Garena – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 20 Mar 2023 11:43:43 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 CEO ของ Sea บอกพนักงาน “ไม่มีการปลดพนักงานออกแล้ว แต่ต้องพิสูจน์เรื่องทำกำไรให้ได้” https://positioningmag.com/1423859 Mon, 20 Mar 2023 08:10:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1423859 Forrest Li ซึ่งเป็น CEO ของ Sea บริษัทแม่ Shopee รวมถึง Garena ได้กล่าวว่าจะไม่มีการปลดพนักงานชุดใหญ่หลังจากนี้ แต่บริษัทก็ต้องพิสูจน์ถึงการทำกำไรให้ได้ในระยะยาว หลังจากที่บริษัทได้รายงานผลกำไรครั้งแรกในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา

สำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานข่าว อ้างอิงข้อความที่ Forrest Li ซึ่งเป็น CEO ของ Sea ได้ส่งให้กับพนักงาน ซึ่งสื่อรายดังกล่าวได้รับมา โดยกล่าวว่าบริษัทจะไม่มีการปลดพนักงานแล้ว และเขายังพูดถึงว่านี่เป็นครั้งแรกที่บริษัทต้องผ่านวิกฤตใหญ่เช่นนี้ หลังจากที่บริษัทได้ IPO ในปี 2017

ข้อความที่ส่งให้กับพนักงานนั้นตามมาหลังจากบริษัทสามารถมีกำไรในไตรมาส 4 ของปี 2022 ที่ผ่านมาได้ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปลดพนักงานชุดใหญ่เพื่อที่จะลดต้นทุนบริษัท นอกจากนี้ยังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น การลดงบที่ใช้ทางการตลาดลง ปิดธุรกิจในประเทศต่างๆ ที่ไม่ทำเงิน เพื่อที่จะทำให้บริษัทกลับมามีกำไร

เขายังกล่าวเสริมว่า Sea เป็นบริษัทแรกๆ ในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่มีการปรับตัว (ในเรื่องการปลดพนักงาน รวมถึงลดต้นทุนของบริษัท) แม้ว่าจะมีการเจ็บตัว แต่ก็ทำให้บริษัทมีสถานะที่แข็งแกร่งในทุกวันนี้

อีเมลถึงพนักงานด้วยความยาวข้อความถึง 700 คำ ยังได้กล่าวว่าแม้ว่าจะมีการปลดพนักงานไป แต่ก็บริษัทต้องมีการพิสูจน์ถึงการทำกำไรในระยะยาวได้ และยังย้ำว่างานดังกล่าวยังไม่สำเร็จ ซึ่งการปลดพนักงานรอบล่าสุดของ Sea ก็คือในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการปลดพนักงานมากถึง 500 ราย

CEO รายดังกล่าวยังย้ำว่า โลกกำลังจับตามองว่ากำไรในไตรมาส 4 ที่ผ่านมานั้นจะเป็นเรื่องชั่วคราวหรือเป็นสิ่งที่บริษัททำได้จริง

การปรับตัวครั้งใหญ่ของบริษัทแม่ Shopee รวมถึง Garena เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจได้เปลี่ยนไปอย่างมาก รวมถึงความไม่ไว้ใจของนักลงทุน ส่งผลต่อบริษัทเทคโนโลยีหลายรายที่ไม่มีกำไรนั้นต้องกลับมาหาทางทำกำไร เพื่อที่จะพิสูจน์ถึงความสามารถของบริษัท

]]>
1423859
เปิดวิสัยทัศน์ ‘Sea Thailand’ กับการปรับตัวสู่ ‘Digital Nation’ ในอีก 10 ปีข้างหน้า https://positioningmag.com/1358728 Wed, 27 Oct 2021 11:17:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1358728 หากพูดถึงการปรับตัวใช้งานดิจิทัลของคนไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่าก้าวกระโดดมาก เพราะได้ COVID-19 เป็นตัวเร่ง แต่แค่นั้นจะเพียงพอหรือเปล่า หากพูดถึงการอยู่รอดอย่างยั่งยืนในอีก 10 ปีข้างหน้า Sea (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการ การีนา (Garena) ช้อปปี้ (Shopee) และซีมันนี่ (SeaMoney) ได้ออกมาเผยถึงมุมมองภาพอนาคตยุคดิจิทัลหลัง COVID-19 ผ่านงาน Sea Story 2021: Digital Visionary ในงานเสวนาหัวข้อ “Accelerated Transitions to the Digital Nation”

