บมจ. เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) (KEX) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (SFTH) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 26.82% ได้ประกาศรับซื้อหุ้นของบริษัทขนส่งรายดังกล่าวทั้งหมด
SFTH ได้ตั้งราคารับซื้อหุ้นที่ 5.5 บาทต่อหุ้น คาดว่าจะใช้เม็ดเงินมากถึงราวๆ 7,000 ล้านบาทในการเข้าซื้อหุ้นที่เหลืออีก 73.18% ซึ่งมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่หลายรายไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบริษัท BTS และกองทุนรวมต่างๆ หรือแม้แต่นักลงทุนรายย่อย
หุ้นของบริษัทขนส่งรายนี้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อช่วงปลายปี 2020 โดยมีราคา 28 บาทต่อหุ้น และราคาหุ้นเคยทำสถิติสูงสุด 73 บาท ในวันเปิดทำการซื้อขายวันแรก ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับนักลงทุน เนื่องจากบริษัทเป็นผู้เล่นรายใหญ่ของธุรกิจขนส่งสินค้า และเป็นธุรกิจที่มีกำไร
อย่างไรก็ดี ในเดือนกันยายนของปี 2021 ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KEX คือทาง Kerry Logistic Network ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้ขายหุ้นสัดส่วน 51.8% ให้กับ SF Express ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งเจ้าใหญ่ของประเทศจีน เป็นเม็ดเงินมากถึง 17,600 ล้านฮ่องกงดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 80,000 ล้านบาท
ผลที่เกิดขึ้นทำให้ KEX ต้องมีการปรับโครงสร้างบริษัท ภายใต้การบริหารของ SF Express โดยความเคลื่อนไหวมีทั้งการออกหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 3,400 ล้านบาท หรือแม้แต่การรับเงินช่วยเหลือระยะสั้นมูลค่า 1,700 ล้านบาท เพื่อที่จะทำให้บริษัทสามารถขยายตลาดหรือแม้แต่มีสภาพทางการเงินที่ดีขึ้น
เมื่อปลายเดือนธันวาคมปี 2023 ที่ผ่านมา Kerry Logistic Network ได้ประกาศปันผลเป็นหุ้นของ KEX ออกมาให้กับผู้ถือหุ้นทุกราย ซึ่งจะทำให้ SFTH ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SF Express จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่แทน ก่อนที่จะมีการประกาศรับซื้อหุ้น
ธุรกิจขนส่งในประเทศไทยถือเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันดุเดือด เนื่องจากมีผู้เล่นหลายราย เช่น Flash Expres ไปรษณีย์ไทย ฯลฯ ไปจนถึงผู้เล่นที่เป็นธุรกิจ E-commerce อย่าง Shopee Express หรือแม้แต่ Lazada Express ซึ่งลูกค้าหลายรายเองสามารถเปลี่ยนไปใช้งานผู้ที่ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นด้วยปัจจัยราคา ปัจจัยด้านคุณภาพการขนส่งได้เสมอ
ผลจากการแข่งขันดังกล่าวได้ทำให้ KEX นั้นมีผลประกอบการขาดทุนตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา โดยขาดทุนไปทั้งสิ้น 2,830 ล้านบาท และผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2023 บริษัทมีผลประกอบการขาดทุน 2,725 ล้านบาท ผลดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นของบริษัทไม่เคยกลับไปเท่ากับช่วงที่ IPO ด้วยซ้ำ
ในการประกาศรับซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทนั้นอาจมีผู้ถือหุ้นบางส่วนนั้นไม่ขายหุ้นให้กับ SFTH ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินที่ใช้ในการซื้อหุ้นนั้นไม่ถึง 7,000 ล้านบาท แต่สัญญาณดังกล่าวแสดงให้เห็นการปรับโครงสร้างของ SF Express รวมถึงการปรับกลยุทธ์ของบริษัทขนส่งจากจีนว่าเอาจริงเอาจังกับการต่อสู้ในประเทศไทย ซึ่งมีผู้เล่นหลายราย รวมถึงผู้เล่นจากธุรกิจ E-commerce ด้วย
]]>บริการขนส่งพัสดุกลายเป็นธุรกิจที่มาแรงและน่าจับตามองสำหรับปีนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจจะซบเซาด้วยพิษโควิด-19 แต่ธุรกิจขนส่งกลับเป็นช่วงขาขึ้นที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค
โดยช่วงที่ผ่านมามีการช่วงชิงตลาดกันอย่างดุเดือด แต่ Flash Express (แฟลช เอ็กซ์เพรส) บริษัทที่ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรสัญชาติไทย ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่ยืนหนึ่งและยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งในห้วงเวลานี้ ด้วยรูปแบบการบริการจัดส่งพัสดุที่หลากหลาย และคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก จึงทำให้มีตัวเลขเติบโตกว่า 400 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2562 โดยในปีนี้ Flash Express การันตีความเป็นสุดยอดผู้ให้บริการด้วยการส่งพัสดุถึงมือลูกค้ามากกว่า 300 ล้านชิ้นทั่วไทย
และนี่คือ 7 สุดยอดบริการที่โดดเด่นจนทำให้ Flash Express เป็นบริการขนส่งพัสดุที่โดนใจผู้บริโภคในปี 2563
1 ใน 7 สุดยอดบริการของแฟลชที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือบริการเข้ารับพัสดุฟรีถึงบ้านโดยไม่มีขั้นต่ำ ส่งเพียงชิ้นเดียวก็ให้บริการ และยังสามารถระบุจุดรับที่ต้องการให้พนักงานเข้ารับพัสดุได้ทุกที่ทั่วไทย จึงไม่ต้องเสียเวลาออกไปส่งพัสดุเองข้างนอก
นอกจากบริการเข้าไปรับพัสดุฟรีถึงบ้าน แฟลชยังจัดราคาค่าส่งสุดพิเศษเพื่อเอาใจผู้บริโภค ในราคาเริ่มต้นเพียง 18 บาท เมื่อส่งพัสดุในจังหวัดเดียวกันทั่วไทย ยกเว้นแค่จังหวัดกรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี
แอปพลิเคชัน Flash Express ทำให้การรับส่งพัสดุของผู้บริโภคสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น เพราะมีบริการครบครัน สามารถเรียกพนักงานเข้ารับพัสดุถึงบ้าน และยังสามารถจัดการพัสดุต่าง ๆ ได้แบบ One Stop Service ซึ่งตอบโจทย์คนที่ขายของออนไลน์อย่างยิ่ง โดยสามารถโหลดแอปฯ ฟรีทุกระบบปฏิบัติการ Android : https://bit.ly/2BIu9Ar / iOS : https://apple.co/388OLy8 และ Huawei : https://bit.ly/2NApSBQ
การบริการของแฟลชทำให้การรับส่งพัสดุเป็นเรื่องง่าย และไร้ขีดจำกัด เพราะเปิดให้บริการตลอด 365 วัน ไม่มีวันหยุด จึงสามารถส่งของได้ทุกวัน และรับของได้ทุกวัน ไม่ต้องกังวลว่าจะล่าช้าเพราะติดวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์แต่อย่างใด
อีกหนึ่งบริการที่เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ คือการบริการส่งพัสดุแบบเก็บเงินปลายทาง (COD) ที่มีค่าธรรมเนียมถูกที่สุดเพียง 2.5% จึงช่วยประหยัดค่าส่งให้กับคนขายของออนไลน์ ยิ่งส่งบ่อย ส่งมาก ก็ยิ่งประหยัดได้มาก
นอกจากนี้ยังสามารถสแกน QR Code เพื่อจ่ายเงินให้กับพนักงานส่งพัสดุได้ด้วย ทำให้ไม่ต้องสัมผัสเงินโดยตรง และไม่ต้องกังวลว่าจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคใด ๆ ในช่วงสถานการณ์ของโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ด้วย
การส่งพัสดุชิ้นใหญ่ในราคาเบา ๆ เป็นอีกหนึ่งบริการที่แฟลชจัดให้ลูกค้าในปีนี้ โดยสามารถส่งพัสดุได้ขนาดใหญ่มากขึ้นสูงสุดรวมกัน (กว้าง+ยาว+สูง) ได้ถึง 280 ซม. ขนาดสูงสุดด้านละ 150 ซม. และส่งน้ำหนักได้มากที่สุดถึง 50 กก. โดยสามารถเรียกพนักงานเข้ามารับที่บ้านได้เช่นเดียวกัน
บริการ Speed Service ของแฟลช เป็นบริการเสริมที่ช่วยการันตีความเร็วในการจัดส่งให้กับลูกค้า หากใช้บริการดังกล่าวแล้วพัสดุถึงปลายทางเกินกว่าเวลามาตฐานที่กำหนดไว้ ทางแฟลชยินดีดีคืนเงินค่าจัดส่งให้ทันที ซึ่งสามารถใช้บริการนี้ได้บนพื้นที่รับพัสดุทั่วประเทศไทย
ทั้งหมดนี้คือ 7 สุดยอดบริการในปี 2563 ของ Flash Express ที่โดดเด่นจนเป็นที่จับตามองสำหรับบริการขนส่งพัสดุสัญชาติไทยที่มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อคนไทยอย่างแท้จริง
]]>นายคมสันต์ ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ แฟลช (FLASH GROUP) ผู้ให้บริการด้าน E-Commerce แบบครบวงจร ระบุว่า ภาพรวมตลาดขนส่งในครึ่งปีหลังการแข่งขันเรื่องราคาและคุณภาพการให้บริการน่าจะเป็น 2 ปัจจัยที่ต้องโฟกัส รวมไปถึงเรื่องความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้าก็น่าจะเป็นสิ่งที่เข้มข้นมากเช่นกัน โดยปัจจุบันแฟลชให้บริการเริ่มต้นที่ 25 บาท
