ยามาฮ่า ร่วมตอกหมุดศูนย์กลางมอเตอร์สปอร์ตบนแผนที่โลก ในงานแถลงข่าวการเปิดสนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต อย่างเป็นทางการ โดยสนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นสนามแข่งขันรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ของประเทศไทย ที่รองรับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกฟอร์มูล่าวัน และการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี ด้วยความจุที่สามารถรองรับผู้ชมได้กว่า 50,000 คน และสามารถรองรับผู้เข้าชม/ผู้ใช้สนามได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 1,000,000 คน ซึ่งถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย และเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยบนเวทีระดับโลก

นอกจากนี้ผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ยังได้ร่วมแสดงความยินดีกับ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษาโครงการ บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในงานแถลงข่าวเปิดสนามแข่ง ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต อย่างเป็นการ

ซึ่งทาง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้เห็นถึงความมุ่งมั่น และตั้งใจ ในการพัฒนายกระดับวงการกีฬาประเทศไทยของนายเนวิน ชิดชอบ มาตั้งแต่แรกเริ่มต้น เริ่มตั้งแต่การตั้งสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และได้ให้การสนับสนุนสโมสรฯ มาตลอด และร่วมสร้างความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นการคว้าแชมป์ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก แชมป์ฟุตบอลเอฟเอคัพ แชมป์ฟุตบอลลีก คัพ แชมป์ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน และนอกจากนี้ยามาฮ่ายังได้ร่วมมือกับสโมสรฯ ในการพัฒนานักฟุตบอลระดับยุวชน – เยาวชนในจังหวัดบุรีรัมย์ และพื้นที่ใกล้เคียงผ่านทางยามาฮ่าฟุตบอลคลีนิก อย่างต่อเนื่องมาตลอดทุกปี

สำหรับการร่วมเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของสนามแข่ง ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ในครั้งนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้มีการเตรียมโครงการพิเศษอีกมากมายเพื่อที่จะร่วมกันพัฒนา ยกระดับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย และนักแข่งของประเทศไทยให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จในระดับโลก ซึ่งถือเป็นอีกภาระกิจอันยิ่งใหญ่ของไทยยามาฮ่ามอเตอร์ที่จะร่วมส่งมอบความสุขให้กับคนไทย

และในฐานะผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เจ้าแรกของเมืองไทยที่ได้ให้การสนับสนุนสนามแข่งรถระดับโลก ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต อย่างเป็นทางการ พร้อมจัดกิจกรรม สุดพิเศษด้วยการนำนักบิดบิ๊กไบค์จากยามาฮ่า ไรเดอร์ คลับ และสื่อมวลชน เข้าร่วมทดสอบสนามแข่งระดับโลกของประเทศไทยด้วยรถซูเปอร์สปอร์ต Yamaha R-Series ทั้ง Yamaha R1 และ Yamaha R15 โดยการลงแทร็คในครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ และน่าประทับใจของนักบิดยามาฮ่าที่ได้ลงสัมผัสพื้นแทร็คระดับโลกของประเทศไทยด้วย

ผู้บริหาร บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย นำโดย มร. มาร์คุส โจฮันเนส เกลเซอร์ ผู้จัดการทั่วไป ส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS ให้กับลูกค้ารายแรกในประเทศไทย ณ โชว์รูม บีเคเค มอเตอร์ไซเคิล ช่องนนทรี มอเตอร์ไซค์สายพันธุ์เอ็นดูโร่ บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS นี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์อเนกประสงค์ที่เหมาะกับทุกสภาพของการขับขี่ นับเป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นที่สองที่ได้รับการประกอบภายในประเทศไทย ณ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง จ.ระยอง ซึ่งเป็นโรงงานแห่งแรกและแห่งเดียวในโลกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปที่สามารถผลิตยนตรกรรมหรูทั้ง 3 แบรนด์ ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด

บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS มีให้เลือกทั้งสี Kalamata Metallic Matte แบบผิวด้าน, สี Cordoba Blue และ สี Alpine White 3 ราคาจำหน่าย 530,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ที่ผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยจัดพิธีเปิดสายการประกอบมอเตอร์ไซค์สายพันธุ์เอ็นดูโร่ บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์อเนกประสงค์สายพันธุ์สปอร์ต ณ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จังหวัดระยอง โดยบีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS เข้ามาเสริมทัพบีเอ็มดับเบิลยู F 800 R ซึ่งทั้งสองรุ่นได้รับการประกอบภายในประเทศ ณ โรงงานแห่งแรกและแห่งเดียวในโลกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปที่สามารถผลิตยนตรกรรมหรูทั้ง 3 แบรนด์ ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด

“การขยายสายการประกอบของเราถือเป็นความสำเร็จล่าสุดของแผนงานกลยุทธ์ด้านการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู, มินิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด”มร.แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยกล่าว