เศรษฐกิจดิจิทัลไทยโต แต่ขาดแรงงาน

เศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยขยายตัวต่อเนื่องและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย Internet Penetration ในประเทศไทยซึ่งอยู่ที่ 96.5% และยังมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม แม้การมาของ COVID-19 จะทำให้การปรับใช้ดิจิทัลเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ก็ฉุดเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่มีผู้ตกงานกว่า 2.5 ล้านคน และผู้ว่างงานแฝงกว่า 4 ล้านคน กว่าสถานการณ์จะดีขึ้นอาจต้องรอไปถึงกลางปีหน้า

ขณะที่ความต้องการจ้างงานในอนาคตก็มองหากลุ่มที่มีทักษะงานทางดิจิทัลมากขึ้นเพื่อลดต้นทุน รวมถึงต้องการสกิลเซตที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งปัจจุบัน ประเทศไทยมีแรงทักษะทางดิจิทัลที่ 55% หรือกว่า 17 ล้านคนที่ยังขาดทักษะ ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคมีเฉลี่ยที่ 66% โดยสิงคโปร์มีสูงสุดที่ 75%

และเมื่ออ้างอิงรายงาน IMD World Digital Competitiveness Ranking 2021 พบว่า ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันเป็นอันดับที่ 38 จาก 64 ประเทศทั่วโลก โดยมีปัจจัยด้าน Technology (อันดับที่ 22) เป็นจุดแข็ง และมีปัจจัยด้าน Knowledge (อันดับที่ 42) และด้าน Future Readiness (อันดับที่ 44)

“นี่ถือเป็นความน่ากังวล จะทำอย่างไรให้คนเพิ่มทักษะดิจิทัลที่เหมาะสมให้คนครึ่งประเทศ ถ้ายังละเลยจะยิ่งทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง ดังนั้น ต้องรีเลิร์น รีสกิลแรงงาน ไม่เช่นนั้นจะถูกแทนที่ด้วยออโตเมชั่น” มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) กล่าว

Aging Society โอกาสและปัญหาสำคัญในอีก 10 ปี

การเข้าสู่สังคมสูงวัย หรือ Aging Society เป็นสิ่งที่หลายคนเริ่มตระหนักแล้ว โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 ไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ ประชากร 40% เป็นวัยเกษียณ ดังนั้น คนกลุ่มนี้จะมีความระมัดระวังในการจับจ่ายมากขึ้น ทำให้กำลังซื้อในประเทศจะลดลง เกิดปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน ถือเป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของไทย ดังนั้น จะเพิ่มคุณภาพของแรงงานที่น้อยลงอย่างไร

อย่างไรก็ตาม อาจจะเห็นธุรกิจที่โตก้าวกระโดดในอีก 10 ปีข้างหน้า เช่น Healthtech, Medtech เพราะจะมาตอบโจทย์ผู้สูงวัย เพราะแม้ว่ากลุ่มผู้สูงวัยจะระวังเรื่องการจับจ่าย แต่เรื่องสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น

ตอบโจทย์ Segment of One ด้วยดิจิทัล

ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ผู้อำนวยการบริหาร Future Tales Lab by MQDC กล่าวว่า ในอดีต ธุรกิจจะคำนึงถึงความสามารถในการแข่งขัน 3 ด้าน ได้แก่ ความเร็ว คุณภาพที่สูง ต้นทุนที่ต่ำ แต่ปัจจุบันและใน 10 ปีข้างหน้าจะต้องขับเคลื่อนองค์กรด้วยดาต้าหรือข้อมูลให้ได้ เพราะความต้องการคนที่เปลี่ยนไปไม่สามารถแบงเป็นกลุ่มหรือ Segment ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่เป็น Segment of One นอกจากนี้ต้อง ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ได้ นี่คือความต้องการใหม่ที่เกิดขึ้น

