Magazine – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 09 Mar 2016 00:00:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ซัมซุงประกาศขาย “S7 และ S7 edge” ทั่วประเทศ 18 มีนาคมนี้ https://positioningmag.com/62693 Wed, 09 Mar 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62693
ซังซุง พร้อมขาย “S7 และ S7 edge” 18 มีนาคมนี้ทั่วประเทศ ระบุวันจองล่วงหน้า 9-15 มีนาคมนี้ ทุกช่องทางขาย พร้อมอัดส่วนลด และของแถมเพียบ 
 
ซัมซุง ประเทศไทย ประกาศวันวางจำหน่ายสมาร์ทโฟน “ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 7 และ กาแลคซี่ เอส 7 เอจด์ (Samsung Galaxy S7 & S7 edge)” ที่มาพร้อมแนวคิด “แล้วคุณจะพบว่าสมาร์ทโฟนทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด (Rethink what a phone can do)” พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ โดยมี 3 สี คือ สีดำโอนิกซ์ (Black Onyx) สีทองแพลทินัม (Gold Platinum) และสีเงินไทเทเนียม (Silver Titanium) ในราคา 23,900 บาท สำหรับรุ่นกาแลคซี่ เอส 7 และ ราคา 26,900 บาท สำหรับรุ่นกาแลคซี่ เอส 7 เอดจ์
 
โดยเปิดให้จอง กาแลคซี่ เอส 7 และกาแลคซี่ เอส 7 เอจด์ ล่วงหน้า ระหว่างวันที่ 9-15 มีนาคมนี้ พร้อมรับส่วนลด 1,000 บาททันที และเมื่อจองผ่านซัมซุง แบรนด์ ชอป ทุกสาขา รับฟรี แท่นชาร์จไร้สายแบบตั้ง (Stand wireless charger) และหากจองผ่าน เอส อีสโตร์ เพื่อเลือกรับส่วนลด 50% สำหรับการซื้อซัมซุง เกียร์ วีอาร์
 
 
ทั้งนี้ ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 7 และ กาแลคซี่ เอส 7 เอจด์ มาพร้อมกล้องคุณภาพสูงระบบพิกเซลคู่รุ่นแรกของสมาร์ทโฟน ช่วยให้โฟกัสอัตโนมัติได้แม่นยำ และรวดเร็ว แม้จะอยู่ในสภาวะแสงน้อย พร้อมด้วยเลนส์ที่ให้ความสว่างมากขึ้นจากรูรับแสงที่กว้างขึ้น และขนาดพิกเซลที่ใหญ่ขึ้น ตอบรับไลฟ์สไตล์ไร้ขีดจำกัด ด้วย IP68 ความสามารถกันน้ำกันฝุ่น พร้อมช่องใส่ซิมระบบไฮบริด สำหรับใส่หน่วยความจำเสริมไมโครเอสดีการ์ดได้สูงสุด 200 GB หรือจะเลือกใส่เป็นซิมที่ 2 และยังมีฟังก์ชันใหม่อย่าง Always-On Display เพื่อเช็กข้อมูลสำคัญโดยไม่ต้องเปิดหน้าจอ
 
ค่ายมือถือเปิดรับจอง
 
ทรูมูฟ เอช เปิดให้จองสมาร์ทโฟนเรือธงล่าสุดทั้ง 2 รุ่น SamsungGalaxy S7 และ S7 edge ทาง www.truemove-h.com/galaxys7 ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2559 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป โดย Samsung Galaxy S7 และ S7 edge เป็นสุดยอดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ ที่ใช้งาน 4G ได้เร็วเต็มประสิทธิภาพ เพราะรองรับเทคโนโลยี 3CA (Carrier Aggregation) ที่สามารถรับสัญญาณพร้อมผสานความเร็ว 3 คลื่นความถี่ 4G เข้าด้วยกัน ช่วยเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลได้สูงสุด พร้อมฟีเจอร์เด็ด ป้องกันน้ำ และฝุ่น ตลอดจนระบบ Dual Pixel Camera ให้ความคมชัดแม้ที่มีแสงน้อย ให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพบนเครือข่ายทรูมูฟ เอชรายเดียวในไทยที่มีความพร้อมด้านคลื่นความถี่มากที่สุด เพื่อให้ลูกค้า Galaxy S7 ได้สัมผัสสุดยอดความเร็วอย่างแท้จริงพิเศษ ผู้ที่สนใจสามารถจองผ่าน www.truemove-h.com/galaxys7 หรือ www.itruemart.com ระหว่างวันที่ 9-15 มีนาคม 2559 ลุ้นรับฟรี Gear VR 100 เครื่อง (มูลค่า 3,500 บาท) เมื่อสมัครแพกเกจที่กำหนด พร้อมรับส่วนลด 5,000 บาท และรับฟรี Wireless charger มูลค่า 1,690 บาท พร้อมอินเทอร์เน็ต 4G เพิ่มสูงสุด 40 GB
 
ด้านเอไอเอส เสิร์ฟความอินเทรนด์เอาใจสาวกกาแล็กซี่ เปิดให้จอง Samsung Galaxy S7 edge และ Samsung Galaxy S7 ผ่าน 2 ช่องทาง พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 9 มี.ค.59 ดังนี้ 1.จองผ่าน เว็บไซต์ www.ais.co.th/samsungS7 ในวันที่ 9 มี.ค.59 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป รับส่วนลดค่าเครื่องทันที 3,000 บาท และรับฟรี Wireless Charger (จำนวนจำกัด) พร้อมลุ้นรับ Gear VR จำนวน 10 เครื่อง เพียงสมัครแพกเกจ AIS Super Deal โดยลูกค้าสามารถรับเครื่องได้ที่ AIS Shop ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.59 เป็นต้นไป และ 2.จองผ่าน AIS Online Store ในวันที่ 9 มี.ค.59 ตั้งแต่เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป ทาง http://store.ais.co.th พร้อมชำระค่าเครื่อง รับสิทธิพิเศษผ่อน 0% กับ 5 ธนาคารชั้นนำที่ร่วมรายการ และรับฟรี Wireless Charger (พิเศษ 50 รายแรก) พร้อมบริการส่งสินค้าถึงบ้านฟรี ตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.59 เป็นต้นไป
 
ด้านดีแทคเปิด pre-sale Samsung Galaxy S7 Edge และ S7 สีทอง และสีดำ ผ่านทางดีแทคออนไลน์สโตร์ ในวันที่ 9-15 มีนาคมนี้ โดยทุกท่านที่จองจะได้รับส่วนลดค่าเครื่องพร้อมแพกเกจมูลค่า 1,000 บาท และพร้อมรับเคสฟรีมูลค่า 890 บาท พิเศษเฉพาะท่านแรกที่ทำการ pre-sale ในแต่ละวันของวันที่ 9-15 มีนาคม และพร้อมชำระเงินเต็มจำนวน จะได้รับฟรี GEAR VR มูลค่า 3,500 บาท โดยเริ่ม pre-sale ในวันที่ 9 มีนาคม 2559 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป
 
ทั้งนี้ Samsung Galaxy S7 edge ขนาด 32 GB มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และสีทอง ราคา 26,900 บาท และ Samsung Galaxy S7 ขนาด 32 GB มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และสีทอง ราคา 23,900 บาท โดยผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ais.co.th/samsungS7
 