ดังนั้น แฟลชอัดงบเพิ่ม 4,500 ล้านบาท โดยเน้นลงทุนในเทคโนโลยี รวมไปถึงการลงทุนในด้านบุคลากร ขยายศูนย์บริการในประเทศเพิ่มอีก 5,000 แห่ง รวมเป็น 10,000 แห่ง และจะเพิ่มรถขนส่งพัสดุอีกราว 30% จากเดิมที่มีรถขนส่งพัสดุประเภทต่าง ๆ ที่วิ่งอยู่ทั่วประเทศกว่า 15,000 คัน เพื่อเร่งวางแผนทำในส่วน Same day และ Next day ให้ครอบคลุมครบ Nationwide และเตรียมขยายบริการไปยัง 3 ประเทศกลุ่ม AEC ให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 4
“ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทยต่างเปลี่ยนแปลงไปจนเกิดเป็นวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เรียกว่า New Normal ที่เน้นการช้อปปิ้งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมีตัวเลขเติบโตสูงกว่า 35% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า ปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลต่อธุรกิจขนส่งทำให้ยอดส่งพัสดุของผู้ให้บริการแต่ละเจ้าในตลาดสูงขึ้นตามไปด้วย”
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก แฟลชมียอดส่งพัสดุรวมกว่า 100 ล้านชิ้น โดยมียอดส่งพัสดุเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 1 ล้านชิ้นหรือเติบโตขึ้นกว่า 3,000% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทำให้มีรายได้ต่อเดือนมากกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นผู้เล่นที่ติด Top 3 ในตลาดขนส่ง
ล่าสุด บริษัทได้ออกแคมเปญ “แฟลชเปย์ เฮคุ้ม ลดสูงสุด 50% ตลอดเดือนสิงหาคม” โดยลดราคาค่าบริการในการจัดส่งพัสดุลง 50% ทุกวันจันทร์-วันเสาร์ ตลอดเดือนสิงหาคม โดยลูกค้าจะสามารถใช้บริการได้ทุกช่องทาง ทั้ง ผ่านแอปพลิเคชัน Flash Express, ศูนย์บริการแฟลช เอ็กซ์เพรส, ศูนย์บริการ แฟลช โฮม ทั่วประเทศ
]]>ก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า
เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถซื้อขายสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะสินค้าอุปโภค บริโภคผ่านร้านค้าออนไลน์ได้โดยไม่ต้องออกจากบ้านในสถานการณ์การที่เชื้อ Covid-19 แพร่กระจายมากขึ้น อีกทั้งเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ให้หยุดชะงัก
ไปรษณีย์ไทยจึงออกบริการ “ยิ้มสู้-19” ส่งสิ่งของเหมาจ่ายราคาประหยัด อัตราค่าบริการชิ้นละ 19 บาทราคาเดียว น้ำหนักสิ่งของฝากส่งสูงสุดไม่เกิน 1 กิโลกรัม/ชิ้น จัดส่งสิ่งของถึงปลายทางภายใน 2-5 วันทำการ สามารถติดตามสถานะสิ่งของได้ พร้อมความคุ้มครองสูงสุด 1,000 บาท/ชิ้น
สามารถใช้งานร่วมกับบริการเก็บเงินปลายทาง (COD) โดยวงเงินเรียกเก็บ ณ ที่อยู่ผู้รับไม่เกิน 30,000 บาท/ชิ้น พร้อม SMS แจ้งผู้รับปลายทางได้ โดยคิดค่าบริการบวกเพิ่มอีก 10 บาท/ชิ้น ซึ่งจะเรียกเก็บจากสินค้าที่เก็บเงินได้แล้วเท่านั้น สามารถใช้บริการได้ทุกที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม – 30 เมษายน 2563
นอกจากบริการ “ยิ้มสู้-19” ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคผ่านร้านค้าออนไลน์โดยไม่ต้องกังวลกับค่าส่ง และไม่ต้องออกไปในพื้นที่แออัดที่เสี่ยงต่อการรับเชื้อแล้ว ไปรษณีย์ไทยยังพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid -19 อย่างใกล้ชิด
พร้อมทั้งมีมาตรการในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ Covid-19 ในทุกขั้นตอนของไปรษณีย์ไทย โดยทำความสะอาดจุดสัมผัสทุก 30 นาที มีเจลล้างมือให้บริการทุกที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบนไปรษณียภัณฑ์ทุกชิ้นที่มีต้นทางจากต่างประเทศ เจ้าหน้าที่นำจ่ายตรวจร่างกายทุกวันก่อนออกปฏิบัติงาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการทุกคน
]]>ในปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจในฮ่องกงยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร แต่ในเวียดนาม เมียนมา ลาว และกัมพูชา ยังคงเติบโตได้ดี
การรุกตลาดเอเชียยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ดีเคเอสเอชได้เข้าซื้อกิจการจากบริษัท 3 แห่งในตลาดที่มีการเติบโตเร็วทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงผลักดันให้เกิดการควบรวมตลาดในภูมิภาคเอเชีย
ดีลที่สำคัญที่สุดคือการเข้าซื้อบริษัท PT Wicaksana เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคและผลิตภัณฑ์ยาในประเทศอินโดนีเซีย ด้วยผู้ชำนาญการจำนวน 870 ราย และศูนย์กระจายสินค้า 32แห่งทั่วเมืองใหญ่ๆ ในอินโดนีเซีย ซึ่งมีการตกลงการเข้าถือหุ้นที่ 60-65% ดีลนี้ถือเป็นความพร้อมในการขยายตลาดไปยังประเทศอินโดนีเซียที่มีประชากรมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจาะตลาดด้วยหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคและหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของดีเคเอสเอช
สเตฟาน พี. บุซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดีเคเอสเอช กล่าวว่า ” ดีเคเอสเอชได้พิสูจน์ให้เห็นว่าบริษัทสามารถประสบความสำเร็จได้มากแค่ไหนแม้ในตลาดที่เข้าถึงยาก ในขณะเดียวกันเราก็เติบโตได้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจากเพียงมุมมองเชิงพาณิชย์เท่านั้น แต่เกิดขึ้นจากการเข้าสู่ตลาดในเชิงกลยุทธ์ของหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศอินโดนีเซีย ในอนาคตเราจะยังคงใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการเติบโตจากธุรกิจหลักของบริษัทในเอเชียซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วนี้ พร้อม ๆ ไปกับการพิจารณาเข้าซื้อกิจการที่จะเพิ่มมูลค่าให้เรา“
ดีเคเอสเอชได้เผยผลประกอบการในครึ่งปีแรกปี 2560 แบ่งเป็นตามกลุ่มธุรกิจ
ยอดขายสุทธิรวมของกลุ่มเพิ่มขึ้น 3.8% เป็น 5.3 พันล้านฟรังก์สวิส หรือราว 1.86 แสนล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2560 ผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 138.8 ล้านฟรังก์ หรือราว 4,800 ล้านบาท กำไรหลังหักภาษีอยู่ที่ 93.3 ล้านฟรังก์สวิส เพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว กระแสเงินสดอิสระอยู่ที่ 56.7 ล้านฟรังก์สวิส ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว
ยอดขายสุทธิในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคหดตัวลงเล็กน้อยที่ 3.1% ไปเป็น 1.8 พันล้านฟรังก์สวิส หรือ 63,000 ล้านบาท ปัจจัยหลักจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและระดับหนี้สินในครัวเรือนที่สูงในประเทศไทย ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจซบเซาในฮ่องกงส่งผลให้ระดับการบริโภคลดลง
ผลกำไรจากการดำเนินงาน 45.5 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 1,600 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย ความต้องการของผู้บริโภคโดยรวมซึ่งอยู่ในระดับต่ำและค่าใช้จ่ายพิเศษในการเตรียมการผลิต สำหรับสัญญาใหม่กับคู่ค้าในฮ่องกงและประเทศไทยส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร
นอกจากนั้นดีเคเอสเอชยังคงปรับโครงสร้างธุรกิจสินค้าหรูหรา และทำให้ผลการดำเนินงานในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพยอดขายสุทธิเพิ่มขึ้น 8.4% ไปเป็น 2.9 พันล้านฟรังก์สวิส หรือ 101,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงอันดับต้นๆ ในเกือบทุกตลาดที่เกี่ยวข้องในเอเชีย กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 76.0 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 2,660 ล้านบาท
ในเดือนมกราคม ดีเคเอสเอชได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท Europ Continents Cambodia ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเฉพาะด้าน จากการเข้าซื้อกิจการนี้ ดีเคเอสเอชสามารถขยายตำแหน่งผู้นำในตลาดของภาคผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในกัมพูชา
ยอดขายสุทธิในหน่วยธุรกิจนี้อยู่ที่ 449.6 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 15,700 ล้านบาท ซึ่งเพิ่ม 3.5% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2559 ในปีที่แล้ว ผลกำไรจากการดำเนินงานเท่ากับ 37.4 ล้านฟรังก์สวิสในปี พ.ศ. 2559 หรือ 1,309 ล้านบาท ผลกำไรจากการดำเนินงานได้รับผลกระทบเชิงบวกจากการแข็งค่าของเงินสกุลยูโรและเงินเยน ต้นทุนของวัตถุดิบพิเศษเมื่อแปลงเป็นสกุลเงินยูโรและสกุลเงินเยนจะลดลงจากปีที่แล้วเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินทั้งสอง ซึ่งส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานสูงขึ้น ผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2560
หน่วยธุรกิจเทคโนโลยีมียอดขายสุทธิ 185.9 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 6,506 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 6.5% จากปีที่แล้ว ในธุรกิจนี้ มีความต้องการสูงในด้านสินค้าเพื่อการลงทุนในทรัพย์สินประเภททุนและเครื่องมือวิเคราะห์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น
ผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 5.7 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 200 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้ว คำสั่งซื้อคงค้างของเดือนที่เหลือของปี พ.ศ. 2560 แสดงให้เห็นว่าต้องมีการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงกว่า ซึ่งจะส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงาน
]]>
ดีเอชแอล บริษัทผู้นำระดับโลกในธุรกิจขนส่งด่วนระหว่างประเทศ ล่าสุดประกาศร่วมเป็นพันธมิตรด้านลอจิสติกส์อย่างเป็นทางการในการแข่งขัน “รักบี้เวิลด์คัพ 2015” โดยเปิดตัวโครงการเพื่อชิงรางวัล “นำส่งลูกรักบี้” สำหรับแฟนรักบี้ชาวไทยรุ่นเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 8 – 15 ปีบริบูรณ์
สำหรับการแข่งขัน “รักบี้เวิลด์คัพ 2015” จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 ซึ่งเป็นการแข่งขันรักบี้ชิงชนะเลิศของโลก ที่จัดขึ้นทุก 4 ปี โดยมีประเทศอังกฤษเป็นประเทศเจ้าภาพในปี 2558 ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2558
ดีเอชแอลต้องการมอบโอกาสพิเศษให้กับเด็กผู้โชคดีจำนวน 48 คน ซึ่งรวมถึง 1 คนจากประเทศไทย เป็นผู้นำส่งลูกรักบี้ที่ใช้ในการแข่งขันทั้ง 48 เกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ในการแข่งขันรักบี้เวิลด์ คัพ 2015
การแข่งขันทั้งสิ้นจะมีรอบแบ่งกลุ่ม 40 สนาม และรอบแพ้คัดออกอีก 8 สนาม โดยประเทศที่เล่นรักบี้ทั้ง 48 ชาติจะได้รับโอกาสให้ส่งเด็ก 1 คนพร้อมด้วยพ่อหรือแม่ หรือผู้ปกครองของเด็ก เข้าร่วมการโปรโมทการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย
รางวัลสำหรับเด็กผู้โชคดีนั้น นอกจากการนำส่งลูกรักบี้ที่ใช้ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการไปยังกรรมการผู้ตัดสินในสนาม ผู้ชนะยังจะได้รับตั๋วเข้าชมการแข่งขัน 2 ที่นั่ง ชุดอุปกรณ์การแข่งขันรักบี้ เวิลด์ คัพของดีเอชแอล (DHL RWC) ที่รวมถึงชุดยูนิฟอร์ม ลูกรักบี้ ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และตั๋วเครื่องบินเพื่อต่อเครื่องไปยังเมืองและสถานที่ที่มีการแข่งขัน ที่พัก 2 คืน ของขวัญสมนาคุณพร้อมรูปถ่ายที่ระลึกในการนำส่งลูกรักบี้ไว้เป็น “ความทรงจำที่มีค่า”
“เรามีความยินดีเป็นอย่างมาก ที่ได้มีโอกาสรวมพลังกับรักบี้เวิลด์คัพ อีกครั้ง ในการแข่งขันรักบี้เวิลด์ คัพ 2015” ยาสมิน อลาดาด คาน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้กล่าว “เราแสดงเจตจำนงค์ในการสนับสนุนกีฬารักบี้ทั่วโลกมาโดยตลอด โดยเราให้ความสำคัญตั้งแต่การให้การสนับสนุนการแข่งขันหรือกิจกรรมเล็กๆ ที่เกี่ยวกับกีฬารักบี้ในท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งการเป็นพันธมิตรร่วมของเราในการแข่งขันรักบี้ เวิลด์ คัพ 2015 ครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมการแข่งขันทั้งสิ้นถึง 2.9 ล้านคน รวมถึงผู้เข้าชม 400,000 คนที่เดินทางมาจากประเทศต่างๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดบรรยากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจ และคาดว่าจะมีผู้ชมติดตามดูการแข่งขันทางจอโทรทัศน์ถึง 4.2 พันล้านคน”
ดีเอชแอลและสมาคมรักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ วางแผนการทำโรดโชว์ ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่น ภูเก็ต เพื่อโปรโมทการแข่งขันให้ทั่วถึง เพื่อให้แน่ใจว่าเยาวชนที่อาศัยอยู่นอกกรุงเทพจะได้รับรู้ข่าวสาร และมีโอกาสเท่าเทียมกันในการเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ อนึ่ง กระบวนการในการค้นหาและตัดสินผู้ชนะจะเป็นไปอย่างโปร่งใสและได้มาตรฐาน
คณะกรรมการในการพิจารณาและตัดสินหาผู้ชนะรางวัลจะประกอบไปด้วย ตัวแทนจากสมาคมรักบี้แห่งประเทศไทย ทีมชาติรักบี้ไทย และดีเอชแอล ที่จะช่วยกันพิจารณาหาผู้ชนะ โดยมีการพิจารณาตัดสินถึง 2 รอบ รอบแรกนั้นจะพิจารณาจากใบสมัคร และเรียงความที่ผู้สมัครเขียนถึงความชื่นชอบในกีฬารักบี้ และจดหมายแนะนำจากโค้ชหรือครูของพวกเขา เพื่อคัดให้ได้ 25 คนสุดท้าย เพื่อเข้าสู่รอบสองซึ่งเป็นรอบสัมภาษณ์
เกณฑ์สำหรับผู้เข้าแข่งขันในแคมเปญนี้มีดังนี้ มีความสามารถในกีฬารักบี้ ชื่นชอบในกีฬารักบี้ มีแรงบันดาลใจในการเข้าร่วมแคมเปญนี้ และปรับตัวเก่ง รวมถึงหากมีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดพร้อมกรอกข้อมูลในใบสมัคร และส่งมาที่ [email protected] ได้แล้ววันนี้จนถึงวันศุกร์ที่ 30 มกราคม 2558 และจะมีการประกาศผู้ชนะภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2558
“รักบี้นับว่าเป็นกีฬาที่กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก และได้รับความนิยมมากขึ้น ในประเทศไทย” ชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ็กซ์เพรส ประเทศไทยและภาคพื้นอินโดจีนกล่าวต่อว่า “เรายังมีความยินดีที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนกีฬารักบี้ ซึ่งเป็นกีฬาตัวอย่างที่ดีในการทำงานร่วมกัน ความเร็ว ความแม่นยำ ความแน่วแน่และแข่งกับเวลา อีกทั้งความกระตือรือร้น และความมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่ง ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของดีเอชแอลในการสร้างความสำเร็จที่เกิดขึ้นในประเทศไทย”
ความร่วมมือกันระหว่างดีเอชแอลและรักบี้ เวิลด์ คัพ 2015 ได้สร้างความแน่นแฟ้นให้เกิดขึ้นระหว่าง ดีเอชแอล และกีฬารักบี้ โดยดีเอชแอลเป็นพันธมิตรที่ให้บริการด้านลอจิสติกส์ในการแข่งขันรักบี้ เวิลด์คัพ 2011 ที่นิวซีแลนด์ และเคยเป็นผู้ให้การสนับสนุนอย่างเป็นทางการ ในการแข่งขันบริติช แอนด์ ไอริช ไลออนส์ ทัวร์ ออฟ ออสเตรเลีย (2013 British & Irish Lions Tour of Australia) และเมื่อเร็วๆ นี้ ทางบริษัทยังได้เป็นพันธมิตรกับฮาร์ลิควิน ในประเทศอังกฤษ รวมถึง ดีเอชแอล สตอมเมอร์ ในประเทศแอฟริกาใต้ สหพันธ์ฟุตบอลรักบี้ไอริช และมีส่วนร่วมในการแข่งขันอีกมากมาย ที่อยู่ในเซเว่น เวิลด์ซีรีส์ (Seven World Series) ของคณะกรรมการรักบี้นานาชาติ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการพัฒนากีฬารักบี้ทั่วโลกที่ทางดีเอชแอลให้ความร่วมมืออย่างดี เช่น การเป็นพันธมิตรกับสหภาพรักบี้ หรือให้การสนับสุนในการแข่งขัน และกิจกรรมของโรงเรียนและสโมสรในที่ต่างๆ เช่น ฟิจิ ฮ่องกง คาซัคสถาน โรมาเนีย และแคนาดา เป็นต้น
รักบี้เป็นกีฬาที่กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก ที่เล่นกันอย่างแพร่หลายในกว่า 100 ประเทศ และมีผู้ชมการถ่ายทอดการแข่งขันนัดสุดท้ายของรักบี้ เวิลด์ คัพ 2011 ถึง 102 ล้านคนทั่วโลก
เกี่ยวกับรักบี้ เวิลด์ คัพ
