Kimberly-Clark – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 07 Sep 2019 11:02:39 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 คุณแม่เซ็งผ้าอ้อมแพง Kimberly-Clark ยันยังขายดีไม่อ่วมพิษภาษีสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ https://positioningmag.com/1245636 Sun, 08 Sep 2019 02:58:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1245636 Photo : cnbc

CEO บริษัทใหญ่ Kimberly-Clark ระบุสงครามการค้าจีนสหรัฐฯไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท ยอมรับราคาสินค้ากลุ่มผ้าอ้อมและกระดาษชำระแพงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว แต่ไม่ใช่เพราะพิษการเมืองเรื่องขึ้นภาษี ยืนยัน Kimberly-Clark ไม่ได้นำเข้าแต่เน้นผลิตในท้องถิ่นเพื่อลูกค้าในพื้นที่มาต่อเนื่อง

Michael Hsu ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Kimberly-Clark บริษัทผู้ผลิตผ้าอ้อม Huggies แสดงความเห็นถึงกรณีที่สินค้ากลุ่มผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็ก กระดาษชำระ Kleenex และผลิตภัณฑ์อื่นแบรนด์ Cottonelle ของ Kimberly-Clark ส่วนใหญ่มีราคาแพงขึ้นกว่าเดิมตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 เป็นต้นมา ว่าการปรับขึ้นราคาในสหรัฐฯไม่ได้มีสาเหตุเพราะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ผิดกับสินค้านำเข้ากลุ่มอื่นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากกว่า

Hsu ระบุว่าในภาพรวม บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสู่ตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากส่วนใหญ่แล้ว Kimberly-Clark ผลิตสินค้าในตลาดท้องถิ่นสำหรับผู้บริโภคในพื้นที่ การประกาศว่าสินค้าของ Kimberly-Clark ไม่ได้รับผลเสียจากภาษีศุลกากรส่งให้หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นอีก

แข็งแกร่งทั้งในจีนและสหรัฐฯ

Hsu ซึ่งเข้ามาเป็นซีอีโอ Kimberly-Clark ในเดือนมกราคม 2019 เชื่อว่า Kimberly-Clark เป็นแบรนด์ที่มีความพิเศษ เพราะแม้ผู้บริโภคจะรับรู้ว่า Kimberly-Clark เป็นแบรนด์อเมริกัน แต่ลูกค้าก็จะมอง Kimberly-Clark ว่าเป็นสินค้าในท้องถิ่นเช่นกัน เนื่องจากแหล่งผลิตที่หลากหลาย ซึ่งทำให้ Kimberly-Clark ได้ใจลูกค้าในพื้นที่มาตลอด

ผลคือยอดขายของ Kimberly-Clark เพิ่มขึ้นเป็นเลข 2 หลักต่อเนื่องหลายไตรมาส ส่งผลให้หุ้น Kimberly-Clark เพิ่มขึ้น 22.4% หลังจากลดลงต่อเนื่องระหว่างเดือนมีนาคม 2017 และเมษายน 2018 โดยล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นของ Kimberly-Clark เพิ่มขึ้นก่อนจะลดลงในช่วงปิดตลาด 1.5% ที่ 139.48 เหรียญสหรัฐ

คำให้สัมภาษณ์ของ CEO เจ้าพ่อผ้าอ้อมยังเป็นสิ่งยืนยันได้ว่า การผลิตในท้องถิ่นของ Kimberly-Clark ทำให้บริษัทได้รับประโยชน์ท่ามกลางสงครามการค้า เพราะไม่เพียงแต่การหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรได้สำเร็จ แต่กลยุทธ์นี้ยังทำให้ผู้บริโภคจีนไม่มอง Kimberly-Clark ว่าเป็นบริษัทอเมริกันแบบเต็มตัว ทำให้ Kimberly-Clark ประสบความสำเร็จในการบุกตลาดจีนจนเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง

นวัตกรรมช่วยลดต้นทุน

สำหรับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น ผู้บริหาร Kimberly-Clark ระบุว่าเป็นเพราะกลไกตลาด ซึ่งทีมงานของบริษัทกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมให้บริษัทสามารถผลิตสินค้าพรีเมี่ยมในราคาต้นทุนที่ลดลง โดยที่ผ่านมา Kimberly-Clark ยืนยันว่าการขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นชัดเจนในปี 2018 ที่ผ่านมา