ดังนั้น Digital Adoption จะเป็นตัวช่วยสำคัญ เพราะปัจจุบันองค์กรเริ่มเห็นเรื่องข้อมูล เนื่องจากทุกอย่างออนไลน์ ขณะที่ 62% ของคนไทยต้องการนำดิจิทัลมาใช้ในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น เพราะเขารู้สึกว่าสะดวก ดังนั้น จะเห็นว่ามี Digital Tools มาเสิร์ฟความต้องการผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อย ๆ

มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย)

“ต่อจะไปเห็นการทำงานของออฟไลน์ออนไลน์ (O2O) ที่ไร้รอบต่อ มีการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง business landscape ที่เป็นไปได้มากขึ้น เพราะโอกาสเปิดกว้างมากขึ้น เนื่องจากโลกไม่มีพรมแดนอีกต่อไป”

นอกจากนี้ การเปลี่ยนผ่านของแรงงานรุ่นใหม่ องค์กรก็ต้องปรับตัวสู่ Hybrid Work Place หรือแม้กระทั่งการทำงานในโลกเสมือนจริง (Metaverse) เพราะ COVID-19 ทำให้แรงงานรู้แล้วว่าไม่จำเป็นต้องทำงานในออฟฟิศ ดังนั้น องค์กรก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ ไม่เช่นนั้นอาจนำไปสู่การลาออกครั้งใหญ่ของ Gen Z ที่ต้องการ Work-Life Balance

ตั้งเป้าสร้าง Digital Talent 10 ล้านคน ใน 10 ปี

ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา Sea (Group) ได้ประกาศยุทธศาสตร์ 10 in 10 ตั้งเป้าสร้าง ‘Digital Talent’ 10 ล้านคน ใน 10 ปี โดยปัจจุบัน Sea (ประเทศไทย) สามารถเข้าไปเสริมสร้างทักษะดิจิทัลด้านต่าง ๆ ให้แก่คนไทยได้ราว 3.8 ล้านคน โดยในปีนี้ Sea (ประเทศไทย) จัดโครงการต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นที่ Mega Trends คือ “E-commerce for All” หรือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนและเพิ่มศักยภาพ SMEs ด้วยอีคอมเมิร์ซ

ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ผู้อำนวยการบริหาร Future Tales Lab by MQDC

เนื่องจากอีคอมเมิร์ซเป็นเครื่องมือสำคัญ โดยจะเห็นว่าตอนนี้การค้าขายบนโลกออนไลน์เป็นช่องทางในการหารายได้เพิ่มเติม สะท้อนให้เห็นได้จากจำนวนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซที่เป็นนักเรียนนักศึกษา แม่บ้าน และพนักงานบริษัทที่มีงานประจำอยู่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ในปัจจุบัน การใช้จ่ายเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์จำนวนมาก

ทั้งนี้ ช้อปปี้ (ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ) มีการเติบโตทั้งในแง่คำสั่งซื้อและความเข้มแข็งของฐานผู้ใช้งาน โดยมีกว่า 1,400 ล้าน Gross Order ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เติบโตราว 127% จากช่วงเดียวกันของปี 2563

]]>
1358728
ตามล่าหาตัวละครลับ ฉบับ MRT x FREE FIRE เชื่อมโลก “เกมออนไลน์” กับไลฟ์สไตล์คนเมือง https://positioningmag.com/1300393 Thu, 08 Oct 2020 04:00:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1300393

ช่วงนี้ใครเเวะผ่านสถานีรถไฟฟ้า MRT สวนจตุจักร คงได้ตื่นตาตื่นใจกับ เเคมเปญใหม่อย่าง “FREE FIRE WORLD” ที่กำลังเป็นกระเเสอยู่ในตอนนี้

ความดังของ GARENA FREE FIRE นั้นไม่ธรรมดา เพราะมีฐานเเฟนคลับเหนียวเเน่น เข้าถึงคนรุ่นใหม่ เเละเป็นเกมมือถือออนไลน์ประเภท Battle Royale ที่ครองเเชมป์อันดับ 1 ของเมืองไทย

