Google – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 15 Oct 2024 06:47:13 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Google เซ็นสัญญาซื้อพลังงานจากบริษัทไฟฟ้านิวเคลียร์ เพื่อนำมาใช้ในศูนย์ข้อมูลด้าน AI https://positioningmag.com/1494366 Tue, 15 Oct 2024 05:55:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1494366 Google (กูเกิล) ประกาศลงนามข้อตกลงซื้อพลังงานกับ Kairos Power ผู้พัฒนาเครื่องปฏิกรณ์แบบแยกส่วนขนาดเล็ก (SMR) เนื่องจากความต้องการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลนั้นพุ่งสูงขึ้น

โดย Google กล่าวว่า การซื้อพลังงานจากเครื่องปฏิกรณ์แบบแยกส่วนขนาดเล็กที่ผลิตโดย Kairos Power เป็นการรลงทุนระยะยาวในธุรกิจศูนย์ข้อมูล อีกทั้ง Kairos Power มีเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยไม่ต้องสร้างเตาปฏิกรณ์ขนาดใหญ่แบบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าพลังงานนิวเคลียร์มีบทบาทสําคัญในการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจและช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าของ AI ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

รายงานยังระบุอีกว่า Google ไม่ได้มีการเปิดเผยเงื่อนไขข้อตกลงในสัญญาซื้อขายนี้แต่อย่างใด แต่มีการเผยว่า เครื่องปฏิกรณ์แบบแยกส่วนขนาดเล็กเครื่องแรกของ Google นี้ จะเริ่มผลิตไฟฟ้าด้วยชุดปฏิกรณ์แรกในปี 2030 กำลังไฟฟ้ารวม 500 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นพลังงานที่ปลอดคาร์บอน และวางแผนจะเปิดให้บริการเพิ่มเติมภายในปี 2035

ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมามีรายงานว่า Google มีการปล่อยมลพิษเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปี 2019 สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ศูนย์ข้อมูลต้องการพลังงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ทำให้ความต้องการในการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น พลังงานนิวเคลียร์ จึงกลายเป็นแหล่งพลังงานเดียวที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ

ทั้งนี้ Google กลายเป็นบริษัทล่าสุดที่แก้ปัญหาความต้องการพลังงานไฟฟ้าสำหรับศูนย์ข้อมูล โดยเฉพาะกับงานด้าน AI ด้วยการซื้อหรือทำข้อตกลงกับโรงไฟฟ้าโดยตรง ซึ่งก่อนหน้านี้มีทั้ง Amazon ที่ซื้อศูนย์ข้อมูลติดกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และ Microsoft ที่ทำข้อตกลงให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์กลับมาผลิตไฟฟ้าให้ เป็นต้น

ที่มา : CNBC

]]>
1494366
รัสเซีย สั่งปรับ Google และ Discord 3.7 หมื่นดอลลาร์ ฐานไม่ลบคอนเทนต์ที่ผิดกฎหมายของรัสเซีย https://positioningmag.com/1492423 Tue, 01 Oct 2024 14:18:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1492423 เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ รัสเซีย ได้สั่งให้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีต่างประเทศ ลบเนื้อหาคอนเทนต์ที่เห็นว่าผิดกฎหมายของประเทศรัสเซีย เช่น กฎหมายการดูหมิ่นที่ชัดแจ้งต่อรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และสังคมรัสเซีย หรือ กฎหมายสั่งห้ามส่งต่อข่าวปลอม ซึ่งที่ผ่านมารัสเซียมีการสั่งปรับบริษัทฯ เจ้าของแพลต์ฟอร์มเทคโนโลยีต่างประเทศ อาทิ เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์มาก่อน แต่ปรับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 

แต่เนื่องจากมีบางบริษัทฯ อย่าง Google และ Discord แพลตฟอร์มแอปพลิเคชันสนทนา ที่สามารถส่งข้อความ รูปภาพ วิดิโอ เหมือนกับแอปแชททั่วไป ยังคงไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของรัสเซีย ในการลบหรือจํากัดการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ 

ทำให้ศาลแขวง Tagansky ของมอสโก สั่งปรับทั้ง Google และ Discord เป็นจำนวนเงิน 3.5 ล้านรูเบิล (ประมาณ 3.7 หมื่นดอลลาร์) โดยศาลฯ กล่าวว่า Google ถูกปรับเนื่องจากไม่ลบเนื้อหาที่รัสเซียเห็นว่าผิดกฎหมาย ในขณะที่ Discord ถูกลงโทษเนื่องจากไม่จํากัดการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกแบน

ด้านบริษัท Google และ Discord ไม่ได้ตอบกลับคําร้องในทันที โดยเฉพาะกับ Google ที่ปัจจุบันเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากรัสเซีย ทั้งเรื่องเนื้อหาและการปิดกั้นช่อง YouTube ของสื่อรัสเซียและบุคคลสาธารณะนับตั้งแต่การรุกรานยูเครนของมอสโก

ที่มา : Reuters

 



]]>
1492423
ศาลสหรัฐฯ ฟัน ‘กูเกิล’ ผูกขาดบริการ ‘เสิร์ชเอนจิ้น’ https://positioningmag.com/1485216 Tue, 06 Aug 2024 04:31:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1485216 หากพูดถึงบริการ เสิร์ชเอนจิ้น ชื่อของ กูเกิล (Google) เป็นชื่อแรกที่อยู่ในหัวคนทั่วโลกแน่นอน ขนาดในไทยยังมีคำว่า “ไม่รู้อะไรให้ถามกูเกิล” จนในปี 2020 ก็ได้มีการฟ้องกูเกิลว่า ผูกขาดบริการเสิร์ชเอนจิ้น ล่าสุด ศาลฯ ได้ตัดสินว่า กูเกิลผูกขาดจริง

ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตัดสินคดีที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (Department of Justice) ได้ตัดสินว่า กูเกิลได้ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ โดยกูเกิลได้ ทุ่มเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ในการทำสัญญาพิเศษเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในฐานะ ผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้นสำหรับสมาร์ทโฟนและเว็บเบราว์เซอร์ของโลก สัญญาดังกล่าวทำให้กูเกิลมีอำนาจในการปิดกั้นคู่แข่งที่อาจเกิดขึ้น เช่น Bing และ DuckDuckGo ของ Microsoft ปัจจุบัน กูเกิลครองตลาดการค้นหาออนไลน์ประมาณ 90% และ 95% บนสมาร์ทโฟน

สัญญาดังกล่าวทำให้เมื่อผู้ใช้ต้องการค้นหาข้อมูลกูเกิลมักจะเป็นแพลตฟอร์มที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจโฆษณาออนไลน์ขนาดใหญ่ของกูเกิลเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกูเกิลสามารถเรียกเก็บค่าบริการโฆษณาในราคาที่สูง ซึ่งสะท้อนถึงอำนาจผูกขาดในระบบการค้นหา

“หลังจากพิจารณาและชั่งน้ำหนักคำให้การของพยานและพยานหลักฐานอย่างรอบคอบแล้ว ศาลได้ข้อสรุปดังนี้ Google เป็นผู้ผูกขาด และได้ดำเนินการเพื่อรักษาการผูกขาดเอาไว้ Google ละเมิดมาตรา 2 ของพระราชบัญญัติเชอร์แมน” อมิต เมห์ตา ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ กล่าว

การตัดสินดังกล่าวถือเป็น ความพ่ายแพ้ในคดีต่อต้านการผูกขาดครั้งที่สองของกูเกิล หลังจากที่คณะลูกขุนศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในแคลิฟอร์เนีย ตัดสินว่า กูเกิลเพลย์สโตร์ (Google Play Store) เข้าข่าย ผูกขาดตลาด ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ผู้บริโภคและนักพัฒนาแอปพลิเคชัน

อย่างไรก็ตาม กูเกิลมีแนวโน้มที่จะ ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งหมายความว่าอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีกว่าจะเกิดบทลงโทษ แต่ Rebecca Allensworth ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัย Vanderbilt มองว่า คำตัดสินนี้อาจพลิกโฉมวิธีที่กูเกิลเปิดให้ผู้ใช้เข้าถึงเครื่องมือค้นหาได้ โดยส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำข้อตกลงมูลค่าสูงกับผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้ให้บริการออนไลน์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของคดี

นอกจากนี้ อาจมีแนวทางแก้ไขอื่น ๆ อีกเช่น ศาลอาจบังคับให้กูเกิล เพิ่มหน้าจอตัวเลือก เพื่อให้ผู้ใช้ทราบเกี่ยวกับเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ ที่มีให้บริการ รวมถึงบริษัทมีแนวโน้มที่จะต้องเจอ ค่าปรับ แต่ก็อาจเป็นเพียงเรื่องเล็กสำหรับบริษัทที่มีกำไรมหาศาลอย่างกูเกิล

