Glico – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 06 Mar 2024 03:55:36 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เตรียมพบคาราวาน ‘Pocky CAFÉ’ หมัดเด็ดของ ‘กูลิโกะ’ สร้างการเติบโตเหนือตลาด https://positioningmag.com/1465263 Wed, 06 Mar 2024 01:33:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1465263 เชื่อว่าน้อยคนที่จะไม่รู้จักกับ ป๊อกกี้ (Pocky) แบรนด์ขนมอันดับ 1 ของ กูลิโกะ (Glico) บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นจากเมืองโอซาก้าอายุ 102 ปี ส่วนในประเทศไทยกูลิโกะก็ทำธุรกิจมาอย่างยาวนานถึง 52 ปี และป๊อกกี้ก็ยังคงยืนหนึ่งในตลาดบิสกิต โดยปีนี้กูลิโกะไม่ได้แค่ต้องการรักษาตำแหน่งเบอร์ 1 ของป๊อกกี้ แต่ต้องการเติบโตเหนือตลาดให้ได้

ตลาด 15,700 ล้าน โต 6%

หากพูดถึง ตลาดขนมขบเคี้ยว ที่มีมูลค่ากว่า 3.7 หมื่นล้านบาท เติบโต +8% ซึ่งในตลาดก็จะแบ่งเป็นอีกหลายกลุ่ม และหนึ่งในกลุ่มที่สำคัญก็คือ ตลาดบิสกิต ที่มีมูลค่าประมาณ 15,700 ล้านบาท มีการเติบโตประมาณ +6% และในตลาดบิสกิตสามารถแบ่งออกเป็น 3 เซกเมนต์ย่อย ได้แก่

  • แครกเกอร์ 6,000 ล้านบาท +9%
  • คุกกี้ 4,000 ล้านบาท +3%
  • เวเฟอร์ 4,000 ล้านบาท +4%

โดย ป๊อกกี้ ถูกจัดอยู่ในตลาดแครกเกอร์ และถือเป็น เบอร์ 1 ของตลาดบิสกิตด้วยส่วนแบ่ง 10%

“ขนมยังเป็นตลาดที่เติบโตได้เรื่อย ๆ เพราะถือเป็นตลาดที่อยู่คู่กับคนไทยโดยเฉพาะเด็ก ๆ อย่างไรก็ตาม แต่ละช่องทางอาจจะเติบโตไม่เท่ากัน โดยปีที่ผ่านมาช่องทางเดิร์นเทรด และร้านสะดวกซื้อกลับมาโตเยอะเพราะหมดโควิด ส่วนร้านโชห่วยอาจไม่ได้โตเหมือนช่วงที่รัฐบาลมีนโยบายคนละครึ่ง ส่วนปีนี้เชื่อว่าตลาดยังโตได้ เพราะนักท่องเที่ยวกลับมา” เฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยกูลิโกะ จํากัด กล่าว

เฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยกูลิโกะ จํากัด และ ดวงกมล ชุลิกาวิทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยกูลิโกะ จํากัด

ต่อยอด Pocky CAFÉ เพิ่มโอกาสการบริโภค

หนึ่งในโจทย์หลักของกูลิโกะในการสร้างการเติบโตให้กับป๊อกกี้ก็คือ การเพิ่มโอกาสการบริโภค และ สร้างการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ทำให้กูลิโกะได้หยิบคอนเซ็ปต์ของ ป๊อกกี้ คาเฟ่ (Pocky CAFÉ’) ที่เคยทดลองเปิดในงาน POCKY DAY 11.11 แล้วประสบความสำเร็จมาทำเป็น คาราวานโร๊ดโชว์ ป๊อปอัพ สโตร์ ป๊อกกี้ คาเฟ่ โดยจะเน้นไปที่ออฟฟิศ, สถานศึกษา และสถานที่ท่องเที่ยว รวมแล้วประมาณ 20-30 แห่ง เริ่มที่ The Park Silom วันที่ 19 มีนาคมนี้

“เราต้องการช่องทางการนำเสนอใหม่ ๆ โดยมีโจทย์ว่าต้องทำให้เราเข้าใกล้ผู้บริโภคมากขึ้น จนกลายเป็นแผนทำโรดโชว์ ซึ่งมันจะทำให้เขาได้ลอง มีการทำสินค้าราคาพิเศษ เพราะเรามีความเชื่อมั่นว่าที่ลูกค้ายังไม่ได้ซื้อเราเพราะเขายังไม่มีโอกาสได้ลอง เพราะเราพบว่าหลายคนที่ลองแล้วซื้อเลย

5 เครื่องดื่มจากป๊อกกี้ 5 รสชาติ

ดวงกมล ชุลิกาวิทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด อธิบายเพิ่มเติมว่า จุดเริ่มต้นของการทำ ป๊อกกี้ คาเฟ่ ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ 1976 ที่ประเทศญี่ปุ่นได้ออกแคมเปญ Pocky On The Rocks ซึ่งคนญี่ปุ่นจะดื่มสุรา วิสกี้ กันเยอะมาก และก็ใช้ป๊อกกี้คนแก้ววิสกี้ จนกระทั่งปี 2022 ทางบริษัทฯ มองว่า การนำป๊อกกี้มาจับคู่กับเครื่องดื่มเป็นสิ่งที่ดี และเพิ่มโอกาสให้กับการทานป๊อกกี้ได้

