Google – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 04 Dec 2025 05:37:33 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Google เปิดลิสต์ “คำค้นหายอดนิยมปี’ 68” ที่สะท้อนว่าคนไทยสนใจตั้งแต่เรื่อง AI ภัยพิบัติ ยันความบันเทิง https://positioningmag.com/1550270 Thu, 04 Dec 2025 03:55:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1550270 เป็นธรรมเนียมทุกปีที่ Google ประเทศไทย จะเปิดเผยถึงอินไซต์ Year in Search หรือ คำค้นหายอดนิยม เพื่อจะสะท้อนภาพรวมความสนใจของคนไทยตลอดทั้งปี โดยคำค้นหายอดนิยมประจำปี 2568 สิ่งที่คนไทยให้ความสนใจมีดังนี้

Gemini ครองอันดับ 1

ผลการค้นหายอดนิยมปีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการผสานกันของเทรนด์เทคโนโลยี เหตุการณ์สังคม และความบันเทิงที่ต่างมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความสนใจของคนไทยตลอดทั้งปี โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีซึ่งยังคงโดดเด่นที่สุดในปีนี้ โดย “Gemini” ครองอันดับ 1 คำค้นหายอดนิยมประจำปี 2568 นอกจากนี้ “ChatGPT” และ “DeepSeek” ก็ติดโผ 10 อันดับแรกเช่นเดียวกัน ในด้านนโยบายภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์และความเป็นอยู่ของประชาชนอย่าง “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” และ “คนละครึ่ง พลัส” ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่เหตุการณ์สำคัญอย่าง “แผ่นดินไหว” ทำให้ผู้คนหันมาค้นหาข้อมูลด้านความปลอดภัยเพิ่มขึ้น สำหรับหมวดความบันเทิง ซีรีส์ไทยยังคงครองกระแสแรงแซงโค้ง โดย “สงคราม ส่งด่วน” และ “คุณพี่เจ้าขาดิฉันเป็นห่านมิใช่หงส์” ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม รวมถึงแบบทดสอบเชิงจิตวิทยาออนไลน์ “กุญแจกลางใจ” ที่สร้างกระแสในโลกดิจิทัลตลอดปี ขณะที่ฝั่งเทคโนโลยีผู้บริโภค “iPhone 17” ยังคงเป็นหัวข้อที่ผู้ใช้งานชาวไทยติดตามอย่างใกล้ชิด

10 อันดับหมวดข่าว

เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันคนไทยยิ่งต้องการเข้าถึงข้อมูลที่เชื่อถือได้ รวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น โดยปีที่ผ่านมาเต็มไปด้วยเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ส่งผลให้การค้นหาใน หมวดข่าว ประจำปี 2568 สะท้อนความต้องการข้อมูลที่ทันสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศอย่างชัดเจน โดย “แผ่นดินไหว” ครองอันดับ 1 ของคำค้นหายอดนิยมหมวดข่าว ขณะที่นโยบายภาครัฐอย่าง “คนละครึ่ง พลัส” และ “บ้านเพื่อคนไทย”  ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่คนไทยให้ความสนใจเพื่อยกระดับด้านคุณภาพชีวิต

ส่วนสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ทำให้ “ปราสาทตาเมือนธม” “ปราสาทตาควาย” และ “ไทย–กัมพูชา” ติดอันดับต้นๆ จากความสนใจของผู้คนที่ต้องการอัปเดตสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ คำค้นหาอย่าง “พายุวิภา” “พายุคาจิกิ” และ “ตึกถล่ม” ก็ติด 10 อันดับแรกของคำค้นหาในหมวดข่าวเช่นกัน

ความกังวลของคนไทยต่อสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ ซึ่งส่งผลต่อชีวิตประจำวันทั้งการเดินทาง และความปลอดภัยสะท้อนผลอย่างชัดเจน โดย “ลงทะเบียนน้ำท่วม 2568 ออนไลน์” ครองอันดับ 1 คำค้นหายอดนิยมหมวดเหตุการณ์น้ำท่วม ตามด้วย “เช็กสถานะน้ำท่วมออนไลน์” “เยียวยาน้ำท่วม 2568” “น้ำท่วมอำเภอเมืองเชียงใหม่” “แบบฟอร์มการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม 2568” ในอันดับ 2- 5 ตามลำดับ และล่าสุด “น้ำท่วมอำเภอหาดใหญ่” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ไม่นาน ก็พุ่งขึ้นมาติดโผใน 10 อันดับแรกอย่างรวดเร็ว

 