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประสบความสำเร็จในระดับโลกอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในช่วงหกเดือนแรกของปี พ.ศ. 2557 ด้วยยอดขายมอเตอร์ไซค์และแม็กซี่-สกู๊ตเตอร์ทั่วโลกที่ 70,978 คัน (ยอดขายที่ 64,941 คัน ในปีก่อนหน้า) ด้วยอัตราการเติบโตทั่วโลกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สำหรับประเทศไทย บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดได้ส่งมอบมอเตอร์ไซค์ในช่วงครึ่งปีแรกเป็นจำนวนมากกว่ายอดส่งมอบทั้งหมดของปีพ.ศ.2552 แม้จะมีสถานการณ์ไม่ปกติในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมาก็ตาม โดยส่งมอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูในรุ่นต่างๆทั้งหมด 200 คันให้แก่เจ้าของมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูทั่วประเทศ

“ปีนี้จะเป็นอีกปีหนึ่งที่บีเอ็มดับเบิลยูฉลองสถิติแห่งความสำเร็จครั้งใหม่ โดยบีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS รุ่นประกอบในประเทศจะชูความสำเร็จที่โดดเด่นของเราในปีนี้อย่างต่อเนื่องและตอบสนองความต้องการของตลาดมอเตอร์ไซค์เอ็นดูโร่ที่แข็งแกร่ง และตอกย้ำการเติบโตและตำแหน่งผู้นำตลาดของบีเอ็มดับเบิลยูทั้งในไทยและระดับภูมิภาค นอกจากนี้ การขยายสายการประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS ในประเทศ ส่งผลให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของบิ๊กไบค์เอ็นดูโร่สายพันธุ์สปอร์ตอย่างแท้จริงได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านการตลาดของเราในระยะยาวอีกด้วย” มร.แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยกล่าวสรุป

มร. เจฟฟรีย์ กอดิอาโน กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กล่าวถึงการขยายศักยภาพการผลิตครั้งล่าสุดของโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู จ.ระยอง ว่า“โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยได้รับการยอมรับในฐานะโรงงานที่มีศักยภาพและประสิทธิภาพในการประกอบรถยนต์ที่มีความหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ซึ่งปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญมาจากการทุ่มเทแรงกายแรงใจของทีมงานคนไทยที่เปี่ยมไปด้วยทักษะและความสามารถ ผมและพนักงานทุกคนจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเริ่มต้นสายการประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS ในบ้านของพวกเราที่จังหวัดระยอง สิ่งนี้ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของเราต่อประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตยนตรกรรมในเอเชีย แต่รวมถึงความเชื่อมั่นของเราต่อตลาดบิ๊กไบค์ในภูมิภาคเอเชียว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากกระแสตอบรับที่ประสบความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู F 800 R  ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นแรกที่เริ่มการประกอบในไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา”

ด้วยประวัติความสำเร็จอันยาวนานกว่า 30 ปี ของบีเอ็มดับเบิลยูในตระกูล GS ได้ปรากฏในพิธีเปิดการขยายสายการประกอบครั้งนี้ พร้อมด้วยการเข้าร่วมของ มร.เควิน แซนเดอร์ส เจ้าของสถิติกินเนสระดับโลกสองสมัยและพันธมิตรของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และทีมโกลบบัสเตอร์ส (GlobeBusters) ซึ่งขี่มอเตอร์ไซค์เดินทางข้ามทวีปจากกรุงลอนดอนมายังกรุงเทพมหานคร 

โดยสมาชิกชาวไทยของทีม คุณปฏิมา กองเพชรและคุณปรวีร์ ปานดำรงสถิต ได้ร่วมเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์รุ่น GS ของบีเอ็มดับเบิลยูเป็นระยะทางกว่า 20,800 กม. ข้ามผ่านยุโรปตะวันตกมายังกรุงอิสตันบูล ตามรอยเส้นทางสายไหมผ่านจอร์เจีย อาเซอร์ไบจาน, เติร์กเมนิสถาน, อุซเบกิสถาน, คาซัคสถาน มายังมณฑลซีอาน ประเทศจีน (เมืองที่เป็นจุดหมายโบราณของเส้นทางสายไหม) และเดินทางอย่างยาวนานด้วยเส้นทางม้าชา (Tea Horse Road) ไปยังประเทศลาว ผ่านดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ ณ พรหมแดนไทย-พม่าและเผชิญเส้นทาง “1,864 โค้ง” จนมาถึงยังจุดหมาย ณ กรุงเทพมหานคร สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS แล้ว การเดินทางบนท้องถนนและนอกเส้นทางแบบออฟโรดได้ผสมผสานกันอย่างลงตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป จ.ระยอง โดดเด่นด้วยศักยภาพและประสิทธิภาพที่มีความหลากหลาย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เริ่มเดินสายการประกอบเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2543 โดยตั้งอยู่ ณ ชายฝั่งตะวันออกของประเทศไทย ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ (จังหวัดระยอง) ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 115 กม. และมีพื้นที่โรงงานทั้งหมด 75,000 ตารางเมตร

ในปี พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา ทางโรงงานมีสถิติการประกอบรถยนต์ถึง 8,800 คัน โดยในปัจจุบันสามารถประกอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 1, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 Gran Turismo, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7, บีเอ็มดับเบิลยู X1, บีเอ็มดับเบิลยู X3, บีเอ็มดับเบิลยู X5 และ มินิ คันทรี่แมน สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 800 R และล่าสุดรองรับการประกอบรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู รุ่น F 800 GS เพิ่มเติมอีกด้วย

นับตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการในปี พ.ศ. 2543 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้ใช้งบประมาณในการลงทุนสำหรับโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง จ.ระยอง รวมกว่า 60 ล้านยูโรหรือมูลค่ากว่า 2.6 พันล้านบาท

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และโรลส์-รอยซ์ โดยมีเครือข่ายการผลิต 29 แห่งใน 14 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปมีพนักงานทั้งหมด 110,351 คน

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยการคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย

ยามาฮ่าฉลองครบรอบ 50 ปี จัดแคมเปญสุดพิเศษ “ฉลอง 50 ปี ยามาฮ่า…สปาร์คมอบความสุขทั่วไทย” เอาใจลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีด รับข้อเสนอสุดพิเศษทันที ฟรี! ค่าบำรุงรักษารวมค่าแรง และอะไหล่สิ้นเปลือง พร้อมแบตเตอรี่ และยาง ตลอดอายุการใช้งาน 2 ปีเต็ม หรือ 20,000 กิโลเมตร และเพิ่มความแรงกับข้อเสนอ ดาวน์น้อย หรือผ่อนสบาย หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือรับดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน พบกับแคมเปญสุดคุ้มได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน นี้ ณ ยามาฮ่า สแควร์ และร้านผู้จำหน่าย ยามาฮ่าทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center : 02-2639999 หรือ www.yamaha-motor.co.th

ยามาฮ่าเกาะติดกระแสออนไลน์ เอาใจวัยรุ่นเปิดตัว LINE สติกเกอร์ ซีรี่ย์ 2 ลายใหม่ “Rev Sticker” ดีไซน์จากรถ 3 รุ่น ยามาฮ่า ทริซิตี้ (TRICITY), ยามาฮ่า อาร์ สิบห้า (R15) และยามาฮ่า ฟีโน่ หัวฉีด (Fino FI) มาพร้อมกับ Rev Crew นิค และ ไทรก้า บุกตลาดออนไลน์ ต่อยอดแบรนด์สโลแกน Revs your Heart – เร่งชีวิตให้เร้าใจ ฉลองครบรอบ 50 ปี ยามาฮ่า สร้างการรับรู้ผ่านทางโซเชียล เน็ทเวิร์ค

นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยถึงการเปิดตัว LINE สติ๊กเกอร์ในครั้งนี้ว่า “หลังจากที่ในปีที่แล้ว ทางยามาฮ่าได้ร่วมมือกับ LINE ในการทำสติ๊กเกอร์ ยามาฮ่า ออล นิว ฟีโน่ หัวฉีด ได้รับการตอบรับจากลูกค้า และมียอดดาวน์โหลดกว่า 3.29 ล้านคน และมีผู้แชร์สติ๊กเกอร์ ยามาฮ่า ออล นิว ฟีโน่ หัวฉีด กว่า 52.3 ล้านครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นยอดดาวน์โหลดการใช้งานที่สูงมาก ในปีนี้ยามาฮ่าได้ต่อยอดแบรนด์ Revs your Heart – เร่งชีวิตให้เร้าใจ และฉลองที่บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ครบรอบ 50 ปี รวมถึงตอบโจทย์กลยุทธ์ ออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง ของยามาฮ่าในปีนี้ จึงได้เปิดตัว Yamaha’s Official Account และ สติ๊กเกอร์ LINE ลายใหม่ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากรถจักรยานยนต์ ที่เปิดตัวใหม่ทั้ง 3 รุ่น ใช้ชื่อว่า “Rev Sticker” ได้แก่ ยามาฮ่า ทริซิตี้ (TRICITY), ยามาฮ่า อาร์ สิบห้า (R15) และยามาฮ่า ฟีโน่ หัวฉีด (Fino FI) ที่มาพร้อมกับ Rev Crew นิค และไทรก้า เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ผ่านทาง LINE ซึ่งมียอดผู้ใช้กว่า 24 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งสามารถดาวน์โหลด “Rev Sticker” ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 เมษายน 2557” นางสาวจินตนา กล่าว

“นอกจากนี้ ทางยามาฮ่ายังมีกิจกรรมทางการตลาดดีๆ เพื่อให้ลูกค้าได้ร่วมสนุกผ่าน Yamaha’s Official Account โดยเริ่มกิจกรรมตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ซึ่งลูกค้ายามาฮ่า และผู้ใช้ LINE สามารถติดตามร่วมสนุกได้ทาง LINE และ Yamaha’s Official Account” นางสาวจินตนา กล่าวเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสาร ร่วมสนุกกับ Yamaha’s Official LINE และดาวน์โหลด “Rev Sticker” ได้ง่ายๆ โดยทำการเพิ่ม Yamaha’s Official Account อยู่ในรายชื่อเพื่อนของเราก่อน โดยการเข้าไปที่ More > Official Accounts ค้นหา Yamaha’s Official Account หลังจากที่เป็นเพื่อนกับ Yamaha’s Official Account ก็สามารถดาวน์โหลด “Rev Sticker” ได้ทันที