Haier – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 17 Dec 2021 12:05:26 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ไฮเออร์” ขึ้นอันดับ 1 ตลาดแอร์ แผนปี’65 เปิดธุรกิจ “Yudee” ผ่อนเครื่องใช้ไฟฟ้า 0% 24 เดือน https://positioningmag.com/1367594 Fri, 17 Dec 2021 10:49:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1367594
  • ไฮเออร์ (Haier) ประกาศยอดขายปี 2564 โต 29% รวม 7,921 ล้านบาท แต่ตกเป้าเล็กน้อยจากการล็อกดาวน์ปิดห้างฯ ช่วงกลางปี
  • ยอดขายกลุ่ม “แอร์” ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของตลาดหากวัดจากจำนวนเครื่อง ขณะที่ “ตู้เย็น” ขึ้นมาเป็นอันดับ 4 จากเดิมเคยอยู่ในอันดับ 7
  • เตรียมเปิดโมเดลธุรกิจใหม่Yudee” (อยู่ดี) ให้ลูกค้าผ่อนเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ได้โดยไม่ต้องผ่านบัตรเครดิต อัตราดอกเบี้ย 0% สูงสุด 24 เดือน จ่ายได้ผ่านโมบายแบงกิ้ง
  • ปี 2565 ตั้งเป้าเติบโตอีก 33% ยังเน้นสินค้าเรือธง คือ แอร์, ตู้เย็น, ตู้แช่ และบุกหนักกลุ่ม “ทีวี” เตรียมออกใหม่ 17 รุ่น
  • “จาง เจิ้งฮุ้ย” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมกับ “ธเนศร์ บินอาซัน” รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศรายได้ปี 2564 ของ “ไฮเออร์” ประเทศไทย ทำได้รวม 7,921 ล้านบาท เติบโต 29% เทียบกับปีก่อน สวนทางกับตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมที่เติบโตเพียง 0.3% เทียบกับปีก่อน เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ

    อย่างไรก็ตาม รายได้ปีนี้ของไฮเออร์ถือว่าตกเป้าประมาณ 6% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากการปิดล็อกดาวน์ช่วงกลางปี ทำให้แบรนด์ขาดช่องทางขายผ่านโมเดิร์นเทรดไประยะหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นผลดำเนินงานที่น่าพอใจ

    ไฮเออร์
    เครื่องปรับอากาศ สินค้ากลุ่มหลักของไฮเออร์

    สำหรับผลดำเนินงานเป็นรายกลุ่มผลิตภัณฑ์ มีดังนี้

    • เครื่องปรับอากาศ ยอดขายรวม 3,117 ล้านบาท เติบโต 9% ขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ในกลุ่มตลาดแอร์หากวัดจากจำนวนเครื่อง โดยมีส่วนแบ่งตลาด 7%
    • ตู้เย็น ยอดขายรวม 1,673 ล้านบาท เติบโต 27% ขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 4 มีส่วนแบ่งตลาด 1% จากเดิมเคยอยู่ในอันดับ 7 โดยการเติบโตที่ดีมาจากการขายตู้เย็นหลายประตูที่มีดีมานด์สูง
    • เครื่องซักผ้า ยอดขายรวม 1,166 ล้านบาท เติบโต 39% เป็นแบรนด์อันดับ 4 ในตลาด
    • ตู้แช่ ยอดขายรวม 792 ล้านบาท เติบโต 32% เป็นแบรนด์อันดับ 1 ในตลาด มีส่วนแบ่ง 38%
    • ทีวี ยอดขายรวม 410 ล้านบาท เติบโต 111%
    • เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ ยอดขายรวม 300 ล้านบาท เติบโต 76%
    • เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ยอดขายรวม 178 ล้านบาท เติบโต 89% (ตัวอย่างสินค้า เช่น เตาอินดัคชั่น หม้อหุงข้าว เครื่องปั่น)
    • เครื่องทำน้ำอุ่น ยอดขายรวม 170 ล้านบาท เติบโต 45%

    ทั้งนี้ สำหรับช่องทางขาย ไฮเออร์ทำยอดขายผ่านอี-คอมเมิร์ซไป 643 ล้านบาท เติบโต 132% โดยหมวดสินค้าที่ขายดีผ่านออนไลน์คือกลุ่มแอร์และตู้เย็น โดยเฉพาะตลาดระดับกลางถึงล่าง

     

    Yudee โมเดลใหม่ให้ลูกค้าผ่อน 0%

    “วรลักษณ์ นพวงศ์ ณ อยุธยา” ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจอยู่ดี บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงโมเดลธุรกิจใหม่ในปี 2565 บริษัทจะเปิดโมเดล Yudee” (อยู่ดี) ให้ลูกค้าสามารถผ่อน 0% สินค้าไฮเออร์ในกลุ่มแอร์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ตู้แช่ และโทรทัศน์ ระยะเวลาตั้งแต่ 12-24 เดือน กลุ่มเป้าหมายทั้งลูกค้าที่ไม่มีบัตรเครดิต และลูกค้าที่มีบัตรเครดิตแต่ไม่ต้องการเสียวงเงินในบัตรไปกับการผ่อนสินค้าชิ้นใหญ่