ดังนั้น การมีป๊อปอัพสโตร์จะช่วยให้แบรนด์ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น และการมีเครื่องดื่มเป็นเมนูตัวอย่างก็เป็นการช่วยเพิ่มโอกาสการบริโภค อีกทั้งยังสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคครีเอตคอนเทนต์ลงออนไลน์ ซึ่งก็จะยิ่งช่วยเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ ดังนั้น ปีนี้บริษัทจะพยายามครีเอตการนำป๊อกกี้ไปทำเมนูใหม่ ๆ เพิ่มอีก

นอกจากการทำป๊อปอัพ สโตร์ ป๊อกกี้ คาเฟ่แล้ว กูลิโกะจะทำการตลาดครบทุกช่องทาง รวมถึงได้เปิดตัว พรีเซ็นเตอร์ Glico Friend ได้แก่ ซี-พฤกษ์ พานิช และ นุนิว-ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่

จัดเต็มสินค้าใหม่

อีกกลยุทธ์ที่กูลิโกะจะใช้สร้างการเติบโตก็คือ สินค้าใหม่ โดยปัจจุบัน กูลิโกะมี 3 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ ขนม, ไอศกรีม และนมอัลมอนด์ สำหรับในส่วนของขนมสามารถแบ่งได้เป็น 7 แบรนด์ ได้แก่ ป๊อกกี้, พีจอย, เพรทซ์, โคลลอน, แอลฟี่, คาปุลิโกะ และทีนนี่

สำหรับต้นปีนี้ กูลิโกะได้เปิดตัวสินค้าใหม่ ป๊อกกี้ ครัช โดยมี 4 รสชาติ ได้แก่ บลูเบอร์รีโยเกิรต์, สตรอเบอร์รีพีชโยเกิรต์, อัลมอนด์มิลค์ช็อกโกแลต และอัลมอนด์นัวร์ช็อกโกแลต ราคา 29 บาท เพื่อจับกลุ่มพรีเมียม นอกจากนี้ จะมี สินค้าลิมิเต็ด 1-2 รส ซึ่งจะออกมาจำหน่ายในช่วงหน้าร้อนและหน้าหนาวที่เป็นช่วงท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ในส่วนของ ป๊อกกี้รสชาติเฉพาะไทย ที่จับกลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันมี 2 รสชาติ ได้แก่ รสช็อกโกบานาน่า และรสมะม่วง ปีนี้บริษัทก็จะเพิ่มรสชาติใหม่ ๆ เพื่อรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว

ไม่ปิดโอกาสนำป๊อกกี้ต่อยอดกับแบรนด์อื่น

จากกลยุทธ์ในปีนี้ กูลิโกะตั้งเป้า เติบโต 2 หลัก ซึ่งถือเป็นการเติบโตก้าวกระโดดเพราะตลาดยังเติบโตแค่หลักเดียว นอกจากนี้ กูลิโกะไม่ได้ปิดกั้นการนำ ป๊อกกี้ไปร่วมกับแบรนด์อื่น ๆ หรือนำป๊อกกี้ไปเป็น ส่วนผสมสินค้าใหม่ ๆ เช่น เบเกอรี่

“ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงของการศึกษาว่าจะนำป๊อกกี้ไปต่อยอดอะไรได้บ้าง หลังจากที่ทำได้ทำเมนูเครื่องดื่ม ซึ่งอะไรที่เป็นโอกาสเราก็ไม่ได้ปิดกั้น เพราะเราเองก็มีพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจหลายราย ถ้ามันมีโอกาสเราก็อาจจะไปร่วมด้วย เพราะเราก็อยากไปอยู่ในทุก ๆ อณูของผู้บริโภค”

]]>
1465263
“ป้ายกูลิโกะ” ในโอซาก้าปิดไฟมืดในรอบ 9 ปี ขานรับนโยบายกักตัวอยู่บ้านของญี่ปุ่น https://positioningmag.com/1274002 Fri, 17 Apr 2020 09:20:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1274002 “ป้ายกูลิโกะ” สัญลักษณ์ของเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ปิดไฟมืดตอบรับนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้ประชาชนงดเว้นการออกไปนอกบ้าน เพื่อไม่ให้ผู้คนมาชุมนุมถ่ายรูปกัน โดยเป็นการปิดไฟเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี

เพจ Japan Guide Book กล่าวว่า ป้ายกูลิโกะในย่านโดทงโบริ ย่านท่องเที่ยวและการค้าชื่อดังของเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ตอบรับนโยบายกักตัว งดเว้นการออกไปข้างนอก ด้วยการปิดไฟที่ป้ายกูลิโกะสัญลักษณ์ของย่านนี้เพื่อทำให้ผู้คนไม่รวมตัวถ่ายภาพ อันจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โดยปิดไฟมาตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน และยังไม่มีกำหนดเปิด

ตามปกติแล้วไฟที่ป้ายกูลิโกะจะเปิดขึ้นหลังจากพระอาทิตย์ตก 30 นาที ยาวไปจนถึงเที่ยงคืน เปิดเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน แต่ครั้งก่อนหน้านี้ที่มีการปิดไฟก็คือ หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ภูมิภาคโทโฮคุ ใน 2011 ซึ่งครั้งนั้นได้ปิดไฟนานถึงหนึ่งเดือน การปิดไฟในครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งล่าสุดในรอบ 9 ปี