 

]]>
62693
ไม่ต่อเวลา! กทค.ยุติเยียวยาลูกค้าคลื่น 900 MHz เอไอเอส 14 มี.ค. ทรู ยืดให้ 3 เดือน แต่ต้องจ่าย 450 ล้านบาท/เดือน https://positioningmag.com/62689 Tue, 08 Mar 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62689
กทค. มีมติไม่ขยายมาตรการเยียวยา แต่รับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาให้ซิม 900 ยังใช้งานต่อไปตามที่ทรูเสนอ และมีมติให้สำนักงานออกคำสั่งให้การโอนย้ายลูกค้าที่ค้างในระบบ 6 แสนรายให้แล้วเสร็จโดยด่วน
 
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า วันนี้ (8 มี.ค. 2559) ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) มีมติดังนี้ 
 
1.ไม่อนุมัติให้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ขยายมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการ ตามประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวกรณีสิ้นสุดการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. 2556 ออกไปอีก 
 
โดยให้ยึดตามมติที่ประชุม กทค. เดิมที่ว่า เมื่อ กทค. ได้ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ชนะการประมูลรายใดรายหนึ่งแล้ว มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการตามประกาศฯ ดังกล่าวถือว่าสิ้นสุดลง 
 
2. รับทราบแนวทางที่บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด เสนอให้ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด สามารถใช้งานคลื่นความถี่ 900 MHz จำนวน 10 MHz ในส่วนของบริษัท ต่อไปได้อีก 3 เดือน เพื่อให้ลูกค้า 2G สามารถเปลี่ยนไปใช้ซิมใหม่ได้ โดยยังคงใช้เบอร์เดิม โดยเอไอเอสจะต้องจ่ายค่าเช่าใช้งานคลื่นความถี่จำนวน 450 ล้านบาทต่อเดือนให้กับบริษัท
 
3.ให้สำนักงาน กสทช. เป็นเจ้าภาพเชิญประชุมผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มาเจรจาตกลงกันภายใต้กรอบของกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้ในการเข้าคุ้มครองผู้ใช้บริการที่จะได้รับผลกระทบจากการยุติการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ย่าน 900 MHz เนื่องจากการให้บริการในคลื่นดังกล่าวจะสิ้นสุดลง หากทียูซีได้รับใบอนุญาตฯ ในวันที่ 14 มี.ค. 2559 นี้ 
 
4.ตามกรอบการทำงานของ กทค. ให้ใช้คลื่นความถี่ทั้งหมด 20MHz และหากบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด มาชำระเงินค่าประมูลคลื่นความถี่แล้ว ให้รีบนำเสนอที่ประชุม กทค. เพื่อพิจารณาแนวทางอีกครั้งหนึ่ง โดยการดำเนินการดังกล่าวต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 10 มี.ค. 2559 เพื่อจะนำเสนอต่อที่ประชุม กทค. อีกครั้งในวันที่ 11 มี.ค. 2559 เวลา 9.30 น.
 
5.มีมติให้สำนักงาน กสทช. ออกคำสั่งทางปกครองให้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส  บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค และบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด โอนย้ายลูกค้าไปยังบริษัท เรียล มูฟ จำกัด และ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายใหม่โดยด่วน 
 
เนื่องจากเหตุแห่งการปฏิเสธการโอนย้ายของของบริษัทเอไอเอส บริษัทดีแทค และบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ไม่เข้าเงื่อนไขการปฏิเสธการโอนย้ายทั้ง 8 ประการ ตามที่กำหนดในข้อ 4.9 ของเงื่อนไขแนวทางปฏิบัติการโอนย้ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งยังส่งผลกระทบกับประชาชนโดยตรง
 
6. ให้สำนักงาน กสทช. ไปดำเนินการตรวจสอบว่ากระบวนการขอโอนย้ายเลขหมายของบริษัท เรียล มูฟ จำกัด และบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ถูกต้องตามที่ได้มีการร้องเรียนมาหรือไม่ 
 

]]>
62689
พาที ส่งอีเมลถึงลูกค้า “นกแอร์” ให้คำมั่นปัญหาแก้หมดแล้ว ท่ามกลางการยกเลิกเที่ยวบินอีก 61 เที่ยววันนี้ https://positioningmag.com/62660 Fri, 04 Mar 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62660
หลังจากที่สายการบินนกแอร์ต้องประสบปัญหามาตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2559 จนทำให้เที่ยวบินต้องยกเลิกเที่ยวบินต่อเนื่อง และยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่อง แม้กระทั่งในวันนี้ (4 มีนาคม 2559) นกแอร์ได้ประกาศยกเลิกถึง 61 เที่ยวบิน 
 
แน่นอนว่า ผลจากปัญหาของนกแอร์ที่เกิดขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าที่ใช้บริการ 
 
ในช่วงสายของวันนี้ (4 มีนาคม 2559) สายการบินนกแอร์ได้ส่งอีเมลถึงผู้โดยสาร เพื่อชี้แจงสาเหตุของปัญหา พร้อมรับนักบินและเปลี่ยนระบบจัดตารางบิน พร้อมกับให้คำมั่นว่าไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ลงชื่อพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ 
 
อีเมลได้ระบุถึง สาเหตุของปัญหา มาจากการนัดหยุดบินของนักบินบางส่วน และยอมรับว่า สายการบินมีปัญหาเกิดขึ้นภายในองค์กรจริง เนื่องจากสายการบินมีแผนร่วมมือกับสายการบินพันธมิตรในทวีปยุโรปซึ่งจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ทำให้ต้องยกระดับมาตรฐานของสายการบินให้สูงขึ้นตามมาตรฐานของ EASA (European Aviation Safety Agency) ส่งผลให้มีนักบินบางส่วนไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และมีการนัดหยุดงานจนส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร และตามมาซึ่งการลาออกของนักบินอย่างกะทันหัน ทำให้มีนักบินไม่เพียงพอจึงจำเป็นต้องยกเลิกเที่ยวบินบางส่วน
 
แนวทางแก้ปัญหาในเรื่องของนักบิน ขณะนี้ยังคงสรรหานักบินใหม่ๆ และสามารถจัดหานักบินเพิ่มเติมได้แล้ว และได้เปลี่ยนแปลงระบบการจัดสรรตารางการบินของนักบินให้ดีขึ้น 
 
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกเที่ยวบินบางส่วนนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ติดต่อแจ้งผู้โดยสารล่วงหน้าก่อนการเดินทาง เพื่อให้รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน หรือรายละเอียดการชดเชยแก่ผู้โดยสาร ซึ่งสายการบินได้ปฏิบัติภายใต้ระเบียบข้อบังคับของกรมการบินพลเรือน
 
ในอีเมล ยังระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นกำลังได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น และขอให้มั่นใจว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
 

]]>
62660
กสทช.เปิดโผรายการทีวีโดนใจคนดู ไม่พ้น ข่าว-ละคร-เกมโชว์ https://positioningmag.com/61749 Fri, 30 Oct 2015 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=61749

จากผลการสํารวจ “พฤติกรรมการบริโภคสื่อของไทย” จัดทำโดยสํานักนโยบายและวิชาการกระจายเสียงและโทรทัศน์ สํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแหงชาติ พบว่า ผู้รับชมรายการโทรทัศน์ช่องรายการต่างๆ ระหว่าง ช่องทีวีดิจิทัลใหม ช่องเคเบิลทีวี และช่องทีวีดาวเทียม นั้นมีความนิยมในการรับชมประเภทรายการที่มีการนํามาออกอากาศที่แตกต่างกัน

