LQD – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 11 Mar 2020 23:52:44 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Anheuser Busch เปิดตัวเบียร์สายพันธุ์ใหม่ด้วย LQD รสชาเขียว และน้ำมะพร้าว https://positioningmag.com/1267897 Wed, 11 Mar 2020 16:22:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1267897 Anheuser-Busch หรือ AB InBev ตันสังกัดแบรนด์เบียร์ดังประกาศเริ่มทำตลาด “Hard Peach Green Tea” ชาเขียวลูกพีชพันธุ์ใหม่ และ Hard Passion Green Tea รสเสาวรสที่สหรัฐอเมริกา ไลน์สินค้าล่าสุดถูก Anheuser-Busch เรียกว่า LQD Creative Liquids จุดยืนสำคัญคือการวางกลุ่มเป้าหมายที่ผู้รักสุขภาพ รวมถึงการใส่สุดยอดส่วนผสม เช่น น้ำมะพร้าวและชาเขียว โดยรสที่จะเปิดตลาดตามมาในเร็ววันนี้คือ Hard Coconut Water

ก้าวใหม่ของ Anheuser Busch คือการรีอิมเมจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย LQD ซึ่งตอบโจทย์เทรนด์รักษาสุขภาพขั้นสุดยอดในอุตสาหกรรมเหล้า เทรนด์นี้ทำให้เบียร์แคลอรีสูงถูกเมิน สวนทางกับเครื่องดื่มน้ำตาลน้อยที่ได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มค็อกเทลพร้อมดื่มที่ผสมด้วยส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพ ตามรอยตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อัดก๊าซ hard seltzer ที่ขยายตัวก้าวกระโดดในนาทีนี้

ความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมนักดื่มรุ่นใหม่ทำให้แบรนด์เบียร์ขนาดใหญ่ต้องดิ้นรนเพื่อซื้อและสร้างแบรนด์ให้มีภาพใส่ใจสุขภาพ ขณะเดียวกันก็ต้องกระตุ้นความอยากรู้อยากลองให้นักดื่มตัดสินใจหยิบเครื่องดื่มมาลิ้มรสว่าตรงกับที่จิตนาการไว้หรือไม่

เปิดเกมกระตุ้นต่อมอยากรู้

Anheuser Busch ตั้งคำถามบนหน้าแรกของเว็บไซต์ LQD ให้ผู้บริโภคนึกสงสัยว่า น้ำมะพร้าวและชาเขียวสามารถนำมาปรุงเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้หรือไม่ แม้หลายคนจะตอบว่าไม่ แต่ Anheuser Busch อาสาเปิดตลาดเพื่อสร้างปรากฏการณ์เครื่องดื่มพันธุ์ใหม่ โดยในค็อกเทล LQD ยังมีรสน้ำมะนาว Hard Agave Limeade และช่วงกลางปีนี้ จะถึงคิว Hard Hibiscus Lemonade เพื่อชิมลางตลาด

จุดเด่นของเครื่องดื่มกลุ่มนี้ คือแต่ละกระป๋องจะมีน้ำตาล 10-12 กรัมเท่านั้น ถือว่ารับลูกกับตัวเลขที่สมาคมดูแลหัวใจแห่งชาติอเมริกัน ซึ่งแนะนำว่าผู้หญิงควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 25 กรัมต่อวัน และผู้ชาย 36 กรัม

สิ่งที่ควรสังเกตอย่างยิ่งคือเครื่องดื่มประเภทค็อกเทลกระป๋องนั้นมีปริมาณแอลกอฮอล์เพียง 5% ต่ำกว่าไวน์ทั่วไปที่ 1 แก้วมีแอลกอฮอล์ 12% โดยค็อกเทลหลายชนิดมีปริมาณแอลกอฮอล์ 12-20% และจะมากกว่านี้หากผู้ชงเป็นมือสมัครเล่นหรือผู้ที่ไม่ต้องการอิงสูตรตายตัว

สำหรับเบียร์ โดยทั่วไปแล้วเบียร์มีแอลกอฮอล์ 4% แต่ถูกออกแบบมาเพื่อการบริโภคที่เร็วกว่าค็อกเทล และไม่มีส่วนผสมที่ถือว่าเป็นส่วนผสมเพื่อสุขภาพตามเทรนด์เลยแม้แต่น้อย

ปรับภาพตามเทรนด์

การเปิดตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ให้พลังงานเพียง 200 แคลอรีนี้เป็นผลงานของ Brewers Collective กลุ่มธุรกิจคราฟต์ของ Anheuser Busch ซึ่งต้องการเจาะตลาดผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพแต่ไม่เต็มใจที่จะประนีประนอมกับรสชาติหรือคุณภาพสินค้า ขณะเดียวกัน เครื่องดื่มเหล่านี้ยังถูกแพ็คในบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ทั้งหมดนี้ย้ำว่าผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดของโลกกำลังปรับภาพบริษัทให้ตอบเทรนด์โลกที่เปลี่ยนไป

การตอบเทรนด์สำเร็จจะทำให้ Anheuser Busch ได้รางวัลอย่างงาม เพราะนักวิเคราะห์บางรายคาดว่ายอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อัดก๊าซ (seltzer) จะพุ่งขึ้น 270% ในปีนี้ ตัวเลขนี้สะท้อนว่าเครื่องดื่มพันธุ์ใหม่มีอนาคต ซึ่งจะเสริมกับการฟื้นตัวของเครื่องดื่มมอลต์ที่เริ่มเห็นผลในปี 2559 ที่มีการนำรสชาติผลไม้มาชูโรง

สำหรับ AB InBev ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่พยายามพัฒนาเครื่องดื่มพันธุ์ใหม่ของตัวเองต่อเนื่อง ที่โดดเด่นที่สุดคือสามารถเปิดตัว Bud Light Seltzer ซึ่งสำนักข่าว CNN ระบุว่าเป็นหนึ่งในเครื่องดื่ม hard seltzer ที่มียอดขายสูงสุดในสหรัฐอเมริกาภายในไม่กี่สัปดาห์หลังการเปิดตัว

ในรายงานนั้น CNN ชี้ว่า AB InBev เป็นเจ้าของแบรนด์ seltzer มากกว่า 3 ใน 5 อันดับท็อปของตลาดอเมริกา ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ปริมาณการดื่มเบียร์ทั่วสหรัฐฯ ลดลง 2.3% ในปีที่แล้ว เป็นการลดลงปีที่ 4 ติดต่อกันจากข้อมูลของบริษัทวิจัย IWSR

ในขณะที่แบรนด์ในสหรัฐฯ พบปริมาณการดื่มเบียร์ลดลง 3.6% ในปี 2562 แต่การบริโภคคราฟต์เบียร์กลับเพิ่มขึ้น 4.1% สูงกว่าตลาดเบียร์นำเข้าที่เติบโตขึ้นอีก 3.1% และผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ต่ำและไม่มีแอลกอฮอล์เลย พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 6.6%

ทั้งหมดนี้เป็นบทสรุปเหตุผลที่ทำให้ Anheuser Busch ต้องรีอิมเมจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย LQD รสชาเขียวและน้ำมะพร้าว.

]]>
1267897