ป้ายโฆษณากูลิโกะนี้ เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กทางการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองโอซาก้า ได้มีการติดตั้งป้ายโฆษณาครั้งแรกตั้งแต่ ปี 1935 ซึ่งป้ายกูลิโกะที่ติดตั้งในตอนแรกมีความสูงถึง 33 เมตร และได้ทำการประชาสัมพันธ์มาอย่างต่อเนื่องหลายรุ่นด้วยการออกแบบที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่น รุ่นที่ 2 เป็นรุ่นที่มีเวทีพิเศษ และรุ่นที่ 3 เป็นรุ่นหอคอยนีออนที่มีน้ำพุพุ่งออกมา จนมาถึงรุ่นที่ 6 ซึ่งเป็นป้ายกูลิโกะในปัจจุบันที่เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED

สำหรับประเทศญี่ปุ่นนั้นก็ยังมีรายงานตัวเลขผู้ป่วย COVID-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีชินโซะ อาเบะ ของญี่ปุ่นก็ได้ประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินให้มีผลครอบคลุมทั้งประเทศ จากที่ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไปแล้วโดยครอบคลุมเพียง 7 จังหวัดสำคัญคือ กรุงโตเกียว โอซาก้า ไซตามะ คานากาวะ ชิบะ ฮียวโงะ และฟุกุโอกะ ซึ่งเป็นพื้นที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่อง

Source

]]>
1274002
อัพเดต! วิดีโอยอดนิยม ประจำสัปดาห์ (15-21 เม.ย. 62) กูลิโกะ ป๊อกกี้ คลายร้อน-KaykaiSalaider ครองแชมป์ https://positioningmag.com/1226441 Wed, 24 Apr 2019 11:55:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1226441 ในแต่ละสัปดาห์ Socializta ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดในแบบอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง ได้แทร็กวิดีโอทั้งหมดที่อัพโหลดเป็นจำนวนหลักแสนตัวเฉพาะในประเทศไทย ที่ทำขึ้นโดยแบรนด์และ Influencer บนออนไลน์ แพลตฟอร์มทั้งใน Youtube, Facebook และ Instagram เพื่อให้เห็นว่า 3 อันดับที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากทางฝั่งแบรนด์และ Influencer นั้น เป็นใครกันบ้าง โดยวัดจากยอดวิวและไลค์ เพื่อเป็นข้อมูลให้นักการตลาดและผู้สนใจได้นำไปใช้ประโยชน์ในทางใดทางหนึ่งต่อไป

ในรอบสัปดาห์นี้ Socializta ได้ทำ Video Listening เพื่อดูความเป็นไปของวิดีโอกว่า 80,100 ตัว ในช่วง 7 วัน ระหว่างวันที่ 15-21 เมษายน 2562

ท็อป 3 จากฝั่งแบรนด์ ได้แก่

1. Glico Thailand – Pocky Freezer 2019 15 sec.

2. Samsung Thailandพุฒหรือจุ๋ย ใครกันแน่ที่เปลี่ยน?

3. Apple ไทย – iPhone — ความเป็นส่วนตัวบน iPhone — ด้านส่วนตัว

และท็อป 3 จากฝั่ง Influencer ได้แก่

1. KaykaiSalaider – เก๋ไก๋สงกรานต์เด้ออ

2. Beam Copphoneน้องบีม | อากาศร้อนมากต้องทำไอติมกิน Ice Cream

3. ตั๊ก บริบูรณ์ แฟมิลี่ (Boriboon Family)ช่วยปะป๊าทำงานค่ะ ปะป๊าจะได้กลับบ้านเร็วๆ บ้าง

วิดีโอของแบรนด์ ที่ทำยอดวิวสูงสุด ได้แก่ Glico Thailand มียอดวิว 7.7 ล้านวิว และ 1 ไลค์

กูลิโกะ ป๊อกกี้ ตัดโฆษณามาสู้กับอุณภูมิอากาศที่ทะลุสี่สิบกว่าองศา ด้วยการนำเสนอวิธีช่วยคลายร้อนแบบใหม่ในการกินป๊อกกี้ จากปกติที่เคยลิ้มลองรสชาติของช็อกโกแลตเข้มข้นเคลือบบิสกิตแท่งกรอบ เมื่ออากาศร้อนแบบนี้ตอนแกะกล่องอาจจะละลายได้ เลยเสนอทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภค เอาไปแช่เย็นก่อนทาน Let’s freeze แล้วจะได้ลิ้มรสความอร่อยไปอีกแบบ ใครอยากลองทานอะไรเย็นๆ หวานๆ นอกเหนือจากไอศกรีม ป๊อกกี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี

วิดีโอของ Influencer ที่ทำยอดวิวสูงสุด ได้แก่ KaykaiSalaider มียอดวิว 4.6 ล้านวิว และ 122,956 ไลค์

คลิปนี้ทำมาเพื่อขายของ แต่ก็ยังมีลูกเล่นให้คอเกมและแฟนคลับดูแล้วแอบอมยิ้ม ด้วยการติ๊ต่างว่าตัวเองกำลังเล่นเกม และทีมงานเป็นตัวละครในเกม มีเสียงพากย์เฉกที่นักคาสเกมทั้งหลายนิยมทำ และมีการเก็บสะสมไอเทมต่างๆ ก่อนจะตะล่อมจบในตอนท้ายว่า ไอเทมที่มีค่าที่สุดคือ Kayberry โปรดักต์ของเก๋เอง จากที่ต้องนั่งเล่นเกมอยู่ในบ้านช่วงสงกรานต์เพราะแดดแรง เมื่อได้ไอเทมตัวนี้เก๋ก็กล้าออกไปเล่นน้ำและไม่เกรงกลัวแดดอีกต่อไป แม้จะขายแบบตรงๆ มากไปนิด แต่ก็ยังทำยอดวิวและไลค์ได้มากกว่าใครอีกเช่นเคย