หมวด AI

ความสนใจของคนไทยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่เครื่องมือ AI ใดเครื่องมือหนึ่ง แต่กระจายไปยังหลากหลายรูปแบบที่ตอบสนองความต้องการทั้งด้านการทำงาน การสร้างสรรค์ และความบันเทิง โดย “Gemini” ครองอันดับ 1 คำค้นหายอดนิยมหมวด AI ตามมาด้วย “ChatGPT” และ “DeepSeek” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนไทยหันมาใช้ประโยชน์จาก AI ในการค้นหาข้อมูล ช่วยทำสิ่งต่างๆ และพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ตามมาด้วยเครื่องมือ AI ที่เน้นการสร้างสรรค์อย่าง “PixVerse” (AI สร้างวิดีโอ) “NotebookLM” (คู่หูการค้นคว้าหาข้อมูลที่ทำงานด้วยระบบ AI) และ “Suno” (AI สร้างดนตรี) นอกจากนี้ “Hailuo AI”, “LMArena”, “Khui AI” และ “Claude” เครื่องมือ AI จากค่ายอื่นๆ ก็ติดโผ 10 อันดับแรกเช่นกัน ตอกย้ำให้เห็นว่าคนไทยให้ความสนใจกับเทคโนโลยี AI จากหลายค่ายและหลายรูปแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สะท้อนถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของระบบนิเวศ AI ในประเทศไทย

หมวดบันเทิง

ผลการค้นหายอดนิยมประจำปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมและความหลากหลายด้านความบันเทิงของผู้ชมชาวไทย ซึ่งยังคงให้ความสนใจกับเนื้อหาหลากหลายแนว ทั้งเรื่องราวเข้มข้น พีเรียด ดราม่า แฟนตาซี ไปจนถึงการกลับมาของซีรีส์ระดับโลกที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ในหมวดละคร/ซีรีส์ไทย “สงคราม ส่งด่วน” ซีรีส์ที่มีเค้าโครงจากชีวิตจริงของผู้ก่อตั้งบริษัทขนส่ง Flash Express ครองอันดับ 1 ตามมาด้วย “คุณพี่เจ้าขาดิฉันเป็นห่านมิใช่หงส์” ละครแนวพีเรียดโรแมนติกคอมเมดี้ซึ่งได้รับความนิยมทั่วประเทศ ขณะที่ “เขมจิราต้องรอด” “สายรักสายเลือด” และ “บนพระจันทร์ มีกระต่าย” ติดอันดับ 3–5 ตามลำดับ

ฝั่งละคร/ซีรีส์เกาหลี ปีนี้โดดเด่นด้วยภาคต่อของซีรีส์ระดับโลก โดย “สควิดเกม เล่นลุ้นตาย 2” ครองอันดับ 1 ตามด้วย “เมนูรักพิชิตใจราชา” และ “หนุ่มดวงจู๋กับหมอดูคนจ๋วย” สองซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ที่ผสานธีมอาหารและโหราศาสตร์ซึ่งยังคงได้รับความนิยมอย่างมาก ส่วน “ปลอมมาเรียน เนียนมาสืบ” และ “เอส ไลน์” แนววัยรุ่น–เหนือธรรมชาติติดอันดับ 4–5 ตามลำดับ

ด้านละคร/ซีรีส์จีน ยังคงมาแรงด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นและงานโปรดักชันคุณภาพ โดย 5 อันดับแรกได้แก่ “กระวานน้อยแรกรัก” “อริรักลิขิตใจ” “วาสนาของปลาเค็ม” “เหนือสมรภูมิ” และ “สู่ห้วงเมฆา” ครองอันดับ 1–5 ตามลำดับ

หมวดท่องเที่ยว

จากคำค้นหายอดนิยมหมวดสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศปีนี้ สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยหันมาให้ความสนใจกับ “เมืองรอง” ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมืองเก่า เมืองประวัติศาสตร์ หรือเมืองที่วิถีท้องถิ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดย “กำแพงเพชร” ครองอันดับ 1 ตามด้วย “สุโขทัย” “ลำปาง” “ทรงวาด” และ “ชะอำ”

ด้านหมวดสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ เทรนด์การค้นหาในปีนี้ชี้ให้เห็นถึงการ “ออกนอกกรอบ” ของนักเดินทางไทย ที่เลือกจุดหมายใหม่ๆ เพื่อประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใคร โดย “ภูฏาน” ครองอันดับ 1 ด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติและวัฒนธรรมอันโดดเด่น ตามด้วย “จูไห่” “ซินเจียง” “วังเวียง” “นอร์เวย์” “ฟูก๊วก” “เซนได” “มาเก๊า” “เฉิงตู” และ “อินโดนีเซีย” ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนความสนใจที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งสายแอดเวนเจอร์ สายวัฒนธรรม และสายตามหาภูมิประเทศแปลกใหม่

หมวดบุคคน

หมวด How To

หมวด คืออะไร

หมวดอาหารและคาเฟ่

ผลการค้นหายอดนิยมปีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการผสานกันของเทรนด์เทคโนโลยี เหตุการณ์สังคม และความบันเทิงที่ต่างมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความสนใจของคนไทยตลอดทั้งปี ใครที่เคยเสิร์ชหาอะไรแล้วติด Top 10 คำค้นหายอดนิยมบ้าง แชร์กันได้นะ

