InVent – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 21 May 2020 09:31:32 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 โลจิสติกส์รุ่งเรือง! InVent ลงทุนรอบ Series D ใน “นินจาแวน” อีก 8,370 ล้านบาท https://positioningmag.com/1279844 Thu, 21 May 2020 09:31:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1279844 อินเว้นท์ (InVent) ประกาศร่วมลงทุนกับ นินจาแวน (Ninja Van) ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ในอาเซียน หลังระดมทุนรอบ Series D ได้เงินลงทุนกว่า 279 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 8,370 ล้านบาท การระดมทุนในครั้งนี้นอกจาก InVent  ยังมีนักลงทุนชั้นนำอื่นๆ ร่วมทุนด้วย เช่น GeoPost SA และ Grab

รับตลาดอีคอมเมิร์ซโตสูง

จากรายงานของ e-Conomy SEA 2019 พบว่าจากปี 2558 ถึงปี 2562 ยอดขายของตลาด e-commerce เติบโตขึ้น 62% ส่วนยอดขายในไทยเติบโตขึ้น 54% ปัจจัยสำคัญมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาซื้อของผ่านออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ยอดจัดส่งพัสดุโดยรวมมีแนวโน้มสูงขึ้นเป็นกว่า 4 ล้านชิ้นต่อวัน ทำให้ธุรกิจขนส่งพัสดุของไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องราว 66,000 ล้านบาท

ดร.ณรงค์พนธ์ บุญทรงไพศาล หัวหน้าโครงการบริษัทร่วมทุนอินเว้นท์ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“นับเป็นก้าวสำคัญของอินเว้นท์ในการลงทุนด้านโลจิสติกส์ สอดรับกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของธุรกิจ e-commerce ทั้งในไทย และต่างประเทศ อินเว้นท์ คาดหวังว่าการร่วมทุนในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนการทำธุรกิจของผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) ให้สามารถขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเพิ่มยอดขายได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมมาซื้อของผ่านออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งเป็น new normal ที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ และ e-commerce  ทั้งในไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

นินจาแวนสู่ Series D

นินจาแวน ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ ในปี 2557 โดย Lai Chang Wen ปัจจุบันให้บริการครอบคลุมใน 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไทย ในปี 2559 นินจาแวน เริ่มให้บริการในประเทศไทย เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์สืบเนื่องมาจากความต้องการในการใช้งานด้าน e-commerce ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนี่อง

นินจาแวน ประเทศไทย เน้นการให้บริการที่ใช้โซลูชั่นโลจิสติกส์ โดยมีบริการเรียกเข้ารับพัสดุแบบ smart pickup ผ่านทางแอปพลิเคชัน Lineman เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับร้านค้า ใช้ระบบการเชื่อมต่อระบบการจัดการโลจิสติกส์กับธุรกิจ e-commerce เพื่อจัดรถเข้ารับพัสดุให้ทันภายใน 90 นาที ทำให้การขนส่งลื่นไหลและทำได้อย่างรวดเร็ว ในด้านของการคัดแยกและการส่งพัสดุถึงปลายทาง

ขั้นตอนนี้ พนักงานสามารถทำการสแกนและคัดแยกได้อย่างง่ายดายแค่ยิ่งบาร์โค้ดบนตัวกล่องพัสดุก็จะแสดงปลายทางจัดส่ง เพียงเท่านี้ก็สามารถลดเวลาการคัดแยกได้ และนำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทำให้พนักงานจัดส่งสามารถรับมือกับปริมาณพัสดุที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่มีข้อผิดพลาดในการจัดส่ง

ในส่วนของปลายทาง ผู้ส่งสามารถเช็คการจัดส่งสินค้าได้โดยใช้โซลูชั่นที่พัฒนาขึ้นโดยนินจาแวนในการติดตามและวางแผนการจัดส่งพัสดุแบบ real time ทำให้ทั้งผู้รับและผู้ส่งสามารถทราบได้ทันทีว่าพัสดุของคุณกำลังอยู่ในขั้นตอนไหนและบริการเก็บเงินปลายทางเพื่อช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้า

]]>
1279844
ผ่าเกมลงทุนสตาร์ทอัพของ “อินเว้นท์” แย้มปีนี้อาจเห็นอีก 2 ดีล https://positioningmag.com/1187645 Fri, 14 Sep 2018 01:00:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1187645 เข้าสู่ปีที่ 6 แล้วสำหรับอินเว้นท์” (InVent) Corporate Venture Capital ที่อยู่ภายใต้บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน

ที่ผ่านมาได้เข้าลงทุนไปแล้ว 16 บริษัท ได้แก่ Ookbee, Computerlogy, Meditech Solutions, Sinoze, Infinity Levels Studio, Playbasis, Golfdigg, Shopspot, Wongnai, Social Nation, Digio, Event Pop, Shopback, YDM Thailand, VVR Asia และ Choco Card Enterprise แต่ปัจจุบันเหลืออยู่ในพอร์ต 14 บริษัท โดย 2 บริษัทได้โอนให้บริษัทในเครือและอีก 2  บริษัท ได้ถอดการลงทุนแล้ว

แต่ละปีวางงบลงทุน 200 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 2,3,4 ดีล จากการพูดคุย 10 กว่าดีล สำหรับลงทุนในสตาร์ทอัพสายโทรคมนาคม, มีเดียและเทคโนโลยี โดยความสนใจตอนนี้อยู่ในกลุ่มของ AI, Data Analysis และ Blockchain