(ข้อมูล วันที่ 23 เมษายน 2562)

ที่มา www.socializta.com

]]>
1226441
กูลิโกะ ตั้งเวฟเมกเกอร์ เอเยนซี่ดูแลสื่อ-โฆษณาในไทย https://positioningmag.com/1210759 Mon, 28 Jan 2019 09:51:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1210759 นับเป็นการคว้าลูกค้ารายใหญ่ ประเดิมต้นปี 2562 สำหรับบริษัท เวฟเมกเกอร์ (ประเทศไทย) เอเยนซี่ผู้ดูแลและบริหารสื่อในเครือ กรุ๊ปเอ็ม ได้เป็นตัวแทนผู้บริหารสื่อและโฆษณาอย่างเป็นทางการจากบริษัท ไทยกูลิโกะ 

โดยเวฟเมกเกอร์จะทำหน้าที่ในการบริหารและจัดการกลยุทธ์ด้านสื่อทั้งหมด ตั้งแต่การวางแผน การซื้อ รวมไปถึงการสื่อสารทางการตลาดดิจิทัลและเทคโนโลยีเพื่อดึงดูดผู้บริโภคในประเทศไทยให้กับผลิตภัณฑ์ในเครือกูลิโกะ และกูลิโกะ โฟรเซ่นทั้งหมดในประเทศไทย อาทิ ป๊อกกี้ เพรทซ์ พีจอย และไจแอนท์โคนไอศกรีม

ทั้งนี้ เวฟเมกเกอร์ (ประเทศไทย) ได้เอาชนะคู่แข่งในการคัดเลือกตัวแทนผู้บริหารสื่อและโฆษณาจากการวางแผน ความรู้เชิงลึกทางด้านข้อมูลและพฤติกรรมผู้บริโภค โดยตัวแทนส่วนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจากบริษัท กูลิโกะ ได้กล่าวว่า “เวฟเมกเกอร์ ได้แสดงให้เราเห็นถึงระบบของการวางแผนที่สามารถนำความท้าทายในด้านธุรกิจ และความเข้าใจเชิงลึกในพฤติกรรมผู้บริโภคให้มาเป็นคำแนะนำในการสร้างแบรนด์และสร้างความมีส่วนร่วมของผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม”

คริสติน่า วชรเนตร กรรมการผู้จัดการบริษัท เวฟเมกเกอร์ (ประเทศไทย) กล่าวถึงการได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่จะได้ร่วมมือกับกูลิโกะ ในการพัฒนาแบรนด์เพื่อก้าวสู่อีกระดับในการเข้าถึงผู้บริโภค ด้วยการผสมผสานจุดแข็งของเรา โดยการนำกลยุทธ์ทางการตลาดและข้อมูลบริโภค รวมเข้ากับการใช้เครื่องมือสื่อสารทางการตลาด การทำคอนเทนต์และเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ”.

]]>
1210759
ชำแหละจุดแข็งจุดอ่อนกูลิโกะ https://positioningmag.com/1145042 Wed, 01 Nov 2017 07:35:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1145042 1145042 ผ่าเกมรบ “กูลิโกะ” คัมแบ็ค เพิ่มกำลังผลิต 3 เท่า กระจายสินค้าทั่วไทย  ปิดจุดอ่อนตลาดไอศกรีมน้องใหม่ https://positioningmag.com/1144880 Tue, 31 Oct 2017 17:48:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1144880 ตลาดไอศกรีม 12,000 ล้านบาทมีหนาว! เมื่อ “กูลิโกะ” เตรียมปูพรมกระจายสินค้าทั่วไทยในปีหน้า หวังขึ้นแท่นเบอร์ 3 นี่คือ เป้าหมายของ “คิโยทะคะ ชิมะโมริ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท กูลิโกะ โฟรเซ่น (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศ

27 ..ปี 2559 เป็นปีไอศกรีมกูลิโกะวางตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ได้กระแสตอบรับล้นหลามจนกลายเป็นปรากฏการณ์ขายเกลี้ยงตู้ในเวลาเพียงแค่ 10 นาทีแรก จนเกิดภาวะ ขาดตลาด ร่วม 6-7 เดือน จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า นี่คือส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาด

เราเตรียมกำลังการผลิตไม่เพียงพอ และขอโทษด้วยที่ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อน เนื่องจากบริษัทไม่คาดคิดว่ากูลิโกะจะฮิตขนาดนี้ คิโยทะคะยืนยันในงานแถลงข่าว

ทว่า วันนี้พร้อมแล้วสำหรับ สมรภูมิไอศกรีม เพราะกูลิโกะได้เพิ่มการผลิตไอศกรีม 3 เท่าตัวจากวันแรกที่เปิดขาย และจัดทัพกระจายสินค้าให้ทั่วทั้งประเทศไทยภายในปีหน้า โดยทั้ง 2 ยุทธศาสตร์นี้อาศัยพันธมิตรอย่าง จอมธนา” มาช่วยแบบเบ็ดเสร็จ