ช่องอนาล็อกทีวีนั้น คนส่วนใหญ่นิยมดูรายการ ข่าว/วิเคราะห์ข่าว รายการละครหลายตอน และรายการเกมโชว์ แข่งขันตอบปัญหาในสัดส่วนมากที่สุด

ทีวีดาวเทียม รายการที่เป็นที่นิยมคือรายการสารคดีข่าว/สังคม/สัตว์ ตามมาด้วย รายการข่าว/วิเคราะหข่าว รายการเพลง และภาพยนตรไทยและต่างประเทศเรื่องยาว

รายการเคเบิลทีวี รายการที่นิยมอันดับต้นๆจะใกล้เคียงกับช่องทีวีดาวเทียม คือรายการข่าว/วิเคราะห์ข่าว รายการสารคดีข่าว/สังคม/สัตว์ และภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศเรื่องยาว

เมื่อพิจารณาในภาพรวมตามประเภทรายการโทรทัศน์ที่ประชาชนนิยมรับชมเฉลี่ยจากในทุกช่องทาง พบว่า รายการข่าว/วิเคราะห์ข่าว เป็นประเภทรายการที่ประชาชนรับชมมากที่สุด รองลงมาคือรายการละครหลายตอน และรายการเกมโชว/การแข่งขัน

เป็นที่สังเกตได้ว่าช่องรายการทางเคเบิลหรือทีวีดาวเทียมที่เป็นที่นิยมของประชาชนนั้นจะเป็น ช่องรายการประเภทที่นอกเหนือจากที่มีออกอากาศในช่องฟรีทีวี ซึ่งมักเป็นช่องรายการเฉพาะทางจริงๆ ที่ไม่คอยเห็นในช่องฟรีทีวี อาทิ รายการสารคดี รายการเพลง ภาพยนตร์เรื่องยาว หรือแม้แต่รายการข่าว/วิเคราะห์ข่าว ที่เป็นช่องรายการเฉพาะที่ในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้มีช่องรายการข่าว ในช่องฟรีทีวีปกติ (โทรทัศน์ในระบบภาคพื้นดิน) คนมักนิยมรับชมรายการกลุ่มนี้จากช่องเคเบิลทีวี/ทีวีดาวเทียม เน้นการนําเสนอข่าว รายการคุยข่าวต่อเนื่องทั้งวัน แต่เนื่องจากปัจจุบัน ด้วยการเปลี่ยนผ่านไปสู่โทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลที่มีจํานวนช่องเพิ่มมากขึ้น และแบ่งช่องรายการตามหมวดหมู่ 

ช่องรายการข่าวสารและสาระก็เป็นหนึ่งในหมวดที่เกิดขึ้นใหม่ถึง 6 ช่องรายการ สอดคล้องกับรายการที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในช่องดิจิทัลใหม่ ก็คือรายการประเภทข่าว/วิเคราะห์ข่าว นอกจากนี้ยังเห็นถึงแนวโน้มจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากการรับชมช่องรายการโทรทัศน์ในระบบภาคพื้นดินเพียง หรือฟรีทีวีอย่างเดียวก็ครอบคลุมในทุกเนื้อหารายการที่ประชาชนต้องการแล้ว

แนะทีวีดิจิทัลอยากเกิดต้องเน้นรายการพิเศษ ในขณะที่ช่องรายการเคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียมก็จะมีไว้ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่มคนที่ต้องการรับชมช่องพิเศษ ไม่มีในฟรีทีวีซึ่งมักจะเป็นรายการที่ต้องซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศมาออกอากาศต้องเสียค่าสมาชิกเพิ่ม 

โดยหลักๆ แล้วคนจะรับชมรายการจากฟรีทีวี (ระบบภาคพื้นดินมากกว่า) เพราะมีความหลากหลาย ทั้งรายการข่าว ละคร เกมโชว์ อย่างไรก็ตาม หากช่องฟรีทีวี ต้องการเข้าถึงคนดูมากขึ้น อาจทำได้ด้วยการเพิ่มเนื้อหารายการพิเศษเฉพาะทางไปในผังรายการ เพื่อเข้าถึงผู้ชมเฉพาะกลุ่มให้ได้มากยิ่งขึ้น

]]>
61749
รู้จักนายใหญ่คนใหม่ เอสซีจี https://positioningmag.com/61724 Thu, 29 Oct 2015 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=61724
เอสซีจี ประกาศแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่ แทน “กานต์ ตระกูลฮุน” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ซึ่งจะครบกำหนดเกษียณอายุ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 คณะกรรมการบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) จึงมีมติแต่งตั้งให้ รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส จาก รองกรรมการผู้จัดการใหญ่  มาเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่  มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป 
 
รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส 
-สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาเหมืองแร่  จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  
-ปริญญาโทจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขา  อุตสาหการ University of Texas (Arlington) และปริญญาโทจาก คณะบริหารธุรกิจ Harvard  Business School ประเทศสหรัฐอเมริกา 
-ร่วมงานกับเอสซีจีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 ในตำแหน่งวิศวกร บริษัทกระเบื้องกระดาษไทย จำกัด จากนั้นได้มาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานวางแผนกลาง 
-ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี แพคแกจจิ้ง 
-รองกรรมการผู้จัดการใหญ่  เอสซีจี

]]>
61724
ไทยเบฟฯ เปิดแลนด์สเคป บุกธุรกิจ Non Alcohol https://positioningmag.com/61614 Tue, 13 Oct 2015 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=61614

นอกจากจะใช้โอกาส ของการจัดงาน “ไทยเบฟเอ็กซ์โป 2015”  โชว์ และให้ช้อปสินค้า ในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี ที่ผู้บริหารนำทัพโดย ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มไทยเบฟฯ พร้อมทีมผู้บริหารจาก 3 กลุ่มธุรกิจ  ใช้โอกาสนี้แถลงถึงยุทธศาสตร์ และทิศทางธุรกิจของไทยเบฟฯ ยังคงเดินไปตามวิชั่น 2020 ผ่านกลยุทธ์ 5 เสาหลัก 

 

ทิศทางต่อไป ธุรกิจเบียร์ และสุรา จะต้องเพิ่มโอกาสในบุกขยายตลาดไปต่างประเทศ  ในขณะที่เบียร์ ลดความหลากหลายของชนิดสินค้าลงให้เหลือ ช้างคลาสสิคเป็นหัวหอกหลัก ในการขยายตลาดทั้งใน และต่างประเทศ

ในส่วนของสุรา มุ่งไปที่การเพิ่มหลากหลาย โดยเฉพาะในตลาดพรีเมียมอีก 2 แรนด์ ราคาตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป ราคา 70,000-80,000 บาท จะนำเข้ามาจากโรงงานผลิตในประเทศสก็อตแลนด์  เพื่อให้มีสินค้าครอบคลุมตั้งแต่ระดับล่าง กลาง และบนสุด

