Malee – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 24 Jan 2018 03:29:35 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 จิ๊กซอว์ใหม่ “มาลี” ซื้อกิจการเครื่องดื่มในเวียดนาม หวังเจาะตลาดอาเซียนรวบทุกเซ็กเมนต์  https://positioningmag.com/1154322 Tue, 23 Jan 2018 16:19:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1154322 สถานการณ์ตลาดน้ำผลไม้มูลค่า “หมื่นล้าน” ในหลายปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตที่ถดถอยอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อที่กระทบการบริโภค และต่อให้ “เทรนด์สุขภาพ” มาแรง ก็ไม่สามารถเป็นตัวฉุดให้พฤติกรรมคนไทยหันมาซื้อน้ำผลไม้มากขึ้น จนกระตุ้นตลาดเติบโตได้ อย่างปี 2560 ตลาดติดลบถึง 8% โดยเซ็กเมนต์พรีเมียมมูลค่า 5,000 ล้านบาท ติดลบ 7%

สถานการณ์บีบคั้นดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการเครื่องดื่มต้องปรับตัว ไม่ได้รอแค่โอกาสทำตลาดในประเทศเท่านั้น เพราะเวทีในบ้านเล็กไม่เพียงพอต่อการสร้างการเจริญเติบโตและขยายอาณาจักรให้ใหญ่ได้อีกมากนัก เพราะขนาดตลาดที่มีประชากรกว่า 60 ล้านคน เมื่อเทียบกับ “ภูมิภาคอาเซียน” ที่มีประชากรและขนาดตลาดกว่า 600 ล้านคน ย่อมมีความน่าสนใจในการเข้าไปกอบโกย “ขุมทรัพย์” มากกว่า แต่จะให้เข้าไปนับ 1 สร้างโรงงาน สร้างแบรนด์ และหาตลาดเป้าหมาย คงไม่ทันการณ์ “ทางลัด” จึงเป็นวิธีการที่หลายบริษัทนำมาใช้

ล่าสุด “มาลี กรุ๊ป” ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดน้ำผลไม้ ได้ทุ่มเงิน 330 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ “ลอง ควน เซฟ ฟู้ด” จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่มในเวียดนาม ในสัดส่วน 65% เพื่อเป็นสปริงบอร์ดให้มาลีในการเข้าไปบุกตลาดประเทศเกิดใหม่ หรือ Emerging Market ในอาเซียน

ทั้งนี้ ลอง ควน เซฟ ฟู้ด จะเป็น “จิ๊กซอว์” สำคัญที่มาต่อยอด “ธุรกิจเครื่องดื่มของมาลีในหลายด้าน ดังนี้

• เป็นบริษัทเครื่องดื่มรายใหญ่อันดับ 7 ของเวียดนาม ก่อตั้งและทำธุรกิจมานานกว่า 25 ปี มีผลิตภัณฑ์ แบรนด์เป็นที่รับรู้และได้รับการยอมรับในกลุ่มผู้บริโภคชาวเวียดนาม ซึ่งนั่นหมายความว่า จะทำให้ “การสร้างแบรนด์” สำหรับมาลีไม่ต้องเริ่มจากศูนย์

• สายการผลิตที่ครบวงจร และมีกำลังการผลิตเครื่องดื่ม 300 ล้านลิตรต่อปี ทำให้บริษัทสามารถใช้โรงงานดังกล่าวเป็นฐานผลิตสินค้า โดยไม่ต้องส่งออกจากประเทศไทยไปทำตลาด เพราะเครื่องดื่มเป็นสินค้าที่หนัก มีภาระต้นทุนค่าขนส่งสูง การได้ฐานผลิตในประเทศช่วยลดต้นทุนได้มหาศาล และส่งผลให้การทำ “ราคา” ได้อย่างเหมาะสม และเอื้อต่อการสร้างควาได้เปรียบทางด้านการแข่งขันของราคาในตลาดได้ด้วย ซึ่งราคาถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคใน Emerging Market

• โรงงานสามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายทั้งน้ำดื่ม เครื่องดื่มอัดแก๊สหรืออัดลม เครื่องดื่มเจลลี่ในรูปแบบกระป๋อง ขวดพลาสติก ถ้วยพลาสติกและขวดแก้ว ทำให้พอร์ตโฟลิโอของโปรดักต์มีความหลากหลาย รองรับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น