แม้ว่า กูเกิลจะถูกฟันว่าผิดข้อหาผูกขาดตลาด แต่ Adam Kovacevich ผู้ก่อตั้งกลุ่มสนับสนุนเทคโนโลยี Chamber of Progress และอดีตผู้อำนวยการนโยบายของกูเกิล ออกมาให้ความเห็นว่า ผู้ชนะจากการตัดสินไม่ใช่ผู้บริโภคหรือบริษัทเทคโนโลยีขนาดเล็ก แต่คือ Microsoft เพราะ Microsoft ลงทุนด้านการค้นหามาหลายทศวรรษแล้ว แต่คำตัดสินในวันนี้ได้เปิดประตูสู่คำสั่งศาลให้ Bing ได้ขึ้นมาเป็นตัวเลือก

Source

]]>
1485216
สะเทือน Google! หลัง ‘OpenAI’ เปิดตัว ‘SearchGPT’ ช่วยหาข้อมูลแบบเรียลไทม์ ฉุดหุ้น Alphabet ร่วง 3% https://positioningmag.com/1484344 Fri, 26 Jul 2024 10:21:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1484344 นับตั้งแต่ที่ ChatGPT เอไอสุดล้ำของ OpenAI ออกมาสู่สายตาชาวโลกในช่วงปี 2022 ก็มาเขย่ายักษ์ใหญ่ไอทีหลายราย โดยเฉพาะ Google เสิร์ชเอนจินที่คนทั่วโลกแทบขาดไม่ได้ และ OpenAI ก็เขย่าบัลลังก์ Google อีกรอบด้วย SearchGPT

OpenAI ได้ประกาศเปิดตัวต้นแบบของเครื่องมือค้นหาที่เรียกว่า SearchGPT โดยมีจุดเด่นที่จะช่วยให้ผู้ใช้ หาคำตอบได้รวดเร็ว และได้ข้อมูลที่อัปเดตแบบ เรียลไทม์ อีกทั้งยังมีความสามารถในการ ถามต่อยอดจากคำถามก่อนหน้า ซึ่งระบบเสิร์ชเอนจินในปัจจุบันทำไม่ได้ นอกจากนี้ SearchGPT ยังระบุแหล่งที่มาของข้อมูลได้อีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม SearchGPT ยังเปิดให้ใช้งานแค่ผู้ทดลองกลุ่มเล็ก ๆ แต่ OpenAI เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะรวมเครื่องมือดังกล่าวเข้ากับ ChatGPT

“เราคิดว่าตลาดเสิร์ชเอนจินยังมีช่องว่างที่ทำให้การค้นหาข้อมูลดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI โพสต์บน X

แน่นอนว่าตั้งแต่การมาของ ChatGPT ช่วงปลายปี 2022 ส่งผลกระทบต่อ Google ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเสิร์ชเอนจินซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เพราะหลายคนมองว่า ChatGPT จะมา แย่งส่วนแบ่งการตลาดจาก Google ในการค้นหาข้อมูลออนไลน์ และการมาของบริการ SearchGPT ก็ยิ่งตอกย้ำถึงความกังวลดังกล่าวส่งผลให้ หุ้นของ Alphabet ร่วงมากกว่า 3%

ทั้งนี้ ย้อนไปเมื่อในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Google ได้เปิดตัว AI Overview ซึ่ง Sundar Pichai ซีอีโอ มองว่าเป็น การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในแวดวงการค้นหาในรอบ 25 ปี โดยเครื่องมือดังกล่าวจะมี AI เป็นตัวช่วยค้นหาข้อมูลและสรุปคำตอบให้กับผู้ใช้งาน คล้ายกับความสามารถของ SearchGPT อย่างไรก็ตาม เครื่องมือดังกล่าวยังเปิดให้ใช้แบบจำกัด และเคยถูกวิจารณ์ถึงผลลัพธ์การค้นหาที่แสดงคำตอบที่เป็นเท็จ

Source

]]>
1484344
รู้จัก ‘WIZ’ สตาร์ทด้านอัพไซเบอร์ซิเคียวริตี้ ที่ ‘Google’ กำลังทุ่ม 2.3 หมื่นล้านเหรียญเพื่อปิดดีล! https://positioningmag.com/1482847 Tue, 16 Jul 2024 09:48:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1482847 Alphabet เจ้าของ Google อยู่ในการเจรจาเพื่อซื้อ Wiz สตาร์ทอัพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์สําหรับคลาวด์คอมพิวติ้ง ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในราคาประมาณ 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์  ซึ่งถ้าดีลดังกล่าวสำเร็จ จะถือเป็นการเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่สุดของ Alphabet