]]>
1550270
‘กูเกิล’ โชว์รันอัลกอริทึม ‘Quantum Echoes’ บนชิป ‘Willow’ ซึ่งเร็วกว่า ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 13,000 เท่า https://positioningmag.com/1544299 Mon, 27 Oct 2025 08:09:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1544299 หลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อของ คอมพิวเตอร์ควอนตัม (Quantum Computer) ว่าเป็นคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ที่ใช้หลักการทางกลศาสตร์ควอนตัมในการประมวลผลข้อมูล ซึ่งช่วยให้สามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วกว่าคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมที่ใช้ บิต (bit) แต่คอมพิวเตอร์ควอนตัมใช้หน่วยข้อมูลที่เรียกว่า คิวบิต (qubit) 

โดยการมาของคอมพิวเตอร์ควอนตัม จะช่วยให้มนุษย์สามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในหลากหลายสาขา รวมถึงการเร่งการวิจัยในสาขาที่ต้องใช้การจำลองที่ซับซ้อน เช่น การจำลองระบบเคมี หรือการพัฒนา AI ที่แม่นยำยิ่งขึ้น

Google เป็นหนึ่งในบริษัทที่มุ่งมั่นพัฒนาด้านควอนตัมคอมพิวเตอร์ ผ่านทีม Google Quantum AI ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ใช้งานได้จริง โดยย้อนไปในปี 2019 Google ได้เปิดตัวชิป Sycamore หน่วยประมวลผลควอนตัม (quantum processor) โดยใช้คิวบิตแบบตัวนำยิ่งยวด (superconducting qubits)

ซึ่งชิปนี้เคยสร้างสถิติในการแก้ปัญหาการคำนวณเฉพาะอย่างได้ในเวลา 200 วินาที ซึ่งซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในขณะนั้นต้องใช้เวลาถึง 10,000 ปี นอกจากนี้ ชิป Sycamore ยังถูกใช้ในการทดลองที่ซับซ้อน เช่น การจำลองเวิร์มโฮลในฟิสิกส์ อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิทยาศาสตร์ต่างยังคงกังขาถึงการยืนยันผลลัพธ์ เนื่องจากคอมพิวเตอร์    ควอนตัมมักมีข้อผิดพลาดสูง

จนในปี 2024 ทาง Google ได้เปิดตัวชิป Willow ซึ่งมี 105 คิวบิต พร้อมคุณสมบัติการแก้ไขข้อผิดพลาดที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำ มีการแสดงให้เห็นว่าชิปนี้สามารถแก้ปัญหาเฉพาะทางได้ในเวลาเพียง 5 นาที ในขณะที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์อาจต้องใช้เวลานานนับแสนล้านปี

ล่าสุด Google Quantum AI ได้ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่บนวารสาร Nature โดยได้รันอัลกอริทึมใหม่ที่มีชื่อว่า Quantum Echoes บนชิป Willow ซึ่งอัลกอริทึมนี้สามารถคำนวณแบบซับซ้อนได้เร็วกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดในปัจจุบันถึง 13,000 เท่า หรือใช้เวลาเพียง 2.1 ชั่วโมง หากเทียบกับการใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Frontier ที่จะกินเวลาประมาณ 3.2 ปี

นอกจากนี้ ความสำเร็จดังกล่าวยังเป็นการแสดงความได้เปรียบเชิงควอนตัมที่สามารถ ตรวจสอบผลลัพธ์ย้อนกลับได้ (Verifiable Quantum Advantage) เป็นครั้งแรกอีกด้วย

โดย Google ตั้งเป้าในการนำคอมพิวเตอร์ควอนตัมสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยทีมกำลังสำรวจการประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ อาทิ AI และการเรียนรู้ของ Machine Learning เพื่อช่วยแก้ปัญหาการหาค่าที่เหมาะสมที่สุดและการสุ่มตัวอย่างที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้เพื่พัฒนาวัสดุใหม่ ๆ เช่น แบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูง หรือวิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลในเชิงลึก เป็นต้น

Source

]]>
1544299
‘Google’ เล็งลดจำนวน ‘ผู้บริหารระดับสูง’ ลง 10% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน https://positioningmag.com/1504815 Wed, 25 Dec 2024 04:33:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1504815 นับตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2023 และปี 2024 เป็นต้นมา กูเกิล (Google) ได้มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำงานได้ดีขึ้น ลดความซับซ้อนของโครงสร้างองค์กร และจัดสรรทรัพยากรให้สอดคล้องกับลำดับความสำคัญ โดยการ ลดจำนวนพนักงาน

ล่าสุด ทาง Sundar Pichai ซีอีโอ Google และ Alphabet ได้แจ้งถึงพนักงานว่า บริษัทจะ ลดจำนวนผู้บริหารระดับสูงจำนวน 10% อาทิ ตำแหน่งผู้จัดการ, ผู้อำนวยการ และรองประธาน เพื่อสร้างประสิทธิภาพกับบริษัท โดยจำนวนผู้บริหารระดับสูงบางส่วนจะ ถูกโยกไปตำแหน่งอื่น ที่ไม่ใช่ตำแหน่งการจัดการ และบางส่วนอาจต้อง ออกจากบริษัท 

นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 บริษัทก็ได้เดินหน้าที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 20% ส่งผลให้นับตั้งแต่ต้นปี 2023 บริษัทได้ทำการลิกจ้างพนักงานถึง 12,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นการเลย์ออฟครั้งประวัติศาสตร์

การเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรของ Google เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการมาของคู่แข่งอย่าง OpenAI ที่มีผลิตภัณฑ์ที่ถือเป็น ภัยคุกคามธุรกิจเสิร์ชเอนจิ้น ของ Google ส่งผลให้บริษัทต้องเปิดตัว AI อย่าง Gemini และเพิ่มฟีเจอร์ AI เข้าไปในธุรกิจหลัก และเพิ่มบริการ AI ใหม่ ๆ มากมาย เช่น Google Vids” โมเดล AI สร้างวิดีโอจากข้อความและไฟล์เอกสาร

Source

]]>
1504815
Google เซ็นสัญญาซื้อพลังงานจากบริษัทไฟฟ้านิวเคลียร์ เพื่อนำมาใช้ในศูนย์ข้อมูลด้าน AI https://positioningmag.com/1494366 Tue, 15 Oct 2024 05:55:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1494366 Google (กูเกิล) ประกาศลงนามข้อตกลงซื้อพลังงานกับ Kairos Power ผู้พัฒนาเครื่องปฏิกรณ์แบบแยกส่วนขนาดเล็ก (SMR) เนื่องจากความต้องการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลนั้นพุ่งสูงขึ้น

โดย Google กล่าวว่า การซื้อพลังงานจากเครื่องปฏิกรณ์แบบแยกส่วนขนาดเล็กที่ผลิตโดย Kairos Power เป็นการรลงทุนระยะยาวในธุรกิจศูนย์ข้อมูล อีกทั้ง Kairos Power มีเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยไม่ต้องสร้างเตาปฏิกรณ์ขนาดใหญ่แบบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าพลังงานนิวเคลียร์มีบทบาทสําคัญในการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจและช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าของ AI ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

รายงานยังระบุอีกว่า Google ไม่ได้มีการเปิดเผยเงื่อนไขข้อตกลงในสัญญาซื้อขายนี้แต่อย่างใด แต่มีการเผยว่า เครื่องปฏิกรณ์แบบแยกส่วนขนาดเล็กเครื่องแรกของ Google นี้ จะเริ่มผลิตไฟฟ้าด้วยชุดปฏิกรณ์แรกในปี 2030 กำลังไฟฟ้ารวม 500 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นพลังงานที่ปลอดคาร์บอน และวางแผนจะเปิดให้บริการเพิ่มเติมภายในปี 2035

ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมามีรายงานว่า Google มีการปล่อยมลพิษเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปี 2019 สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ศูนย์ข้อมูลต้องการพลังงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ทำให้ความต้องการในการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น พลังงานนิวเคลียร์ จึงกลายเป็นแหล่งพลังงานเดียวที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ

ทั้งนี้ Google กลายเป็นบริษัทล่าสุดที่แก้ปัญหาความต้องการพลังงานไฟฟ้าสำหรับศูนย์ข้อมูล โดยเฉพาะกับงานด้าน AI ด้วยการซื้อหรือทำข้อตกลงกับโรงไฟฟ้าโดยตรง ซึ่งก่อนหน้านี้มีทั้ง Amazon ที่ซื้อศูนย์ข้อมูลติดกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และ Microsoft ที่ทำข้อตกลงให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์กลับมาผลิตไฟฟ้าให้ เป็นต้น

ที่มา : CNBC

]]>
1494366
รัสเซีย สั่งปรับ Google และ Discord 3.7 หมื่นดอลลาร์ ฐานไม่ลบคอนเทนต์ที่ผิดกฎหมายของรัสเซีย https://positioningmag.com/1492423 Tue, 01 Oct 2024 14:18:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1492423 เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ รัสเซีย ได้สั่งให้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีต่างประเทศ ลบเนื้อหาคอนเทนต์ที่เห็นว่าผิดกฎหมายของประเทศรัสเซีย เช่น กฎหมายการดูหมิ่นที่ชัดแจ้งต่อรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และสังคมรัสเซีย หรือ กฎหมายสั่งห้ามส่งต่อข่าวปลอม ซึ่งที่ผ่านมารัสเซียมีการสั่งปรับบริษัทฯ เจ้าของแพลต์ฟอร์มเทคโนโลยีต่างประเทศ อาทิ เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์มาก่อน แต่ปรับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 

แต่เนื่องจากมีบางบริษัทฯ อย่าง Google และ Discord แพลตฟอร์มแอปพลิเคชันสนทนา ที่สามารถส่งข้อความ รูปภาพ วิดิโอ เหมือนกับแอปแชททั่วไป ยังคงไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของรัสเซีย ในการลบหรือจํากัดการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ 

ทำให้ศาลแขวง Tagansky ของมอสโก สั่งปรับทั้ง Google และ Discord เป็นจำนวนเงิน 3.5 ล้านรูเบิล (ประมาณ 3.7 หมื่นดอลลาร์) โดยศาลฯ กล่าวว่า Google ถูกปรับเนื่องจากไม่ลบเนื้อหาที่รัสเซียเห็นว่าผิดกฎหมาย ในขณะที่ Discord ถูกลงโทษเนื่องจากไม่จํากัดการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกแบน

ด้านบริษัท Google และ Discord ไม่ได้ตอบกลับคําร้องในทันที โดยเฉพาะกับ Google ที่ปัจจุบันเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากรัสเซีย ทั้งเรื่องเนื้อหาและการปิดกั้นช่อง YouTube ของสื่อรัสเซียและบุคคลสาธารณะนับตั้งแต่การรุกรานยูเครนของมอสโก

ที่มา : Reuters

 



]]>
1492423
ศาลสหรัฐฯ ฟัน ‘กูเกิล’ ผูกขาดบริการ ‘เสิร์ชเอนจิ้น’ https://positioningmag.com/1485216 Tue, 06 Aug 2024 04:31:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1485216 หากพูดถึงบริการ เสิร์ชเอนจิ้น ชื่อของ กูเกิล (Google) เป็นชื่อแรกที่อยู่ในหัวคนทั่วโลกแน่นอน ขนาดในไทยยังมีคำว่า “ไม่รู้อะไรให้ถามกูเกิล” จนในปี 2020 ก็ได้มีการฟ้องกูเกิลว่า ผูกขาดบริการเสิร์ชเอนจิ้น ล่าสุด ศาลฯ ได้ตัดสินว่า กูเกิลผูกขาดจริง

ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตัดสินคดีที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (Department of Justice) ได้ตัดสินว่า กูเกิลได้ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ โดยกูเกิลได้ ทุ่มเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ในการทำสัญญาพิเศษเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในฐานะ ผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้นสำหรับสมาร์ทโฟนและเว็บเบราว์เซอร์ของโลก สัญญาดังกล่าวทำให้กูเกิลมีอำนาจในการปิดกั้นคู่แข่งที่อาจเกิดขึ้น เช่น Bing และ DuckDuckGo ของ Microsoft ปัจจุบัน กูเกิลครองตลาดการค้นหาออนไลน์ประมาณ 90% และ 95% บนสมาร์ทโฟน

สัญญาดังกล่าวทำให้เมื่อผู้ใช้ต้องการค้นหาข้อมูลกูเกิลมักจะเป็นแพลตฟอร์มที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจโฆษณาออนไลน์ขนาดใหญ่ของกูเกิลเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกูเกิลสามารถเรียกเก็บค่าบริการโฆษณาในราคาที่สูง ซึ่งสะท้อนถึงอำนาจผูกขาดในระบบการค้นหา

“หลังจากพิจารณาและชั่งน้ำหนักคำให้การของพยานและพยานหลักฐานอย่างรอบคอบแล้ว ศาลได้ข้อสรุปดังนี้ Google เป็นผู้ผูกขาด และได้ดำเนินการเพื่อรักษาการผูกขาดเอาไว้ Google ละเมิดมาตรา 2 ของพระราชบัญญัติเชอร์แมน” อมิต เมห์ตา ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ กล่าว

การตัดสินดังกล่าวถือเป็น ความพ่ายแพ้ในคดีต่อต้านการผูกขาดครั้งที่สองของกูเกิล หลังจากที่คณะลูกขุนศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในแคลิฟอร์เนีย ตัดสินว่า กูเกิลเพลย์สโตร์ (Google Play Store) เข้าข่าย ผูกขาดตลาด ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ผู้บริโภคและนักพัฒนาแอปพลิเคชัน

อย่างไรก็ตาม กูเกิลมีแนวโน้มที่จะ ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งหมายความว่าอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีกว่าจะเกิดบทลงโทษ แต่ Rebecca Allensworth ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัย Vanderbilt มองว่า คำตัดสินนี้อาจพลิกโฉมวิธีที่กูเกิลเปิดให้ผู้ใช้เข้าถึงเครื่องมือค้นหาได้ โดยส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำข้อตกลงมูลค่าสูงกับผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้ให้บริการออนไลน์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของคดี

นอกจากนี้ อาจมีแนวทางแก้ไขอื่น ๆ อีกเช่น ศาลอาจบังคับให้กูเกิล เพิ่มหน้าจอตัวเลือก เพื่อให้ผู้ใช้ทราบเกี่ยวกับเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ ที่มีให้บริการ รวมถึงบริษัทมีแนวโน้มที่จะต้องเจอ ค่าปรับ แต่ก็อาจเป็นเพียงเรื่องเล็กสำหรับบริษัทที่มีกำไรมหาศาลอย่างกูเกิล

แม้ว่า กูเกิลจะถูกฟันว่าผิดข้อหาผูกขาดตลาด แต่ Adam Kovacevich ผู้ก่อตั้งกลุ่มสนับสนุนเทคโนโลยี Chamber of Progress และอดีตผู้อำนวยการนโยบายของกูเกิล ออกมาให้ความเห็นว่า ผู้ชนะจากการตัดสินไม่ใช่ผู้บริโภคหรือบริษัทเทคโนโลยีขนาดเล็ก แต่คือ Microsoft เพราะ Microsoft ลงทุนด้านการค้นหามาหลายทศวรรษแล้ว แต่คำตัดสินในวันนี้ได้เปิดประตูสู่คำสั่งศาลให้ Bing ได้ขึ้นมาเป็นตัวเลือก