การจับมือของ BMN เเละ Garena ครั้งนี้ นับเป็นนวัตกรรม “สื่อโฆษณานอกบ้าน” ที่ยิ่งใหญ่มากๆ ในบ้านเรา สร้างประสบการณ์ใหม่ให้นักเดินทาง พลิกโฉมทั้งสถานีให้เป็นอีกหนึ่ง Finest Destination เชื่อมโลกออฟไลน์-ออนไลน์ไว้ด้วยกัน เป็นการยกระดับกลยุทธ์ Experience Marketing ได้อย่างน่าสนใจ ยิ่งได้ใจเเฟนคลับไปอีกขึ้น กับความพิเศษของบัตร MRT x FREE FIRE ที่มีตัวละครลับอย่าง “Rockcoon” ที่สามารถลด Cooldown Skill ได้สูงสุดถึง 15% เป็น Limited Edition ที่มีจำนวนจำกัด เปิดขายเเล้วผ่าน www.bmn-mrt.com ดึงดูดให้รีบสะสมเเบบ “อดใจไม่ไหว” กันเลยทีเดียว

เชื่อมโลกออนไลน์-ออฟไลน์ มิติใหม่ “สื่อ Out of Home” 

ด้วยจุดเด่นของ Garena Free Fire ซึ่งเป็นเกม Survival Battle Royale สำหรับคนรุ่นใหม่ที่มี Dynamic Lifestyle เป็นโอกาสดีที่จะนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เหนือความคาดหมายให้กับผู้เล่นได้ตลอดเวลา

เเคมเปญ “FREE FIRE WORLD” ที่สถานี MRT สวนจตุจักร จึงเป็นการขยายมิติของ Garena Free Fire ออกไปให้กว้างขึ้น เพื่อเชื่อมโลกเกมเข้ากับ “วิถีชีวิตของคนเมือง” นั่นเอง โดยพยายามที่จะสร้างประสบการณ์ความตื่นเต้น ไม่เพียงผ่านช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ แต่เป็นการนำเรื่องราวและเอกลักษณ์ของเกม เข้าไปบูรณาการไว้ใน ‘Life Channel’ ของคนเมืองอย่างไร้รอยต่อ

สอดคล้องกับทิศทางของ แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ หรือ BMN ผู้บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ในระบบรถไฟฟ้า MRT ที่มุ่งสร้างสรรค์พื้นที่ค้าปลีก “Metro Mall” ทุกสถานีไปสู่การเป็น “The Happy Hub of MRT”  เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ New Normal ของคนเมืองและคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัลได้มากยิ่งขึ้น

ผู้บริหาร BMN เล่าว่า แนวคิดในการสร้างสรรค์พื้นที่สื่อโฆษณารูปแบบใหม่กับ Garena ในการพัฒนาสื่อ Out of Home ที่จะนำไปสู่การดาวน์โหลดเกมใช้งานจริง และดึงดูดให้ผู้บริโภคซื้อไอเทมพิเศษต่างๆ ภายในเกมเพิ่มเติมได้ด้วย ถือว่าเป็น “สิ่งที่ท้าทายอย่างมาก และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย” 

ผู้คนที่เดินทางไปมา จะได้สัมผัสกับโลกของเกม FREE FIRE ตั้งแต่ด้านนอกสถานีเข้าไปจนถึงชั้นชานชาลา ความพิเศษอยู่ที่ BMN นำเทคโนโลยีสื่อโฆษณารูปแบบใหม่ ๆ มาใช้เป็นครั้งเเรก อย่างเช่น การใช้เสียงต้อนรับผู้โดยสาร เมื่อออกจากขบวนรถไฟฟ้า, การใช้จอดิจิทัล และ Dynamic Light Box รวมถึง ภาพ แสง  สี เสียง และโมชั่นกราฟฟิก รวมถึงการสร้าง Adventure ในสื่อต่างๆ ในสถานีโดยการติดตั้ง QR Code

