Organizer – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 09 Mar 2015 00:00:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 บริษัท ธอมัสไอเดีย จำกัด เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท มายรัม (ประเทศไทย) จำกัด https://positioningmag.com/59699 Mon, 09 Mar 2015 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=59699

คุณอุไรพร (พอลลี่) ชลสิริรุ่งสกุล ซีอีโอบริษัท ธอมัสไอเดีย จำกัด ดิจิทัลเอเยนซี่หนึ่งเดียวของไทยที่อยู่ในเครือข่ายมายรัม แจ้งการเปลี่ยนชื่อสู่ บริษัท มายรัม (ประเทศไทย) จำกัด โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2558 เป็นต้นไป เพื่อเป็นไปตามนโยบายของกลุ่ม WPP หลังจากประกาศเปิดตัวกลุ่มธุรกิจใหม่ “Mirum มายรัม” เครือข่ายดิจิทัลเอเยนซี่ชั้นนำใน 17 ประเทศทั่วโลก เพื่อให้บริการแก่นักการตลาดและผู้บริโภคยุคดิจิทัล

เกี่ยวกับมายรัม
“มายรัม” เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่ WPP ก่อตั้งขึ้น ถือเป็นการบุกเบิกและปักธงความเป็นผู้นำธุรกิจวงการดิจิทัล
เอเยนซี่อย่างจริงจัง โดยสร้างเครือข่ายบริษัทดิจิทัลเอเยนซี่ชั้นนำในระดับภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกที่ประสบความสำเร็จเข้าด้วยกัน เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในโลกที่มีพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง

หลักการของ “มายรัม” มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรม การออกแบบความคิดสร้างสรรค์ด้วยข้อมูลเชิงลึกของแต่ละท้องถิ่น เพื่อสร้างกลยุทธ์การตลาดด้วยเทคโนโลยีระดับสูง

สมาชิกกลุ่มมายรัม ประกอบด้วย สำนักงานกว่า 40 แห่งใน 17 ประเทศทั่วโลก พร้อมด้วยทีมงานมืออาชีพที่เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลโซลูชั่นส์มากกว่า 2,200 คน

สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ mirumagency.com

]]>
59699
เอบีเอ็ม พีอาร์เอเจนซี่ชั้นนำของไทย สยายปีกต่อยอดธุรกิจ เปิดตัวหน่วยธุรกิจฝึกอบรม เสริมศักยภาพให้องค์กรไทยบนเส้นทางสู่เออีซี รองรับความต้องการเพิ่มทักษะการสื่อสารระดับผู้บริหาร https://positioningmag.com/58158 Sat, 26 Jul 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=58158

บริษัท อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ จำกัด (เอบีเอ็ม) บริษัทประชาสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดแห่งหนึ่งของไทย เดินหน้าขยายฐานธุรกิจรุกตลาดฝึกอบรม พร้อมประกาศเปิดตัวหน่วยธุรกิจฝึกอบรมเชิงปฎิบัติการ (ABM Active Learning) เพื่อเสริมศักยภาพผู้บริหารด้วยทักษะการสื่อสารเพื่อขับเคลื่อนองค์กรไทยให้พร้อมรับมือการแข่งขันในตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

ABM Active Learning เป็นหน่วยธุรกิจฝึกอบรมเชิงปฎิบัติการ ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อมุ่งตอบโจทย์ผู้บริหารระดับสูงและนักการสื่อสารประชาสัมพันธ์มืออาชีพที่ต้องการเพิ่มพูนทักษะในการสื่อสารองค์กรและการดำเนินธุรกิจขององค์กรไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ในวงกว้างอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีหลักสูตรการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารให้เลือกอย่างหลากหลายตามความต้องการที่แตกต่างกันไปของแต่ละองค์กร ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาเนื้อหาสาระสำหรับใช้ในการสื่อสาร ทักษะการนำเสนอประเด็นธุรกิจ ทักษะด้านสื่อมวลชนสัมพันธ์อย่างมืออาชีพ ตลอดจนเวิร์คช็อปการสื่อสารแบรนด์องค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ และเวิร์คช็อปรู้ทันโลกโซเชียลมีเดีย โดยมีทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารระดับมืออาชีพที่มากประสบการณ์ทั้งในตลาดไทยและต่างประเทศเป็นผู้นำการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ

สำหรับหลักสูตรการฝึกอบรมด้านการสื่อสารที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นนั้น ตั้งเป้าเจาะกลุ่มบริษัทไทยขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ซึ่งยังใหม่ต่อการแข่งขันธุรกิจในระดับภูมิภาคให้มีความพร้อมรองรับการเปิดตลาดเออีซี ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนหลังการเปิดเสรีทางการค้า โดยจะเน้นการเพิ่มทักษะในการสื่อสาร ซึ่งเป็นเทคนิคที่บริษัทชั้นนำขนาดใหญ่มีความพร้อมและได้นำมาใช้ในการเผยแพร่สาระสำคัญของธุรกิจอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมอบรมเพื่อเพิ่มพูนความเข้าใจด้านวัฒนธรรมและการเสริมสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับสื่อในกลุ่มสมาชิกประเทศอาเซียนด้วย

มร. สตีฟ วินเซนต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนเปิดหน่วยธุรกิจฝึกอบรมในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเอบีเอ็มในการสนับสนุนและขับเคลื่อนความสำเร็จให้แก่ลูกค้าในไทย โดยเฉพาะในมิติของการสื่อสารธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมาย

มร. วินเซนต์ ได้ชี้ให้เห็นถึงผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบธุรกิจไทยเมื่อเร็วๆ นี้ด้วยว่า กลุ่มตัวอย่างมากกว่าร้อยละ 50 ยังไม่มั่นใจว่า ไทยจะมีความพร้อมรับมือการเปิดเสรีทางการค้าที่กำลังจะเกิดขึ้น พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า “การเปิดประชาคมเออีซีอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2558 นั้น จะส่งผลให้ธุรกิจไทยต้องติดต่อสื่อสารทำธุรกิจระหว่างกันมากขึ้น เราเล็งเห็นถึงความต้องการองค์กรในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีขีดความสามารถด้านทักษะการสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพและเฉียบคมขึ้น”

สำหรับหน่วยธุรกิจ ABM Active Learning นี้ จะดำเนินงานภายใต้การบริหารของ มร. ทอม โพลเดร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาและฝึกอบรม ซึ่งท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการการสื่อสารและประชาสัมพันธ์มานานกว่า 3 ทศวรรษ ทั้งยังมีประสบการณ์ด้านการพัฒนาหลักสูตรและดำเนินการฝึกอบรมให้กับบริษัทชั้นนำมากมายทั้งในประเทศฮ่องกง สิงคโปร์ ตลอดจนแคนาดา ประเทศบ้านเกิด

มร. โพลเดร แสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้ประกอบการไทยว่า มีความพร้อมและความมุ่งมั่นที่จะแสดงขีดความสามารถรวมทั้งเผยแพร่ความโดดเด่นขององค์กรของตนเองบนเวทีระดับสากล พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า “ผมมีความยินดีอย่างมากที่ได้มีโอกาสเข้ามาดูแลบริหารการพัฒนาหลักสูตรและดำเนินการฝึกอบรมด้านการสื่อสารที่ผสมผสานเนื้อหาภาคทฤษฎีเข้ากับประสบการณ์การเรียนรู้ภาคปฏิบัติในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟอย่างเหมาะสมลงตัว รวมไปถึงการพัฒนาสถานการณ์จำลองเพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ฝึกสวมบทบาทปฏิบัติจริงด้วย”

นอกจากนี้ เอบีเอ็มยังได้ลงทุนสร้างสถานที่ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับผู้บริหาร (ABM Active Learning Studio) ขนาด 120 ตารางเมตรภายในบริเวณพื้นที่ของบริษัทฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่ชิดลม ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวก ควบคู่กับการสร้างบรรยากาศของสถานที่ให้เหมาะสำหรับการเรียนรู้โดยเฉพาะ โดยมีการออกแบบภายในห้องฝึกอบรมอย่างพิถีพิถัน ในขนาดพื้นที่ที่เหมาะสม พรั่งพร้อมด้วยระบบโสตทัศนูปกรณ์ที่ทันสมัย และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ถือเป็นอีกหนึ่งศูนย์ฝึกอบรมที่มีเอกลักษณ์และทันสมัยอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ

]]>
58158
MACO ลุ้นการเมืองนิ่งหนุนอุตสาหกรรมไตรมาส 2 ฟื้นตัว เร่งปูพรมติดตั้งป้ายโฆษณารับสินค้าหน้าร้อนใช้จ่ายงบปลุกยอดขาย https://positioningmag.com/57760 Mon, 31 Mar 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=57760

MACO ประเมินการเมืองคลี่คลายในไตรมาส 2 หนุนอุตสาหกรรมโฆษณาฟื้นตัว รับกลุ่มสินค้าเครื่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมเทงบปลุกยอดรับฤดูกาลขายสินค้า สบช่องเร่งติดตั้งป้ายโฆษณาเพิ่มอีก 249 ป้าย แล้วเสร็จเดือนเมษายน พร้อมรับรู้รายได้เดือนพฤษภาคมนี้ หนุนผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง หลังไตรมาสแรกยังแกร่งแม้เผชิญปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตั

นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO ผู้นำในด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยครบวงจรของไทย (The Leader in Creative & Innovative OHM Solutions Provider)เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาในไตรมาส 2 คาดว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น จากปัจจัยการเมืองที่มีแนวโน้มคลี่คลายไปทางที่ดี ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภคดีขึ้น ประกอบกับสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มและเครื่องใช้ไฟฟ้า เตรียมใช้งบด้านการตลาดและสื่อสารการตลาด เพื่อสร้างยอดขายรองรับฤดูกาลขายสินค้าและต้อนรับเทศกาลฟุตบอลโลกที่จะมีขึ้นในกลางปีนี้ จึงทำให้อุตสาหกรรมมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น

สำหรับแผนดำเนินงานของ MACO ในไตรมาส 2 นั้น บริษัทฯ ได้เร่งติดตั้งป้ายโฆษณาในโครงการ Flyover เฟส 2 ซึ่งเป็นป้ายโฆษณาที่ติดตั้งตามบริเวณสะพานข้ามแยกต่างๆ เพิ่มเติมอีก 249 ป้ายใน 9 สะพานในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายนนี้ และจะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวได้ในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยปัจจุบันมีลูกค้าให้ความสนใจจองพื้นที่และซื้อพื้นที่ป้ายโฆษณาดังกล่าวแล้ว

“หากปัญหาทางการเมืองคลี่คลายลง เชื่อว่าอุตสาหกรรมโฆษณาจะกลับมาฟื้นตัวได้ในเดือนเมษายน และจะเห็นสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนในครึ่งปีหลัง ซึ่งเราก็ได้เตรียมพร้อมในเรื่องของพื้นที่สื่อโฆษณาที่เราได้ติดตั้งป้ายโฆษณาเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มและเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีการโหมทำตลาดและประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงหน้าร้อนและรับเทศกาลฟุตบอลโลกที่จะมีขึ้นในกลางปีนี้” นายนพดล กล่าว