Source

]]>
1485216
สะเทือน Google! หลัง ‘OpenAI’ เปิดตัว ‘SearchGPT’ ช่วยหาข้อมูลแบบเรียลไทม์ ฉุดหุ้น Alphabet ร่วง 3% https://positioningmag.com/1484344 Fri, 26 Jul 2024 10:21:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1484344 นับตั้งแต่ที่ ChatGPT เอไอสุดล้ำของ OpenAI ออกมาสู่สายตาชาวโลกในช่วงปี 2022 ก็มาเขย่ายักษ์ใหญ่ไอทีหลายราย โดยเฉพาะ Google เสิร์ชเอนจินที่คนทั่วโลกแทบขาดไม่ได้ และ OpenAI ก็เขย่าบัลลังก์ Google อีกรอบด้วย SearchGPT

OpenAI ได้ประกาศเปิดตัวต้นแบบของเครื่องมือค้นหาที่เรียกว่า SearchGPT โดยมีจุดเด่นที่จะช่วยให้ผู้ใช้ หาคำตอบได้รวดเร็ว และได้ข้อมูลที่อัปเดตแบบ เรียลไทม์ อีกทั้งยังมีความสามารถในการ ถามต่อยอดจากคำถามก่อนหน้า ซึ่งระบบเสิร์ชเอนจินในปัจจุบันทำไม่ได้ นอกจากนี้ SearchGPT ยังระบุแหล่งที่มาของข้อมูลได้อีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม SearchGPT ยังเปิดให้ใช้งานแค่ผู้ทดลองกลุ่มเล็ก ๆ แต่ OpenAI เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะรวมเครื่องมือดังกล่าวเข้ากับ ChatGPT

“เราคิดว่าตลาดเสิร์ชเอนจินยังมีช่องว่างที่ทำให้การค้นหาข้อมูลดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI โพสต์บน X

แน่นอนว่าตั้งแต่การมาของ ChatGPT ช่วงปลายปี 2022 ส่งผลกระทบต่อ Google ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเสิร์ชเอนจินซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เพราะหลายคนมองว่า ChatGPT จะมา แย่งส่วนแบ่งการตลาดจาก Google ในการค้นหาข้อมูลออนไลน์ และการมาของบริการ SearchGPT ก็ยิ่งตอกย้ำถึงความกังวลดังกล่าวส่งผลให้ หุ้นของ Alphabet ร่วงมากกว่า 3%

ทั้งนี้ ย้อนไปเมื่อในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Google ได้เปิดตัว AI Overview ซึ่ง Sundar Pichai ซีอีโอ มองว่าเป็น การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในแวดวงการค้นหาในรอบ 25 ปี โดยเครื่องมือดังกล่าวจะมี AI เป็นตัวช่วยค้นหาข้อมูลและสรุปคำตอบให้กับผู้ใช้งาน คล้ายกับความสามารถของ SearchGPT อย่างไรก็ตาม เครื่องมือดังกล่าวยังเปิดให้ใช้แบบจำกัด และเคยถูกวิจารณ์ถึงผลลัพธ์การค้นหาที่แสดงคำตอบที่เป็นเท็จ

Source

]]>
1484344
รู้จัก ‘WIZ’ สตาร์ทด้านอัพไซเบอร์ซิเคียวริตี้ ที่ ‘Google’ กำลังทุ่ม 2.3 หมื่นล้านเหรียญเพื่อปิดดีล! https://positioningmag.com/1482847 Tue, 16 Jul 2024 09:48:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1482847 Alphabet เจ้าของ Google อยู่ในการเจรจาเพื่อซื้อ Wiz สตาร์ทอัพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์สําหรับคลาวด์คอมพิวติ้ง ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในราคาประมาณ 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์  ซึ่งถ้าดีลดังกล่าวสำเร็จ จะถือเป็นการเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่สุดของ Alphabet

สำหรับ Wiz ถือเป็นบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติอิสราเอลที่ทำธุรกิจด้านการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ โดยมี Assaf Rappaport เป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ก่อตั้ง Adallom ธุรกิจสตาร์ทอัพด้านระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งถูกขายให้กับ Microsoft ในราคา 320 ล้านเหรียญ เมื่อประมาณเกือบ 10 ปีก่อน

หลังจากขายธุรกิจไปได้ 3 ปี เขาก็ลาออกจาก Adallom เพื่อรวมตัวกับเพื่อน ๆ เพื่อสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ จนมาปี 2020 ได้ก่อตั้ง Wiz ที่ให้บริการด้านระบบรักษาความปลอดภัยบน คลาวด์ โดยตลาดคลาวด์มีมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านเหรียญ และมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 20%