โดยเหล่าคอเกม จะได้สนุกกับการตามหา และร่วมลุ้นรับไอเท็มเสริมสุดพิเศษ เพื่อนำไปใช้เล่นในเกม FREE FIRE ซึ่งการเลือกใช้สื่อในรูปแบบ “Interactive” ที่เชื่อมต่อระหว่างโลกออฟไลน์เเละออนไลน์ เข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เเคมเปญ “FREE FIRE WORLD” จึงเป็นการใช้กลยุทธ์ Experience Marketing ที่ล้ำไปอีกขั้น พร้อมๆ กับการใช้กลยุทธ์การตลาดแบบผสมผสาน OMO (Online Merges With Offline) ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมออนไลน์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน

นอกจากนี้ การวาง “โลเคชั่น” ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยสถานีสวนจตุจักร เป็นสถานีที่มีพื้นที่กว้างขวาง และมีผู้ใช้บริการคับคั่งติดอันดับต้นๆ ของ MRT จึงเหมาะต่อการติดตั้งสื่อโฆษณาที่จะทำให้เกิดกระแส Talk of The Town ชวนให้คนมาเที่ยว มาถ่ายรูปเเละส่งต่อกันในโซเชียลมีเดีย ตลอดจนเป็นการ “สร้างการจดจำ” ให้ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าได้ดีเเละยาวนาน

อาจกล่าวได้ว่า ปี 2563 ถือเป็นปีแห่งการพัฒนาธุรกิจของ BMN โดยเฉพาะในธุรกิจของการบริหารพื้นที่สื่อโฆษณาในระบบรถไฟฟ้า MRT ที่มีปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดดำเนินการของรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินในส่วนต่อขยายครบทั้ง 38 สถานี ทำให้มีพื้นที่ในการบริหารสื่อโฆษณาเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มพื้นที่สื่อโฆษณา on ground เช่น บริเวณทางเข้าสถานี  และปล่องระบายอากาศ ก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการในการสื่อสารของลูกค้าได้มากกว่าเดิมด้วย

สะสมบัตร MRTx FREE FIRE ตามล่าหาตัวละครลับ 

อีกหนึ่งความพิเศษ นอกจากจะพลิกโฉมสถานีรถไฟฟ้า MRT สวนจตุจักรให้เป็นโลกของเกม FREE FIRE แล้ว BMN ยังได้มอบสิทธิพิเศษให้กับผู้โดยสาร MRT ผู้เป็นเเฟนคลับเกมแนว Battle Royale ด้วย บัตรโดยสาร MRT ชนิดเติมเงิน FREE FIRE LIMITED EDITION ในจำนวนจำกัดเพียง 130,000 ใบเท่านั้น บอกเเล้วว่าต้องรีบสะสมกันเลย

บัตรโดยสาร MRT x FREE FIRE แบ่งเป็น 6 ลวดลาย มีจำหน่าย 2 แบบ คือ Exclusive MRT Card ราคาใบละ 399 บาท  และ Regular MRT Card ใบละ 199 บาท สามารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันทีที่ www.bmn-mrt.com ง่ายๆ สะดวกรวดเร็ว

โดยผู้ซื้อบัตรโดยสารแบบ Exclusive MRT Card จะได้รับ “Rockcoon”  ไอเท็มตัวละครลับที่ ออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองความร่วมมือในครั้งนี้

จุดเด่นคือ สามารถลด Cooldown Skill (หรือตัวช่วยลดระยะเวลาการใช้สกิลครั้งต่อไป หรือใช้สกิลครั้งต่อไปได้เร็วขึ้น) ได้สูงสุดถึง 15% ส่วนบัตร Regular MRT Card ความพิเศษอยู่ที่กล่องตัวละครลับ ให้สายเกมเมอร์ได้ร่วมค้นหาตัวละครในฝัน