สำหรับไตรมาส 1 ของ MACO พบว่า ยอดอัตราการจองพื้นที่ป้ายโฆษณายังมีแนวโน้มที่ดี แม้ว่าจะมีปัจจัยลบที่ส่งผลต่อการใช้จ่ายเม็ดเงินในการซื้อสื่อโฆษณา โดยในไตรมาส 1บริษัทฯ มีตัวเลขยอดจองการใช้พื้นที่สื่อโฆษณาอยู่ที่  70% ของจำนวนพื้นที่สื่อโฆษณาทั้งหมด ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขเมื่อปีที่ผ่านมาที่มียอดจองอยู่ที่73% ที่สะท้อนให้เห็นได้ว่าปัจจัยทางด้านการเมืองได้ส่งผลกระทบต่อยอดจองพื้นที่สื่อโฆษณาของ MACO เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจ NON MACO Space เช่นงานอีเว้นท์และงาน Made to Order จะได้รับผลกระทบไปบ้าง  เนื่องจากลูกค้าชะลอการใช้จ่ายงบและเลื่อนการจัดกิจกรรมไปในไตรมาส 2 เพื่อรอดูสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งเชื่อว่าหากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย ก็จะทำให้ลูกค้าพร้อมกลับมาใช้จ่ายงบในส่วนของกิจกรรมเพื่อสร้างความคึกคักให้กับตลาดมากขึ้น  

“หากประเมินแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 1 ของ MACO คาดว่ายังมีอัตราการเติบโตที่ดี เนื่องจากไตรมาส 1 เรามีงาน Made to Orderบางส่วนที่เลื่อนมารับรู้รายได้ในไตรมาสแรกปีนี้ ประกอบกับยอดจองพื้นที่สื่อโฆษณาโดยรวมยังอยู่ในอัตราสูง ซึ่งเป็นแรงหนุนผลการดำเนินงานของเราได้ดี และสามารถรักษาระดับการทำกำไรขั้นต่ำที่มากกว่า 50% ตามนโยบายของบริษัทฯ ไว้ได้” นายนพดล กล่าว

]]>
57760
CMO ยิ้มรับผลงานครึ่งปีแรก เตรียมทุ่มงบ 130 ลบ. ผุดศูนย์กลางความคิดสร้างสรรค์แห่งแรกในอาเซียน https://positioningmag.com/55520 Sat, 11 Aug 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=55520

“ซีเอ็มโอ”  โชว์ผลงาน 6 เดือนแรก โกยรายได้ 695 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.4% ส่วนกำไรสุทธิสูงขึ้น 1,418% จากปีก่อน ด้านผู้บริหารพอใจผลงาน  มั่นใจรายได้สิ้นปีแตะ 1.1 พันล้านบาท พร้อมโชว์ Backlog ประมาณ  250 ล้านบาท รอรับรู้รายได้ภายในปีนี้  แย้มแผนครึ่งปีหลัง  ลุยปูฐานอาเซียนเต็มพิกัด รองรับ AEC หวังเพิ่มสัดส่วนต่างประเทศเป็น 20%  พร้อมประกาศ ทุ่มงบ 130 ล้านบาท ผุด “Bangkok Creative Playground” ศูนย์กลางความคิดสร้างสรรค์แห่งแรกในอาเซียน  

นายเสริมคุณ  คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ผู้นำธุรกิจอีเว้นท์ครบวงจรแห่งอาเซียน เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรก (มกราคม – มิถุนายน 2555) ว่า บริษัทฯ มีรายได้  695.88 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันกับปีก่อนที่มีรายได้ 425.86 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 74.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.72 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทมีกำไรสุทธิ 4.92 ล้านบาท คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 1,418% 

ในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2555 (เมษายน-มิถุนายน 2555) ว่า บริษัทฯ มีรายได้ 186.59 ล้านบาท ลดลง  3.39 ล้านบาท  จากปีก่อน ซึ่งมีรายได้ 189.99 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 3.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทฯ มีขาดทุนสุทธิ  1.77 ล้านบาท

“ยอดขายในครึ่งปีแรก ถือว่าเป็นผลงานที่น่าพอใจมาก โดยสูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 63.4%  ทำให้มั่นใจว่า ในปีนี้ยอดขายจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 1,100 ล้านบาท บวกกับล่าสุดบริษัทให้เช่าอุปกรณ์ในเครือของ CMO ได้รับการว่าจ้างจากภาคเอกชน เพื่อขอเช่าอุปกรณ์ในการจัดกิจกรรมทางการตลาด มูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ ยังมีงานที่อยู่ระหว่างการประมูลอยู่หลายโครงการ ทั้งของภาครัฐ และเอกชน ตลอดจนยังมีโอกาสได้งานใหม่ๆในต่างประเทศ เข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งถ้าหากได้รับงานทั้งหมด จะส่งผลให้บริษัทมีงานในมือ (Backlog) เป็น 250 ล้านบาท และน่าจะทยอยรับรู้ภายในสิ้นปีนี้” นายเสริมคุณ กล่าว 