สำหรับ Wiz ถือเป็นบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติอิสราเอลที่ทำธุรกิจด้านการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ โดยมี Assaf Rappaport เป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ก่อตั้ง Adallom ธุรกิจสตาร์ทอัพด้านระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งถูกขายให้กับ Microsoft ในราคา 320 ล้านเหรียญ เมื่อประมาณเกือบ 10 ปีก่อน

หลังจากขายธุรกิจไปได้ 3 ปี เขาก็ลาออกจาก Adallom เพื่อรวมตัวกับเพื่อน ๆ เพื่อสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ จนมาปี 2020 ได้ก่อตั้ง Wiz ที่ให้บริการด้านระบบรักษาความปลอดภัยบน คลาวด์ โดยตลาดคลาวด์มีมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านเหรียญ และมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 20%

Assaf Rappaport

หลังก่อตั้งได้ 9 เดือน Wiz สามารถระดมทุน Series A มูลค่า 100 ล้านเหรียญ และ 5 เดือนจากนั้น ก็สามารถระดมทุน Series B มูลค่า 120 ล้านเหรียญ ภายในเวลา 18 เดือน บริษัทสามารถทำรายได้ถึง 100 ล้านเหรียญ และเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนปี 2023 สามารถสร้างรายได้ประมาณ 350 ล้านเหรียญ ซึ่งช่วยให้ได้รับการลงทุนเพิ่มเติม 1 พันล้านเหรียญ เดือนพฤษภาคม 2024 ด้วยการประเมินมูลค่า 1.2 หมื่นล้านเหรียญ ส่งผลให้ Wiz เป็น บริษัทซอฟต์แวร์ที่เติบโตเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา

โดยจุดเด่นของ Wiz คือ ช่วยให้ผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มองเห็นภาพรวมของระบบคลาวด์ทั้งหมด ขณะที่กลยุทธ์ของ Wiz จะเน้นมุ่งไปที่ บริษัทยักษ์ใหญ่ โดยจะระดมทุนมหาศาลเพื่อเร่งการจ้างงานและเร่งเครื่องการเติบโตของบริษัท ปัจจุบัน 40% ของบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 100 เป็นลูกค้าของบริษัท อาทิ Fox, Morgan Stanley และ LVMH 

ล่าสุด Alphabet บริษัทแม่ของ Google ได้เจรจากับ Wiz หลังจากที่บริษัทระดมทุนได้ โดย Alphabet อาจเสนอเงินสูงถึง 2.3 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อซื้อบริษัท ซึ่งสูงกว่ามูลค่าที่ประเมินเกือบ 2 เท่า และหากดีลสำเร็จ ดีล ดังกล่าวกลายเป็นดีลที่มีมูลค่าสูงสุดของบริษัท แซงหน้าดีลการซื้อ Motorola ที่มีมูลค่า 1.25 หมื่นล้านเหรียญ เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว  อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขของข้อตกลงยังไม่เสร็จสิ้นและการเจรจาอาจล่มได้

ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม 2022 Alphabet ได้ซื้อบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์ Mandiant ในราคา 5.4 พันล้านเหรียญ เพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ จัดการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ดีขึ้นและสนับสนุนธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง โดย Google พยายามจะดันรายได้ในฝั่ง Google Cloud เพื่อเป็นการกระจายรายได้นอกเหนือจากธุรกิจโฆษณา และแม้ว่ายอดขายบนคลาวด์จะเติบโตขึ้น แต่ก็ประสบปัญหาในการแข่งขันกับบริการที่คล้ายคลึงกันจาก Microsoft และ Amazon

“การซื้อ Wiz แสดงให้เห็นว่า Google กําลังเดิมพันครั้งใหญ่ในพื้นที่ความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อเสริมธุรกิจ  คลาวด์” Dan Ives กรรมการผู้จัดการและนักวิเคราะห์วิจัยหุ้นอาวุโสที่ Wedbush กล่าว

CNN / Forbes / CCN

]]>
1482847
สรุปฟีเจอร์ ‘Gemini 1.5 Pro’ จาก Google ที่ออกมาชนกับ ‘GPT-4 Omni’ https://positioningmag.com/1473749 Wed, 15 May 2024 10:45:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1473749 หลังจากที่เมื่อวานทาง OpenAI ได้เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) รุ่นใหม่ GPT-4 Omni ที่มีจุดเด่นที่สามารถประมวลผลคำสั่งได้มากกว่า พูดคุยด้วยเสียงได้ สามารถวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ผ่านวิดีโอได้ มาวันนี้ Google ก็แสดงวิสัยทัศน์ที่น่าทึ่งไม่แพ้กันเกี่ยวกับ AI จะมายกระดับการใช้งานของผู้คนหลายพันล้านคน ที่ใช้งาน Google ทุกวันได้อย่างไรบ้าง

