Non-oil – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 10 May 2022 09:31:35 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เชลล์” เตรียมเปิด “เชลล์ คาเฟ่” แทนที่ Deli Cafe สู้ศึกร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน https://positioningmag.com/1384623 Tue, 10 May 2022 09:10:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1384623 เชลล์เตรียมเปลี่ยนโฉม Deli Cafe สู่ “เชลล์ คาเฟ่” ได้เปิดสาขาแรกที่ปั๊มเชลล์สาขาใหม่ ปากซอยนวลจันทร์ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม เดินหน้าสู้ศึกเชนร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน เพิ่มรายได้ส่วน Non-oil

การแข่งขันในส่วนของ Non-oil ในตลาดปั๊มน้ำมันยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง หลายเจ้าเพิ่มพื้นที่ขาย พื้นที่เช่า ดึงแบรนด์ร้านอาหาร ขนมต่างๆ เข้ามาอุดช่องว่าง เพราะเทรนด์ผู้บริโภคยังคงมีการเดินทาง อีกทั้งวิกฤต COVID-19 ยังทำให้ร้านอาหารต้องปรับโมเดลอื่นๆ เพื่อออกนอกศูนย์การค้ามากขึ้นด้วย

กลุ่มร้านกาแฟมีการแข่งชันที่ดุเดือดมากที่สุด ปัจจุบันปั๊มน้ำมันส่วนใหญ่มีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง จะเป็นแม็กเน็ตในการดึงลูกค้าเข้าปั๊ม กลายเป็นจุดพักรถได้

แต่เดิมเชลล์ทำตลาดร้านกาแฟในแบรนด์ Deli Cafe ซึ่งเป็นแบรนด์ที่พัฒนาเองในประเทศไทย มีทั้งหมด 200 สาขา ล่าสุดได้ปรับโฉม นำแบรนด์ระดับโกลบอลเข้ามา ได้เปิดตัว “เชลล์ คาเฟ่” สาขาแรกในไทยแล้ว ที่สถานีบริการเชลล์แห่งใหม่ ปากซอยนวลจันทร์ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม

เชลล์ คาเฟ่ เปิดตัวสาขาแรกที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ในปี 2564 เพื่อตอบสนองพฤติกรรมลูกค้าที่มีแนวโน้มจะใช้เวลาที่สถานีบริการมากขึ้นเพื่อชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยเทรนด์การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ที่มากขึ้น เป็นแบรนด์กาแฟเดียวสำหรับธุรกิจนอนออยล์ของเชลล์ทั่วโลก ปัจจุบันเชลล์ คาเฟ่มีสาขามากกว่า 1,200 แห่ง ใน 16 ประเทศทั่วโลก

เรืองศักดิ์ ศรีธนวิบุญชัย กรรมการบริหาร ธุรกิจโมบิลิตี้ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า

“ปัจจุบัน สถานีบริการเชลล์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ปั๊มน้ำมันเพื่อเติมน้ำมันอีกต่อไป เราได้ทำให้ปั้มของเราเป็นจุดหมายปลายทางที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการแวะพักจิบกาแฟคุณภาพเยี่ยม อิ่มอร่อยไปกับหมูปิ้งเชลล์ชวนชิม หรือ เลือกจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภคก่อนกลับบ้านหรือเพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างมีความสุข เชลล์ทราบดีถึงพฤติกรรมของลูกค้าที่มีการใช้เวลาที่สถานีบริการมากขึ้น จึงตั้งใจที่จะมอบการบริการที่สะดวกสบาย คลอบคลุมความต้องการของลูกค้า และรวดเร็ว ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการให้บริการของเชลล์ คาเฟ่เช่นกัน เชลล์เชื่อมั่นว่าการเปิดตัวเชลล์ คาเฟ่สาขาแรกในประเทศไทยนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างการเติบโตด้านธุรกิจนอนออยล์ให้กับบริษัทต่อไป”

จาก Deli Cafe ทั้ง 200 สาขา จะเริ่มทยอยเปลี่ยนเป็นเชลล์ คาเฟ่ รวมทั้งสาขาให้ก็จะเปิดเป็นเชลล์ คาเฟ่ทั้งหมดเช่นกัน

]]>
1384623
“PTG” กำไร ครึ่งปีแรก 447 ล้านบาท ปรับเป้า ลดสปีดขยายสาขา เน้นเปิด กทม. – หัวเมืองใหญ่ หวังต่อยอด Non-oil  https://positioningmag.com/1184453 Tue, 21 Aug 2018 07:59:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1184453 พีทีจี เอ็นเนอยี ถือเป็นอีกหนึ่งในเจ้าของสถานีบริการน้ำมัน ที่หลังจากรีแบรนด์ ปรับโฉมปั๊มน้ำมัน เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ขยายสาขา พร้อมกับแตกแขนงธุรกิจด้าน นอนออยล์ต่อเนื่อง 