    ไฮเออร์ลูกค้าที่จะผ่อนผ่าน Yudee สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Yudee มาใช้ในการชำระเชื่อมต่อกับโมบายแบงกิ้ง โดยในแอปฯ นี้จะมีฟังก์ชันเชื่อมต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้า IoT ของไฮเออร์ได้ด้วย สามารถใช้แอปฯ ทำหน้าที่เหมือนรีโมตกับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ เช่น เปิด-ปิดปรับอุณหภูมิแอร์

    วรลักษณ์วางเป้าหมายลูกค้าผ่อนผ่าน Yudee ปี 2565 เป้ามีผู้ใช้งาน 58,000 ราย มูลค่ายอดขาย 338 ล้านบาท และเติบโตจนถึงปี 2567 มีผู้ใช้งาน 200,000 ราย มูลค่ายอดขาย 1,200 ล้านบาท กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการดึงลูกค้า

     

    ปี 2565 วางเป้าโตอีก 33% เน้นกลุ่มทำความเย็น-ทีวี

    ด้าน “ปิยะศักดิ์ ศรีบัว” ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ไฮเออร์ กล่าวถึงตลาดปีหน้าว่า แบรนด์จะยังเน้นตลาดในกลุ่มทำความเย็น คือ แอร์ ตู้เย็น ตู้แช่ ซึ่งแบรนด์มีความแข็งแกร่งในตลาด รวมถึงจะเน้นการทำตลาดกลุ่ม “ทีวี” ซึ่งปีนี้จะเห็นได้ว่ายอดขายเติบโตสูงมากโดยเฉพาะทีวีขนาดใหญ่ ทำให้ปีหน้าไฮเออร์จะลุยออกทีวีรุ่นใหม่ถึง 17 รุ่น

    ไฮเออร์
    ตู้เย็นแบบหลายประตูปีนี้เป็นสินค้ามาแรง หลังจากลูกค้าอยู่บ้านกันมากขึ้น

    ธีมการออกสินค้าในปีหน้าจะเน้นเรื่องฟังก์ชัน Smart Home เป็นสินค้านวัตกรรม เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าคำสั่งเสียงที่เชื่อมต่อกับระบบ Google Assistant หรือ Alexa

    ด้านการพัฒนากลยุทธ์การขายและการตลาด จะมีการปรับหน้าร้านดีลเลอร์ให้โชว์นวัตกรรมของไฮเออร์มากขึ้น และจะมีการจัดกิจกรรมวิ่งมาราธอนของแบรนด์เพื่อวางภาพลักษณ์เป็นแบรนด์ที่ใส่ใจสุขภาพลูกค้า เสริมด้วยการใช้ KOL รีวิวสินค้าเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจสินค้าได้ง่ายขึ้น

    ไฮเออร์
    ทีมผู้บริหารไฮเออร์: (จากซ้าย) วรลักษณ์ นพวงศ์ ณ อยุธยา, จาง เจิ้งฮุ้ย, ธเนศร์ บินอาซัน และปิยะศักดิ์ ศรีบัว

    ธเนศร์กล่าวว่า เป้าหมายรายได้ปีหน้าของไฮเออร์จะยังโตต่อเนื่อง ตั้งเป้า 10,500 ล้านบาท เติบโต 33% จากปีนี้ ขณะที่ตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าไทย คาดว่าปี 2564 จะอยู่ที่ 84,000 ล้านบาท และปี 2565 น่าจะขึ้นไปแตะ 86,000 ล้านบาท เติบโต 4% ตามสภาพเศรษฐกิจที่น่าจะฟื้นตัว ยกเว้นว่าไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะมีผลกระทบในไตรมาส 1 มากกว่าที่คาดไว้

    ส่วนข้อกังวลสำหรับปีหน้า ยังกังวลเรื่องกำลังซื้อของคนไทย แม้ว่าเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น แต่ผลกระทบจากช่วง COVID-19 อาจจะยังมีอยู่ รวมถึงกังวลในแง่การจัดการต้นทุน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบการผลิตสูงขึ้น ค่าขนส่งสูงขึ้น แต่ไฮเออร์ได้วางแผนรับมือไว้แล้ว และคาดว่าต้นทุนที่กระทบกับทุกเจ้าในตลาดน่าจะทำให้การทำสงครามราคาเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลงในปีหน้า

    ]]>
    1367594
    “ไฮเออร์” ขอลุยร้านสะดวกซัก นำร่อง “Mr.Hi Smart+ by Haier” ซอยวิภาวดี 16 https://positioningmag.com/1292981 Mon, 17 Aug 2020 16:27:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1292981 ไฮเออร์ เดินหน้าขยายธุรกิจด้วยการเปิดร้านซักผ้าอัจฉริยะ 24 ชั่วโมง “Mr.Hi Smart+ by Haier” (มิสเตอร์ ไฮ สมาร์ท พลัส บาย ไฮเออร์) สาขาแรกที่ซอยวิภาวดี 16 โดยร่วมมือกับบริษัท ดีที นิว เอ็นเนอร์จี้ จำกัด เพื่อรองรับความต้องการของผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ และชุมชนใกล้เคียง