เพื่อให้รองรับกับการการขยายสินค้า จึงต้องจัดทัพใหม่ ด้วยการจัดตั้งบริษัทใหม่ 2 แห่ง คือ โฮเรเก้า แมเนจเม้นท์ เพื่อขยายช่องทางโรงแรม และร้านอาหาร ระดับหรู  และบริษัท แคช แวน แมเนจเม้นท์ เป็นทีมเจาะร้านโชวห่วย  โดยก่อนหน้านี้ได้จัดตั้ง บริษัท โมเดิร์นเทด แมเนจเมนท์ เพื่อขยายตลาดโมเดิร์นเทรด

ส่งผลให้ไทยเบฟฯ มีการกระจายสินค้าผ่าน 5 ช่องทางหลัก 1 ผ่านเอเยนต์ 400 รายทั่วประเทศ 2. ผ่านรถแคชแวน 1,100  ทีม ครอบลุมร้านโชวห่วย 270,000 ร้าน  3.ผ่านโฮเลก้า 4. โมเดิร์นเทรด และ5 เสริมสุข  เชี่ยวชาญช่องทางร้านอาหาร

ทั้ง 5 ช่องทางจำหน่าย จะรองรับสินค้าทั้ง สุรา เบียร์  รวมทั้งเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ ที่เพิ่มสินค้าให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสใหม่ในตลาดเครื่องดื่ม ภายใต้กลยุทธ “ไดเวอร์สซิตี้”  จะมีสินค้าเอฟแอนด์เอ็นเข้ามาทำตลาด เช่น  นมแมกโนเลีย นมข้นทีพอต 100 พลัส

ขณะเดียวกัน จะนำเครื่องดื่มปรากศจากแอลกอฮอล เช่น ชาเชียวโออิชิ  น้ำอัดลมเอส บุกออกไปทำตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกัน

มารุต บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยดริงค์ จำกัด และ บริษัทโออิชิ กรุ๊ป จำกัด บอกว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาการแข่งขันสูงในตลาดสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นตลาดชาเขียว และน้ำอัดลม มีการออกโปรโมชั่นต่างๆ มากมาย แต่ไทยเบฟฯ ก็ผ่านมาได้

สำหรับตลาดชาพร้อมดื่ม หรือชาเขียว การเติบโตของตลาดจะลดลง ซึ่งเป็นความตั้งใจของ โออิชิ ที่ต้องการให้ตลาดชาเขียวโตไปแบบมั่นคง ไปตามธรรมชาติ และกระแสของเครื่องดื่มสุขภาพ  ไม่ใช่โตด้วยแรง “โปรโมชั่น” เหมือนที่แล้วมา โดยโออิชิจะลดความถี่ในการทำโปรโมชั่น ไม่ทำ “พร่ำเพรื่อ” ตลอดทั้งปีเ อาจจะเหลือปีละครั้งกระตุ้นยอดขายปีละครั้ง

“คู่แข่งเขาจะจัดโปรโมชั่นก็ทำไป เพราะพอหมดโปรโมชั่นยอดขายเขาตกฮวบ เพราะเขาใช้โปรโมชั่นเป็นหลัก  แต่ของเราจะหันไปสร้างแบรนด์ เพราะยั่งยืนกว่า”

ส่วน “จับใจ” ชาเขียวผสมจับเลี้ยง เปิดตัวมาตั้งแต่มีนาคม ผ่านไป 5 เดือน ทำส่วนแบ่งตลาดได้ 10% ในขณะที่คู่แช่งส่วนแบ่งตลาดลดลงเหลือ 17%

100 พลัส แบรนด์ของเอฟแอนด์เอ็น นำเข้ามาทำตลาดในไทย เพื่อขยายกระตุ้นเครื่องดื่มอัดลม ด้วยการขยายพอร์ตเครื่องดื่ม “น้ำอัดลมผสมเกลือแร่” โดยใช้กลยุทธ์แจกสินค้าให้ชิม 10 ล้านตัวอย่าง เวลานี้ได้ส่วนแบ่งตลาด 1% ของตลาดน้ำอัดลม

“เดิมไม่มีใครทำตลาดนี้ได้ พอ 100 พลัสทำได้ เวลานี้คู่แข่งก็ส่งสินค้าเข้ามาทำแล้ว  มาช่วยกันขยายพอร์ตให้ใหญ่ขึ้น”

อีกตลาดที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ น้ำดื่ม ซึ่งเมื่อนำ คริสตัล และช้าง  สองแบรนด์รวมกันครองส่วนแบ่งตลาด 10%  จะเป็นอีกตลาดทีมีโอกาสขยายฐานลูกค้าได้อีก  

การเดินเกมของธุรกิจปราศากแอลกอฮอล์ จึงต้อง “เข้มข้น”ยิ่งขึ้น  ทั้งการเพิ่มสินค้าในพอร์ตเครื่องดื่มให้ครบ และเดินเกมการตลาด ทั้งมีต้องมีทั้งรุก และรับ เพือขยับสัดสวนรายได้ธุรกิจปราศากแอลกอฮอล์ จากที่ทำได้เวลานี้ 25%  ให้ได้เกิน 50%  ภายในปีอีก 5 ปีข้างหน้า  

]]>
61614
ลูกค้าภายในและลูกค้าภายนอกที่ธุรกิจต้องเข้าใจอย่างยิ่ง https://positioningmag.com/61583 Fri, 09 Oct 2015 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=61583

 เรื่องโดย  ดร.ธเนศ ศิริกิจ

ปัจจุบันมีหลายองค์กรยังไม่เข้าใจคำว่า ลูกค้าภายใน (Internal Customer) และลูกค้าภายนอก (External Customer) และทำกันผิดๆ บริหารผิดๆ ขออนุญาตหยิบประเด็นนี้มาอีกสักครั้ง เพราะจากการไปบรรยายหลายๆที่ยังคิดมองลูกค้าภายนอก (External Customer) เป็นหลักเลย  จะแบ่งสัดส่วนว่าต้องให้ความสนใจลูกค้าภายใน (Internal Customer) เท่าไหร่ และลูกค้าภายนอก (External Customer) เท่าไหร่ 

คงบอกไม่ได้ ขึ้นอยู่กับ Business ของท่านมากกว่า ถ้าเป็นธุรกิจที่มีกระบวนการภายในมากโดยไม่ได้สัมผัสกับลูกค้าภายนอก ก็ต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการภายในเป็นหลัก

“ดังนั้นต้องระบายสีให้ถูกจุดนั่นเอง แต่ยังไงก็แล้วแต่เมื่อธุรกิจหรือ Business ยังต้องใช้คนหรือ People ในการขับเคลื่อนองค์กร คงต้องให้ความสำคัญกับลูกค้าภายในด้วยเหมือนกัน”

พูดมาถึงตรงนี้ขอให้ความหมายพอสังเขป ถือเป็นการทบทวนก็แล้วกัน จากการไปบรรยายหลายๆที่พบว่าผู้ประกอบการบางท่านยังไม่เข้าใจ

ลูกค้าภายใน (Internal Customer) คือ บุคลากรในทุกส่วนกระบวนการที่เชื่อมโยงกันในการทำงาน กล่าวง่ายๆคือ บุคลากรหรือผู้ที่ทำงานในองค์กรไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แม้แต่บริษัทภายนอกที่ท่านว่าจ้างให้มาทำงานในองค์กรของท่านก็ตาม  เพราะเขาเหล่านั้นเป็นฟันเฟืองที่สำคัญที่นำพาหรือส่งมอบผลผลิตให้ถึงมือลูกค้าอย่างมีคุณภาพทั้งผลิตภัณฑ์และบริการ