แต่แม้ราคาจะแพงขึ้น ผู้บริโภคก็ไม่ได้หันหลังให้กับ Kimberly-Clark ยอดขายที่ยังสดใสทำให้บริษัทมองว่าจะมีโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่ลดลงตามราคาต้นทุนสินค้าที่จะลดลงแน่นอนในปีนี้ ซึ่งสะท้อนว่า Kimberly-Clark จะมีโอกาสได้ลงทุนในแบรนด์ Kimberly-Clark อีกครั้ง

การยืนยันของ Kimberly-Clark ถือว่าสวนทางกับความเห็นของนักวิเคราะห์รายอื่นที่กังวลกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย จากมาตรการภาษีซึ่งจะทำให้สินค้าที่นำเข้าจากปรเะเทศจีน มีราคาแพงขึ้นเมื่อนำมาจำหน่ายในสหรัฐฯ โดยสถิติพบว่าการจับจ่ายใช้สอยสินค้าจีนของผู้บริโภคคิดเป็น 70% ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทีเดียว

อย่างไรก็ตาม Kimberly-Clark ไม่กังวลปัญหาเศรษฐกิจ ถดถอยที่อาจทำให้ยอดขายลดลง เนื่องจาก Hsu มองเห็นความแข็งแกร่งจากผู้บริโภค โดยมั่นใจว่าผู้บริโภคสหรัฐฯมีความยืดหยุ่นมากในการจับจ่าย.

Source

]]>
1245636
Kimberly-Clark เจ้าของผ้าอ้อม Huggies-ทิชชู Kleenex ลอยแพ 5,000 ชีวิต ปิดโรงงาน 10 แห่ง https://positioningmag.com/1154444 Wed, 24 Jan 2018 14:06:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1154444 Kimberly-Clark เปิดแผนลดพนักงาน 5,000 ตำแหน่ง หรือประมาณ 13 เปอร์เซ็นต์ของกำลังแรงงานทั่วโลก ขณะเดียวกันก็เตรียมปิดหรือเลขายโรงงาน 9 แห่งจาก 91 แห่งทั่วโลก บนเป้าหมายลดต้นทุนให้ได้ 2 พันล้านเหรียญฯ ภายในปี 2021

การประกาศแผนลดจำนวนพนักงานลง 13% ของ Kimberly-Clark ถือเป็นสัญญาณบอกความไม่ปกติของเศรษฐกิจโลก โดย Kimberly-Clark มีแบรนด์ดังในมืออย่างผ้าอ้อม Huggies และกระดาษทิชชู Kleenex จุดนี้ทำให้มีการวิเคราะห์ว่า การลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นไปเพื่อกู้วิกฤติขาลงยอดขายของบริษัท

สำหรับแผนปิดหรือขายสายพานการผลิต 9 แห่งใน 91 โรงงานทั่วโลก Kimberly-Clark หวังว่าจะข่วยให้บริษัทสามารถตัดลดต้นทุนได้มากกว่า 2 พันล้านเหรียญฯ ภายใน 4 ปีนับจากนี้ จุดนี้มีรายละเอียดแจงว่าประมาณ 1.5 พันล้านเหรียญฯ จะมาจากการรัดเข็มขัดภายในธุรกิจ ขณะที่อีก 500 ล้านเหรียญฯ ถึง 550 ล้านเหรียญฯ จะมาจากความพยายามในการปรับปรุงการผลิตและห่วงโซ่อุปทานทั้งระบบ

หลายปีที่ผ่านมา Kimberly-Clark ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคนั้นพยายามต่อสู้เพื่อไม่ให้หุ้นของบริษัทตกต่ำ Kimberly-Clark ไม่ต่างจากบริษัทอื่นที่ต้องพยายามเติบโตเพื่อให้สอดคล้องกับความคาดหวังของนักลงทุน แต่ความพยายามนี้สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้างเพราะการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการช้อปปิ้งของผู้บริโภต และความกดดันด้านการแข่งขันของวงการ