    จับตาร้านสะดวกซัก

    กลายเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตอย่างหนักสำหรับ “ร้านสะดวกซัก” หรือร้านซักผ้าที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ตอนนี้มีหลายแบรนด์เข้ามาทำตลาด และยังขยายไปยังหลายโลเคชั่นทั่วประเทศไทย

    ล่าสุดแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ขอกระโดดลงมาจัดตลาดนี้กับเขาบ้าง “ไฮเออร์” ได้นำร่องเปิดร้าน “Mr.Hi Smart+ by Haier” สาขาแรกที่ซอยวิภาวดี 16

    จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

    วางแผนเปิดทั้งหมด 50 สาขาภายในปีนี้ ผ่านดีลเลอร์ผู้จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า และแฟรนไชส์ และตั้งเป้าขยายสาขาให้ถึง 200 สาขาภายใน 2 ปี ซึ่งในปี 2563 นี้ จะเน้นในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก แล้วจึงเริ่มขยายไปยังจังหวัดหัวเมืองใหญ่ในปีถัดไป

    จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวว่า

    “สมาร์ท พลัส บาย ไฮเออร์ คือ ร้านซักผ้า 24 ชั่วโมง ภายใต้คอนเซ็ปต์ 3C ‘Clean, Care, Convenience’ ที่มุ่งเน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่โดยทำให้การซักผ้าสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งานทั้งหมดผ่านแอปพลิเคชัน Smart Plus ของไฮเออร์”

    Mr.Hi Smart+ by Haier

    สำหรับ Mr.Hi Smart+ by Haier สาขาแรกมีพื้นที่ 50 ตารางเมตร ภายในร้านมีบริการเครื่องซักผ้าขนาด 12 กิโลกรัม จำนวน 6 เครื่อง เครื่องอบผ้าขนาด 12 กิโลกรัม จำนวน 6 เครื่อง เครื่องขายน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มจำนวน 1 เครื่อง และระบบกล้องวงจรปิดรักษาความปลอดภัยที่ครบครัน รวมงบลงทุนกว่า 3 ล้านบาท

    โดยทางไฮเออร์ได้พัฒนาเครื่องซัก และเครื่องอบผ้าที่ควบคุมการใช้งานด้วยแอปพลิเคชันเต็มรูปแบบ 100% และมีรูปแบบการชำระค่าบริการผ่านแอปพลิเคชันธนาคารต่างๆ แอปพลิเคชัน Smart Plus เติมเงินได้หลายช่องทาง เช่น Prompt Pay, Counter Service, Rabbit Line Pay, TrueMoney Wallet, Alipay, WeChat, บัตรเครดิตและเดบิต เพื่อช่วยลดการสัมผัสกับตัวเครื่องและอุปกรณ์ต่างๆ

    ]]>
    1292981
    เจาะกลยุทธ์ ‘ไฮเออร์’ ผู้เขย่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยแคมเปญ ‘แอร์เติมเงิน’ กับเป้าหมายขึ้นเบอร์ 1 ใน 3 ปี https://positioningmag.com/1289165 Thu, 23 Jul 2020 11:02:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1289165 ครึ่งปีแรกก็สามารถเติบโตถึง 31% เรียกได้ว่าสวนกระแสวิกฤติ Covid-19 ดังนั้น ‘ไฮเออร์’ (Haier) จึงมั่นใจในแผนดำเนินงานในครึ่งปีแรก โดยพร้อมจะสานต่อแผนในครึ่งปีหลังทันที โดยเฉพาะโครงการ “เย็นดีแค่ 4 บาท” ที่ให้ทุกคนสามารถติดแอร์ที่บ้านได้ โดยคิดค่าใช้จ่ายที่ 4 บาท/ต่อชั่วโมง เมื่อใช้ครบ 5,200 ชั่วโมง ภายในระยะเวลาสัญญา 3 ปี รับเครื่องปรับอากาศฟรี ที่ถือเป็นแคมเปญที่ประสบความสำเร็จและเรียกเสียงฮือฮาในตลาดอย่างมาก

    มั่นใจรายได้ทะลุ 6,000 ล้านบาท โต 38%

    ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่า 6.9 หมื่นล้านบาท ติดลบประมาณ 5-10% ถือว่าไม่ได้โดนกระทบจาก Covid-19 มากเท่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและภาคบริการ ขณะที่ปัจจุบันไฮเออร์มีส่วนแบ่งตลาด 12% ครองเบอร์ 3 และในช่วงครึ่งปีแรกไฮเออร์สามารถเติบโตถึง 31% ทำรายได้ 3,500 ล้านบาท และคาดว่าครึ่งปีหลังจะเติบโตไม่น้อยกว่า 34% เป็น 2,630 ล้านบาท ดังนั้นจึงมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีจะทะลุ 6,212 ล้านบาท เติบโตรวม 38% ตามที่ตั้งเป้าไว้

    โดยในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ตลาดแอร์มีมูลค่า 27,000 ล้าบาท เติบโต 6% โดยไฮเออร์เติบโต 23% มีสัดส่วน 12% เป็นเบอร์ 3, ตลาดตู้เย็นมี 13,000 ล้านบาท ติดลบ 3% แต่ไฮเออร์เติบโต 50% มีสัดส่วน 9.5% เป็นเบอร์ 6, ตลาดเครื่องซักผ้า 13,000 ล้านบาท ติดลบ 4% ไฮเออร์เติบโต 75% มีสัดส่วน 10% ขึ้นเป็นเบอร์ 3 และ ตลาดตู้แช่ 4,700 ล้านบาท โต 3% ไฮเออร์โต 43% มีสัดส่วน 12%

    “ปัจจัยที่ทำให้เราเติบโตได้ในครึ่งปีแรกมองว่ามาจากเรามีการเตรียมตัวก่อนเกิด Covid-19 ในแง่ผลิตภัณฑ์ มีการวางแผนซับพลายสินค้าไม่ให้ขาด เพราะเรามองว่าเป็นโอกาส ขณะที่แบรนด์อื่นเบรกจะซับพลายสินค้า” จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

    จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

    สานต่อแผนเดิม พร้อมดันตลาดกลาง-บน

    เนื่องจากแผนงานช่วงต้นปีสำเร็จตามเป้า ดังนั้นมองว่าสามารถนำมาปรับต่อได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยจะเริ่มจากการสานต่อโครงการ “เย็นดีแค่ 4 บาท” โดยที่ผ่านมามีผู้ที่สนใจเกือบ 1 หมื่นคน และในเดือนกรกฎาคมคาดว่าจะติดตั้ง 1,000 เครื่อง และในปีหน้าจะขยายไปที่ BTU อื่น ๆ รวมถึงโปรดักส์อื่น ๆ รวมถึงผลักดันตลาดอีคอมเมิร์ซ โดยในช่วง Covid-19 ที่ผ่านมาเติบโตจากปกติเกือบ 400% ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน 12% ของยอดขายทั้งหมด

    ในปีนี้ ไฮเออร์ได้วางงบการตลาดไว้ 170 ล้านบาท อีกทั้งจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ โดยจะเน้นที่สินค้ากลุ่ม IoT เพราะหลายแบรนด์พูดถึง แต่ยังไม่มีผู้เล่นรายไหนทำตลาดจริงจัง และจากนี้จะเน้นสินค้ากลุ่มกลาง-บน โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนจากกลุ่มนี้ที่ 30% เป็น 50% และจะเพิ่มทีมเซลล์จาก 100 คนเป็น 120 คน ส่วนตัวแทนจำหน่ายจาก 700 รายเป็น 850 ราย

    “เราต้องการขายสินค้าที่มีแวร์ลู่มากขึ้น เพราะความต้องการของผู้บริโภคไม่ได้เติบโตตาม แต่เขาพร้อมจะจ่าย หากสินค้ามีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการ ส่งผลให้ตลาดพรีเมียมเติบโตประมาณ 15% ดังนั้น แผนครึ่งปีแรกกับครึ่งปีหลังคงไม่ต่างมาก ไม่ว่าจะรุกอีคอมเมิร์ซ พยายามโปรโมทสินค้ากลุ่ม IoT โดยพยายามทำให้ตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภคทำความเข้าใจในสินค้ามากขึ้น มีการวางดิสเพลย์สินค้าเหล่านี้มากขึ้น” 

    ตั้งเป้า 3 ปี ขึ้นเบอร์ 1 ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า

    ไฮเออร์วางเป้าหมายระยะยาวในไทยภายใน 3 ปี จากนี้จะต้องขึ้นเป็นผู้นำตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยให้ได้ด้วยยอดขายรวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยอีกจุดแข็งที่ทำให้เชื่อมั่นว่าจะสร้างการเติบโตได้คือ การมีโรงงานผลิตในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นส่วน R&D ที่ทำให้บริษัทเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคไทย โดยปัจจุบัน โรงงานดังกล่าวได้ซับพอร์ตทั้งจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ดังนั้น บริษัทจะสามารถนำสินค้าอื่น ๆ มาเสริมทัพได้ในอนาคต

    ]]>
    1289165
    แมนฯยู ลุ้นเซ็น “Haier” สปอนเซอร์คาดอก ทุบสถิติรับสูงสุดในโลก 2.5 พันล้าน/ปี https://positioningmag.com/1255131 Fri, 29 Nov 2019 08:27:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1255131 “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่อเซ็นสปอนเซอร์คาดอกรายใหม่ที่จะทำเงินสูงเป็นสถิติโลก 70 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,590 ล้านบาท) ต่อปี

    ปัจจุบันสัญญาสปอนเซอร์คาดอกของแมนฯยู กับ เชฟโรเล็ต จะสิ้นสุดลงในปี 2021 ซึ่งมีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะไม่ขยายข้อผูกมัดออกไป เพราะบริษัทค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่มองว่าเงิน 64 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,368 ล้านบาท) ต่อปีที่จ่ายให้นั้นไม่คุ้ม อีกทั้งผลงานทีมก็ไม่สู้ดีไม่ได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