ที่ผ่านมา โจทย์ใหญ่ ที่ถือเป็น จุดอ่อน สำคัญของไอศกรีมกูลิโกะ คือการ กระจายสินค้า ที่ทำได้ครอบคลุมแค่พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และพยายามกระจายสู่พื้นที่ต่างจังหวัดอื่นๆ มากขึ้นรวมเป็น 30 จังหวัดแล้ว และต้องการให้ทั่วไทยเร็วสุดในปีหน้า ซึ่งปัจจุบันมีตู้แช่ไอศกรีมของกูลิโกะประมาณ 7,000 ตู้ ในช่องทางโมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าทั่วไป 

เมื่อผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้น้อย แบรนด์ไอศกรีมกูลิโกะก็เลยยังไม่รู้จักแพร่หลาย ขณะที่ผู้บริโภคทานไอศกรีมมีเพิ่ม ความท้าทายปีนี้จึงต้องทำให้ผู้บริโภคเชื่อใจแบรนด์กูลิโกะมากขึ้น

กูลิโกะเพิ่มการผลิตไอศกรีม 3 เท่าตัวจากวันแรกที่เปิดขาย พร้อมจัดทัพกระจายสินค้าให้ทั่วทั้งประเทศไทยภายในปีหน้า โดยอาศัยพันธมิตรอย่าง จอมธนา” มาช่วยแบบเบ็ดเสร็จ

พร้อมกับเพิ่มสัดส่วนการกระจายผ่านช่องทางขาย คอนวีเนียนสโตร์ 40% ซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต รวมกัน 9% และเทรดิชันนัล เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมการกระจายไอศกรีม

เมื่อสินค้ามีพร้อมตลาด กูลิโกะทุ่มงบตลาด 2 เท่า ทำหนังโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ และสื่อนอกบ้านควบคู่กับออนไลน์ จากเดิมทำเพียงออนไลน์อย่างเดียว 

ที่สำคัญคืออาวุธการตลาดด้าน โปรโมชั่น หลังจากที่ผ่านมาปล่อยให้คู่แข่งทั้งเจ้าตลาด เบอร์รอง รัวหมัดกลยุทธ์ด้านราคากระหน่ำเป็นการรับน้อง ครั้นจะทำโปรโมชั่น ก็ต้องระมัดระวังการมีสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการตลาด และอาจส่งผลเสียต่อแบรนด์จนยากจะฉุดให้ฟื้นคืน

อีกกิมมิกที่จะเป็นหมัดแย็บจุดกระแส ให้กูลิโกะกลับมาฟีเวอร์อีกครั้ง คือการนำเข้าตู้หยอดเหรียญกดไอศกรีมอัตโนมัติ ที่ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่นถึงเมืองไทยจำนวน 2 ตู้ ทยอยวาง 4 จุด ในห้างฯ ได้แก่ สยามเซ็นเตอร์ บริเวณทางเชื่อมบีทีเอสสยาม ชั้น G หน้าอิเกีย เมกา บางนา สยามพารากอน ซีนีเพล็กซ์ และชั้น 6 โซนพลาซ่า และปิดท้ายที่เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นเวลา 2 เดือน 

กูลิโกะหวังว่า ตู้ดังกล่าวเป็นเครื่องมือการตลาดที่จะช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ไอศกรีมกูลิโกะในวงกว้างมากขึ้น โลกออนไลน์มีการแชร์ประสบการณ์ลิ้มลองไอศกรีมจากตู้กด เนื่องจากตู้กดไอศกรีมเป็นที่นิยมในญี่ปุ่น มีกระจายอยู่ถึง หมื่นตู้

นอกจากนี้ กูลิโกะยังดึงบอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรก เพื่อเป็นแรงดึงดูด ให้กับกลุ่มเวัยรุ่น วัยทำงานซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์ 

รวมถึงการออกสินค้าใหม่ซีรีส์ช็อกโกแลต 3 รสชาติ ทั้งไจแอนท์ โคน คราวน์, เซเว่นทีน ไอซ์ คราวน์ และพาแนปป์ เพิ่มพอร์ตโฟลิโอสินค้าให้หลากหลายเดิมจาก 12 รายการ (SKU) ไล่ตามคู่แข่งที่มีสินค้าหลากหลายมาก โดยราคาสินค้ายังอยู่ที่ 20-35 บาทเป็นหลัก 

การวางหมากรบระลอกนี้ของกูลิโกะ เรียกว่าครบเครื่องพอตัว เพราะกำลังการผลิตสินค้าพร้อม สินค้าใหม่เพิ่ม กระจายสินค้าให้กว้าง และเตรียมทำตลาดโปรโมชั่นเต็มสูบ

ออกแรงหนักหน่วง เป้าหมายคือต้องการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดไอศกรีมทั่วไทย จากเดิมมีเพียง 7% กระจุกในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น และในอนาคตอันใกล้ต้องการเป็น “Top 3” ในตลาด จากปัจจุบันที่เป็นเบอร์ 4

เบอร์ 1 คือวอลล์ ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 50% แต่หลังจากเลิกจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูสีพในเซเว่น อัตราการเติบโตหดตัวเป็นตัวเลข “2หลัก ขณะที่เบอร์อื่นๆ โดยเฉพาะ 3-4 ส่วนแบ่งตลาดหายใจรดต้นคอกันพอสมควร   

สำหรับแนวโน้มตลาดไอศกรีม คิโยทะคะมองปีนี้ยังมีโอกาสเติบโตประมาณ 5-10% เพราะประเมินการบริโภคในประเทศไทยและขนาดตลาดเล็กกว่าญี่ปุ่นถึง10 เท่า ภายใต้เงื่อนไขคนไทยน้อยกว่าญี่ปุ่นประมาณ 50%.