ภายในงาน Google I/O ที่จัดเป็นประจำทุกปี นำโดย Sundar Pichai ซีอีโอของ Google ที่จะมาอัปเดตถึงเทคโนโลยี AI ของ Google ในปีนี้เริ่มจาก Gemini 1.5 Pro ที่อัปเกรดให้รับข้อมูลได้ 1 ล้าน Tokens (หนังสือประมาณ 1,500 หน้า) รองรับ 35 ภาษา ถือว่า Gemini 1.5 Pro มีขนาดของ Context Window ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา LLM ที่เปิดให้บริการแก่ผู้ใช้ทั่วไป

ส่งผลให้ผู้ใช้สามารถใช้ภาษาได้อย่าง เป็นธรรมชาติหรือตรงประเด็นมากขึ้น และให้คำตอบในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ผลลัพธ์เชิงลึกหรือสรุป นอกจากนี้ยังสามารถให้คำแนะนำที่ตรงประเด็น เช่น แนะนำร้านอาหารที่เหมาะกับเด็กในบางพื้นที่

อีกความสามารถใหม่ที่อัปเกรดขึ้นก็คือ สามารถรับอินพุตประเภทต่าง ๆ ได้หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับข้อความ, คำสั่งเสียง หรือรูปภาพ อีกทั้งยังสามารถอัปโหลดไฟล์เอกสาร Doc, PDF ขึ้นบน Gemini Advanced เพื่อให้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ในไฟล์ นอกจากนี้ Gemini 1.5 Pro สามารถสรุปอีเมลล่าสุดทั้งหมดได้จากการ วิเคราะห์ไฟล์แนบภายในอีเมล

นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Gem บน Gemini เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง Gemini เวอร์ชั่นที่เรากำหนดเองได้ เช่น การสร้าง Gem เพื่อช่วยวางแผนการออกกำลังกาย เป็นต้น

ที่น่าสนใจคือ ภายในปีนี้ Google จะรวมฟังก์ชัน AI เข้ากับสมาร์ทโฟนมากขึ้น เช่น ผู้ใช้จะสามารถลากและวางรูปภาพที่สร้างโดย AI ลงใน Google Messages และ Gmail และถามคำถามเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube และ PDF บนอุปกรณ์ Android ได้ นอกจากนี้ Google มีแผนจะเพิ่มเครื่องมือใหม่สำหรับ Android จะช่วย ตรวจจับกิจกรรมที่น่าสงสัยในระหว่างการโทร ซึ่งอาจเป็นมิจฉาชีพ

อีกสิ่งที่ Google กำลังทำเพิ่มเติมก็คือ การป้องกันเพื่อลดการใช้งานในทางที่ผิด ที่อาจเกิดขึ้น โดย Google กำลังขยายฟีเจอร์ SynthID ที่มีอยู่เพื่อตรวจจับเนื้อหาที่สร้างโดย AI เมื่อปีที่แล้ว โดยเครื่องมือนี้เพิ่มลายน้ำให้กับภาพและเสียงที่สร้างโดย AI

CNN / googleblog

]]>
1473749
Google ปลดพนักงานบางส่วนอีกครั้ง แต่ไม่ได้ระบุจำนวน ชี้ทำตามแผนปรับโครงสร้างองค์กรให้มีประสิทธิภาพขึ้น https://positioningmag.com/1470258 Thu, 18 Apr 2024 01:30:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470258 Google ประกาศปลดพนักงานบางส่วนแต่ไม่ได้ระบุจำนวน ขณะเดียวกันก็มีแผนย้ายพนักงานไปประจำที่สำนักงานแห่งอื่นทั้งในและต่างประเทศ โดยแผนดังกล่าวตามมาหลังจากที่ CEO ของบริษัทเตรียมที่จะปรับโครงสร้างองค์กรอีกครั้ง

Business Insider และ Reuters รายงานข่าวว่า Google ได้เตรียมปลดพนักงานบางส่วน และยังเตรียมที่จะโยกย้ายพนักงานบางส่วน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้นเป็นช่วงเวลาที่บริษัทเทคโนโลยีนั้นต้องการที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายภายใต้สภาวะเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน

โฆษกของ Google ได้กล่าวกับ Reuters ว่าการปลดพนักงานในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการปลดพนักงานจำนวนมาก และมีผลกระทบแค่ในส่วนการบริหารภายใน อย่างไรก็ดีไม่ได้มีการบอกว่ามีการปลดพนักงานจำนวนมากน้อยแค่ไหน และระยะในการปลดพนักงานยาวนานแค่ไหน