ทั้งนี้ ในปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัท แบ่งเป็นงานอีเว้นท์ของภาคเอกชน 65% และเป็นโครงการของภาครัฐอีก 35% ซึ่งในส่วนของงานภาครัฐ บริษัทฯ ยังเติบโตได้ดี โดยมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง อาจจะทำให้สัดส่วนเปลี่ยนไป เพราะรัฐบาลมีความชัดเจนในเรื่องของนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ส่งผลดีให้บริษัทฯ โดยเฉพาะงานประเภทนิทรรศการ ซึ่ง CMO ได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐบาลให้จัดงานมาโดยตลอด 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMO กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ มองว่าเป็นสัญญาณที่ดีของธุรกิจอีเว้นท์ โดยอีเว้นท์ในประเทศจะตื่นตัวเป็นอย่างมาก  เพราะอานิสงส์จากนโยบายของรัฐ ทั้งนโยบายรถคันแรก ทำให้มีเม็ดเงินในตลาดมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของ CMO ก็เป็นไปตามแผน เพราะได้รับงานล่วงหน้าไว้แล้ว บวกกับในช่วงไตรมาส 3 และ4 จะเป็นช่วง High Season ของธุรกิจอีเว้นท์ ซึ่งทำให้มั่นใจว่ารายได้เข้าเป้าได้แน่นอน

สำหรับแผนงานในครึ่งปีหลัง CMO จะขยายงานสู่ตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)  ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจางานโครงการใหญ่ในประเทศอินโดนีเซีย โดยเชื่อว่าจะได้รับความชัดเจนภายในปีนี้  ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังเร่งหาพันธมิตรในอาเซียน เพื่อเป็นเครือข่ายในการขยายงานมากขึ้น ทั้งในประเทศพม่า, ประเทศกัมพูชา และประเทศเวียดนาม 

“ในปีนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะรุกงานในอาเซียนอย่างจริงจัง นอกเหนือจากการหาเครือข่ายแล้ว เรายังให้ความสำคัญในเรื่องของการพัฒนาคน เพื่อรองรับการเปิด AEC ทั้งในเรื่องของภาษา และการให้ความเข้าใจถึงวัฒนธรรมของคนในอาเซียน ตลอดจนวางเป้าหมายว่าในอนาคต เราอาจจะมีคนในอาเซียนมาทำงานกับเรา  ทั้งนี้ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าภายใน 3 ปี จะเพิ่มสัดส่วนตลาดต่างประเทศเป็น 20% ของรายได้ทั้งหมด จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 5%” นายเสริมคุณ กล่าว  

นอกจากนี้ ในปีนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะลงทุนอีกประมาณ 130 ล้านบาท เพื่อสร้าง “ Bangkok Creative Playground”  บนพื้นที่ 12 ไร่ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2556   ซึ่งที่นี่จะเป็นศูนย์กลางความคิดสร้างสรรค์ ที่รวบรวมไอเดียใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจสร้างสรรรค์ ตลอดจนเป็นสำนักงานใหม่ของบริษัทฯ อีกด้วย เพื่อรองรับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMO ยังกล่าวอีกว่า Bangkok Creative Playground จะเป็นออฟฟิศใหม่ที่เป็นแหล่งรวมความคิดสร้างสรรค์ เปรียบเสมือนหน้าร้านของ CMO ที่จะให้บริการด้านการสื่อสารทางการตลาดแบบครบวงจรกับลูกค้า รวมถึงเป็นจุดที่ดึงดูดความสนใจของคนในอาเซียน เข้ามาดูงานด้านธุรกิจการจัดงานสร้างสรรค์ ตลอดจน เทคนิคพิเศษในงานอีเว้นท์

สำหรับผลงานเด่นๆ ในปี 2555 ของ CMO  ได้แก่ งานสร้างสรรค์และออกแบบพาวิลเลี่ยนให้แก่บริษัทชั้นนำภายในงานบีโอไอ แฟร์ 2011 ,งานสร้างสรรค์และออกแบบบูธให้แก่บริษัทชั้นนำในงาน Money Expo , Harley Bike Week 2012 , งาน Canon Wind turbine, งานนิทรรศการหมุนเวียนนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ PTT Booth in GASEX 2012 ซึ่งจัดขึ้นที่ บาหลี เป็นต้น www.cmo-group.com

]]>
55520
ไบเทคชูย้ำศักยภาพรองรับ 5 งานหลักของประเทศ มูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท https://positioningmag.com/54366 Tue, 10 May 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=54366

ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคตอกย้ำได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดงาน 5 อุตสาหกรรมหลักในโครงการ “Better the Best” จากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. ที่เป็นงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติของไทย และมีคุณภาพการจัดงานที่ได้รับมาตรฐานสากล เพื่อช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางงานแสดงสินค้าของภูมิภาคอาเซียน

นายสานิท การุณยวนิช ผู้อำนวยการแผนกพัฒนาธุรกิจ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เปิดเผยว่า “ไบเทคมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จ ของการจัดงาน 5 อุตสาหกรรมหลักในโครงการ “Better the Best” จากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ สสปน. ซึ่งประกอบไปด้วย งานแสดงเทคโนโลยีปศุสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย (VIV Asia) งานแสดงสินค้าของขวัญและของใช้ในบ้าน (BIG+BIH) งานรีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์ยี่ เอเชีย (Renewable Energy Asia) งานเมทัลเล็กซ์ (METALEX) และ งานโพรแพ็ค เอเชีย (ProPak Asia) โดยงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติทั้งหมดนี้ล้วนจัดขึ้นที่ไบเทคทั้งสิ้น”