• ลอง ควน เซฟ ฟู้ด มีสินค้าราคา 10 บาท ทำตลาดในระดับแมส ส่วนมาลีมีสินค้าระดับพรีเมียม สามารถนำไปซีนเนอร์ยีในการทำตลาดระหว่าง 2 ตลาดได้ ทำให้โปรดักต์พอร์ตโฟลิโอครอบคลุมทุกตลาด ล่าง กลาง บน

• โรงงานจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตของมาลีเป็น 630 ล้านลิตรต่อปี รองรับความต้องการ (Demand) ของผู้บริโภคในอนาคต

• การมีช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุมในประเทศเวียดนาม ช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันจากพันธมิตรที่แข็งแกร่งและการกระจายสินค้าเข้าถึงทุกภาค โดยเฉพาะภาคใต้ของประเทศเวียดนาม ซึ่งโดยทั่วไป การทำตลาดในประเทศเวียดนามนั้น อุปสรรค (Threats) ที่สำคัญคือการกระจายสินค้า เพราะภูมิประเทศที่ยาว ทำให้แต่ละแบรนด์ไม่สามารถกระจายสินค้าป้อนถึงผู้บริโภคเป้าหมายได้ครอบคลุม จึงยากที่แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งจะกินรวบตลาดทั้งประเทศได้

น้ำผลไม้มาลี มีการขยายตลาดไปยัง 30 ประเทศทั่วโลก และที่ผ่านมามีเพียง 2 ประเทศที่เข้าไปในรูปแบบร่วมทุน คือ ประเทศฟิลิปปินส์ โดยร่วมทุนกับบริษัท มอนเด นิสชิน คอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและแครกเกอร์รายใหญ่ของประเทศ และประเทศอินโดนีเซียที่ร่วมทุนกับบริษัท พีที คีโน่ อินโดนีเชีย หนึ่งในบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ ขณะที่เวียดนามเป็นครั้งแรกที่เข้าไปซื้อกิจการ “โอภาส โลพันธ์ศรี” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสธุรกิจระหว่างประเทศ บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เล่า

“การซื้อกิจการในเวียดนามเป็นกลยุทธ์สร้างเครือข่ายระดับภูมิภาคด้วยนำจุดแข็งของพันธมิตรมาเสริมแกร่งซึ่งกันและกัน สร้างขีดความสามารถการแข่งขันและสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ที่สำคัญกลยุทธ์ดังกล่าวอยู่ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ที่เป็นรูปธรรมของมาลีในการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ช่วยผลักดันยอดขายให้พิ่มเป็น 60% ภายใน 3 ปี จากปัจจุบัน 40% และขยับเข้าสู่เป้าหมายการเป็นผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพระดับโลกในปี 2564 ด้วย”

แม้บุกหนักต่างประเทศ ในบ้านก็ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจ โดยปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ 500 ล้านบาท ปรับปรุงเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพในการผลิต ผลักดันยอดขายให้เติบโตแบบก้าวกระโดดต่อเนื่องใน 3 ปี (2561-63) ส่วนปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรวมอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท เติบโต 30% ส่วนปีหน้าคาดว่ายอดขายจะทะลุ 10,000 ล้านบาท.

]]>
1154322
“มาลี กรุ๊ป” รีแบรนด์ใหญ่ในรอบ 40 ปี ภารกิจยักษ์ของทายาท “เจน 2” https://positioningmag.com/1133469 Wed, 19 Jul 2017 08:29:06 +0000 http://positioningmag.com/?p=1133469 เป็นเวลาหลายปีแล้วที่มาลี กรุ๊ปได้ผลัดใบสู่ทายาทยุคเจนเนอเรชั่น 2 โดยมีรุ่งฉัตร บุญรัตน์ขึ้นมาเป็นแม่ทัพใหญ่ ต้องพบกับความท้าทายรอบด้านจากเทรนด์ความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว รวมถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อกำลังซื้อผู้บริโภค

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามาลีได้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่มากมาย กับโจทย์ใหญ่ที่ต้องปั๊มรายได้ และส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มขึ้น ทั้งการเปลี่ยนขื่อบริษัทจากมาลีสามพรานเป็นมาลี กรุ๊ปเพื่อยกภาพลักษณ์ให้ดูอินเตอร์ขึ้น และมีการออกสินค้าใหม่ๆ ต่อเรื่อง

ในปีนี้ถือเป็นภารกิจยักษ์ใหญ่ของมาลี กรุ๊ป ในการจัดทัพครั้งใหญ่ในรอบ 40 ปี ใช้งบลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งการรีแบรนด์ ปรับโครงสร้างองค์กร สำนักงานใหม่ ต้องการลบภาพลักษณ์ที่แต่เดิมเป็นแค่ผู้ผลิตน้ำผลไม้สู่การเป็นผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลกภายในปี 2564 

รุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของมาลีจากการเป็นผู้ผลิตน้ำผลไม้ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่รับรู้กันดีอยู่แล้ล้ว ไปสู่การเป็นผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลกให้ได้ภายใน พ.. 2564 นับเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของบริษัทฯ ในรอบเกือบ 40 ปีที่ได้ดำเนินธุรกิจ

รุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

นอกจากธุรกิจในประเทศแล้ว ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจส่งออกหรืออินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส ที่มาลีได้ผลิตและส่งผลิตภัณฑ์ออกไปจำหน่ายทั้งในแบรนด์มาลีและการรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing หรือ CMG) ไปยังตลาดต่างๆ ทั่วโลกกว่า 40 ประเทศ เช่น ภูมิภาค CLMV จีน ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอเมริกา โดยมีอัตราการเติบโตถึง 30-40% โดยธุรกิจต่างประเทศเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างการเติบโตของมาลี กรุ๊ปเช่นกัน 

ชูกลยุทธ์ 4 R

Rebrand 

ก่อนหน้านี้ มาลี เป็นที่รู้จักในตลาดเมืองไทยมาเกือบ 40 ปี ในชื่อของมาลีสามพรานก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นมาลี กรุ๊ปใน พ.. 2559 การปรับภาพลักษณ์ของบริษัทในครั้งนี้ เป็นการเปลี่ยน Brand Identity ใหม่ ที่ได้รับการออกแบบให้ดูทันสมัย สื่อถึงความเป็นสากล ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Growing Well Together” ที่เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ ที่ประกอบด้วย ผู้บริโภค พนักงาน เกษตรกร และสิ่งแวดล้อม 

นอกจากการปรับ Brand Identity ใหม่ของมาลีกรุ๊ปแล้ว ในส่วนของผลิตภัณฑ์แบรนด์มาลี ก็ได้มีการปรับ Product Portfolio ใหม่ ครอบคลุมตั้งแต่การจัดกลุ่มผลิตภัณฑ์ในปัจจุบัน การออกแบบบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ให้สอดคล้องกับทิศทางของบริษัทที่มุ่งเน้นไปยังผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เป็นเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภค

รีออแกไนซ์ (Reorganize)

โดยปรับโครงสร้างองค์กรภายในทั้งระบบ ตั้งแต่การจัดทัพทีมผู้บริหารใหม่ รวมถึงการคัดสรรและผลักดันบุคลากรเดิมของมาลีสู่ตำแหน่งที่เหมาะสมกับความสามารถ เพื่อให้เกิดการผสมผสานของทักษะและประสบการณ์ รวมทั้งการปรับโปรแกรมการพัฒนาบุคลากร ที่ประกอบด้วย 1.เพิ่มศักยภาพและทักษะการทำงานให้แก่พนักงานทุกระดับ โดยการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ เพื่อลดขั้นตอนการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้น 2.จัดตั้งหน่วยงานใหม่ เช่น Business Development และ International Business เพื่อเตรียมความพร้อมและรองรับสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก 

รีโนเวต (Renovate

ลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท ปรับปรุงออฟฟิศและโรงงาน เครื่องจักรและกระบวนการทำงานต้างๆ นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการวิจัยพัฒนา และควบคุมคุณภาพสินค้า รวมไปถึงระบบหลังบ้าน 

  1. การวาง Master Plan โรงงานใหม่ทั้งหมดให้ทันสมัยขึ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต 
  2. ลงทุนเครื่องจักรใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มกำลังการผลิตจาก 300 ล้านลิตรเป็น 330 ล้านลิตรต่อปี รองรับความต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศ 
  3. ระบบ Back Office ด้วยการพัฒนาระบบ IT ระบบ CRM รวมถึงการพัฒนาฐานข้อมูลมาใช้ 
  4. ปรับปรุงออฟฟิศใหม่ ผ่านแนวคิดในการออกแบบให้ออฟฟิศเป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2” มีการแบ่งโซนระหว่างทำงานและผ่อนคลาย รวมทั้งการนำระบบปรับอากาศที่มีการถ่ายเทอากาศออกไปสู่ข้างนอก 

รีคอนเนก (Reconnect

ในเรื่องของการตลาด และการสื่อสารกับผู้บริโภค ต้องเน้นตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายผ่านสินค้า โดยร่วมมือกับบริษัทพาร์ตเนอร์ในด้านต่าง พัฒนาสินค้าใหม่ วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิต 