รักบี้ เวิลด์ คัพถือเป็นตัวขับเคลื่อนทางด้านการเงิน ที่อยู่เบื้องหลังการลงทุนและความก้าวหน้าอย่างไม่คาดคิดของกีฬารักบี้ทั่วทุกมุมโลก ส่วนเกินสุทธิจากรักบี้ เวิลด์ คัพที่ได้จากความสำเร็จทางการค้าและโฆษณาในฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ. 2550 และนิวซีแลนด์เมื่อปี พ.ศ. 2554 เอื้ออำนวยให้ทางคณะกรรมการรักบี้นานาชาติสามารถลงทุนไปกว่า 150 ล้านปอนด์ในช่วงปี พ.ศ. 2552 – 2555 และยังมีศักยภาพที่จะระดมเงินทุนเพิ่มลงไปอีกกว่า 180 ล้านปอนด์ ในการแข่งขันที่จัดขึ้นระหว่าปี พ.ศ. 2556 – 2559 เป็นการรับประกันให้เกิดกิจกรรมการระดมทุนครั้งใหญ่มากมาย ดังเช่น การให้เงินช่วยเหลือประจำปีแก่สหภาพรักบี้แห่งชาติทั้งหลาย และให้การส่งเสริมการลงทุนในด้านแผนพัฒนาต่างๆ โดยมุ่งประเด็นไปที่การสนับสนุนในด้านความก้าวหน้า และการเพิ่มจำนวนการแข่งขันระหว่างสมาชิกของสหภาพที่มีอยู่ 117 ประเทศ ซึ่งสหภาพนั้นนับเป็นองค์กรหนึ่งของคณะกรรมการ รักบี้นานาชาติ
บริษัท ทีเอ็นที เอ็กซเพรส เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านบริการขนส่งพัสดุภัณฑ์
ผู้สนับสนุนหลักทั้ง 4 ราย ซึ่งให้เกียรติขึ้นกล่าวสุ
การประชุมครั้งนี้ถือเป็
เกี่ยวกับ ทีเอ็นที เอ็กซเพรส
ทีเอ็นที เอ็กซเพรส คือหนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งพั
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ผู้นำระดับโลกในธุรกิจขนส่งด่
ดีเอชแอลร่วมมือกับสถาบั
เจอร์เกน เกอร์เดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้
เที่ยวบินขนส่งสินค้าอัตโนมัติ
นวัตกรรมทางเทคโนโลยีของโดรนสี่
ดีเอชแอลได้พัฒนาระบบการนำเครื่
การสั่งอุปกรณ์ยารักษาโรคต่าง ๆ บนเกาะ
สามารถสั่งยารักษาโรคได้จากพั
“นับเป็นการปฏิบัติงานจริงครั้
หน่วยงานพันธมิตรที่สำคัญคือ Microdrones GmbH ซึ่งเป็นผู้จัดหาคอปเตอร์อั
ปัจจุบันโครงการเพื่อการวิจัยนี
สามารถดาวน์โหลดข้อมูลประชาสั
ดีเอชแอล ผู้นำในอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ ผนึกสโมสรฟุตบอล “เสือใต้” บาเยิร์นมิวนิค ประกาศบรรลุข้อตกลงการเป็นพันธมิตรร่วมกัน ณ สนามกีฬาอลิอันซ์ อารีน่าในกรุงมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยดีเอชแอลจะเป็นพันธมิตรผู้สนับสนุนระดับแพลทินัมอย่างเป็นทางการ และพันธมิตรผู้ให้บริการอี-คอมเมิร์ซและลอจิสติกส์ทั่วโลกอย่างเต็มรูปแบบของสโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิคเป็นระยะเวลา 6 ปีจนถึงปี 2563
ในฐานะพันธมิตรด้านลอจิสติกส์ ดีเอชแอลจะนำความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการทำตลาดอี-คอมเมิร์ซทั่วโลกมาใช้สนับสนุนการขนส่งสินค้าและของที่ระลึกของสโมสรฯ เพื่อส่งมอบให้แก่แฟน ๆ ของบาเยิร์นมิวนิคได้อย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพ
คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ ประธานคณะกรรมการบริหาร สโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิค กล่าวว่า “บาเยิร์นมิวนิค คือ สโมสรฟุตบอลชั้นนำของโลกที่มีการขยายฐานแฟนคลับออกไปอย่างกว้างขวาง ครอบคลุมประเทศต่าง ๆ ในทุกภูมิภาคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเสร็จสิ้นการออกทัวร์ในสหรัฐอเมริกา ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ทำให้เราพบว่า สโมสรฯ ของเรามีศักยภาพในการขยายตลาดสู่ประเทศต่าง ๆ ได้มากขึ้น การมีดีเอชแอลเป็นพันธมิตรด้านลอจิสติกส์ที่สั่งสมประสบการณ์มายาวนานและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก จะส่งผลให้สโมสรฯ ของเราสามารถเดินหน้าขยายช่องทางการสื่อสารแบบออนไลน์กับแฟน ๆ ได้ทั่วโลก รวมทั้งขยายการจำหน่ายสินค้าของสโมสรฯ ออกสู่ตลาดต่าง ๆ เพิ่มขึ้น”