มีหลายลายองค์กรมุ่งแต่ผลสำเร็จเพื่อให้ได้กำไร มุ่งเงินเป็นหลัก แต่ไม่เคยปรับปรุงกระบวนการภายในก่อน การมองบุคลากรภายในเป็น “ต้นทุน” คงไม่ใช่คำตอบ  แต่ควรมองเสมือนว่า “People” คือ “สินทรัพย์หรือ Asset” คือสิ่งที่มีคุณค่า สินทรัพย์ขึ้นอยู่กับว่าท่านจะทำลายหรือเก็บรักษาลูกค้าภายใน  จะเป็นผู้ที่กำหนดในเรื่อง 3P (Product, Process, People) 

– Product  ผลิตภัณฑ์ จะเกิดคำว่าแตกต่างหรือ Differentiationได้  ก็ต้องเกิดจาก Idea หรือ Concept จากคนภายในนั่นเอง “Innovation จะเกิดได้ต้องมี Motivationด้วย”  ก็คือคนภายในนั้นเอง

– Process ความรวดเร็ว ปลอดภัย ทันเวลา และแก้ไขได้ ก็คงไม่พ้นเรื่องคนหรือPeople กระบวนการที่ดีต้องเกิดจากคนภายในที่ต้องมี Teamwork ด้วย ถ้า team ไม่ work ก็ไม่ work แน่นอน

– People บุคลากร บุคลากรเป็นเรื่องของคน  ดังนั้นทำงานอยู่กับคนจึงเป็นเรื่องความรู้สึกจะมีในเรื่องของ Feeling , Emotional แน่นอนและนั่นเอง  ผู้ประกอบการหรือผู้บริหารต้องมี Programs ที่ออกแบบให้บุคลากรอยู่กับองค์กรนานด้วยความเชื่อมั่นและเชื่อถือ  Programหรือแผนงานต้องชัดเจนและเป็นจริง โดยให้ความสำคัญกับ 3R (Reward = รางวัล แรงจูงใจ, Recognition = การสร้างการยอมรับ, Remove barrier= การขจัดอุปสรรคและแก้ปัญหาอย่างจริงจัง)

ลูกค้าภายนอก (External Customerผู้ที่รับสินค้าและบริการของธุรกิจท่านนั่นเอง  ผู้รับบริการ ผู้ที่ซื้อสินค้า หรือแม้แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ซื้อสินค้าและบริการก็ตาม  จะเป็นญาติ เพื่อนพี่น้องเหล่านี้ก็คือ External Customer แต่ส่วนใหญ่จะมีแนวคิดคือ Customer Focus แต่ต้อง Focus ให้ถูกจุดด้วย ซึ่งลูกค้าภายนอก สิ่งที่จะได้รับและเห็นคือ 4P’ (Product, Price, Place, Promotion) จึงเห็นว่า 4P’ ต้องเชื่อมโยงกับ 4C’S  คือ

–  Product Customer Solution (ความต้องการลูกค้า)

–  Price Customer Cost (ต้นทุน, ลุกค้า)

–  Place/Distribution Convenience (ความสะดวก)

–  Promotion Mix Communication (การสื่อสาร)

คงจะได้เห็นความชัดเจนบ้างในเรื่องของ ลูกค้าภายใน (Internal Customer) และลูกค้าภายนอก (External Customer)พอสังเขป ความสำเร็จของธุรกิจไม่ใช่สิ่งที่เห็นภายนอกอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญ คนภายในองค์กรเป็นผู้ผลักดันด้วย ดังนั้น Idea และ Innovation จะถูกแสดงออกมาก็คงต้องอยู่ขึ้นกับ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ของผู้บริหารอย่างไรที่จะดูแล “สินทรัพย์” ของท่าน แต่บุคลากรอย่าอยู่แบบ “ปากกัดตีนถีบ” ก็พอ คือ “ปากก็กัดเจ้านาย ตีนก็ถีบลูกน้อง” ก็คงจะให้องค์กรเดินต่อไปเหมือนกัน ติดตามข้อมูลดีๆ ได้ในบทความต่อๆ ไปนะครับ

บทความโดย: ดร.ธเนศ ศิริกิจ : ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาการวางแผนกลยุทธ์การตลาด /อาจารย์ ในระดับปริญญาโท หลายสถาบัน , นักวิชาการ และวิทยากรทั้งภาครัฐและเอกชน
Email: s_thaneth @yahoo.com

]]>
61583
ทำได้ไง? ญี่ปุ่นเปลี่ยน “หนังยาง” จากเส้นละไม่กี่สตางค์ ให้กลายเป็นเส้นละ 20 บาท https://positioningmag.com/61552 Sat, 03 Oct 2015 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=61552
ASTVผู้จัดการ/spoon-tamago.com – ดีไซเนอร์ญี่ปุ่นใส่ไอเดียใน “หนังยางวง” ด้วยการประดับโบว์เล็กเข้าไป เพิ่มมูลค่าจากหนังยางถูกๆ กลายเป็นหนังยางมีระดับวางขายปลีกตกราคาเส้นละ 20 บาท
 
เป็นที่ทราบกันดีว่า ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการจัดแต่ง และบรรจุหีบห่อของสิ่งต่างๆ อย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น “ฟุโรชิกิ” หรือ ศิลปะการห่อผ้าแบบญี่ปุ่นที่ตกทอดกันมากว่า 600 ปี หรือ การประดิดประดอย “เบนโตะ” หรือข้าวกล่องที่ใช้รับประทานเป็นอาหารกลางวันในทุกวันก็มีการสร้างสรรค์ออกเป็นรูปแบบที่หลากหลาย
 
ล่าสุดมีดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นที่ออกแบบหนังยางวงรัดของแบบธรรมดาให้ดูมีสีสันขึ้นด้วยการประดับโบว์เล็กๆ เข้าไป ทั้งนี้ “หนังยางผูกโบว์” ดังกล่าวถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการประกวด Kokuyo Design Awards ตั้งแต่ปี 2556 โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะการผูกเงื่อนของญี่ปุ่นที่เรียกว่ามิซุฮิกิ (水引) และทำให้ผู้ออกแบบให้ชื่อหนังยางผูกโบว์นี้ว่า “มิซุฮิกิแบนด์ (Mizuhikiband)” 
 
มิซุฮิกิแบนด์มีทั้งหมด 4 สี คือ แดง ชมพู ฟ้า และเขียว เริ่มวางขายในญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2558 นี้ โดยผลจากการออกแบบผลิตภัณฑ์เช่นนี้เองทำให้วางขายได้ในราคาห่อละ 460 เยน หรือราว 140 บาท โดยบรรจุห่อละ 7 วง
 

 

 

 

 

]]>
61552
กูเกิล เปิด 7 ฟีเจอร์เด่น "มาร์ชเมลโล" https://positioningmag.com/61553 Sat, 03 Oct 2015 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=61553
ในสายตาสาวกแอปเปิล (Apple) แต่ละครั้งที่มีการจัดอีเว้นท์เปิดตัวโปรดักซ์ย่อมมีความหมาย และสามารถกระตุ้นให้บรรดาสาวกอยากควักกระเป๋าซื้อหาไอเท็มใหม่ ๆ มาไว้ในครอบครอง 
 
