ อีกทั้งยังถูกออกแบบให้มีความเรียบหรู ด้วยการซ่อนหัวสกรูและข้อต่อต่างๆ ไม่ให้เห็นได้จากภายนอก รวมถึงสีสันที่เน้นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น มี RemoteTalk สำหรับควบคุมการรับและวางสายสนทนา (Hands-Free Calling) สามารถใช้คู่กับสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี รวมถึงยัง สามารถควบคุมเครื่องเล่นเพลงต่างๆ ได้ อย่างลงตัว โดยสาย RemoteTalk จะเป็นสีเดียวกันกับตัวหู ฟังยกเว้นหูฟังสีดำจะมากับสาย RemoteTalk สีแดง ตามเอกลักษณ์ของ Beats by Dre นอกจากนี้ภายในกล่องยังมีกระเป๋าสำหรับเก็บหูฟัง อย่างดีให้อีก 1 ชุด
สำหรับในช่วงวันที่ 1 – 30 กันยายนนี้ พบกับ “Beats Solo 2” (บีทส์-โซโล 2) ได้ที่ iStudio ทุกสาขาเท่านั้น ราคา 8,900 บาท มี 6 สี คือ สีดำ ขาว แดง น้ำเงิน ชมพู และเทา หรือสามารถ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.rtbtechnology.com