Assaf Rappaport

หลังก่อตั้งได้ 9 เดือน Wiz สามารถระดมทุน Series A มูลค่า 100 ล้านเหรียญ และ 5 เดือนจากนั้น ก็สามารถระดมทุน Series B มูลค่า 120 ล้านเหรียญ ภายในเวลา 18 เดือน บริษัทสามารถทำรายได้ถึง 100 ล้านเหรียญ และเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนปี 2023 สามารถสร้างรายได้ประมาณ 350 ล้านเหรียญ ซึ่งช่วยให้ได้รับการลงทุนเพิ่มเติม 1 พันล้านเหรียญ เดือนพฤษภาคม 2024 ด้วยการประเมินมูลค่า 1.2 หมื่นล้านเหรียญ ส่งผลให้ Wiz เป็น บริษัทซอฟต์แวร์ที่เติบโตเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา

โดยจุดเด่นของ Wiz คือ ช่วยให้ผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มองเห็นภาพรวมของระบบคลาวด์ทั้งหมด ขณะที่กลยุทธ์ของ Wiz จะเน้นมุ่งไปที่ บริษัทยักษ์ใหญ่ โดยจะระดมทุนมหาศาลเพื่อเร่งการจ้างงานและเร่งเครื่องการเติบโตของบริษัท ปัจจุบัน 40% ของบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 100 เป็นลูกค้าของบริษัท อาทิ Fox, Morgan Stanley และ LVMH 

ล่าสุด Alphabet บริษัทแม่ของ Google ได้เจรจากับ Wiz หลังจากที่บริษัทระดมทุนได้ โดย Alphabet อาจเสนอเงินสูงถึง 2.3 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อซื้อบริษัท ซึ่งสูงกว่ามูลค่าที่ประเมินเกือบ 2 เท่า และหากดีลสำเร็จ ดีล ดังกล่าวกลายเป็นดีลที่มีมูลค่าสูงสุดของบริษัท แซงหน้าดีลการซื้อ Motorola ที่มีมูลค่า 1.25 หมื่นล้านเหรียญ เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว  อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขของข้อตกลงยังไม่เสร็จสิ้นและการเจรจาอาจล่มได้

ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม 2022 Alphabet ได้ซื้อบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์ Mandiant ในราคา 5.4 พันล้านเหรียญ เพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ จัดการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ดีขึ้นและสนับสนุนธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง โดย Google พยายามจะดันรายได้ในฝั่ง Google Cloud เพื่อเป็นการกระจายรายได้นอกเหนือจากธุรกิจโฆษณา และแม้ว่ายอดขายบนคลาวด์จะเติบโตขึ้น แต่ก็ประสบปัญหาในการแข่งขันกับบริการที่คล้ายคลึงกันจาก Microsoft และ Amazon

“การซื้อ Wiz แสดงให้เห็นว่า Google กําลังเดิมพันครั้งใหญ่ในพื้นที่ความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อเสริมธุรกิจ  คลาวด์” Dan Ives กรรมการผู้จัดการและนักวิเคราะห์วิจัยหุ้นอาวุโสที่ Wedbush กล่าว

CNN / Forbes / CCN

]]>
1482847
สรุปฟีเจอร์ ‘Gemini 1.5 Pro’ จาก Google ที่ออกมาชนกับ ‘GPT-4 Omni’ https://positioningmag.com/1473749 Wed, 15 May 2024 10:45:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1473749 หลังจากที่เมื่อวานทาง OpenAI ได้เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) รุ่นใหม่ GPT-4 Omni ที่มีจุดเด่นที่สามารถประมวลผลคำสั่งได้มากกว่า พูดคุยด้วยเสียงได้ สามารถวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ผ่านวิดีโอได้ มาวันนี้ Google ก็แสดงวิสัยทัศน์ที่น่าทึ่งไม่แพ้กันเกี่ยวกับ AI จะมายกระดับการใช้งานของผู้คนหลายพันล้านคน ที่ใช้งาน Google ทุกวันได้อย่างไรบ้าง

ภายในงาน Google I/O ที่จัดเป็นประจำทุกปี นำโดย Sundar Pichai ซีอีโอของ Google ที่จะมาอัปเดตถึงเทคโนโลยี AI ของ Google ในปีนี้เริ่มจาก Gemini 1.5 Pro ที่อัปเกรดให้รับข้อมูลได้ 1 ล้าน Tokens (หนังสือประมาณ 1,500 หน้า) รองรับ 35 ภาษา ถือว่า Gemini 1.5 Pro มีขนาดของ Context Window ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา LLM ที่เปิดให้บริการแก่ผู้ใช้ทั่วไป

ส่งผลให้ผู้ใช้สามารถใช้ภาษาได้อย่าง เป็นธรรมชาติหรือตรงประเด็นมากขึ้น และให้คำตอบในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ผลลัพธ์เชิงลึกหรือสรุป นอกจากนี้ยังสามารถให้คำแนะนำที่ตรงประเด็น เช่น แนะนำร้านอาหารที่เหมาะกับเด็กในบางพื้นที่