วันนี้เรามาดูชัดๆ กันเลย ว่ามีอะไรบ้างกัน…

MRT x FREE FIRE : Exclusive MRT Card ราคาใบละ 399 บาท มี 3 ลายให้เลือก ได้เเก่

MRT x FREE FIRE : Regular MRT Card ราคาใบละ 199 บาท มี 3 ลายให้เลือก ได้เเก่

โดยในแคมเปญ FREE FIRE WORLD ผู้ให้บริการเครือข่ายอย่าง “ดีแทค” ก็ได้มาร่วม มอบสิทธิพิเศษให้กับผู้ที่ซื้อบัตรโดยสาร FREE FIRE LIMITED EDITION ทุกราย ด้วยการเเจก ดีแทคเกมเมอร์ซิม (Gamer SIM) ฟรีทันที เพียงแค่เติมเงิน 50 บาทต่อเดือน ก็สามารถเล่น FREE FIRE ฟรี ไม่เสียค่าเน็ต นาน 30 วัน ต่อเนื่องสูงสุด 6 เดือน พร้อมรับไอเทมสุดพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟฟรีทุกเดือน

นอกจากนี้ลูกค้าที่ใช้ดีแทคทุกรายในปัจจุบัน ยังสามารถ Scan QR Codeบริเวณป้าย QR Code ของดีแทค ภายในสถานี MRT จตุจักรเพื่อรับไอเทม FREE FIRE ผ่าน dtac app ได้อีกด้วย โดยจุด Scan จะตั้งอยู่บริเวณทางเข้า 1 และ 2 และบริเวณด้านในชั้นขายบัตรโดยสาร

ใครสนใจบัตรโดยสาร MRT เเบบเติมเงิน FREE FIRE LIMITED EDITION ไปหามาสะสมเเละ “ตามล่าหาตัวละครลับ” ได้เลยที่  www.bmn-mrt.com  

ส่วนใครอยากหาที่เที่ยวฮิตๆ ในกรุงเทพ ก็ชวนเพื่อนพี่น้องมาถ่ายรูปเท่ๆ เช็ก-อินใกล้ชิดโลกของเกม FREE FIRE กันได้ ตั้งแต่ด้านนอกสถานีเข้าไปจนถึงชั้นชานชาลา ของสถานีรถไฟฟ้า MRT สวนจตุจักรได้เลย เเถมภายในงาน FREE FIRE WORLD ยังจะมีกิจกรรมดีๆ ให้ทุกคนร่วมสนุกได้ ตลอดเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2563 นี้ โดยแฟนเกมจะได้รับความสนุกที่แปลกใหม่ และของรางวัลมากมายกลับบ้านไปด้วย

สำหรับคนที่ไม่เคยสัมผัสกับเกม FREE FIRE มาก่อน ก็นับเป็นการทำความรู้จักกันครั้งแรก โดยทีม Garena หวังว่า FREE FIRE WORLD จะเป็นอีกการพักผ่อนหย่อนใจจากวิถีชีวิตอันเร่งรีบ เเละมอบความสนุกและรอยยิ้มให้ทุกคนได้ทั้งในโลกออนไลน์เเละออฟไลน์

จัดเต็มขนาดนี้ รับรองว่าเเคมเปญใหม่อย่าง “FREE FIRE WORLD” ไม่ธรรมดาเเน่นอน ต้องเเวะไปลองกันเเล้ว !!!

]]>
1300393
เปิดความท้าทาย “การีนา ออนไลน์” จากบริษัทเกม สู่ “ดิจิทัล แพลตฟอร์ม” https://positioningmag.com/1093625 Fri, 03 Jun 2016 09:39:39 +0000 http://positioningmag.com/?p=1093625 การีนา เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการเกม ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมาแล้วกว่า 4 ปี ตั้งแต่ปี 2012 บุกตลาดด้วยการให้บริการเกมออนไลน์ และ Garena+ ซึ่งมีทั้งเกมบนคอมพิวเตอร์พีซี อย่าง Point Blank, League of Legends, FIFA Online3 แล้วพัฒนามาถึงเกมบนโทรศัพท์มือถือ ปัจจุบันมียูสเซอร์ในกลุ่มพีซีเกม 27 ล้านยูสเซอร์ และโมบายเกม 8 ล้านยูสเซอร์