ล่าสุด พีทีจีได้ออกมาเปิดเผยถึงผลประกอบการครี่งปีแรก มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 447 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.20% และมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 51,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในส่วนของสถานีบริการน้ำมัน ปริมาณการขายอยู่ที่ 1,927 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรม

โดยมีส่วนแบ่งการตลาด (market share) ของช่องทางผ่านสถานีบริการยงคงเติบโต เพราะสามารถทำส่วนแบ่งการตลาดใหม่ (New high market share) อยู่ที่ระดับ 14%

พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ได้เตรียมแผนบริหารการลงทุน และบริหารค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม เพื่อให้ค่าการตลาดของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเร่งสร้างกำไรในส่วนของธุรกิจ non-oil ให้มากขึ้น

ในไตรมาส 2 ยังมีรายได้จากธุรกิจ non-oil ในส่วนของธุรกิจแก๊สแอลพีจี ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจการให้บริการพื้นที่เชิงพาณิชย์ และธุรกิจอื่นๆ เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะเดียวกัน ธุรกิจ non-oil เติบโตมากขึ้นทั้ง ยอดขาย และอัตรากำไรขั้นต้น โดยในสัดส่วนของกำไรขั้นต้นของธุรกิจ non-oil เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 10% จากในปีที่แล้วมีสัดส่วนอยู่ที่ 6%

ในการที่บริษัทเร่งเพิ่มสัดส่วนของธุรกิจ non-oil เพราะธุรกิจดังกล่าวมีมาร์จิ้นสูงกว่าธุรกิจน้ำมัน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจ non-oil เพิ่มสูงขึ้นเป็นมากกว่า 25% จากปีที่แล้ว ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจ non-oil อยู่ที่ระดับ 22% ดังนั้นบริษัทจึงเดินหน้าเร่งเพิ่มสัดส่วนกำไรของ non-oil เพื่อช่วยสร้างผลตอบแทนให้เพิ่มมากขึ้น

ขณะที่ทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง จะเน้นการขยายสาขาของธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจ non-oil เฉพาะในพื้นที่ ซึ่งยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดยได้ปรับคาดการณ์จำนวนสาขาของสถานีบริการน้ำมันและแก๊สแอลพีจีอยู่ที่ 1,900 สาขา (เดิมตั้งเป้าจะมีครบ 2,000 สาขา ภายในปี 61) และจำนวนสาขาของธุรกิจ non-oil อยู่ที่ 500 สาขา ซึ่งรวมร้านสะดวกซื้อ Max Mart, ร้านกาแฟพันธุ์ไทย, ร้านคอฟฟี่เวิลด์, ร้านข้าวแกงครัวบ้านจิตร, ร้านซ่อมบำรุงสำหรับรถบรรทุก Pro Truck และสำหรับรถยนต์ Autobacs

โดยบริษัทจะยังขยายสาขาด้วยการเช่าพื้นที่ของสถานีบริการเดิม และเพิ่มการให้บริการด้วยธุรกิจ non-oil ครบวงจร เพื่อบริหารพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

การปรับคาดการณ์ เป็นผลมาจากเศรษฐกิจในต่างจังหวัด นอกเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังคงฟื้นตัวได้อย่างช้า เพราะราคาผลผลิตทางการเกษตรยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน บริษัทจึงปรับคาดการณ์การเติบโตอยู่ที่ 15-20% อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังออกนโยบายในการรักษาเสถียรภาพของราคาผลผลิตทางการเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และจากปัจจัยดังกล่าวบริษัทจึงวางแผนขยายสาขาในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมทั้งหัวเมืองใหญ่ให้มากขึ้น เพื่อสร้างความสมดุลในการกระจายตัวของสถานีบริการ และเพื่อสนับสนุนการต่อยอดในธุรกิจ non-oil ได้อย่างเต็มที่

ทั้งนี้การปรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนของตลาดโลก ยังคงเป็นความท้าทายในครึ่งปีหลัง ทำให้ต้องปรับคาดว่า EBITDA จะเติบโต 15-20% และบริษัทยังคงเป้าหมายในการมุ่งไปสู่ธุรกิจ non-oil เพื่อการสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและสม่ำเสมอในระยะยาว รวมทั้งยังวางแผนจะขยายพันธมิตรในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น.