]]>
1144880
ไม่ได้มีไว้แค่โรยหน้า !! กูลิโกะ “ออกรสผักชี” เอาใจคนญี่ปุ่น https://positioningmag.com/1134929 Thu, 03 Aug 2017 04:04:54 +0000 http://positioningmag.com/?p=1134929 กระแสนิยม “ผักชี” ของคนญี่ปุ่นนั้นยังคงฮิตต่อเนื่อง นอกจากร้านอาหารเมนูผักชีจะมีเพิ่มขึ้นทั่วแดนอาทิตย์อุทัยแล้ว ผักชียังถูกสร้างสรรค์เป็นทั้งของคาว ของหวาน เครื่องดื่ม และขนมมากมาย และล่าสุดกูลิโกะ ได้ออกรสชาติใหม่ รสผักชี เอาใจผู้ที่ชื่นชอบผักชีโดยเฉพาะ

กูลิโกะ ผู้ผลิตขนมหวานจากแดนปลาดิบ ได้ เปิดตัวผลิตภันฑ์ใหม่ขนมปังกรอบ “เพรซ รสผักชี” เอาใจคนญี่ปุ่น หลังผักชีได้รับเลือกจากชาวญี่ปุ่นผ่านเว็บไซต์ด้านอาหารแห่งหนึ่งให้เป็น “สุดยอดอาหาร ประจำปี 2016”

โดย ชาวญี่ปุ่นที่ชื่นชอบผักชีนั้น ไม่ได้คิดว่าเป็นเพียง “ผักโรยหน้า” แต่คิดว่าเป็น “อาหารหลัก” ที่กินอย่างจริงจัง  โดยเฉพาะสาวๆ ชาวญี่ปุ่น เชื่อว่าผักชีช่วยเสริมความงามและดีต่อสุขภาพ ผลการสำรวจพบว่าในปี 2016 ร้านอาหารในญี่ปุ่นที่ขายผักชีเป็นเมนูหลักเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 193% ร้านอาหารต่างๆไม่เพียงสร้างสรรค์เมนูผักชีหลากหลายเมนู แต่ร้านอาหารหลายร้านยังจัดโปรโมชั่น “บุฟเฟต์ผักชี” ให้ลูกค้าทานผักชีอย่างไม่จำกัดจนจุใจอีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยกลิ่นรสอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้ “ผักชี” ยังคงเป็นผักที่มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ แม้ชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งจะกินผักชีอย่างจริงจังเหมือนกับสลัดผัก และยังทำเป็นอาหารคาว-หวานมากมาย แต่ก็มีชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่รับไม่ได้กับกลิ่นรสของผักชี แม้ว่าจะเป็นเพียงผักโรยหน้าก็ตาม

เครปผักชี

สำหรับ “เพรซ รสผักชี” นั้น ได้เริ่มวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในวันที่ 1สิงหาคม ในราคา 120 เยน ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น


ที่มา : manager.co.th/Japan/ViewNews.aspx?NewsID=9600000078526

]]>
1134929
กูลิโกะ ส่งช็อกโกแลตไร้น้ำตาลเจาะตลาดสาวรักสุขภาพ https://positioningmag.com/1108749 Tue, 22 Nov 2016 02:59:01 +0000 http://positioningmag.com/?p=1108749 หลังจากการจับมือการทำโคแบรนด์ร่วมกับเถ้าแก่น้อยในการออกเพทซ์ โนริสาหร่าย ที่เป็นลิมิเต็ดอิดิชั่นแล้วไทยกูลิโกะก็ปล่อยหมัดเด็ดหวังปั๊มยอดขายช่วงเทศกาลปลายปีต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวกูลิโกะ ซีโร่ ชูการ์ ช็อกโกแลต เฟลเวอร์

ความสำคัญของสินค้าตัวใหม่นี้ก็คือชูจุดเด่นเรื่องน้ำตาล 0%” ก็คือเป็นช็อกโกแลต แต่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลก็คือมัลติตอล (Maltital)” แต่ยังเป็นสารให้ความหวานที่ให้พลังงานอยู่เพียงแต่น้อยกว่าน้ำตาล

โอกาสที่ทำให้ไทยกูลิโกะเลือกเปิดสินค้านี้เพราะด้วยเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนไทยที่มีมาหลายปีแล้ว แต่ด้วยขนมหวาน ช็อกโกแลตติดกับภาพลักษณ์ความหวาน เสียสุขภาพ ทำให้สาวๆ ในยุคนี้ทานน้อยลง กูลิโกะจึงต้องทำการบ้านเพื่อมาตอบโจทย์คนกลุ่มนี้

กลุ่มลูกค้าหลักที่กูลิโกะต้องการสื่อสารด้วยจึงเป็นกลุ่มผู้หญิงรุ่นใหม่ วัยทำงาน ใส่ใจสุขภาพ ชอบทานขนมแต่กังวลเรื่องน้ำตาล และเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ เพราะสินค้าตัวนี้ได้อัพเกรดภาพลักษณ์ให้พรีเมียมมากขึ้นกว่าสินค้าตัวอื่น ด้วยรูปแบบของช็อกโกแลตเป็นวงกลม ในแพ็กเกจจิ้งถุงซิปล็อก วางจำหน่ายในราคา 30 บาท ซึ่งสูงกว่าสินค้าตัวอื่นที่ราคาเฉลี่ย 10-20 บาทเท่านั้น