“ในเร็วๆ นี้ จะมีงานโพรแพ็ค เอเชีย 2011 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 15-18 มิถุนายน 2554 เป็นงานแสดงสินค้าระดับภูมิภาคของเอเชียที่ได้รับเลือกว่าเป็น 1 ใน 5 อุตสาหกรรมหลักที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยคาดการณ์ว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มตัวแทนระดับประเทศ จำนวน 10 ประเทศ ผู้ผลิตชั้นนำที่เข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 40 ประเทศ ผู้จัดจำหน่ายจากทั่วโลกและผู้เข้าชมงานมากกว่า 32,500 คน ซึ่งงานดังกล่าวจะมีการนำเสนอนวัตกรรมสำหรับภาคอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และเวชภัณฑ์ในเอเชียที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายสานิทกล่าวเสริม

โครงการ “Better the Best” จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 เป็นโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้า ของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ โดยคัดเลือกงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติของประเทศไทย ระดับแชมเปี้ยน เพื่อเพิ่มศักยภาพ พัฒนาและยกระดับงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติของประเทศไทยไปสู่ภูมิภาคเอเชีย พร้อมทั้งแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าเศรษฐกิจหมุนเวียนเข้าสู่ประเทศไทยผ่านการจัดงานกว่า 73,000 ล้านบาท

]]>
54366
“มีเดียวิชั่น” ยักษ์ใหญ่อีเว้นท์ซัพพลาย เผยแผนปี 54 ทุ่มงบ 50 ล้าน https://positioningmag.com/53643 Thu, 18 Nov 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=53643

มีเดียวิชั่น ผู้นำตลาดธุรกิจบริการอีเว้นท์ซัพพลาย มั่นใจเต็มร้อยกับระบบแสง เสียง ภาพและเอฟเฟกต์ในคอนเสิร์ต “โซดาช้าง พรีเซ้นต์ บอดี้สแลม ไลฟ์ อิน คราม บาย แอร์เอเชีย” พร้อมทุ่มทุนสุดอลังการงานสร้างเพื่อให้เป็นคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดส่งท้ายปีด้วยศักยภาพและมาตรฐานทัดเทียมคอนเสิร์ตในต่างประเทศ เผยแผนธุรกิจปี 54 เตรียมอัดงบ 50 ล้านจัดสุดยอดโปรเจค พร้อมสยายการลงทุนร่วมพันธมิตร

นายธนรัช หงสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท มีเดียวิชั่น 1994 จำกัด ผู้ให้บริการด้านอีเว้นท์ซัพพลายครบวงจร ทั้งอุปกรณ์เกี่ยวกับระบบเสียง (Sound) ภาพ (Visual) ระบบแสง (Lighting) และเอฟเฟกต์ (Effect) ที่ใช้ในงานอีเว้นท์และคอนเสิร์ต เปิดเผยว่า ในปี 2554 มีเดียวิชั่นตั้งเป้าในการลงทุนประมาณ 50 ล้านบาทโดยเน้นอุปกรณ์ที่ทันสมัยและมีคุณภาพดีจากต่างประเทศ ทั้งนี้เล็งเห็นว่ากระแสของตลาดมีการแข่งขันกันสูง และเทรนด์ของการชมคอนเสิร์ตจะเปลี่ยนไปในแนวของการรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น บริษัทจึงมีแผนที่จะพัฒนาคุณภาพของอุปกรณ์ เทคโนโลยี รวมทั้งบุคลากร ให้มีความพร้อมและทันสมัยมากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีกำหนดจะปรับโครงสร้างของบริษัทเพื่อขยายการดำเนินงานอีกด้วย

ทั้งนี้จากการที่บริษัทได้รับมอบหมายให้ดูแลระบบแสงสีเสียงทั้งหมดในคอนเสิร์ต“โซดาช้าง พรีเซ้นต์ บอดี้สแลม ไลฟ์ อิน คราม บาย แอร์เอเชีย” ของวงร็อกชื่อดัง “บอดี้สแลม”ที่จะแสดงวันเสาร์ที่ 27 พ.ย. นี้ ณ สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ได้เปิดเผยถึงความพร้อมในวันซ้อมใหญ่เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า

“เนื่องจากผู้จัดคอนเสิร์ตรวมทั้งตัวศิลปินเองมีความคาดหวังสูงมากเกี่ยวกับระบบเสียงที่ต้องการให้สมบูรณ์แบบมากที่สุด เพราะวงบอดี้สแลมเล่นดนตรีในแนวร็อคซึ่งต้องการซาวน์ที่กระหึ่มมันสะใจ ผนวกกับสถานที่จัดคือราชมังคลากีฬาสถานที่เป็นสนามกลางแจ้งซึ่งปกติก็ควบคุมเสียงยากอยู่แล้ว แต่สนามนี้ยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อัฒจรรย์มีความสูงจากพื้นถึง 49 เมตร ผู้ชมที่นั่งชมอยู่สูงสุดจะอยู่ไกลจากเวทีมาก จึงเป็นโจทย์ยากที่เราต้องขบคิดว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ชมที่จะมาร่วมคอนเสิร์ตครั้งนี้ถึง 60,000 คน ได้รับความดังและพลังของเสียงที่ใกล้เคียงกันทั้งหมด ดังนั้นจึงเกิดแนวคิดในการซ้อมระบบเสียงในสภาพจริง ให้วงมาเล่นจริง ใช้เครื่องมือวัดทุกจุดภายในสนาม เราได้จัดให้มีการซ้อมครั้งแรกวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมาในระดับ 70% ของวันแสดงจริง เพื่อทดสอบการติดตั้งและเช็คระบบ วัดค่าต่างๆทั้งหมด ซึ่งผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ

สำหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้ นับว่าเป็นคอนเสิร์ตที่มีโปรดักชั่นด้านแสงสีเสียงและภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาโดยใช้งบประมาณในด้านนี้ถึง 60 ล้านบาท เน้นอุปกรณ์ที่ทันสมัยและมีคุณภาพ ในส่วนของเสียงมีการใช้ลำโพงถึง 160 ใบ ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดในการทำคอนเสิร์ตและยังใช้ลำโพงจากต่างประเทศยี่ห้อเดียวกันทั้งหมดเพื่อควบคุมเสียงไปในแนวทางเดียวกันเนื่องจากลำโพงแต่ยี่ห้อจะให้ลักษณะเสียงที่ต่างกัน นอกจากนี้ทางมีเดียวิชั่นยังได้ทุ่มทุนด้วยการสั่งซื้ออุปกรณ์และระบบเสียง รวมทั้ง SUB BASS ของบริษัท NEXO จากประเทศฝรั่งเศสซึ่งใช้ในคอนเสิร์ตต่างประเทศ เพื่อมาเพิ่มเติมพลังเสียงให้แน่นมากยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนระบบแสงและเอฟเฟกต์ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ในคอนเสิร์ตครั้งนี้เพราะถูกนำมาใช้มากที่สุด มีการดีไซน์ใหม่ให้สอดคล้องกับอารมณ์เพลงและสร้างบรรยากาศทุกจุดในสนามตั้งแต่โครงสร้างหลังคาและบริเวณในสนาม ทั้งนี้การทำงานของแสงสีเสียงทั้งระบบในคอนเสิร์ตได้รับการควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ทุกขั้นตอนโดยผ่านซอฟแวร์รุ่นล่าสุด

“ในวันนี้เราได้ทดสอบระบบเสียงเป็นครั้งที่ 2 โดยใช้อุปกรณ์และเทคนิคต่างๆด้านแสง สี เสียงและเอฟเฟกต์ให้เสมือนวันแสดงจริง 100% วัดความดังของเสียงด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทุกจุดของสนาม เพื่อป้องกันความผิดพลาดให้มากที่สุด ซึ่งผลก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก ผมคิดว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้จะเป็นคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในด้านของผู้ชมและโปรดักชั่น ไม่ว่าจะเป็นระบบแสง สี เสียง แอลอีดี และความอลังการของไพรโรเทคนิคส์ (Pyrotechnics) รวมทั้งสเปเชี่ยลเอฟเฟกต์ต่างๆ พร้อมด้วยศักยภาพของทีมงานสร้างสรรค์ระดับมือโปรซึ่งมุ่งมั่นและตระเตรียมงานกันมานาน ที่จะทำให้ทุกองค์ประกอบสมบูรณ์ที่สุด เพื่อให้เป็นคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดส่งท้ายปี จึงเชื่อมั่นว่าจะไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวังครับ” นายธนรัชกล่าวสรุปท้าย

บริษัท มีเดียวิชั่น 1994 จำกัด เป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านอีเว้นท์ซัพพลายอย่างครบวงจร ทั้งระบบเสียง (Sound) ภาพ (Visual) ระบบแสง (Lighting) และเอฟเฟกต์ (Effect) ที่ใช้ในงานอีเว้นท์และคอนเสิร์ตรายใหญ่ของเมืองไทย มีเดียวิชั่นจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 1994 ภายใต้การดูแลของนายธนรัช หงสกุล มานานกว่า 15 ปี ด้วยจุดเด่นด้านอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงและจำนวนมากที่สุดในประเทศ รวมถึงระบบเอฟเฟกต์ที่เรียกว่าไพรโรเทคนิคส์(Pyrotechnics) ซึ่งถือเป็นผู้ให้บริการเช่ารายเดียวที่มีใบอนุญาตนำเข้าและใช้งานอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ มีความรู้ความสามารถ และการบริการที่ดีแก่ลูกค้าจนเป็นที่ยอมรับในวงการ

]]>
53643
สสปน. จัดอบรมมืออาชีพการจัดนิทรรศการระดับโลก https://positioningmag.com/51642 Wed, 31 Mar 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=51642

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน.ร่วมมือกับ UFI (the Global Association of the Exhibition Industry) ซึ่งเป็นองค์กรผู้เชี่ยวชาญการสร้างความรู้ เพื่อธุรกิจไมซ์ระดับโลก และ ECE (the Transfer Centre for Exhibition, Convention and Event Management) แห่ง University of Cooperative Education ประเทศเยอรมัน จัดอบบรมหลักสูตร “พัฒนาคนสู่มืออาชีพด้านการจัดงานนิทรรศการระดับโลก” โดย ศาสตราจารย์ ดร. จอร์จ ไบเออร์ เพื่อสร้างนักบริหารธุรกิจด้านการจัดการประชุมและนิทรรศการ รวมถึงการพัฒนาความรู้และศักยภาพความแข็งแกร่งของธุรกิจของไทยไปสู่มาตรฐานระดับสากล ในวันเสาร์ที่ 3 เมษายน 2553 เวลา 14.00-16.00 น. ณ ห้องสุขุมวิท 5 โรงแรมแลนด์มาร์ค ถ.สุขุมวิท

]]>
51642
อิมแพ็ค ทุ่ม 150 ล้านบาท ผุดอาคารจอดรถแห่งใหม่ เพิ่มความจุรวม 15,000 คัน รองรับการขยายตัวทางธุรกิจ https://positioningmag.com/51578 Mon, 29 Mar 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=51578