เฉลี่ยแล้วจะลงทุนไม่เกิน 60 ล้านบาทในช่วง Series A Funding ซึ่งสตาร์ทอัพจะต้องมีโมเดลธุกิจที่ชัดเจน ตลาดที่เข้าไปเจาะ กับเริ่มมีลูกค้าบ้างแล้ว แต่ยังไม่สามารถทำกำไร ส่วนขั้น Seed Fund กำลังอยู่ในช่วงพิจารณาว่า จะเข้ามาลงทุนขั้นนี้ในปีหน้าหรือไม่

สำหรับปีนี้ได้ลงทุนไปแล้ว 70 ล้านบาทใน 2 บริษัทได้แก่ YDM Thailand ผู้ให้บริการด้านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง มูลค่า 30 ล้านบาท แลกกับหุ้น 8% และ Choco Card Enterprise เป็น Digital CRM Platform ลงทุน 40 ล้านบาทได้หุ้น 20%

คาดว่าปีนี้อาจจะได้เห็นการลงทุนอีก 1-2 ดีล แต่ทั้งนี้ยังไม่รู้ว่าจะสามารถประกาศได้ในปีนี้หรือไม่ เพราะบางครั้งจบดีลปีนี้ แต่ลงทุนจริงๆ จะเป็นปีถัดไป

คิมห์ สิริทวีชัย รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารการลงทุน บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อินเว้นท์คาดหวังกับทุกการลงทุน โดยต้องการให้มีการเติบโตในระดับภูมิภาคเหมือน Go-Jek หรือ Grab

หากในช่วงแรกต้องเป็นผู้นำในเมืองไทยก่อน ซึ่งก็จะช่วยให้เติบโตผ่านบริษัทลูก รวมไปถึงขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ผ่านเครือข่ายที่มีทั้งสิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ที่สุดแล้วปลายทางที่อินเว้นท์จะเห็นคือบริษัทเติบโต หรือเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ

“6 ปีที่ผ่านมาอินเว้นท์ลงทุนไปประมาณ 470 ล้านบาท โดยปัจจุบันมูลค่าที่ลงทุนไปเพิ่มขึ้นมาเป็น 680 ล้านบาทแล้ว โดยสตาร์ทอัพที่มีศัพยภาพเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ ขณะนี้ในพอร์ตมีอยู่ 2 บริษัท ได้แก่ 1.วงใน มีเดีย ที่คาดว่าจะสามารถเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ภายใน 2 ปีนี้ ตอนนี้อินเว้นท์ก็ได้ส่งทีมกฎหมายเข้าไปเตรียมความพร้อม และ 2.อุ๊คบี แต่คาดว่าจะต้องรออีกสักพัก เพราะปัจจุบันยังไม่สามารถทำกำไรได้เลย

“Choco” ดีลล่าสุดที่ อินเว้นท์ เข้าลงทุน

อย่างไรก็ตาม “Choco” คือดีลล่าสุดที่อินเว้นท์ได้ประกาศเข้าลงทุนใน Series A ใช้เวลาพูดคุย 6 เดือนถึงปิดดีลลงได้

“Choco” เป็น Digital CRM Platform ที่เกิดขึ้นมาได้ 4 ปีแล้ว มีที่มาที่มาจากผลสำรวจที่พบว่า มีลูกค้าใหม่กว่า 60% ที่ไม่เคยกลับมาซื้อซ้ำ อีกทั้งการหาลูกค้าใหม่ยังต้องใช้ต้นทุนสูงกว่าการรักษาลูกค้าเก่าถึง 5 เท่า

โมเดลธุรกิจหลักอยู่ที่การเข้าไปทำระบบ CRM ให้กับธุรกิจต่างๆ ผ่าน 3 ช่องทางหลักในการสื่อสารกับ End-Users คือบัตรสมาชิก เบอร์โทรศัพท์ และแอปพลิเคชั่น โดยสามารถทำการสะสมแต้ม ซื้อคูปอง ซื้อแพ็กเกจ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการทำวิจัยพฤติกรรมของลูกค้าด้วย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการกลับมาซื้อซ้ำ

ปัจจุบันมีลูกค้าทั้งหมด 1,300 ราย ฐานหลักเป็นธุรกิจ SME ถึง 90% ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม

อินเว้นท์ ให้เหตุผลที่เลือกลงทุน มาจากกลุ่มเป้ามายของ Choco ที่หลักๆ อยู่ในกลุ่ม SME นี้แหละ เพราะขณะนี้ในเมืองไทยมี SME กว่า 3 ล้านราย แสดงว่ายังมีโอกาสอีกมากสำหรับ Choco อีกทั้งแต่ละปียังเติบโตกว่า 300%

สิรสิทธิ์ สุริยพัฒนพงศ์

สิรสิทธิ์ สุริยพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช็อคโก้ คาร์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด กล่าวว่า

ถ้าถามว่าคู่แข่งในตลาดนี้มีไหม เท่าที่เห็นมีอยู่รายเดียวคือ บัซซี่บีส์ แต่บัซซี่บีส์จะเน้นไปทางลูกค้าองค์ขนาดใหญ่ ซึ่งต่างจาก Choco ที่มีฐานเป็นองค์กรขนาดกลางและเล็ก

เงินที่ได้จากการลงทุนจะถูกนำไปใช้ใน 3 ส่วน 1.ขยายโปรดักต์ที่จะเน้นเจาะเข้าไปในสินค้าที่วางขายในโมเดิร์นเทรด 2.ขยายไปในต่างจังหวัด เริ่มที่ชลบุรี และภูเก็ตก่อน หลังจากนั้นจึงไปทั่วประเทศ 3.ทำการประชาสัมพันธ์และการตลาด เพื่อดึงลูกค้าใหม่ๆ เข้ามา

ภายใน 3 ปีตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้าเป็น 5,000 ราย พร้อมกับคาดว่าจะมีรายได้ 150 – 200 ล้านบาท.

]]>
1187645