ทาคะยาสุ ทัสซึมิ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มสายงานการตลาด บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด
ทาคะยาสุ ทัสซึมิ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มสายงานการตลาด บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด

ทาคะยาสุ ทัสซึมิ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มสายงานการตลาด บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด กล่าวว่า

“ตลาดช็อกโกแลตในประเทศไทยมีมูลค่าราว 5,000 ล้านบาท และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนไทยที่มาแรงมากขึ้น และพบว่าคนไทยที่อยุ่ใน กทม. 25% ป่วยเป็นโรคเบาหวานเพราะการบริโภคน้ำตาล จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนในยุคนี้บริโภคน้ำตาลน้อยลง เพราะคำนึงถึงสุขภาพ จึงเป็นโอกาสที่กูลิโกะได้ออกสินค้าใหม่ตัวนี้”

การที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยให้แบรนด์สามารถเพิ่มราคาสินค้าได้ด้วยเช่นกัน เพราะในปัจจุบันปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจค่อนข้างส่งผลกระทบต่อหลายๆ ธุรกิจทำให้คนมีกำลังซื้อน้อยลง แต่ด้วยตลาดลูกค้ากลุ่มพรีเมียมมีการเติบโตมากขึ้นเพราะมองเรื่องคุณภาพเป็นหลัก หลายแบรนด์จึงลงมาจับตลาดพรีเมียมมากขึ้นเช่นกัน

เมื่อต้องการสื่อสารไปยังกลุ่มสาวๆ รุ่นใหม่ จึงเลือกแต้วณฐพร เตมีรักษ์เป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ใส่ใจสุขภาพ

info_glico_new

]]>
1108749
เปิดตู้เต้นนักร้องดัง แคมเปญดับร้อน “ไอติม” “กูลิโกะ” https://positioningmag.com/1098735 Mon, 01 Aug 2016 03:42:18 +0000 http://positioningmag.com/?p=1098735 “กูลิโกะ” ผู้ผลิตขนมและไอศกรีมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น และประเทศไทย เปิดตัวตู้จำหน่ายไอศกรีมที่ผู้ซื้อสามารถเต้นรำกับนักร้องชื่อดังพร้อมบันทึกวิดีโอเป็นที่ระลึก และเลือกซื้อไอศกรีมดับร้อนตามทำแนะนำของนักร้องคนโปรด

ไอศกรีม “กูลิโกะ” ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายในประเทศไทย ถึงขนาดที่มีผู้จัดทำ “ลายแทง” ตามล่าหาไอศกรีมตามร้านค้าต่าง ๆ มาแล้ว หากแต่ในประเทศญี่ปุ่น ไอศกรีม “กูลิโกะ” จำหน่ายผ่านเครื่องอัตโนมัติเป็นหลักภายใต้ชื่อ seventeen ice

เพื่อรับหน้าร้อน “กูลิโกะ” ได้สร้างสรรค์ตู้จำหน่ายไอศกรีมแบบใหม่ ที่เปลี่ยนจากการเลือกซื้อไอศกรีมแบบปกติเป็นการเลือกเต้นรำกับนักร้องแบนด์ดัง อย่างวง AAA

559000007456002

เมื่อหยอดเงินลงในเครื่อง จอภาพขนาดใหญ่ 46 นิ้ว บนเครื่องจะปรากฏภาพสมาชิกของวงดนตรีชื่อดังของญี่ปุ่น 17 คน และผู้ซื้อสามารถเลือกเต้นกับนักร้องคนที่ชอบแบบเสมือนจริง โดยที่ตัวเครื่องจะมีกล้องบันทึกภาพผู้ซื้อออกลีลากับนักร้องในจอภาพ สร้างสรรค์เป็นคลิปวิดีโอความยาว 30 วินาที ผู้ซื้อสามารถสแกนคิวอาร์โคด บันทึกวิดีโอการเต้นของตนเองไว้ชมเป็นที่ระลึกได้

หลังจากเต้นออกกำลังกายแล้ว นักร้องคนดังจะแนะนำไอศกรีมรสชาติที่ชื่นชอบ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกซื้อได้ตามต้องการในเครื่องเดียวกัน

559000007456004

เครื่องจำหน่ายไอศกรีมเท้าไฟนี้จะติดตั้งเฉพาะที่นครโอซากา เมืองคะวะซากิ และเมืองนาโงะยะ เท่านั้น บริษัท “กูลิโกะ” ระบุว่า ฤดูร้อนปีนี้อากาศร้อนเป็นพิเศษ จึงเพิ่มการผลิตไอศกรีมอีกร้อยละ 10 และคาดว่า เครื่องจำหน่ายอัตโนมัตินี้จะถูกใจกลุ่มนักเรียนสาว และช่วยเพิ่มยอดขายไอศกรีมในหน้าร้อนปีนี้

ที่มา: http://manager.co.th/Japan/ViewNews.aspx?NewsID=9590000072193

]]>
1098735
ตู้แช่สะเทือน! “ไอศกรีมกูลิโกะ” บุกไทย https://positioningmag.com/62265 Thu, 21 Jan 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62265

เพียงแค่ต้นปีก็ดูท่าว่าตู้แช่ไอศกรีมก็ดุเดือดเข้าซะแล้ว จากการมาของ “ไอศกรีมกูลิโกะ” ผ่านการดำเนินธุรกิจของ “เอซากิ กูลิโกะ” ที่ได้จัดตั้งบริษัท กูลิโกะ โฟรเซ่น(ประเทศไทย) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ถือว่าเป็นการดำเนินธุรกิจไอศกรีมนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก เพราะมองว่าตลาดในประเทศไทยมีศักยภาพสูง มีอากาศร้อนตลอดทั้งปี ผู้บริโภคก็ชอบเปิดรับสิ่งใหม่ๆ