อิมแพ็ค ตอกย้ำการเป็นผู้นำศูนย์แสดงสินค้า จัดประชุม นิทรรศการ ระดับนานาชาติ เปิดตัวสิ่งอำนวยความสะดวกแห่งใหม่ เผยลานจอดพร้อมเปิดบริการปลายเดือนมีนาคมนี้ ส่งผลให้พื้นที่จอดรถอิมแพ็คเพิ่มรวมความจุได้มากถึง 15,000 คัน

นายพอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นจ์ จำกัด เปิดเผยว่า จากความมุ่งมั่นของอิมแพ็ค เมืองทองธานี ที่จะเป็นศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมชั้นนำอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นศูนย์ฯ ชั้นนำ 1 ใน 5 ของเอเชีย อิมแพ็คจึงได้พัฒนาบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ขยายการลงทุนในส่วนของอาคารจอดรถแห่งใหม่ อิมแพ็ค อินดอร์ ปาร์คกิ้ง 2 มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท

สำหรับอาคารจอดรถหลังดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ระหว่างอาคารชาเลนเจอร์ และอาคาร 9 ศูนย์ประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยเป็นอาคารจอดสูง 10 ชั้น รองรับจำนวนรถยนต์เข้าจอดได้มากกว่า 3,000 คัน ติดตั้งระบบการจอดรถแบบอัจฉริยะ (Car Parking Intelligence) ซึ่งมีจุดเด่น คือ ระบบสามารถรายงานข้อมูลจำนวนรถและพื้นที่ว่างตลอดจนการอำนวยความสะดวกและความรวดเร็วในการให้บริการลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเก็บรายละเอียดงานก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดบริการได้ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้

ทั้งนี้ อิมแพ็ค อินดอร์ ปาร์คกิ้ง 2 ถือเป็น 1 ใน 2 โครงการขยายการลงทุนและพัฒนาบริการสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบครัน เพื่อมอบความสะดวกสบายตอบรับกับความต้องการของลูกค้าและผู้เยี่ยมชมงาน นอกเหนือจากการลงทุนรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในส่วนของโรงแรมอิมแพ็ค มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเป็นทางการได้ในช่วงต้นปี 2554

นายพอลล์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อิมแพ็ค อินดอร์ ปาร์คกิ้ง 2 ที่จะเปิดบริการในช่วงปลายเดือนมีนาคมจะส่งผลให้พื้นที่จอดรถภายในบริเวณศูนย์ฯ อิมแพ็ค เมืองทองธานีเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีความจุรวม 12,000 คัน เป็น 15,000 คัน สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวซึ่งตรงกับการจัดงานไทยแลนด์ เฟอร์นิเจอร์ แอนด์ เฮ้าส์แวร์ แฟร์ (27 มีนาคม – 4 เมษายน 2553) และงานอื่นๆ ซึ่งส่งผลให้การบริการลูกค้าและผู้มาเข้าชมงานจำนวนมากเกิดความสะดวกสบายที่สุด

อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวบริการอิมแพ็ค อินดอร์ ปาร์คกิ้ง 2 ครั้งนี้ นับเป็นการเพิ่มบริการสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับกับความต้องการของลูกค้า ผู้เข้าชมงานที่มากขึ้น ตลอดจนแขกผู้เข้าพัก อิมแพ็ค โฮเทล ที่จะเปิดบริการในช่วงต้นปี 2554 อีกทั้งการเปิดบริการนี้ยังเป็นการเสริมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในพื้นที่ของศูนย์ ฯ เพื่อยกระดับอิมแพ็ค เป็นศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมระดับนานาชาติที่เพรียบพร้อมด้วยบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันยิ่งขึ้นอีกด้วย

]]>
51578
มหกรรมไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 18 https://positioningmag.com/50482 Thu, 07 Jan 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=50482

บริษัท พี.เค. เอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นท์ จำกัด ชวนคนไทยเที่ยวหน้าร้อนนี้ในงาน “ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 18” มหกรรมท่องเที่ยวเก่าแก่ที่รู้จักกันดีในฐานะแหล่งรวมสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 18 จะจัดขึ้นในวันที่ 11-14 มีนาคม 2553 ระหว่าง 10.00-21.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยภายในงานจะมีผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวครบทุกประเภท เข้าร่วมแสดงงานมากถึง 1,200 ราย รวม 1,250 บูธ อาทิ โรงแรม รีสอร์ต สายการบิน บริษัททัวร์ รถเช่า เรือสำราญ สปา สถานบันเทิง ภัตตาคาร สนามกอล์ฟ อุปกรณ์ท่องเที่ยว-เดินทาง แค้มปิ้ง ดำน้ำ สื่อท่องเที่ยว รวมถึงสินค้าของฝากของที่ระลึกทั่วประเทศ ฯลฯ คึกคักเต็มพื้นที่ศูนย์สิริกิติ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเตรียมแพ็คเกจที่พักที่เที่ยวทั่วฟ้าเมืองไทย มาลดราคากระหน่ำรับลมร้อนสูงสุดถึง 50% พร้อมกระตุ้นการช้อปในงานเพิ่มเติมด้วยบัตรเครดิต CITIBANK และ HSBC ที่นำโปรโมชั่นดีๆ มาลดแลกแจกแถมพิเศษสำหรับสมาชิกงานนี้เท่านั้น ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าชมงานมากกว่า 300,000 คน และสร้างเงินสะพัดภายในงานได้ไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท

นอกเหนือจากภายในงานจะมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าและบริการท่องเที่ยวมากมายด้วยข้อเสนอโปรโมชั่นพิเศษสุดแล้ว ยังมีนิทรรศการ และการแสดงศิลปวัฒนธรรมบนเวทีกิจกรรมที่น่าสนใจต่างๆ เข้าชมฟรี ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 0-2683-3065 หรือ www.pkexhibition.com