นอกจากนี้โฆษกของ Google ยังได้กล่าวว่า นับตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2023 และปี 2024 เป็นต้นมาบริษัทได้มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำงานได้ดีขึ้น ลดความซับซ้อนของโครงสร้างองค์กร และจัดสรรทรัพยากรให้สอดคล้องกับลำดับความสำคัญ

แผนกที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการปลดพนักงานรอบนี้คือแผนกการเงินและแผนกอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ดีในการปลดพนักงานครั้งนี้ พนักงานสามารถที่จะสมัครตำแหน่งงานภายในที่บริษัทได้เปิดรับได้

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะโยกย้ายพนักงานบางส่วนไปยังสำนักงานอื่นๆ ที่ Google ได้ลงทุนทั้งในสหรัฐอเมริกา เช่น แอตแลนตา ฯลฯ หรือแม้แต่ในต่างประเทศ เช่น ในประเทศอินเดีย ไอร์แลนด์ ฯลฯ

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา Sundar Pichai ซึ่งเป็น CEO ของ Google ได้ส่งข้อความให้กับพนักงานในบริษัท โดยกล่าวว่าในปี 2024 นี้บริษัทอาจต้องมีการปลดพนักงาน เพื่อที่จะปรับโครงสร้างองค์กร รวมถึงรีดประสิทธิภาพขององค์กรด้วย

ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะต้นทุนทางการเงินที่ยังสูง จากอัตราดอกเบี้ยที่ยังไม่มีท่าทีที่จะลดลง ส่งผลทำให้บริษัทหลายแห่งต้องหันกลับมาลดต้นทุนในการปลดพนักงานอีกครั้ง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งอาจมีการปลดพนักงานระลอกใหม่ตามมา

]]>
1470258
Google กำลังพิจารณาเก็บเงินค่าใช้ AI แบบพรีเมียมในบริการค้นหาข้อมูล มองเป็นแหล่งทำรายได้ใหม่ของบริษัท https://positioningmag.com/1469099 Thu, 04 Apr 2024 07:29:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469099 ‘กูเกิล’ กำลังพิจารณาเก็บเงินค่าใช้ AI แบบพรีเมียมในบริการค้นหาข้อมูล มองเป็นแหล่งทำรายได้ใหม่ของบริษัท หลังจากที่บริษัทได้นำระบบดังกล่าวผนวกในบางบริการของบริษัทมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Gmail หรือแม้แต่ Google Docs

Financial Times รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวในบริษัทว่า Google กำลังพิจารณาที่จะเก็บค่าบริการการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของบริษัทในชื่อ Gemini แบบพรีเมียมในระบบค้นหาข้อมูล หรือ Google Search โดยลูกค้าที่จ่ายเงินบริการดังกล่าวจะสามารถได้ฟังก์ชันการทำงานที่มากกว่าคนทั่วไป

แหล่งข่าวของสื่อรายดังกล่าวชี้ว่า Google กำลังพิจารณาตัวเลือกต่างๆ รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์การค้นหาด้วยพลัง AI ให้กับสมาชิพรีเมียมที่จ่ายเงินให้กับบริการดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้นำ Gemini ซึ่งเป็น AI ของบริษัทผนวกเข้ากับบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Gmail และ Google Docs ให้กับลูกค้ามาแล้ว

ไม่เพียงเท่านี้ แผนการดังกล่าวยังถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทได้นำบริการหลักของบริษัทที่ไม่เคยเก็บค่าบริการเลยนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และนำฟังก์ชันการทำงานแบบพรีเมียมมาเก็บค่าบริการเพิ่มเติม สำหรับผู้ที่ไม่ได้จ่ายเงินกับบริการดังกล่าวยังสามารถใช้งานระบบดังกล่าวได้ปกติ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวตามหลังมาจากที่ OpenAI เจ้าของ ChatGPT ได้เริ่มเก็บเงินค่าบริการใช้ AI แบบพรีเมียม ซึ่ง Google เองมองว่าบริษัทสามารถที่นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาหารายได้เพิ่มเติมได้ด้วยเช่นกัน หลังจากบริการดังกล่าวของคู่แข่งมีผู้ใช้งานจำนวนมาก

ในช่วงที่ผ่านมา Google ได้พยายามพัฒนาระบบ AI เพื่อที่จะสู้กับ OpenAI เพราะไม่งั้นแล้วบริษัทอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ทำให้บริษัทต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน ในการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวให้เท่ากับหรือเหนือกว่าคู่แข่ง