    ล่าสุด แมนฯยู เจรจากับสปอนเซอร์รายใหม่ราบรื่นด้วยดีกับทาง “ไฮเออร์” (Haier) บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของสาธารณรัฐประชาชนจีน จากการตีข่าวตรงกันของสื่ออังกฤษแทบทุกสำนัก

    ซึ่งหาก แมนฯยู เซ็นกับ “ไฮเออร์” จะรับเงินมากที่สุดในโลก 70 ล้านปอนด์ต่อปี กระนั้นก็ตามยังมีเวลาถึงปี 2021 ดังนั้นยังเปิดกว้างรับทุกข้อเสนอและสปอนเซอร์เจ้าใหม่ที่จะเข้ามาเจรจา

    Source

    ]]>
    1255131
    ตลาดเดือดปุด ขายแอร์ยุคใหม่ต้องใช้พรีเซ็นเตอร์ https://positioningmag.com/1162041 Sat, 17 Mar 2018 07:52:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1162041 เทคโนโลยีแอร์ล้ำยุค พูดไปก็เท่านั้น หาพรีเซ็นเตอร์เด็ดให้คนจำแบรนด์ได้ดีกว่า น่าจะเป็นคำตอบที่ตรงที่สุดของเครื่องปรับอากาศแทบทุกแบรนด์ในตลาดไทย ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับเมืองร้อนแบบประเทศไทยเรานี้ ทั้งที่ควรจริงเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ควรจะขายได้ด้วยตัวเองมันเอง แต่หลาย ๆ แบรนด์ก็เลือกที่จะใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นดารา นักร้อง หรือคนดังที่เป็นที่นิยมในระดับต้น ๆ ณ ช่วงเวลาที่ปล่อยโฆษณาออกมา ซึ่งพรีเซ็นเตอร์นั้นก็ส่งผลให้เครื่องปรับอากาศบางแบรนด์ประสบผลสำเร็จสมกับที่ทุ่มทุนใช้พรีเซ็นเตอร์เลยทีเดียว

    เรามาเริ่มย้อนดูกันก่อนว่าแต่ละแบรนด์ของเครื่องปรับอากาศไทย ใช้พรีเซ็นเตอร์คนไหนกันมาแล้วบ้าง

    Mitsubishi มิตซูบิชิ

    • ครอบครัวโกสิยพงษ์ พ.ศ. 2551
    • โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ พ.ศ. 2558-2561

    Samsung ซัมซุง

    • อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ พ.ศ. 2553
    • แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ และ สงกรานต์ เตชะณรงค์ พ.ศ. 2556
    • ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต พ.ศ. 2560

    LG แอลจี

    • ชาคริต แย้มนาม และ วุ้นเส้น วิริฒิพา ภักดีประสงค์ พ.ศ. 2557
    • ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ พ.ศ. 2560

    Daikin ไดกิ้น

    • ณเดชณ์ คูกิมิยะ พ.ศ. 2558

    Panasonic พานาโซนิค

    • ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ พ.ศ. 2555
    • แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ และ นาย ณภัทร เสียงสมบุญ พ.ศ. 2560

    Sharp ชาร์ป

    • เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา พ.ศ. 2557

    Haier ไฮเออร์

    • บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พ.ศ. 2561

    Carrier แคเรียร์

    • ชาคริต แย้มนาม พ.ศ. 2554
    • อิศรา กิจนิตย์ชีว์ หรือ ทอม Room39 พ.ศ. 2561

    จากแต่ก่อนที่ทางตลาดเครื่องปรับอากาศต่างห้ำหั่นกันผ่านลูกเล่นของตัวผลิตภัณฑ์เอง เช่น ดักจับฝุ่นละอองในอากาศ สั่งงานด้วยเสียง เป็นต้น

    ตอนนี้พร้อมใจกันหันมาใช้พรีเซ็นเตอร์ เป็นตัวแทนส่งไปในสนามรบเพิ่ม อย่างเครื่องปรับอากาศของ Haier (ไฮเออร์) คว้าตัว บอย ปกรณ์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับทางเครื่องปรับอากาศเป็นครั้งแรกเนื่องจากอยากใช้กระแสการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ ควบคู่กับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่จาก Haier (ไฮเออร์)

    บางแบรนด์ยังคงเลือกไว้วางใจใช้พรีเซ็นเตอร์คนเดิมอย่างต่อเนื่องหลายปีติดกัน เพราะได้ผลตอบรับในด้านยอดขายที่ดีจากการใช้พรีเซ็นเตอร์คนเดิม อย่าง Daikin (ไดกิ้น) ที่พรีเซ็นเตอร์ยังเป็นพระเอกดังอย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ และ Mitsubichi (มิตซูบิชิ) ที่มีพรีเซ็นเตอร์เป็นพระเอกดังจากทางช่องเดียวกันอย่าง โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ซึ่งดูเหมือนว่านอกจากเครื่องปรับอากาศและโฆษณาที่นำโดยพรีเซ็นเตอร์จะทำงานร่วมกันในการช่วยขายผลิตภัณฑ์ให้แต่แบรนด์แล้ว กระแสของตัวพรีเซ็นเตอร์เองในช่วงเวลาที่โฆษณาออนแอร์อยู่ก็เป็นหนึ่งภาพจำ ทำให้ผู้คนจำภาพเครื่องปรับอากาศนั้น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น