ปัจจุบัน ผู้คนนิยมช้อปปิ้งบนระบบออนไลน์กันมากขึ้น และไม่มีกีฬาประเภทใดที่จะมีแฟนครอบคลุมทั่วโลกมากเท่ากีฬาฟุตบอล ซึ่งทีมสโมสรชื่อดังต่าง ๆ มีฐานแฟนคลับที่มีการเชื่อมโยงเกาะเกี่ยวกันเป็นเครือข่ายที่แข็งแกร่งและขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก เช่นเดียวกับงานแสดงสินค้าสำคัญระดับโลกต่าง ๆ นอกจากประเทศเยอรมนี และสหรัฐอเมริกาแล้ว จีนและประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียยังเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วของกีฬาฟุตบอล สำหรับทีมสโมสรฟุตบอลที่ต้องการเข้าถึงแฟนบอลเหล่านี้จำเป็นต้องมีระบบลอจิสติกส์ที่ดีเยี่ยม เพื่อสร้างแต้มต่อที่เหนือชั้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนให้แก่สโมสรฟุตบอลชั้นนำต่าง ๆ เช่น ทีมสโมสรบาเยิร์นมิวนิค โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการสนับสนุนการขนส่งสินค้าของสโมสรฯ ออกสู่ตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิทธิประโยชน์ของการมีระบบลอจิสติกส์ที่เปี่ยมประสิทธิภาพยังประกอบด้วยการสนับสนุนการขนส่งสินค้าถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็วด้วยระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงภายในวันเดียวกับที่มีคำสั่งจัดส่งสินค้า การมีกรอบเวลาการขนส่งและส่งกลับคืนสินค้าที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ดังนั้นการมีระบบลอจิสติกส์ที่แข็งแกร่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ
แฟรงค์ แอพเพล ประธานคณะกรรมการฝ่ายบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดอยช์ โพสต์ ดีเอชแอล กล่าวว่า “ดีเอชแอลเดินหน้าสานต่อการเป็นพันธมิตรอันแข็งแกร่งร่วมกับสโมสรฟุตบอลชื่อดังอย่างบาเยิร์นมิวนิคด้วยการมอบบริการที่เปี่ยมประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการสร้างฐานอันแข็งแกร่งให้แก่ทีมสโมสร “เสือใต้” ในการต่อยอดความสำเร็จทางธุรกิจของตนทั้งในระดับประเทศและทั่วโลก ซึ่งการผนึกกำลังเป็นพันธมิตรผู้สนับสนุนสโมสรบาเยิร์นมิวนิคของดีเอชแอลในครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อแบรนด์ทั้งสองที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับทั่วโลกอย่างสโมสรบาเยิร์นมิวนิคและดีเอชแอล”
ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงการเป็นพันธมิตรดังกล่าว ดีเอชแอลจะได้รับสิทธิ์ในการโฆษณาแบรนด์ผลิตภัณฑ์และบริการของตนในวงกว้าง พร้อมทั้งให้ความร่วมมือในการให้บริการลอจิสติกส์ บริการอี-คอมเมิร์ซแบบครบวงจร และบริการไปรษณีย์แบบเดิม สิทธิดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการเผยแพร่สปอตโฆษณา การทำประชาสัมพันธ์ และการใช้โลโก้คู่กัน การเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬาประเภทต่าง ๆ มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการสื่อสารของดอยช์ โพสต์ ดีเอชแอลที่ประกอบด้วยสองแบรนด์หลัก ได้แก่ ดอยช์ โพสต์ และดีเอชแอลมาเป็นระยะเวลายาวนาน ที่ผ่านมา ดีเอชแอลเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬาประเทต่าง ๆ ครอบคลุมตั้งแต่ฟุตบอล การแข่งรถฟอร์มูล่าวัน จนถึงกีฬารักบี้ โดยดีเอชแอลเป็นผู้ให้บริการขนส่งอุปกรณ์ และนำแนวทางการสนับสนุนกิจกรรมกีฬาที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางมาใช้สนับสนุนและส่งเสริมแบรนด์ของตนให้แข็งแกร่ง นอกจากนี้ แบรนด์ดอยช์ โพสต์ ยังเป็นผู้สนับสนุนสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศเยอรมนี (The German Football Association: DFA) และผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอลแห่งชาติและทีมชาติเยอรมันอีกด้วย
ในระยะแรกของการเป็นพันธมิตรร่วมกันดังกล่าว ได้เปิดให้แฟนบอลและผู้สนใจสามารถเข้าใช้บริการจัดส่งสินค้าและของที่ระลึกจากร้านค้าของสโมสรฯ เพื่อส่งตรงถึงบ้านได้ที่ศูนย์จัดส่งสินค้าดีเอชแอลที่ตั้งอยู่ ณ สนามกีฬาอลิอันซ์ อารีน่า ในกรุงมิวนิค ประเทศเยอรมนี
นางสาวอานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดตัว เครื่องบิน“แอร์บัส EMS” โชว์ศักยภาพบริการ “EMS SUPER SPEED” ส่งเอกสารหรือสิ่งของด่วนภายใน 24 ชั่วโมง สะท้อนเครือข่ายแห่งความสุข ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนยุคออนไลน์ ที่ต้องการรับ-ส่งสินค้าด้