อีกความสามารถใหม่ที่อัปเกรดขึ้นก็คือ สามารถรับอินพุตประเภทต่าง ๆ ได้หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับข้อความ, คำสั่งเสียง หรือรูปภาพ อีกทั้งยังสามารถอัปโหลดไฟล์เอกสาร Doc, PDF ขึ้นบน Gemini Advanced เพื่อให้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ในไฟล์ นอกจากนี้ Gemini 1.5 Pro สามารถสรุปอีเมลล่าสุดทั้งหมดได้จากการ วิเคราะห์ไฟล์แนบภายในอีเมล

นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Gem บน Gemini เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง Gemini เวอร์ชั่นที่เรากำหนดเองได้ เช่น การสร้าง Gem เพื่อช่วยวางแผนการออกกำลังกาย เป็นต้น

ที่น่าสนใจคือ ภายในปีนี้ Google จะรวมฟังก์ชัน AI เข้ากับสมาร์ทโฟนมากขึ้น เช่น ผู้ใช้จะสามารถลากและวางรูปภาพที่สร้างโดย AI ลงใน Google Messages และ Gmail และถามคำถามเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube และ PDF บนอุปกรณ์ Android ได้ นอกจากนี้ Google มีแผนจะเพิ่มเครื่องมือใหม่สำหรับ Android จะช่วย ตรวจจับกิจกรรมที่น่าสงสัยในระหว่างการโทร ซึ่งอาจเป็นมิจฉาชีพ

อีกสิ่งที่ Google กำลังทำเพิ่มเติมก็คือ การป้องกันเพื่อลดการใช้งานในทางที่ผิด ที่อาจเกิดขึ้น โดย Google กำลังขยายฟีเจอร์ SynthID ที่มีอยู่เพื่อตรวจจับเนื้อหาที่สร้างโดย AI เมื่อปีที่แล้ว โดยเครื่องมือนี้เพิ่มลายน้ำให้กับภาพและเสียงที่สร้างโดย AI

CNN / googleblog

]]>
1473749
Google ปลดพนักงานบางส่วนอีกครั้ง แต่ไม่ได้ระบุจำนวน ชี้ทำตามแผนปรับโครงสร้างองค์กรให้มีประสิทธิภาพขึ้น https://positioningmag.com/1470258 Thu, 18 Apr 2024 01:30:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470258 Google ประกาศปลดพนักงานบางส่วนแต่ไม่ได้ระบุจำนวน ขณะเดียวกันก็มีแผนย้ายพนักงานไปประจำที่สำนักงานแห่งอื่นทั้งในและต่างประเทศ โดยแผนดังกล่าวตามมาหลังจากที่ CEO ของบริษัทเตรียมที่จะปรับโครงสร้างองค์กรอีกครั้ง

Business Insider และ Reuters รายงานข่าวว่า Google ได้เตรียมปลดพนักงานบางส่วน และยังเตรียมที่จะโยกย้ายพนักงานบางส่วน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้นเป็นช่วงเวลาที่บริษัทเทคโนโลยีนั้นต้องการที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายภายใต้สภาวะเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน

โฆษกของ Google ได้กล่าวกับ Reuters ว่าการปลดพนักงานในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการปลดพนักงานจำนวนมาก และมีผลกระทบแค่ในส่วนการบริหารภายใน อย่างไรก็ดีไม่ได้มีการบอกว่ามีการปลดพนักงานจำนวนมากน้อยแค่ไหน และระยะในการปลดพนักงานยาวนานแค่ไหน

นอกจากนี้โฆษกของ Google ยังได้กล่าวว่า นับตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2023 และปี 2024 เป็นต้นมาบริษัทได้มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำงานได้ดีขึ้น ลดความซับซ้อนของโครงสร้างองค์กร และจัดสรรทรัพยากรให้สอดคล้องกับลำดับความสำคัญ

แผนกที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการปลดพนักงานรอบนี้คือแผนกการเงินและแผนกอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ดีในการปลดพนักงานครั้งนี้ พนักงานสามารถที่จะสมัครตำแหน่งงานภายในที่บริษัทได้เปิดรับได้

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะโยกย้ายพนักงานบางส่วนไปยังสำนักงานอื่นๆ ที่ Google ได้ลงทุนทั้งในสหรัฐอเมริกา เช่น แอตแลนตา ฯลฯ หรือแม้แต่ในต่างประเทศ เช่น ในประเทศอินเดีย ไอร์แลนด์ ฯลฯ

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา Sundar Pichai ซึ่งเป็น CEO ของ Google ได้ส่งข้อความให้กับพนักงานในบริษัท โดยกล่าวว่าในปี 2024 นี้บริษัทอาจต้องมีการปลดพนักงาน เพื่อที่จะปรับโครงสร้างองค์กร รวมถึงรีดประสิทธิภาพขององค์กรด้วย

ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะต้นทุนทางการเงินที่ยังสูง จากอัตราดอกเบี้ยที่ยังไม่มีท่าทีที่จะลดลง ส่งผลทำให้บริษัทหลายแห่งต้องหันกลับมาลดต้นทุนในการปลดพนักงานอีกครั้ง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งอาจมีการปลดพนักงานระลอกใหม่ตามมา

]]>
1470258