 

ก่อนหน้านี้ ไอศกรีมกูลิโกะเคยสร้างกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์บนโลกออนไลน์อยู่พักใหญ่ กับการตามล่าหา “ไอศกรีมกูลิโกะ” ที่เคยลงตู้แช่มาแล้วในปี 2557 แต่เป็นเพียงการนำร่องทดลองตลาดเพียง 3 เดือน แต่ในช่วงนั้นมีวางจำหน่ายในโซนชานเมือง แถบรังสิต บางนา ปทุมธานี เท่านั้น จำนวน 70 ตู้แช่

 

สาเหตุที่เลือกทดลองตลาดในทำเลชานเมืองก่อนเป็นเพราะว่า “ใกล้โรงงาน” ที่ผลิตเท่านั้นเอง เพราะทางกูลิโกะได้จ้าง “จอมธนา” ตั้งอยู่แถวลาดหลุมแก้ว เป็นผู้ผลิตให้ ทั้งในช่วงทดลองและขายจริง หากขายดีกูลิโกะจึงจะตั้งโรงงานเอง โดยใช้สูตรจากทางญี่ปุ่น มีการนำเข้าวัตถุดิบบางส่วน และใช้วัตถุดิบภายในประเทศด้วย

 

หลังจากนั้นทางกูลิโกะก็ได้กลับไปทำการบ้านอยู่พักใหญ่ จึงได้ฤกษ์วางตลาดในวันที่ 27 มกราคม 2559 ด้วยไอศกรีม 4 รูปแบบ ได้แก่ พาลิตเต้ 35 บาท, ไจแอนท์ โคน 25 บาท, พาแนปป์ 25 บาท และเซเว่นทีน ไอซ์ 20 บาท

 

ในการสู้ศึกไอศกรีมครั้งนี้ กูลิโกะจึงต้องเตรียมพร้อมกลยุทธ์รอบด้าน ทั้งในเรื่องสินค้า ราคา พรีเซ็นเตอร์ และช่องทางจัดจำหน่าย เรียกว่ามาทั้งทีต้องมีอาวุธครบมือพร้อมรบ กับคู่แข่งที่ครองตลาดมายาวนาน อย่าง “วอลล์ และเนสท์เล่” ได้ทันที

 

กูลิโกะใช้จุดเด่นเรื่องสินค้าที่มีคาแร็กเตอร์ในตัวเอง และการออกแบบแพ็กเกจจิ้งสไตล์สินค้าญี่ปุ่นเป็นตัวดึงดูด และคีย์พอยต์สำคัญ คือ เลือกตั้งราคาในช่วงระหว่าง 20-40 บาท ซึ่งเป็นช่วงราคาที่มีช่องว่างในตลาด เพราะตลาดไอศกรีมส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราคาต่ำกว่า 15 บาท ในขณะที่หากเป็นไอศกรีมระดับพรีเมียม จะมีราคา 40 บาทขึ้นไป ซึ่งคู่แข่งอย่างวอลล์เองก็มีหลากหลาย แต่ในช่วงราคา 20-40 บาทยังมีไม่มาก

 

กลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ คนเมือง ที่มีกำลังซื้อ ดังนั้นช่องทางจัดจำหน่ายเน้นเข้าร้านสะดวกซื้อก่อนเป็นอันดับแรก โดยจะมีวางจำหน่ายที่เซเว่นฯ, แฟมิลี่มาร์ท, ท็อปส์, แม็กซ์แวลู, บิ๊กซี, ฟูจิ และมินิมาร์ททั่วไป โดยกูลิโกะต้องลงทุนแยกตู้แช่เป็นของกูลิโกะโดยเฉพาะ  แต่จะวางจำหน่ายที่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน ในเขตต่างจังหวัดอาจจะมีการวางจำหน่ายในช่วงกลางปีนี้

 

คิโยทะคะ ชิมะโมริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กูลิโกะ โฟรเซ่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลาดในประเทศไทยมีศักยภาพสูงมาก เนื่องจากมีอากาศร้อนตลอดทั้งปี ทำให้ทานได้ทั้งปี และคนไทยชอบลองของใหม่ๆ ด้วย หลังจากทดลองตลาดมาก่อนหน้านี้พบว่าผลตอบรับดีมาก กระแสในโลกออนไลน์มีส่วนช่วยทำให้คนรู้จัก ในการทำตลาดช่วงแรกก็ได้จำหน่ายแค่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน หลังจากนั้นค่อยไปตามหัวเมืองต่างจังหวัด”

 

สำหรับเป้าหมายของธุรกิจไอศกรีมนั้น ตั้งเป้ารายได้ 600-900 ล้านบาทภายในปี 2563  และมีส่วนแบ่งตลาดในตลาดไอศกรีม 10% รวมทั้งมีตู้แช่ในร้านค้าทั้งร้านสะดวกซื้อและร้านโชห่วย 10,000 ตู้ ส่วนไอศกรีมรูปแบบอื่นอาจจะมีการวางจำหน่ายเพิ่ม แต่ต้องรอดูผลตอบรับจาก 4 รูปแบบนี้ก่อน

 

 

 

]]>
62265