รายได้ของบริการค้นหาข้อมูลและโฆษณานั้นคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของบริษัท ซึ่งในปี 2023 ที่ผ่านมานั้นรายได้ในส่วนดังกล่าวสูงถึง 175,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ดีแหล่งข่าวของสื่อรายดังกล่าวได้ชี้ว่า ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของผู้บริหารของบริษัทว่าจะดำเนินตามแผนดังกล่าวหรือไม่

]]>
1469099
Google เตรียมทำลายข้อมูลผู้ใช้งานโหมด ‘ท่องเว็บแบบไม่ระบุตัวตน’ หลังถูกฟ้องเป็นคดีความและอาจเรียกค่าเสียหายได้ https://positioningmag.com/1468670 Tue, 02 Apr 2024 06:03:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1468670 กูเกิล (Google) เตรียมที่จะทำลายข้อมูลผู้ใช้งานในโหมด ‘ท่องเว็บแบบไม่ระบุตัวตน’ หรือ Incognito Mode หลังถูกฟ้องเป็นคดีความ โดยบริษัทได้เก็บข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่ปี 2016 แม้ว่าบริษัทจะยืนยันว่าไม่ได้นำไปใช้งานเพื่อระบุตัวตนของผู้ใช้งานก็ตาม

Google เตรียมที่จะทำลายข้อมูลผู้ใช้งานในโหมดท่องเว็บแบบไม่ระบุตัวตน หรือ Incognito Mode หลังบริษัทได้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา แม้ว่าบริษัทจะกล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถที่จะสืบถึงการใช้งานของผู้ใช้งานได้ก็ตาม

ผู้ใช้งานที่ฟ้อง Google ชี้ว่ายักษ์ใหญ่ไอทีรายนี้ได้วิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงเก็บ Cookies แม้ว่าผู้ใช้งานจะใช้งาน Incognito Mode หรือโหมดการท่องเว็บแบบไม่ระบุตัวตนในเว็บเบราว์เซอร์อื่น ซึ่งทำให้บริษัทสามารถรู้ถึงพฤติกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหารโปรด งานอดิเรก พฤติกรรมการซื้อของ จนถึงเรื่องส่วนตัวได้

นอกจากนี้ในคดีดังกล่าวยังมีอีเมลภายในของ Google ที่ถูกนำไปใช้ในคดีแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ที่ใช้โหมดท่องเว็บแบบไม่ระบุตัวตนนั้นได้ถูกติดตามจากพฤติกรรมการค้นหาและการโฆษณาเพื่อที่จะวัดปริมาณการเข้าชมเว็บและใช้วัดผลในการขายโฆษณา

ข้อมูลการใช้งาน Incognito Mode นั้นถูกเก็บตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมานั้นมีระดับหลายพันล้านข้อมูล

Jorge Castaneda โฆษกของ Google กล่าวในแถลงการณ์ว่า บริษัทยินดีที่จะยุติคดีนี้ และยินดีที่จะลบข้อมูลทางเทคนิคเก่าๆ ที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับบุคคลใดๆ และบริษัทไม่ได้นำข้อมูลไปใช้เพื่อระบุตัวตน

ไม่เพียงเท่านี้ในการยอมความ Google จะต้องเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการรวบรวมข้อมูลใน Incognito Mode ช่วง 5 ปีหลังจากนี้ และในโหมดดังกล่าวบริษัทจะต้องบล็อกคุกกี้ของบุคคลที่สามเป็นค่าเริ่มต้นรวมถึงต้องแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบถึงการเก็บข้อมูลว่ามีอะไรบ้าง

โดยประเด็นดังกล่าวตามหลังมาจากที่ Google ได้ยอมความในคดีความที่ถูกฟ้องร้องหมู่ในกรณีความเป็นส่วนตัว ซึ่งคดีความได้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งทนายของโจทก์ประเมินว่าความเสียหายนั้นอยู่ในช่วง 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ถึง 7,800 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ดีคดีความดังกล่าว แม้ผู้ใช้งานจะไม่ได้รับความเสียหาย แต่คดีความดังกล่าวถ้าหากมีผู้เสียหายก็สามารถที่จะฟ้องร้องรายบุคคลเพื่อเรียกค่าเสียหายกับ Google ได้

ประเด็นเรื่องของความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานนั้นได้ถูกยกเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำข้อมูลของผู้ใช้งานมาวิเคราะห์การใช้งาน ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งนั้นต้องยอมความในเรื่องดังกล่าว และมีการจ่ายค่าเสียหาย เช่น กรณีที่ Facebook ต้องจ่ายเงินในกรณีของ Cambridge Analytica หรือแม้แต่กรณีของ Google ในครั้งนี้