    เห็นได้ชัดว่า เหตุผลที่ต้องเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์มาเป็นอีกหนึ่งนักรบหลักในการต่อสู้ทางการตลาดกับแบรนด์คู่แข่ง มีด้วยกันหลายเหตุผล เพราะตัวพรีเซ็นเตอร์นั้นจะช่วยชูโรงและอธิบายลูกเล่นข้อดีต่าง ๆ ของตัวเครื่องปรับอากาศได้ดียิ่งขึ้น เรียกง่าย ๆ ว่าเพิ่มความน่าสนใจให้กับสินค้านั่นเอง

    อีกทั้งตัวพรีเซ็นเตอร์ที่มีความน่าเชื่อถือเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็จะส่งผลไปยังผลิตภัณฑ์และแบรนด์ให้มีความเชื่อถือด้วย

    นอกจากนี้นอกจากฝ่ายแบรนด์จะได้ผลประโยชน์หลักในการขายสินค้าของตนแล้ว ตัวพรีเซ็นเตอร์เอง ก็มีพื้นที่สื่อให้ผู้คนได้เห็นตลอดเหมือนกัน

    เรียกได้ว่าได้ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย อย่างเช่น มิตซูบิชิ ที่มี โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ เป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ก็เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของแบรนด์เครื่องปรับอากาศที่เลือกใช้พรีเซ็นเตอร์และเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่เหมาะสมกับหลาย ๆ ด้าน

    ยิ่งตอนนี้อย่างตอนนี้กระแสท่านหมื่นจากละครดังบุพเพสันนิวาสก็ส่งผลให้คนไทยให้ความสนใจกับ โป๊ป ธนวรรธน์ มากขึ้น ตัวโฆษณาของ Mitsubichi (มิตซูบิชิ) เองที่มีโป๊ปแสดงนำก็ทำให้ผู้คนให้ความสนใจเข้าชมเป็นจำนวนมาก ทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น

    ช่วงเบรกโฆษณาของละครดังสะเทือนอโยธยาอย่าง บุพเพสันนิวาส ตอนนี้ ไม่ใช่แคร์ มิตซูบิชิ ส่งโฆษณาของที่ โป๊ป หรือ พี่หมื่นคนดัง มาออกอากาศอย่างถี่ยิบ และไม่ได้จำกัดแค่เครื่องปรับอากาศ แต่รวมถึงสินค้าประเภทอื่น ๆ ที่โป๊ปรับเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับทั้งแบรนด์ภายใต้แนวคิด เราคิดจากชีวิตคุณ

    หรือแม้กระทั่ง Panasonic (พานาโซนิค) ที่ใช้นางเอกเรตติ้งดีอย่าง แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ ร่วมกับพระเอกดาวรุ่งอย่าง นาย ณภัทร เสียงสมบุญ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คู่กัน ก็เพื่อดึงดูดให้ผู้คนมาสนใจชมสินค้ามากขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะได้ผลในช่วงแรก เพราะกระแสละครของทั้งคู่จบไปค่อนข้างเร็วจึงเหลือแค่บางกลุ่มเท่านั้นที่ติดตามอยู่

    ฉะนั้นจังหวะหรือทิศทางของกระแสก่อนจะเลือกพรีเซ็นเตอร์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เรียกง่าย ๆ ว่าพรีเซ็นเตอร์เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ไปเลยก็ได้

    เพราะเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ที่เมื่อแบรนด์ตัดสินใจเลือกใครมาเป็นพรีเซ็นเตอร์แล้ว ภาพลักษณ์ของพรีเซ็นเตอร์จึงเท่ากับภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ด้วย.

    ]]>
    1162041
    ‘ไฮเออร์’ของจีนทุ่ม 5,400 ล้านดอลลาร์ซื้อธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าของ ‘จีอี’ https://positioningmag.com/62244 Mon, 18 Jan 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62244
    ไฮเออร์ บริษัทยักษ์จีนทางด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าภายบ้าน เดินหน้าไปก้าวใหญ่ในเส้นทางขึ้นสู่การเป็นชื่อที่ติดปากครัวเรือนทั่วโลก เมื่อประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อธุรกิจด้านนี้ของ เจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) แห่งสหรัฐฯ ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่าร้อยปี ในราคา 5,400 ล้านดอลลาร์ 
     
