M&A – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 27 Apr 2023 06:26:26 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Kirin ประกาศซื้อกิจการผู้ผลิตอาหารเสริม Blackmores มูลค่า 42,440 ล้านบาท https://positioningmag.com/1428778 Thu, 27 Apr 2023 05:23:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1428778 คิริน (Kirin) ประกาศเข้าซื้อกิจการผู้ผลิตอาหารเสริมและวิตามินแบลคมอร์ส (Blackmores) ในออสเตรเลียด้วยมูลค่าสูงถึง 42,440 ล้านบาท เป็นการส่งสัญญาณว่าบริษัทนั้นต้องการหารายได้จากธุรกิจอื่นๆ นอกจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มมากขึ้น

Kirin ผู้ผลิตเครื่องดื่มจากประเทศญี่ปุ่น ประกาศเข้าซื้อกิจการ Blackmores ผู้ผลิตอาหารเสริมและวิตามินชื่อดังจากออสเตรเลีย ด้วยมูลค่า 1,880 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 42,440 ล้านบาท เพื่อที่จะขยายรายได้จากธุรกิจเครื่องดื่ม

การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวนั้น Kirin ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นของ Blackmores ที่ 95 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อหุ้น ซึ่งมากกว่าราคาปิดของหุ้น Blackmores เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (26 เมษายน) มากถึง 23.7%

ขณะที่เม็ดเงินที่ใช้ซื้อกิจการ Blackmores จะมาจากทั้งกระแสเงินสดภายในบริษัท รวมถึงเงินกู้บางส่วน

หลังจากการควบรวมกิจการแล้วเสร็จนั้นผู้ผลิตเครื่องดื่มจากประเทศญี่ปุ่นได้ชี้ว่าจะใช้ช่องทางจัดจำหน่ายของบริษัทในการขยายตลาดให้กับ Blackmores รวมถึงผู้ผลิตอาหารเสริมและวิตามินชื่อดังจากออสเตรเลียสามารถใช้นวัตกรรมของ Kirin ในการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด

สำหรับผู้ผลิตวิตามินรวมชื่อดังจากออสเตรเลียนั้นก่อตั้งบริษัทในปี 1932 โดย Maurice Blackmore และเริ่มขยายธุรกิจในมาเลเซียและสิงคโปร์ในช่วงปี 1976 และเข้ามาทำธุรกิจในไทยในปี 1989 ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีขายตามประเทศต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิกหลายประเทศ และได้รับความนิยมอย่างสูง

คาดว่าในปี 2023 สัดส่วนรายได้ของ Blackmores นั้น 45% ยังอยู่ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ อีก 30% อยู่ในเอเชียแปซิฟิก และอีก 25% นั้นอยู่ในประเทศจีน ซึ่งบริษัทพยายามเจาะตลาดมาเป็นเวลาพักใหญ่

ขณะที่ Kirin มีธุรกิจอยู่ในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยธุรกิจสำคัญคือเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายชนิด ภายใต้บริษัทลูกที่มีชื่อว่า Lion และการซื้อกิจการของ Blackmores นั้นส่งสัญญาณว่าบริษัทพยายามที่จะหารายได้เพิ่มเติมจากประเทศออสเตรเลียจากธุรกิจที่ไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ดีดีลดังกล่าวนี้จะต้องได้รับไฟเขียวทั้งผู้ถือหุ้นของ Blackmores รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลในออสเตรเลีย ซึ่ง Kirin คาดว่าดีลดังกล่าวจะปิดดีลได้สำเร็จในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้

]]>
1428778
บางจากประกาศซื้อกิจการ ESSO ได้มาร์เก็ตแชร์ปั๊มน้ำมันเป็น 25% คาดปิดดีลได้ครึ่งปีหลัง https://positioningmag.com/1415265 Thu, 12 Jan 2023 04:02:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1415265 บางจากประกาศเข้าซื้อกิจการของ ESSO ในประเทศไทย ทำให้มีเครือข่ายปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2,100 สถานี ส่งผลทำให้บริษัทมีสัดส่วนในธุรกิจปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 25% นอกจากนี้ยังได้ธุรกิจโรงกลั่น รวมถึงเครือข่ายคลังน้ำมัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับบริษัทในอนาคต

บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 ได้มีมติเอกฉันท์อนุมัติการเข้าทำธุรกรรมและเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บมจ. เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) จาก ExxonMobil

ในช่วงเริ่มต้นของการซื้อกิจการนั้น BCP จะซื้อหุ้นในสัดส่วน 65.99% จาก ExxonMobil เป็นมูลค่า 20,188 ล้านบาท อิงราคาเบื้องต้นหุ้นละ 8.84 บาท และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง หลังจากทำธุรกรรมดังกล่าวแล้วเสร็จนั้นทางบางจากจะประกาศซื้อหุ้นอีก 34.01% ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือ

การลงทุนครั้งนี้ของบางจากที่จะได้มาคือโรงกลั่นน้ำมันที่มีกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง หลังจากการเข้าซื้อกิจการของ ESSO จะทำให้บางจากมีกำลังการกลั่นน้ำมันรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน และเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,100 แห่ง

ดีลดังกล่าวยังทำให้บางจากนั้นมีส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นมาเป็น 25% จากเดิม 15% ซึ่งจะทำให้บางจากเป็นรองแค่ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เท่านั้น

สำหรับแหล่งเงินทุนในการเข้าซื้อกิจการนั้น ทาง BCP ชี้แจงว่าจะใช้เงินทุนหลากหลายช่องทางในการเข้าซื้อไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อจากสถาบันการเงิน รวมถึงกระแสเงินสดภายในบริษัท

โดยหลังจากการขายกิจการ ESSO ออกไปแล้วนั้นทาง ExxonMobil จะยังคงดำเนินธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและเคมีภัณฑ์ในประเทศไทยต่อไป

คาดว่าดีลในการซื้อหุ้นสัดส่วน 65.99% ทางบางจากและ ExxonMobil คาดว่าจะสามารถดำเนินการซื้อขายหุ้นแล้วเสร็จได้สำเร็จภายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 ขึ้นอยู่กับหน่วยงานกำกับดูแลรวมถึงการอนุมัติของผู้ถือหุ้น ESSO หลังจากนี้

]]>
1415265
“พีทีจีฯ” ลุยนอนออยล์ เดินหน้าปิดดีล ซื้อหุ้น 70% จิตรมาส จิ๊กซอว์ ปั้นครัวกลางป้อนธุรกิจอาหารในเครือ แตกแบรนด์ร้านอาหาร https://positioningmag.com/1164804 Wed, 04 Apr 2018 14:28:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1164804 การทำธุรกิจน้ำมันยุคนี้ แม้จะมียอดขายหลักหมื่น หลักแสน หรือหลักล้านล้านบาท แต่ผู้ประกอบการไม่ได้เอ็นจอยกับ “กำไร” มากนัก

กำไรเฉลี่ยประมาณ 1.50 บาทต่อลิตร และเมื่อไหร่ราคาน้ำมันโลกพุ่งจนกระทบราคาขายปลีกกระเทือนเงินในกระเป๋าผู้บริโภค รัฐจะยื่นมือมาดูแลกำไรให้อยู่ที่ระดับ 60-90 สตางค์ต่อลิตร ต่ำเตี้ยลงไปอีก

แถมการแข่งขันก็สูงมาก ตลาดเต็มไปด้วยผู้เล่นรายใหญ่ทั้งไทยและต่างประเทศ ทำให้บรรดาสถานีน้ำมัน ต่างเบนเข็มไปรุกธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-oil) กันถ้วนหน้า

เช่นเดียวกับ “บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)” หรือ PTG เป็นอีกรายที่ขอเอาดีกับธุรกิจ “นอนออยล์” วางเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2565 นอนออยล์มีกำไรโตขึ้น 60% จากปีก่อนโต 10% และปีนี้ตั้งเป้าโต20%

ธุรกิจน้ำมัน ขาย 100 บาท กำไรแค่บาทเดียว ทุกปี เราอยากจะขยายในธุรกิจนอนออยล์ 2-3 ธุรกิจใหม่ เน้นธุรกิจอาหารและบริการกำไรเยอะกว่า ถึงแม้คู่แข่งจะเยอะ แต่ก็ไม่เจอยักษ์ใหญ่ พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี กล่าว

พิทักษ์ มองว่า “ธุรกิจอาหารและบริการ” (Food and Service) เป็น “จิ๊กซอว์” สำคัญที่สามารถ “ซีนเนอร์ยี” ธุรกิจที่มีอยู่   โดยเฉพาะการเชื่อมโยงบัตรสมาชิกแมกซ์การ์ดที่มีกว่า 8 ล้านราย และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 18 ล้านรายในปี 2565

ยังต่อยอดธุรกิจร้านสะดวกซื้อ “แมกซ์มาร์ท” ร้านกาแฟ “พันธุ์ไทย” ร้านกาแฟและเบเกอรี่ “คอฟฟี่ เวิลด์” ร้านอาหาร “ไทยเชฟเอ็กซ์เพรส” มีร้านรวมกันกว่า 320 สาขาด้วย เพราะนั่นหมายถึงการมีสินค้าเข้าไปจำหน่ายในร้านช่องทางต่างๆ มากขึ้น เพิ่มความหลากหลายให้ผู้บริโภคทุกกลุ่มยิ่งขึ้น

เมื่อออกสตาร์ทหลังคู่แข่ง พีทีจี ใช้วิธีซื้อและควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions) เป็นกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจนอนออยล์