เมื่อตลาดเกมมีความแข็งแกร่ง และมีฐานลูกค้ามากพอ การีนาเองก็ต้องสยายปีกแตกไลน์ธุรกิจเพื่อการเติบโตในอนาคต ทำให้ปัจจุบันการีนามีธุรกิจหลัก 3 กลุ่มด้วยกัน คือ 1.ดิจิทัลคอนเทนต์ ที่ประกอบไปด้วยพีซีเกม, โมบายเกม, Talk Talk และการีนา แพลตฟอร์ม 2.ช่องทางการชำระเงินออนไลน์ ได้แก่ AirPay และ 3.อีคอมเมิร์ซ ได้แก่ แอพพลิเคชั่น Shopee

ซึ่งความท้าทายบทใหม่ของการีนาจึงอยู่ที่การก้าวขาออกจากบริษัท “เกม” สู่การเป็น “ดิจิทัล แพลตฟอร์ม” ที่มีสินค้า และบริการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ทิศทางของการีนาในปีนี้ก้คือการผลักดันโปรดักส์น้องใหม่ทั้งสองอย่าง AirPay และ Shopee ให้ติดตลาดมากยิ่งขึ้น

ทั้ง 2 บริการนี้ล้วนเป็นบริการที่อยู่ในกระแสความต้องการในตลาด ทั้งในเรื่องของระบบเพย์เมนต์ และอีคอมเมิร์ซ มีทิศทางการเติบโตของตลาดเป็นอย่างดี และพฤติกรรมผู้บริโภคก็อยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้น ช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น

1_garena

ธุรกิจเพย์เมนต์ โดย AirPay ได้ก่อตั้งมา 1 ปีแล้ว วางจุดยืนเป็นฟินเทคที่ใช้จับจ่ายใช้สอยผ่านแอพ ทั้งเติมเงินเกม, เติมเงินโทรศัพท์มือถือ, จ่ายบิล, บริจาค และไลฟ์สไตล์ทั่วไป การีนาต้องการให้ AirPay เป็นจุด One Stop Shop ที่ครบในจุดเดียว ปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้ 810,000 ยูสเซอร์ ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1 ล้านยูสเซอร์ และมีจุดให้บริการ 60,000 จุด ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 100,000 จุดภายในปีนี้

ส่วนอีคอมเมิร์ซด้วยแอพพลิเคชั่นน้องใหม่ Shopee ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนธันวาคม 2558 วางจุดยืนเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าแบบ C2C ที่ให้บุคคลทั่วไปขายของได้ฟรี สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของบนโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ค และไอจี ให้มาขายของในคอมมูนิตี้โดยตรง เบื้องต้น Shopee เน้นการสร้างการรับรู้ และฐานผู้ใช้ด้วยการจัดอีเวนท์ออฟไลน์ให้ผู้ชายและผู้ซื้อมาเจอกัน ยังไม่มีโมเดลการหารายได้ แต่ในอนาคตอาจจะมีการลงโฆษณาก็เป็นได้

2_garena

มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การีนา ออนไลน์อยู่ในประเทศไทยมา 4 ปีแล้วตั้งแต่ปี 2012 ตลาดประเทศไทยถือว่าเติบโตมาก มีรายได้เป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของทั้งกรุ๊ป และถือว่ายังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เห็นได้จากอัตราการใช้อิเตอร์เน็ตที่ปัจจุบัน 40% คาดว่าจะเพิ่มเป็น 50% ในอีกไม่ช้า ทำให้เราต้องมีบริการที่ตอบโจทย์ทุกอย่าง ไม่ใช่มีเพียงแค่เกมอย่างเดียว”

ส่วนเป้าหมายในการเติบโตในปีนี้ ในส่วนของธุรกิจเกมตั้งเป้าเติบโต 20% เพย์เมนต์ตั้งเป้ามีผู้ใช้ 1 ล้านยูสเซอร์ และมีจุดเคาท์เตอร์ 100,000 จุด ส่วนอีคอมเมิร์ซมีการเติบโต 30%

3_garena

#‎Garena‬

]]>
1093625