ไทย นับเป็นประเทศที่ 24 ที่เฟซบุ๊กเปิดตัว ฟีเจอร์ Marketplace อย่างเป็นทางการ การสร้างพื้นที่ซึ่งเป็นเสมือน “ตลาดกลาง” ให้สมาชิกจำนวน 48 ล้านคนที่อยู่บน Facebook ในไทย สามารถโพสต์ขายสินค้า หรือค้นหาสินค้าที่ต้องการซื้อจากในชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงกัน 

วิธีการใช้งาน ทำได้ด้วยการ แตะไอคอนรูปร้านค้า ในหน้าเฟซบุ๊ก ก็จะปรากฏรายการสินค้าที่ลูกค้าเลือกและมีอยู่ในตลาดไทย ซึ่งสามารถค้นหาจากราคา สถานที่ หรือประเภทสินค้าได้ ขณะเดียวกันผู้ขายสามารถโพสต์สินค้าเพื่อขายได้โดยตรง หรือโพสต์ข้ามกลุ่มจากกลุ่มผู้ซื้อและกลุ่มผู้ขายได้

การันดีป อานันด์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ของ Facebook กล่าวว่า

“ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่มือใหม่ที่มองหาเสื้อผ้าเด็ก หรือนักสะสมที่กำลังค้นหาไอเท็มหายาก Marketplace จะทำให้การซื้อขายเป็นเรื่องง่ายและยังไว้วางใจได้เพราะสามารถดูโปรไฟล์และรายละเอียดของผู้ซื้อและผู้ขายเพื่อนที่มีร่วมกันหรือระยะเวลาที่อยู่บน Facebookได้ง่ายๆ”

ที่มาของการออกฟีเจอร์ Marketplace ส่วนหนึ่งมาจากการศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก และพบว่า ผู้บริโภคส่วนหนึ่งเปิดเข้าไปตามกลุ่มต่างๆ ที่เปิดขายสินค้า เพื่อหาซื้อ หรือหาพื้นที่ลงประกาศขายของ แทนที่จะให้ผู้บริโภคเข้าไปโพสต์ซื้อขายตามกลุ่มต่างๆ เฟซบุ๊กจึงเปิด Marketplace มาให้ใช้งานแทนเสียเลย

อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กไม่มีระบบการชำระเงิน หรือการจัดส่งสินค้า ลูกค้าต้องไปจัดการหาวิธีกันเอาเอง ในช่วงเริ่มต้น Marketplace จะเปิดให้บริการเฉพาะในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ จากนั้นได้ทยอยเปิดให้บริการในประเทศต่างๆ รวมทั้งไทย.

โดยประเทศที่มาร์เกตเพลสจะไปเปิดเพิ่มนั้น ได้แก่ ออสเตรีย, เบลเยียม, สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮังการี, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ลักเซมเบิร์ก, นอร์เวย์, โปรตุเกส, สเปน, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์

ที่ผ่านมา มาร์เกตเพลส (เปิดตัวเมื่อ 10 เดือนก่อนหน้า) ไม่มีการชาร์จค่าธรรมเนียมของผู้ซื้อ และผู้ขาย ซึ่งเป็นไปได้ว่า เฟซบุ๊กต้องการให้มาร์เกตเพลสเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถช่วยในการค้าขายได้จริง ๆ โดยในการใช้บริการนั้น เฟซบุ๊กตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องสามารถโพสต์สินค้าเพื่อขายได้ผ่านสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ ในเวลาไม่เกิน 15 นาทีด้วย

นอกจากตลาดในยุโรปแล้ว ที่ผ่านมา มาร์เกตเพลสก็มีตลาดในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และออสเตรเลีย เช่นกัน ซึ่งตลาดในสามประเทศนี้มีผู้ใช้งานราว 550 ล้านคนต่อปี

ข้อจำกัดข้อหนึ่งของมาร์เกตเพลส คือ การสั่งซื้อได้เฉพาะในประเทศเดียวกันเท่านั้น ซึ่งเหตุผลที่ให้มาก็น่าสนใจ เพราะการซื้อข้ามประเทศอาจมีปัญหาด้านการสื่อสารได้นั่นเอง

ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมเฟซบุ๊กถึงหันมาสนใจอีคอมเมิร์ซอย่างจริงจังนั้น อาจเป็นเพราะว่า ผลการดำเนินงานของเฟซบุ๊กในไตรมาสที่ผ่านมานั้น มีรายได้เติบโตถึง 45 เปอร์เซ็นต์ หรือ 9.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ 98 เปอร์เซ็นต์ของรายได้นั้น มาจากค่าโฆษณาบนบริการฟรีเสียด้วย 

ที่มา : manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000083541