…(แฟน ๆ) กูเกิล (Google) ก็ไม่ต่างกัน…
 
29 กันยายนที่ผ่านมาจึงเป็นอีกหนึ่งวันที่แฟนคลับกูเกิลได้ยลโฉมโปรดักซ์ใหม่ ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น แอนดรอยด์ 6.0 มาร์ชเมลโล ระบบปฏิบัติการตัวล่าสุด, สมาร์ทโฟน Nexus 6P และ 5x แท็บเล็ต Pixel C และอุปกรณ์ Chromecast ซึ่งจนถึงวันนี้ น้อยมากที่จะมีเสียงวิจารณ์ในเชิงลบตามมา จะมีก็แต่เพียงคำเตือนในการอัปเดตเป็นแอนดรอยด์ 6.0 ว่าอาจทำให้เครื่องเกิดปัญหาบางประการได้ เนื่องจากฟีเจอร์ใหม่อย่างเช่น การขอ App Permission นั้นอาจมีแอปบางตัวได้รับผลกระทบนั่นเอง
 
7 ฟีเจอร์เด่น “มาร์ชเมลโล”
 
แอนดรอยด์ 6.0 มาร์ชเมลโลรับบทพระเอกของงานนี้เลยทีเดียว เพราะเป็นแกนหลักในการนำเสนอฟีเจอร์ต่าง ๆ ตลอดงาน ซึ่งใน “มาร์ชเมลโล” เราอาจไม่ได้เห็นการเปลี่ยนอินเทอร์เฟส หรือการปรับโฉมครั้งใหญ่ แต่หลัก ๆ คือการแก้ไขจุดบกพร่องในอดีต และปรับปรุงให้ระบบทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งมาร์ชเมลโลมีจุดเด่นที่รวบรวมมาได้ดังนี้
 
1. Doze Mode 
 
โหมดประหยัดพลังงานของแอนดรอยด์ 6.0 ที่ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้เพิ่มขึ้นราว 30 เปอร์เซ็นต์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง โดยโหมดดังกล่าวนี้เป็นการทำงานร่วมกันของเซนเซอร์ และซอฟต์แวร์ในการตรวจสอบว่าอุปกรณ์นั้น ๆ ถูกวางทิ้งไว้โดยไม่มีการใช้งานหรือไม่ ถ้าพบว่าใช่ มันจะยุติการทำงานของระบบหลาย ๆ ตัวลงไป เพื่อช่วยประหยัดพลังงานให้กับตัวเครื่องนั่นเอง ทั้งนี้ กูเกิลระบุว่า ผู้ใช้จะยังได้รับการแจ้งเตือนจากแอปต่าง ๆ ที่ส่งเข้ามาได้เช่นเดิม
 
2. Google Now on Tap
 
ฟังดูชื่อยาวไปสักนิด แต่ Google Now on Tap เป็นฟีเจอร์ที่ออกแบบเพิ่มเติมต่อจาก Google Now ซึ่งจะเข้าไปช่วยเพิ่มข้อมูลให้ถึงภายในแอปโดยตรง ซึ่งการทำงานของ Google Now on Tap นี้ จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับแอปต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ใช้งานอยู่ เพียงกดปุ่ม Home ค้างไว้ Google Now จะวิเคราะห์ข้อมูลและแสดงผลของข้อมูลที่ผู้ใช้ “น่าจะ” ต้องการออกมาให้ เช่น สมมติว่าผู้ใช้อยู่ในแอปสำหรับแชตยี่ห้อหนึ่ง และมีการส่งข้อความคุยกับเพื่อนว่า “เย็นนี้ไปกินพิซซ่า xxx กันเถอะ” เมื่อกดปุ่ม Home ค้างไว้ Google Now on Tap จะค้นหาเส้นทางการไปร้านพิซซ่า xxx ขึ้นมาให้ รวมถึงเวลาเปิดปิดร้าน และรีวิวเกี่ยวกับร้านนี้ด้วย
 
3. Cut, Copy, Paste ง่ายขึ้น
 
ในการใช้งานแอนดรอยด์เวอร์ชันก่อนหน้า เวลาผู้ใช้เลือกคำที่ต้องการได้แล้ว ระบบจะแสดงแท่งบาร์ขึ้นมาที่ด้านบนของหน้าจอพร้อมไอคอนให้เลือกมากมาย ซึ่งสำหรับบางคน อาจต้องการแค่ cut, copy และ paste เท่านั้น
 
ในแอนดรอยด์ 6.0 ดูเหมือนกูเกิลจะรับฟังเสียงจากผู้ใช้งาน โดยเมื่อเลือกภาพหรือข้อความที่ต้องการได้แล้ว จะมีเมนูป๊อปอัป “cut, copy และ paste” ขึ้นมาเหนือข้อความที่เราเลือกทันที ซึ่งในจุดนี้ อาจฟังดูคล้ายการทำงานของ iOS แต่เชื่อว่าการปรับที่อยู่ให้ cut, copy และ paste ใหม่นี้ จะทำให้การทำงานบนแอนดรอยด์สะดวกขึ้นมากเลยทีเดียว
 
4. การขอ App Permission แบบใหม่
 
หากคุณใช้เฟซบุ๊ก แต่คุณไม่ต้องการให้แอปสามารถแอคเซสข้อมูลของกล้อง หรือ Location ได้ ในแอนดรอยด์ 6.0 คุณสามารถทำได้แล้ว หรือก็คือ แอนดรอยด์ 6.0 ให้คุณสามารถกำหนดได้ว่า แอปแต่ละตัวจะได้รับสิทธิในการเข้าถึงฟีเจอร์ใดบนเครื่องได้บ้างนั่นเอง 
 
5. มีการทำแบคอัป App และรีสโตร์ให้โดยอัตโนมัติ
 
ในแอนดรอยด์ 6.0 จะมีการทำงานอย่างหนึ่งนั่นก็คือการแบ็คอัปข้อมูล และแอปให้โดยอัตโนมัติไปยัง Google Drive ซึ่งหากคุณทำโทรศัพท์พัง หรือเปลี่ยนเครื่องใหม่ ฟีเจอร์ตัวนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถรีสโตร์ข้อมูลต่าง ๆ ลงมาในเครื่องใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
 
6. แอนดรอย์เพย์
 
กูเกิลตัดสินใจผนวกแอนดรอยด์เพย์ลงในมาร์ชเมลโล ส่วนหนึ่งเพื่อกระตุ้นตลาดธุรกรรมทางการเงินผ่านสมาร์ทโฟนในสหรัฐอเมริกาได้แจ้งเกิด และมีมูลค่าตลาดเติบโตมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีบิ๊กเนมเพียงรายเดียว นั่นก็คือค่ายแอปเปิล (Apple) เปิดตัวแอปเปิลเพย์ และยังไม่สามารถสร้างอิมแพคได้มากพอ
 
7. การยืนยันตัวบุคคลผ่านลายนิ้วมือ
 
เป็นเทรนด์ระบบรักษาความปลอดภัยที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแทบทุกค่ายต่างต้องพัฒนาเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งการยืนยันตัวบุคคลผ่านลายนิ้วมือได้ถูกเพิ่มเข้ามาในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันนี้เป็นครั้งแรก
 
ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟนของเน็กซัส (Nexus) รุ่น Nexus 5, 6, 9 และ Nexus Player จะเป็นกลุ่มที่ได้รับอัปเดตเป็นแอนดรอยด์ 6.0 เป็นกลุ่มแรก
 
ไม่เพียงเท่านั้น ในงานวันนี้ยังเป็นเวทีให้กูเกิลได้ประกาศศักดาว่าแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ เป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งาน 1.4 พันล้านคนแล้วอีกด้วย หลังจากเคยบันทึกสถิติมียอดผู้ใช้งานทะลุ 1 พันล้านคนครั้งแรกไปเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ.2013
 
อย่างไรก็ดี ตัวเลขการเติบโตดังกล่าวเป็นตัวเลขที่บริษัทการ์ทเนอร์ (Gartner) ให้ความเห็นว่า เป็นการเติบโตที่ค่อนข้างช้าพอสมควร แต่ทางซีอีโอของกูเกิลอย่าง Pichai Sundar ก็ได้ออกมาบอกว่า แอนดรอยด์ยังคงเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในตลาด Emerging Market เช่น ประเทศเวียตนาม และอินโดนีเซีย พร้อมกับกล่าวด้วยว่า ในหลายๆ ประเทศการเข้ามาของแอนดรอย์เป็นการทำให้ประชากรในประเทศนั้นๆ ได้มีโอกาสสัมผัสสมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรกด้วย
 
โดยซันดาร์ได้ยกตัวอย่างของแอนดรอยด์วัน สมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่มีการทำตลาดในกลุ่มผู้มีกำลังซื้อน้อย พร้อมยกตัวอย่างว่า สามารถทำสถิติโทรศัพท์ที่ขายดีที่สุดในตุรกีเลยทีเดียว
 

 
Nexus 6P” ดีที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา
 
หันมาทางด้านฮาร์ดแวร์กันบ้าง 29 กันยายนถือเป็นฤกษ์ดีที่กูเกิลได้เปิดตัว “สมาร์ทโฟนที่ยอดเยี่ยมที่สุด” ที่บริษัทได้มีการผลิตขึ้นมา หรือก็คือ “Nexus 6P” ในราคาเริ่มต้นที่ 499 เหรียญหรือประมาณ 18,000 บาทสำหรับการซื้อเครื่องเปล่า โดยมาพร้อมหน้าจอขนาด 5.7 นิ้วใช้เทคโนโลยี AMOLED ความละเอียดระดับ WQHD (2560 x 1440 พิกเซล) แสดงภาพคมชัดที่ความหนาแน่น 518 พิกเซลต่อนิ้ว ทั้งหมดนี้ทำงานบนชิปออคต้าคอร์ Snapdragon 810 ซึ่งรองรับสถาปัตยกรรม 64 บิต
 
ตัวเครื่องของ Nexus 6P ยังเป็นอลูมิเนียมชิ้นเดียว และมีน้ำหนักเบา 178 กรัม เบากว่าคู่แข่งรายสำคัญอย่าง iPhone 6s Plus ที่หน้าจอเล็กกว่า 5.5 นิ้วแต่หนัก 199 กรัมด้วย
 
นอกจากนั้นภายในงานแถลงข่าวเปิดตัว จะพบว่า กูเกิลค่อนข้างใช้เวลาสำหรับการ “โชว์ออฟ” เทคโนโลยีจากกล้องของ Nexus 6P มากเป็นพิเศษว่ามันสามารถถ่ายภาพในที่ร่ม รวมถึงภาพในที่มีแสงน้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีการระบุว่า เป็นกล้องที่ดีที่สุดที่เคยใส่เข้ามาในสมาร์ทโฟนของ Nexus เลยทีเดียว (สำหรับกล้องที่มาใน Nexus 6P นั้น กล้องหน้าถ่ายภาพได้ที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหลังอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล) 
 
ไม่เพียงเท่านั้น Nexus 6P ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ 3,450 mAh และพื้นที่เก็บข้อมูลตั้งแต่ 32GB, 64GB และ 128GB เลยทีเดียว
 

Nexus 5X (ซ้าย) และ Nexus 6P
 
ส่วนน้องอีกคนอย่าง Nexus 5X อาจดูเป็นรองไปบ้าง หากนำหน้าตา และวัสดุที่ใช้ในการผลิตไปเปรียบเทียบกับ 6P โดย Nexus 5X เป็นผลงานการผลิตของแอลจี ที่กูเกิลจัดไว้ในกลุ่มของสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยา ที่ทุกคนสามารถซื้อหามาเป็นเจ้าของได้ แต่ถ้าพิจารณาจากฟีเจอร์แล้ว Nexus 5X ก็ถือว่าไม่ธรรมดา กับหน้าจอ 5.2 นิ้ว และแบตเตอรี่ที่ขนาดใหญ่ขึ้นกว่า Nexus 5 นอกจากนั้น มันยังรองรับการสแกนลายนิ้วมือ และใช้ USB-C ไม่ต่างจาก 6P อีกด้วย โดยกูเกิลตั้งราคาเริ่มต้นไว้ที่ 379 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 13,800 บาท
 
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการใช้แท็บเล็ต กูเกิลก็มีอีกหนึ่งโปรดักซ์ออกมาเอาใจด้วยเช่นกันกับ “Pixel C” แท็บเล็ตขนาด 10.2 นิ้วที่ใช้โปรเซสเซอร์ Nvidia X1 และแรม 3 GB โดยตัวเครื่องจะขายที่ราคา 499 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 18,000 บาท) ส่วนคีย์บอร์ดขายที่ 149 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5,400 บาท)
 

 
สุดท้าย กับอุปกรณ์ Chromecast 2 (เครื่องรับสัญญาณภาพและเสียงจากอุปกรณ์ที่รันแพลตฟอร์มแอนดรอยด์) ที่มาพร้อมดีไซน์แบบใหม่ โดยกูเกิลบอกว่าดีไซน์ใหม่นี้ทำให้เสียบสายเข้ากับตัวเครื่องทีวีได้ง่ายขึ้น แถมมีสีมากมายให้เลือก (เหลือง, ดำ, แดง) ในราคาเบา ๆ เพียง 35 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,280 บาท) ซึ่งในรุ่นนี้ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพของ WiFi ให้รองรับ Wi-Fi 802.11ac ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz
 
ส่วน “Chromecast Audio” ซึ่งสามารถรับสัญญาณเสียงได้เพียงอย่างเดียว (จากอุปกรณ์แอนดรอยด์) ก็ถูกตั้งราคาไว้ที่ 35 เหรียญสหรัฐเช่นกัน ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องเสียงของบ้าน และส่งเพลงจาก Google Play Music, Pandora หรือ Spotify มาฟังได้อย่างสบาย ๆ และสามารถควบคุมได้ผ่านสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ รวมถึงนาฬิกาอัจฉริยะบนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ด้วย
 
อย่างไรก็ดี ข่าวงานอีเว้นท์ของกูเกิลครั้งนี้อาจไปได้สวยหากไม่มีประกาศจากแอมะซอน (Amazon) เว็บไซต์ชื่อดังว่าจะไม่ขายเครื่องเล่นที่ไม่ใช่ของบริษัทตนเอง – บริษัทในเครือเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับว่าอุปกรณ์อย่าง Chromecast จะไม่สามารถใช้ช่องทางนี้ในการจัดจำหน่ายได้อีกต่อไป
 