    กลุ่มไฮเออร์ ((Haier)) ซึ่งมีฐานะเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรายใหญ่ที่สุดของโลกอยู่แล้ว สามารถเดินหน้าไปได้ก้าวใหญ่เมื่อวันศุกร์ (15 ม.ค.) ในการเสริมความหนักแน่นแข็งแกร่งให้แก่ “ฟุตพรินต์” ของตนเองในตลาดทั่วโลก หลังประสบความสำเร็จในการเทคโอเวอร์ธุรกิจด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของเจเนอรัล อิเล็กทริก (General Electric หรือ GE) บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมสัญชาติสหรัฐฯ
     
    ข้อตกลงคราวนี้ที่มีมูลค่า 5,400 ล้านดอลลาร์ (ราว 197,100 ล้านบาท) นับเป็นดีลที่บริษัทจีนซื้อกิจการบริษัทอเมริกัน ซึ่งมีมูลค่าสูงที่สุดดีลหนึ่งเท่าที่มีมาจนถึงขณะนี้ นอกจากนั้นเรื่องนี้ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าไฮเออร์เดินทางได้มาไกลลิบขนาดไหน จากวันเวลาอันต่ำต้อยของตนในขณะเป็นบริษัทเริ่มต้นใหม่ซึ่งเติบโตมาจากโรงงานตู้เย็นที่ใกล้จะล้มละลายเมื่อ 30 ปีก่อน ทุกวันนี้ บริษัทแห่งนี้เป็นผู้ควบคุมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านทั่วโลกเอาไว้มากกว่า 10% และทำรายได้ได้ถึง 32,600 ล้านดอลลาร์ในปี 2014
     
    แน่นอนทีเดียวที่ความเคลื่อนไหวคราวนี้จะต้องเป็นที่ชื่นชอบของรัฐบาลจีน ซึ่ง ไฮเออร์ มีความผูกพันเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยที่ทางการแดนมังกรกำลังพยายามปรับสมดุลเศรษฐกิจของตนให้เน้นหนักการบริโภคเพิ่มมากขึ้น และถอยห่างออกจากโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจในอดีตที่เอาการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนของภาครัฐเป็นตัวผลักดัน
     
    จีอีปรับเปลี่ยนจุดเน้นหนัก
     
    ในด้านของ จีอี การขายกิจการคราวนี้ถือเป็นจังหวะก้าวเดินก้าวล่าสุดของซีอีโอ เจฟฟ์ อิมเมลต์ (Jeff Immelt) ในเส้นทางหวนกลับคืนสู่รากเหง้าทางอุตสาหกรรมของบริษัทเก่าแก่อายุ 123 ปีแห่งนี้ อีกทั้งปรับโฟกัสใหม่ไปเน้นหนักที่พวกอุตสาหกรรมซึ่งใช้เทคโนโลยีอันก้าวหน้าตลอดจนการผลิตที่ล้ำสมัย ทั้งนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อิมเมลต์ได้ปล่อยขายหน่วยกิจการจำนวนหนึ่งซึ่งบริษัทได้ซื้อหาสะสมรวบรวมมาตั้งแต่ในทศวรรษ 1990 กิจการเหล่านี้อยู่ในแวดวงหลายหลากตั้งแต่ การเงินเพื่อผู้บริโภค, สื่อ, และพลาสติก
     
    จีอีแถลงว่า การขายกิจการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านคราวนี้ ได้รับไฟเขียวจากคณะกรรมการบริหารทั้งของจีอีและของไฮเออร์แล้ว แต่ยังต้องรอการอนุมัติของผู้ถือหุ้นไฮเออร์ ตลอดจนจากหน่วยงานกำกับตรวจสอบของทางการ
     
    อันที่จริงแล้ว ไฮเออร์ไม่ได้เป็นทางเลือกอันดับแรกของจีอีแต่อย่างใด คู่แข่งสำคัญสัญชาติสวีเดนอย่าง อีเลคโทรลักซ์ ต่างหากที่เดินหน้าเซ็นข้อตกลงซื้อขายมูลค่า 3,300 ล้านดอลลาร์กับจีอีแล้วด้วยซ้ำ แต่แล้วกลับถูกหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯยับยั้งไว้ เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการส่งมอบส่วนแบ่งราว 40% ของตลาดสหรัฐฯให้แก่ผู้ผลิตที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงสต็อกโฮล์มรายนี้
     
    ด้วยความหวังที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการซ้ำรอยอีก หลังจากนั้นมา อิมเมลต์ จึงมุ่งจับจ้องมองไปยังเอเชีย ซึ่งมีโอกาสสูงกว่ามากที่จะค้นหาผู้ซื้อที่น่าจะได้รับการอนุมัติจากวอชิงตัน
     
    ไฮเออร์กับความหวังที่จะเป็น “แบรนด์ของโลก”
     
    สำหรับไฮเออร์แล้ว ข้อเสนอนี้เป็นการหนุนเสริมความทะเยอทะยานของตนที่จะก้าวขึ้นเป็น “แบรนด์ของโลก” นอกจากนั้นยังจะเป็นโอกาสให้ได้รับที่ยืนอันมั่นคงในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของสหรัฐฯ จากที่ปัจจุบันนี้ไฮเออร์ช่วงชิงมาร์เก็ตแชร์มาได้เพียงแค่ราว 1% เท่านั้น
     
    “ข้อตกลงคราวนี้จะก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีคุณภาพสูงขึ้นและหลากหลายมากขึ้น สำหรับให้ผู้บริโภคทั้งหลายของโลกได้เลือกใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น” ไฮเออร์กล่าวในคำแถลงซึ่งออกมาภายหลังประกาศข่าวการเข้าซื้อเมื่อวันศุกร์ (15 ม.ค.)
     