การพัฒนาช่องทางขายและการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ Monde Nissin Corporation ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคประเทศฟิลิปปินส์, Mega Lifesciences ผู้ผลิตยาและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น

]]>
1133469
MALEE ลงขัน MEGA ปั้นธุรกิจใหม่ผลิตเครื่องดื่มสุขภาพพร้อมดื่ม https://positioningmag.com/1100591 Tue, 23 Aug 2016 14:01:31 +0000 http://positioningmag.com/?p=1100591 เมื่อเทรนด์สุขภาพมาแรง และเครื่องดื่ม RTD มาแรง จึงทำให้บริษัท มาลีกกรุ๊ป (MALEE) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้ ยี่ห้อ มาลี และ บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสินค้าอุปโภคบริโภค (Fast Moving Consumer Goods หรือ FMCG)  ตัดสินใจร่วมหุ้นลงขัน เปิด บริษัท เมก้า มาลี จำกัด (Mega Malee) เพื่อพัฒนาธุรกิจใหม่ทางด้านผลิตภัณฑ์พร้อมดื่มเพื่อสุขภาพจากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ

มูลค่าการลงทุนเบื้องต้น10 ล้านบาท แบ่งเป็น MEGA 51% และ MALEE  49% คาดว่า 2-3 ปีข้างหน้า อาจมีการเงินลงทุนใน Mega Malee ตามการขยายตัวของธุรกิจ

บริษัท Mega Malee จะดำเนินธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พร้อมดื่มเพื่อสุขภาพที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติและผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมถึงการทำกิจกรรมการตลาดและการจัดจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยในระยะแรก Mega Malee จะมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์พร้อมดื่ม (Ready-to-Drink)

1_malee

ที่มาของการร่วมทุน

วิเวก ดาวัน (Mr. VivekDhawan) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและ Chief Coach บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงที่มาของการร่วมหุ้นในครั้งนี้ว่า MEGA มีเป้าหมายที่จะขยายตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาให้เป็นที่รู้จักและเข้าใจมากขึ้น

ในขณะที่ MALEE ต้องการขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจจากบริษัทที่ทำเพียงผลไม้และเครื่องดื่ม หันมาเน้นเครื่องดื่มสุขภาพอย่างเต็มตัว จึงเป็นที่มาของร่วมมือกันระหว่าง MEGA และ MALEE โดยจะมุ่งผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแนวใหม่ ซึ่งได้รับการรับรองผลทางวิทยาศาสตร์มาแล้วว่าจะช่วยให้สุขภาพของผู้บริโภคดีขึ้นได้

MEGA นั้นชี่ยวชาญทางด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพ (Pharmaceutical) ในขณะที่ MALEE มีความเชี่ยวชาญทางด้านการพัฒนาและการผลิตผลิตภัณฑ์พร้อมดื่ม (Ready-to-Drink)

การร่วมทุนครั้งนี้ จึงถือเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับทั้งสองบริษัทมาก

ฉัตรชัย บุญรัตน์ ประธานกรรมการ บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พฤติกรรมกลุ่มผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการเลือกสินค้าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการใส่ใจเรื่องสุขภาพ (Health and Wellness) คือหนึ่งในเมกะเทรนด์ (Mega Trend) ของโลกและของประเทศไทยเช่นกัน ส่งผลให้ตลาดสินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพยังคงมีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด

ผลิตภัณฑ์ของ Mega Malee ที่จะผลิตออกมา จะไม่ใช่ยา แต่เป็นเครื่องดื่ม (Ready-to-Drink) ผู้บริโภคจะรู้สึกเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายกว่า และเรื่องดูแลสุขภาพจะกลายเป็นเรื่องง่ายของผู้บริโภคทุกคน ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ และถือเป็นการร่วมมือกันปฏิวัติวงการผลิตภัณฑ์พร้อมดื่มเพื่อสุขภาพจากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดย MALEE และ MEGA มีความมั่นใจว่าแนวคิดดังกล่าวจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคที่มีความใส่ใจต่อสุขภาพ และกลายเป็นอนาคตที่มั่นคงของทั้งสองบริษัทต่อไปรวมถึงจะช่วยเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ MALEE ให้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อสุขภาพ และเสริมภาพลักษณ์ของ MALEE ที่จะมุ่งสู่ความเป็นผู้นำทางด้านสุขภาพตามกลยุทธ์ของ MALEE”

]]>
1100591