]]>
50482
ได้เวลาขึ้นแท่น World Class https://positioningmag.com/12179 Sat, 02 Jan 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=12179

ใครที่เคยมีโอกาสไปร่วมงาน World Expo ที่จัดขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลกมาแล้ว ย่อมมีโอกาสได้เห็นศาลาไทย หรือ Thai Pavilion ที่ส่งเข้าร่วมแสดงในงานมาแล้วถึง 22 ครั้ง และเป็นประเทศที่ 3 จากเอเชียที่มีความสามารถร่วมงานระดับโลก ตามหลังก็แค่พี่เบิ้มแห่งเอเชียอย่างจีนและญี่ปุ่นเท่านั้น

ครั้งแรกของการจัดศาลาไทยไปร่วมงานเวิลด์เอ็กซ์โป เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2443 เป็นปีเดียวกับที่หอไอเฟลถูกสร้างขึ้นที่กรุงปารีสเพื่อสร้างเป็นสัญลักษณ์ของงานในครั้งนั้น ซึ่งศาลาไทยก็มีจุดจัดแสดงอยู่ภายใต้ฐานของหอไอเฟล นั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่รัชกาลที่ 4

ด้วยประสบการณ์ยาวนานของการร่วมงานแสดงระดับโลก ทำให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. ซึ่งดูแลด้านนี้โดยตรง ปิ๊งไอเดียลงทุนขอเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โปเป็นครั้งแรก เพื่อหวังจะเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศอีกทาง นอกเหนือจากความพยายามมุ่งต่อยอดดึงการจัดงานระดับโลกหรือ Mega Event ต่างๆ เข้าไทย ตามนโยบายเชิงรุกที่ได้วางไว้

“สำหรับการจัดงานเวิล์ดเอ็กซ์โปโดยเฉลี่ยจะทำรายได้ให้กับประเทศผู้จัดงานประมาณ 5 เท่าของเงินลงทุนที่ลงไป” อรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สสปน. ยกตัวเลขรายได้มาโชว์

แต่สำหรับแผนการเสนอตัวเข้าเป็นเจ้าภาพการจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป ปี 2020 ของไทย เขาตั้งตัวเลขไว้ว่าน่าจะมีรายได้ตอบแทนถึง 8 เท่า จากเงินลงทุนที่คาดว่าจะใช้สำหรับการจัดการประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

การจะได้เป็นเจ้าภาพไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องเริ่มเสนอตัวตั้งแต่ปี 2011 ก่อนจะได้เป็นเจ้าภาพเกือบ 10 ปี ซึ่งเพียงแค่เปิดตัว ไทยก็มีแคนดิเดทแล้ว 10 เมืองใหญ่จากทุกทวีป ซึ่งล้วนมีจุดแข็งแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ ดูไบ บราซิล ออสเตรเลีย แคนาดา เดนมาร์ก ส่วนสหรัฐอเมริกา มีทั้งนิวยอร์ก ซานฟรานซิสโก

“พูดถึงคู่แข่ง ผมเชื่อว่าไทยเรามีจุดแข็งและประสบการณ์ที่ไม่แพ้ใคร แต่ที่ถือว่าน่ากลัวคงเป็นดูไบ ซึ่งมีความพร้อมด้านการเงิน”

แต่หากประเทศไทยเริ่มต้นด้วยความเห็นพ้องของทุกฝ่าย ก็ไม่แน่ว่าปี 2020 ประเทศไทยอาจจะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าภาพเวิลด์เอ็กซ์โปดังที่ตั้งใจ และผลพลอยได้ที่จะเกิดขึ้น ไม่เพียงแค่การพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจหลังการจัดงานอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับเมืองเจ้าภาพทั่วโลกมาแล้ว แต่อาจจะช่วยสร้างความสามัคคีของคนในชาติจากจุดมุ่งหมายเดียวกันนี้ได้

แผนการลงทุนเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 กรณีที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพ
จะใช้พื้นที่จัดงาน 24 ตารางกิโลเมตร (ประมาณ 1,500 ไร่)
คาดการณ์จำนวนผู้เข้าชมงาน 30 ล้านคน
มูลค่าการลงทุน 2 หมื่นล้านบาท
มูลค่าการลงทุนต่อไร่ 5.95 ล้านบาทต่อไร่
คาดการณ์ผลตอบแทน 2.3 หมื่นล้านบาท
คาดการณ์กำไรต่อการจัดงาน 9.55 หมื่นล้านบาท

20,000 ล้านบาทใช้กับ….
– ศึกษาความเป็นไปได้ของพื้นที่ 0.2%
– จัดทำและยื่นข้อเสนอเป็นเจ้าภาพตามขั้นตอนของ BIE 0.8%
– สร้างสาธารณูปโภค (ส่วนต่อนอกเหนือจากแผนที่รัฐมีอยู่แล้ว) 42%
– ก่อสร้างอาคารหลักและพื้นที่จัดงาน 30%
– ก่อสร้างปรับปรุงพื้นที่รอบสถานที่จัดงาน 15%
– ก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย โรงแรม เพื่อรองรับผู้ชมงาน 7%
– โฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมโรดโชว์ 5%

Did you know?
World Expo 2005 ที่เมืองฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมนี ขาดทุน 21,500 ล้านบาท ดังนั้นการจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โปจึงไม่ใช่ประเทศเจ้าภาพจะได้กำไรเสมอไป แต่ที่ผ่านมาก็มีการขาดทุนเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว

]]>
12179