]]>
1184453
มาทีหลังเลยต้องวิ่งให้เร็ว ! พีทีจี กดสปีดขยาย Non-oil ปูพรมร้านกาแฟพันธุ์ไทย 400 สาขา ภายในปี 61 https://positioningmag.com/1138607 Tue, 05 Sep 2017 07:49:33 +0000 http://positioningmag.com/?p=1138607 ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจ Non-oil ต่อเนื่อง สำหรับ พีทีจี เอ็นเนอยี ยิ่งมาทีหลัง 2 คู่แข่งรายใหญ่อย่าง ปตท.และบางจากด้วยแล้ว พีทีจีจึงต้องใส่เกียร์เร่งเครื่องเต็มที่ทั้งธุรกิจและกำลังคน

พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG บอกว่า บริษัทฯยังคงเดินหน้าในการขยายธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน หรือ Non-oil อย่างต่อเนื่องเพื่อลดการพึ่งพาธุรกิจน้ำมันเพียงอย่างเดียว

ธุรกิจ Non-oil ที่วางแผนไว้ จะไม่ได้อยู่เฉพาะในสถานีบริการน้ำมันเพียงเท่านั้น แต่ยังขยายไปยังนอกสถานีบริการอีกด้วย เมื่อเร็วๆ นี้ พีทีจี จึงควักเงิน 205 ล้านบาท ไปซื้อกิจการ จี เอฟ เอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจแบรนด์ร้านกาแฟ Coffee World, Cream & Fudge, New York 5th Av. Deli, Coffee World Restaurant ร้านอาหาร Thai Chef Express เพื่อเป็นทางลัด” ขยายการลงทุนในธุรกิจร้านกาแฟและร้านอาหาร

ล่าสุดยังไปร่วมทุนกับบริษัท ออโต้แบคส์ เซเว่น จำกัด ทำธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนใน Tokyo Stock Exchange ประเทศญี่ปุ่น และบริษัท สยาม ออโต้แบคส์ จำกัด โดยซื้อหุ้นของบริษัทสยาม ออโต้แบคส์ จำกัด สัดส่วน 38.26% มูลค่า 65 ล้านบาท

พีทีจี คาดหวังว่า เพิ่มความสามารถในการทำกำไรในภาพรวมของบริษัทฯให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และเพิ่มสัดส่วนกำไรสุทธิจากธุรกิจ Non-oil ให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยวางไว้ว่า ธุรกิจ Non-oil จะสร้างกำไร 60% ภายในปี 2565

พีทีจี ยังมีธุรกิจนอนออยล์ (หลายประเภท ทั้งร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ แม็กซ์ มาร์ท (Max Mart) โครงการอุตสาหกรรมปาล์ม คอมเพล็กซ์ (Palm Complex) ผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องพีที แม็กซ์นิตรอน (PT Maxnitron) รวมถึงร้านกาแฟพันธุ์ไทย ซึ่งเป็นแบรนด์ที่พีทีจีสร้างขึ้นเอง วางเป้าขยายไปให้ถึง 400 สาขาภายในปี 2561 

การจะขยายสาขาให้ได้มากขนาดนี้ เรื่องคน” เป็นปัจจัยสำคัญ พีพีจี จึงไปร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ให้มาช่วยเรื่องพัฒนาบุคลากร ให้กับร้านกาแฟพันธุ์ไทย ออกแบบหลักสูตรอบรม เน้นทักษะการบริการให้กับพนักงาน เช่น การบริหารจัดการ ทัศนคติการบริการ และพฤติกรรมการบริการที่ดี พัฒนาการปฏิบัติงานของบุคลากรในระดับต่างๆ ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการจนถึงระดับผู้จัดการ 

มีทั้งหลักสูตรระยะสั้น และระยะยาว จนถึงจบปริญญาตรี โดยที่กาแฟพันธุ์ไทย จะเปิดรับนักศึกษาไปฝึกงาน เพื่อให้มีรายได้ระหว่างเรียน และมีโอกาสได้รับการบรรจุเป็นพนักงานในอนาคตอีกด้วย นับเป็นการร่วมมือแบบวิน วินทั้งคู่

ส่วนธุรกิจน้ำมัน ต้องเพิ่มจำนวนสถานีบริการในปีนี้ให้ได้ 1,800 สถานี ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากที่มีอยู่ 1,506 สาขาทั่วประเทศ ส่วนในปี 2561 บริษัทฯ ขยายสถานีบริการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลเพื่อให้บริการครอบคลุมกว่า 70% ของพื้นที่ และเพิ่มฐานลูกค้าผ่านโปรแกรมบัตรสมาชิก PT Max Card ที่วางเป้าหมายไว้ที่ 7.6 ล้านสมาชิก ณ สิ้นปี 2560

เรามีแผนระยะยาว การขยายธุรกิจ Non-oil ทั้งในและนอกสถานีบริการ ซึ่งในอนาคตธุรกิจ Non-oil จะมีบทบาทสำคัญต่อการทำกำไร ในขณะที่ธุรกิจน้ำมันในปีนี้เราประเมินว่าสถานการณ์ของค่าการตลาดได้ผ่านจุดต่ำสุดไปเรียบร้อยแล้ว และจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น

ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 264 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 45.3% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 182 ล้านบาท และมีรายได้รวม 21,457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 561 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้อยู่ที่ 20,896 ล้านบาท


ที่มา : mgronline.com/business/detail/9600000090886

]]>
1138607