    ไฮเออร์ และ จีอี ยังแถลงด้วยว่า พวกเขาตกลงที่จะก่อตั้งความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน เพื่อร่วมมือกันในด้านต่างๆ อย่างเช่น อินเทอร์เน็ต, การดูแลรักษาสุขภาพ, และการผลิตระดับก้าวหน้าล้ำสมัย
     
    ซีอีโอ อิมเมลต์ ของจีอี กล่าวยกย่องข้อตกลงครั้งนี้ว่า “เป็นดีลที่ดีซึ่งจะให้ประโยชน์ทั้งแก่นักลงทุนของเรา ลูกค้าของเรา และพนักงานของเรา”
     
    ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไฮเออร์เข้าเทคโอเวอร์กิจการของบริษัทต่างประเทศ เมื่อปี 2011 บริษัทก็ได้ซื้อกิจการด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อผู้บริโภคของบริษัทซันโย แห่งญี่ปุ่นมาแล้ว
     
    ทำความรู้จัก “ไฮเออร์”
     
    กลุ่มไฮเออร์ในปัจจุบันมีฐานะเป็นผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน บริษัทเติบโตผงาดขึ้นมาจาก โรงงานตู้เย็นชิงเต่า (Qingdao Refrigerator Factory) ในเมืองชิงเต่า ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญทางภาคตะวันออกของจีน จาง รุ่ยหมิน (Zhang Ruimin) ซีอีโอของกลุ่มไฮเออร์ ได้รับแต่งตั้งให้ไปบริหารโรงงานแห่งนี้เมื่อตอนกลางทศวรรษ 1980
     
    จางกลายเป็นคนดังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกว้างขวาง จากการแสดงปฏิกิริยาของเขาต่อเสียงร้องเรียนของลูกค้ารายหนึ่ง ซึ่งทำให้เขาเข้าตรวจสอบโกดังของบริษัทและพบว่ามีตู้เย็น 76 ตู้จากกว่า 400 ตู้ที่อยู่ในสต็อก เป็นสินค้าที่คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน
     
    เขาออกคำสั่งให้พนักงานของเขาทุบตู้เย็นแย่ๆ เหล่านั้นทิ้งเป็นเศษเหล็ก โดยที่ตัวเขาเองเป็นผู้นำถือค้อนทำการทุบทิ้ง
     
    “ถ้าผมยอมให้เอาตู้เย็น 76 ตู้นี้ออกไปขาย ย่อมเป็นการส่อแสดงเป็นนัยๆ ว่า ผมจะยินยอมปล่อยให้โรงงานทำการผลิตตู้เย็นคุณภาพไม่ได้มาตรฐานแบบนี้ 760 ตู้หรือกระทั่ง 7,600 ตู้ในวันพรุ่งนี้นั่นเอง” เขากล่าวอธิบายเอาไว้เช่นนี้ ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวซินหวา
     
    ซินหวายังระบุว่า อุปกรณ์ที่ จาง ใช้ในการทุบทำลายตู้เย็นในครั้งนั้น เวลานี้ถูกนำมาตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ระดับชาติแห่งหนึ่ง
     
    วิธีการบริหารจัดการต่างๆ ของไฮเออร์ ได้ถูกนำมาศึกษากันตามสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจต่างๆ รวมทั้งมหาวิทยาฮาร์วาร์ดด้วย ถึงแม้เรื่องโครงสร้างความเป็นเจ้าของของบริษัทแห่งนี้มีลักษณะอย่างไรแน่ๆ ยังคงเป็นสิ่งที่คลุมเครือไร้ความชัดเจน
     
    โดยทางการแล้ว กลุ่มนี้แบ่งออกเป็นหน่วยธุรกิจหลายๆ หน่วยซึ่งมีหลายๆ บุคคลเป็นเจ้าของร่วมกัน ในบรรดากิจการในเครือของไฮเออร์ มีอยู่ 2 บริษัทซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนมีการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ ไฮเออร์ อิเล็กทรอนิกส์ (Haier Electronics) ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง และ ชิงเต่า ไฮเออร์ (Qingdao Haier) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ โดยบริษัทแห่งหลังนี้เองที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าซื้อกิจการด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของจีอี
     
    ไฮเออร์มีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยที่ จาง รุ่ยหมิน เป็นกรรมการสำรองคนหนึ่ง ในคณะกรรมการกลางของพรรคชุดปัจจุบัน
     
    (ข่าวจาก China’s Haier buys GE’s appliance business in $5.4 billion deal By Asia Unhedged/DW/AFP 15/01/2016)
     
     

    ]]>
    62244