ที่มา – CNN, France 24, CNET

]]>
1468670
สื่อนอกรายงาน “Apple” ซุ่มดีล “Gemini” เครื่องมือ AI ของ “Google” มาเป็นฟีเจอร์บน “iOS” https://positioningmag.com/1466683 Mon, 18 Mar 2024 11:15:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466683 สำนักข่าว Bloomberg รายงานจากแหล่งข่าววงในว่า “Apple” กำลังเจรจาดีลกับ “Google” เพื่อดึง “Gemini” มาเป็นฟีเจอร์เครื่องมือ AI ในระบบ “iOS” ของ iPhone คาดระบบ AI ของบริษัทเองพัฒนาไม่ทันตลาด

แหล่งข่าววงในกล่าวกับทาง Bloomberg ว่า Apple กำลังขอลิขสิทธิ์เทคโนโลยี AI ของ Google เพื่อมาใช้อัปเดตบน iOS ภายในปีนี้ นอกจากนี้ Apple ยังมีการเจรจากับทาง OpenAI ด้วยอีกทางหนึ่งเพื่อนำโมเดล GPT มาใช้บน iOS เช่นกัน

ที่ผ่านมา Apple ได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่าจะต้องลงทุนและออกฟีเจอร์ด้าน AI ให้ทันกับตลาด ท่ามกลางบริษัทเทคมากมายที่มีการพัฒนาด้าน AI ไปแล้ว เช่น OpenAI, Microsoft, Anthropic และ Google จนกระทั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา “ทิม คุก” ซีอีโอของ Apple ต้องเอ่ยปากว่าบริษัทจะมีฟีเจอร์ Gen AI ภายในปีนี้

จากการดูประกาศรับสมัครงานของบริษัท Apple ตั้งแต่ปี 2023 จะเห็นได้ว่า Apple มีการทำงานทั้งกับเครื่องมือ Gen AI ภายนอกและเครื่องมือภายในที่พัฒนาเอง อย่างไรก็ตาม การเข้าเจรจากับบริษัทภายนอก (third-party) เพื่อนำเทคโนโลยี AI มาใช้งาน สะท้อนให้เห็นว่า Apple อาจจะไม่ได้พัฒนาด้าน AI ของตัวเองได้เร็วอย่างที่คาดหวังไว้

โมเดล AI ของ Apple เองอาจจะนำมาใช้ในฟีเจอร์บางอย่างสำหรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ “iOS 18” ที่มักจะประกาศเป็นประจำทุกเดือนมิถุนายนของทุกปีที่งาน Worldwide Developer Conference (WWDC) อย่างไรก็ตาม การหาพันธมิตรภายนอกสำหรับโมเดล Gen AI คาดว่าอาจจะนำมาใช้ในฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับการสร้างภาพขึ้นมาใหม่และการช่วยในการเขียนของผู้ใช้

ฟากเครื่องมือ “Gemini” ของ Google เองก็ยังมีปัญหาในการใช้งาน การประมวลผลออกมายังทำได้ไม่ถูกต้อง และเมื่อสัปดาห์ก่อน Google ประกาศว่าบริษัทได้ ‘บล็อก’ การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทุกหัวข้อบน Gemini ทั่วโลกแล้ว อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว TechCrunch สำรวจพบว่าผู้ใช้ก็ยังหาทางเลี่ยงการควบคุมนี้ด้วยการป้อนรูปแบบคำถามให้เลี่ยงข้อบังคับพวกนี้ได้อยู่

แม้ว่าจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ Google ก็ยังได้เปรียบในตลาดในการออกฟีเจอร์ใช้งานของกลุ่มสมาร์ทโฟน เมื่อต้นปีนี้เอง บริษัทเพิ่งจะร่วมเป็นพันธมิตรกับ Samsung เพื่อนำ Gemini ไปใช้เป็นฟีเจอร์ของสมาร์ทโฟนซีรีส์ Galaxy S24 เช่น ถอดเทปจากการบันทึกเสียงและสรุปเป็นข้อความสั้นๆ (มีประโยชน์ในการจดโน้ตการประชุม), ปรับแต่งภาพ ลบวัตถุ เติมส่วนของภาพที่ขาดหาย, ลากวงกลมรอบสิ่งของบนภาพเพื่อให้ AI ค้นหาข้อมูลให้ ทั้งนี้ ฟีเจอร์เหล่านี้ Google เองมีการนำไปใช้กับมือถือ Pixel ของบริษัทด้วยเช่นกัน

Source

]]>
1466683