วิกฤติของ Kimberly-Clark เห็นได้ชัดจากส่วนแบ่งการตลาด วันนี้ผู้ค้าปลีกในสหรัฐฯ เช่น Target และ Costco ต้องดึงดูดผู้ซื้อด้วยการลดราคาสินค้าเพื่อจำหน่ายออนไลน์ ในขณะเดียวกันก็ต้องแข่งกับร้านค้าปลีกอื่นเช่น Walmart, Aldi และ Lidl ทั้งหมดนี้รู้จักกันดีเรื่องราคาสินค้าที่ต่ำกว่า และทุกคนยังคงต้องเปิดร้านใหม่และหาทางเพิ่มอิทธิพลของตัวเอง

ตัวอย่างเช่น Procter & Gamble คู่แข่งรายใหญ่ของ Kimberly-Clark ประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าจะจัดโปรโมชันลดราคามีดโกน Gillette ทั้งหมดนี้ทำให้ฐานะเจ้าพ่อสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่สุดพีแอนด์จี ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นและโกยส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งไปได้มากขึ้นต่อเนื่อง

P&G มีหลายแบรนด์ที่แข่งขันกับ Kimberly-Clark โดยตรง โดยเฉพาะตลาดผ้าอ้อมที่แข่งขันรุนแรงในแทบทุกตลาดทั่วโลก ไม่พอ ทั้งคู่ยังได้รับความกดดันจากการที่ Amazon ตัดสินใจเปิดตัวธุรกิจผ้าอ้อมของตัวเอง จุดนี้ถือเป็นการบุกหนักตลาดผ้าอ้อมเด็ก ที่ผู้ซื้ออย่างพ่อแม่ผู้ปกครองต้องเติมเงินเพื่อซื้อเป็นประจำ และมีผู้ซื้อมากขึ้นต่อเนื่อง

รายงานเบื้องต้นระบุว่า Kimberly-Clark กำลังพิจารณาเรื่องการขายธุรกิจกระดาษทิชชูสำหรับผู้บริโภค เซกเมนต์นี้จะรวมแบรนด์กระดาษ Scott และแบรนด์อื่นซึ่งมีจำนวนรวมประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรวมบริษัท

การตัดสินใจของ Kimberly-Clark เป็นไปในทางเดียวกับ Unilever และ Nestle ที่พยายามตัดธุรกิจที่ไม่โตตามเป้าหมายหรือ underperforming business ทิ้งไป จุดนี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Thomas Falk แสดงความเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงของบริษัทจะทำให้บริษัทมีผลกำไรที่ดีขึ้น และเพิ่มความยืดหยุ่นให้บริษัทสามารถลงทุนในธุรกิจอื่นที่มีการเติบโตมากกว่า แถมยังช่วยให้บริษัทแข่งขันกับคู่แข่งได้ดีขึ้น

หุ้นของ Kimberly-Clark เพิ่มขึ้นไม่ถึง 1% หลังประกาศ สำหรับช่วงไตรมาสที่ 4 ปีการเงิน 2017 Kimberly-Clark รายงานรายได้สุทธิที่ 1.75 เหรียญฯ ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 1.40 เหรียญฯ ในปีที่ผ่านมา โดยหลังจากหักรายการค่าใช้จ่ายทางบัญชี บริษัทมีรายได้ราว 1.57 เหรียญฯ ต่อหุ้น

ยอดขายสุทธิ Kimberly-Clark เพิ่มขึ้น 1% แตะที่ 4.6 พันล้านเหรียญฯ ในขณะที่ยอดขายในอเมริกาเหนือลดลง 2% ตัวเลขเหล่านี้ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดว่า Kimberly-Clark จะทำได้ 1.54 เหรียญฯ ต่อหุ้น จากรายได้ 4.6 พันล้านเหรียญฯ ตามคาดการณ์ของ Thomson Reuters

สิ่งที่น่าสนใจจากตัวเลขผลประกอบการของ Kimberly-Clark คือราคาจำหน่ายสินค้าของบริษัท ลดลง 4% ผลจากการจัดโปรโมชันซึ่งมีความสำคัญมากขึ้นในสินค้าหลายประเภท ทั้งหมดนี้คาดว่ายอดขายสุทธิในปีนี้ 2018 จะเพิ่มขึ้น 1-2% เช่นเดิม

ที่มา : cnbc.com/2018/01/23/kimberly-clark-to-slash-5000-half-in-north-america-close-10-factories.html

]]>
1154444