หลังจากซื้อ บริษัท GFA  ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน Coffee World, Cream & Fudge, New York 5th Av. Deli, Coffee World Restaurant และ Thai Chef Express โดยมีสาขารวมกันทั้งหมด 130 สาขาทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

ล่าสุด พีทีจี ได้ส่งกาแฟพันธุ์ไทย ในเครือ ใช้เงิน 44-45 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 70% ในกิจการธุรกิจอาหาร “บริษัท จิตรมาส แคเทอริ่ง จำกัด” ทำธุรกิจจัดเลี้ยง (catering) รองรับลูกค้าตั้งแต่ 5 คน ไปจนถึงรับงานใหญ่ 5,000 คน มีร้านอาหาร อาหารแช่เย็นพร้อมรับประทาน (ชิลล์ฟู้ด) อาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน (โฟรเซ่นฟู้ด) รองรับกับการบริโภคเป็นจำนวนมาก

จิตรมาส

ด้วยสกลการผลิตในระดับอุตสาหกรรม พีทีจี ตั้งใจจะให้ จิตรมาส เป็นครัวกลาง ผลิตอาหาร อาหารแช่เย็น อาหารแช่แข็ง เบเกอรี สนับสนุนธุรกิจอาหารในเครือของ PTG ที่มีสาขารวมกันกว่า 320 สาขา และแผนขยายครัวกลางไปสู่ครัวภูมิภาคในระยะเวลาประมาณ 3-4 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับการขยายตัวในต่างจังหวัด ตามการขยายตัวของสถานีบริการ PTG ทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าการลงทุนรวมจะอยู่ที่ 360 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า

ด้านจิตรมาส เมื่ออยู่ใต้เงาพีทีจี นอกจากได้เงินทุนมาช่วยขยายธุรกิจอาหาร และขยายช่องทางจำหน่ายได้กว้างขวางมากขึ้น เพราะพีทีจีฯ มีปั๊มน้ำมันกว่า 1,600 สาขาทั่วประเทศ และยังมีร้านอาหารในเครือกว่า 300 ร้าน ช่วยให้จิตรมาสยายธุรกิจได้เร็วขึ้น ทำทั้งเบื้องหลัง มาสู่การให้บริการแก่ลูกค้าโดยตรง

พีทีจีฯ วางแผนใช้เงิน 360-400 ล้านบาท ขยายธุรกิจอาหารในช่วง 5 ปี เปิดร้านอาหารไทยฟาสต์ฟู้ด “ครัวบ้านจิตร” ในปั๊มราว 8-10 สาขาในปีนี้ ช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในสถานีได้มากขึ้น จากนั้นจะขายให้ได้ 30 สาขา ในปี 2562 และเปิดให้ครบ 120 ในปี 2565

นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิด ร้านอาหารสไตล์พรีเมี่ยมแคสชวล ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา แต่ยังไม่ได้ตั้งชื่อร้าน คาดจะเปิด10 สาขาในปีนี้ และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 25 สาขา ภายใน 3-5 ปี 

60-80 ล้านบาท จากนั้นตั้งเป้ายอดขายโตเฉลี่ยประมาณ 50% ต่อปี ทำให้คาดว่าในปี 2565 บริษัทฯจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 900–1,000 ล้านบาท

“ตอนนี้เราไม่ต้องกังวลวางแผน Turnaround หรือฟื้นธุรกิจน้ำมันให้มีกำไร แต่ต้องโฟกัสการทำแผนขยายสาขาธุรกิจอาหารมากขึ้น ถ้าจิตนมาสได้ผลตอบรับดีเราจะใช้งบลงทุนบุกหนักขึ้น เพราะสิ่งที่เราวางไว้ ธุรกิจต้องเดินอยู่ได้โดยลำพัง พร้อมกับเข้าตลาดหุ้นได้ด้วย”

สำหรับธุรกิจอาหารในประเทศไทยมีมูลค่ามหาศาลกว่า 4 แสนล้านบาท และโตอิงจีดีพี 3-4% ต่อเนื่อง ตลาดยังมีหลายเซ็กเมนต์ให้ผู้เล่นรายใหม่เข้าไปเจาะเพิ่มเติม

ผลการดำเนินงาน พีทีจีฯ ปี 2560 มีรายได้รวมกว่า 84,900 ล้านบาท มีกำไรสุทธิกว่า 913 ล้านบาท รายได้โตขึ้นจากปี 2559 อยู่ที่ 64,926 ล้านบาท แต่กำไรลดลงจาก 1,073 ล้านบาท

จากนี้ไป คงต้องติดตามว่าการขยายธุรกิจนอนออยล์จะ “ฟื้นกำไร” ของพีทีจีให้โตตามเป้าหรือไม่.

]]>
1164804