ทั้งนี้ จากประกาศของแอมะซอนสังเกตได้ว่า แอมะซอนจะขายเฉพาะเครื่องเล่นที่ทำงานร่วมกับ Prime Video บริการของทางค่ายเท่านั้น ส่วนโปรดักซ์อื่น ๆ นั้นจะถูกถอนออกจากเว็บไซต์ภายใน 29 ตุลาคม ค.ศ. 2015 
 
จับตากูเกิล – หัวเว่ย
 
ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดเบื้องหลังภาพความสำเร็จในงานอีเว้้นท์ดังกล่าวก็คือ ความใกล้ชิดระหว่างกูเกิลกับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่รับหน้าที่ผลิตสมาร์ทโฟน Flagship อย่าง “หัวเว่ย” (Huawei) ซึ่งปัจจุบันหัวเว่ยเป็น แบรนด์สมาร์ทโฟนจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งอันดับ 4 ของโลก ซึ่งคำถามว่า ทำไมต้องเป็นหัวเว่ยนั้น อาจเป็นผลมาจากความสำเร็จของการพัฒนาสมาร์ทโฟน Mate และ P Series ที่เข้าไปเจาะตลาดยุโรปได้สำเร็จ และทำให้หัวเว่ยเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในฐานะผู้ผลิตสมาร์ทโฟนไฮ-เอนด์จากซีกโลกตะวันตก และมีแต้มต่อเทียบเท่าซัมซุง (Samsung) แบรนด์ดังจากเกาหลีใต้
 
นอกจากนี้ การรับผลิตสมาร์ทโฟนให้แก่กูเกิลยังทำให้หัวเว่ยมีโอกาสรุกคืบเข้าตลาดสหรัฐอเมริกาได้เป็นอย่างดี และยังทำให้ชื่อของหัวเว่ยในระดับโลกได้รับการการันตีคุณภาพมากขึ้นอีกด้วย
 
ส่วนกูเกิลเองก็ได้ประโยชน์จากการจับมือกับหัวเว่ยไม่ใช่น้อย เพราะหัวเว่ยสามารถตอบโจทย์ความต้องการหลายๆ อย่างของกูเกิลได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องการรุกคืบในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดที่กูเกิล และบริษัทไอทีสัญชาติสหรัฐอเมริกาหลายๆ แห่งต้องเจอต่อการปิดกั้นอย่างหนัก
 
การจับมือกับหัวเว่ย ไม่เพียงแต่ทำให้กูเกิลสามารถนำบริการของตนเอง เช่น จีเมล (Gmail) กูเกิลแมปส์ (Google Maps) ซึ่งปกติแล้วไม่สามารถใช้งานได้บนแผ่นดินจีนกลับเข้าไปตีตลาดได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ลูกค้าชาวจีนสามารถเข้าถึงแอปตัวอื่นๆ ที่ไม่ได้ถูกจำกัดการใช้งานด้วย งานนี้จึงอาจสรุปได้ว่า วิน-วินทั้งสองฝ่ายเลยก็ว่าได้
 
 
 

 

]]>
61553
“โค้ก” ปั้น “อควาเรียส” เบียดตลาดน้ำดื่ม-เกลือแร่ https://positioningmag.com/61548 Fri, 02 Oct 2015 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=61548

ห่างหายไปจากการทำตลาดเครื่องดื่มไม่อัดลมนานพอสมควรสำหรับ “โคคา โคลา” แต่ในปีนี้ที่คู่แข่งจากค่าย “ไทยดริ้งค์” ในเครือไทยเบเวอเรจ ได้ชิงออกแบรนด์ใหม่ “100 พลัส” ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่วางโพซิชั่นเป็นน้ำอัดลมผสมเกลือแร่ มาพร้อมกับพรีเซ็นเตอร์ตัวท็อปของวงการเพลงอย่างตูน บอดี้สแลม และอื่นๆ งานนี้โค้กจึงต้องแอคทีฟมากขึ้นบ้างแล้ว

จึงได้จังหวะที่โค้กปั้นแบรนด์ “อควาเรียส (Aquarius)” สู้ศึกในตลาดบ้าง เป็นการวางเซ็กเมนต์ใหม่ “เครื่องดื่มเติมความสดชื่น (Enhanced Hydration)” มีส่วนผสมของน้ำเกลือแร่ และน้ำผลไม้ โดยได้ทำการปรับสูตรให้เข้ากับเมืองไทยด้วยการเพิ่ม “น้ำมะพร้าว” เข้าไป เพราะตอนนี้กำลังเป็นที่นิยม และน้ำมะพร้าวมีเกลือแร่ธรรมชาติค่อนข้างสูง

อควาเรียสเป็น 1 ในอีก 500 แบรนด์ลูกภายใต้อณาจักรของโคคา โคลา มีจุดเริ่มต้นในปี 1983 ที่ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันมีจำหน่ายมากกว่า 26 ประเทศทั่วโลก เช่น สเปน, ญี่ปุ่น, อาร์เจนตินา, จีน, อินโดนีเซีย และเกาหลี เป็นต้น

โดยในการทำตลาดในไทยภายใต้งบลงทุน 300 ล้านบาท โค้กพยายามฉีกตลาด หรือไม่ทำการสื่อสารว่าเป็นเครื่องดื่มเกลือแร่โดยตรง เพราะต้องการฉีกจากคู่แข่ง และต้องการให้ผู้บริโภครู้สึกว่าสามารถดื่มได้ตลอดทั้งวัน จากปกติที่เครื่องดื่มเกลือแร่จะดื่มได้เฉพาะตอนเล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมเสียเหงื่อเท่านั้น

การสื่อสารที่ว่าเป็นเครื่องดื่มเติมความสดชื่น เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ ผู้บริโภคจึงสามารถดื่มได้ทั้งวัน ทั้งตอนทำงาน เดินทาง เล่นกีฬา หรือช้อปปิ้ง อยู่ตรงกลางระหว่าง “น้ำดื่ม” และ “สปอร์ตดริ้งค์” หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ ให้ความสดชื่น หรือมีรสชาติมากกว่าน้ำดื่มธรรมดา แต่มีเกลือแร่เบาๆ กว่าเครื่องดื่มเกลือแร่

แอนโตนิโอ เดล โรซาริโอ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรามองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดใหม่นี้ในประเทศไทย ซึ่งเป็นช่องว่างระหว่างน้ำเปล่ากับสปอร์ต ดริ้งค์ เพราะสภาพอากาศร้อนอบอ้าวของประเทศไทยที่มีเกือบตลอดทั้งปี ประกอบกับผู้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตนอกบ้าน ทำกิจกรรมเร่งรีบและแอคทีฟตลอด จึงสื่อสารว่าอควาเรียสสามารถดื่มได้ทุกโอกาสต่างจากสปอร์ตดริ้งค์ที่มีข้อจำกัดในการดื่ม”

มีวางจำหน่ายใน 2 ราคาด้วยกัน คือ ขวด PET ราคา 13 บาท จำหน่ายตามร้านโชห่วย และขวด PET ราคา 16 บาท จำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อ และโมเดิร์นเทรด เป็นการปรับราคาให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ทั้ง 2 กลุ่ม โดยที่ตั้งเป้ารายได้จากโมเดิร์นเทรด 50% และเทรดดิชั่นนอลเทรด 50%

]]>
61548