PSI – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 31 Jul 2019 03:37:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 โมเดลธุรกิจใหม่! PSI ปั้นแพลตฟอร์ม “ไฮบริด” ทีวีดาวเทียม-อินเทอร์เน็ต ขายเซอร์วิส “เรตติ้ง-ช้อปปิ้งออนไลน์-ดาต้า” https://positioningmag.com/1240930 Tue, 30 Jul 2019 23:05:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1240930 การเปลี่ยนแปลง Media Landscape ที่สำคัญของประเทศไทยก่อนยุคทีวีดิจิทัล คือ การเติบโตของธุรกิจทีวีดาวเทียม ทั้งช่องรายการ แพลตฟอร์มจานและกล่องรับสัญญาณดาวเทียม เจ้าตลาดเบอร์หนึ่ง PSI เคยทำยอดขายไว้สูงสุด 5 ล้านกล่องต่อปี   

เมื่อเข้าสู่ยุค “ทีวีดิจิทัล” ในปี 2557 ที่จำนวนช่องฟรีทีวีเพิ่มขึ้น 24 ช่อง กสทช. สนับสนุน “กล่องรับสัญญาณ” ระบบทีวีดิจิทัลแจกฟรี ซึ่งเกิดขึ้นในจังหวะเดียวกับการเติบโตของประชากรออนไลน์ ผู้ชมจึงมีช่องทางเสพคอนเทนต์ได้หลากหลาย ทำให้ธุรกิจกล่องทีวีดาวเทียมเริ่มถดถอย

สมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพีเอสไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าตลาดแพลตฟอร์มทีวีดาวเทียม บอกว่า ช่วงที่ผ่านมา PSI ต้องปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมสื่อทีวีไม่ต่างจากธุรกิจอื่นๆ ช่วงเริ่มต้นทีวีดิจิทัลปี 2557 ยอดขายกล่องดาวเทียมลดลงทั้งตลาด เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนแปลงของสื่อทีวีดิจิทัล

ในด้าน “ฮาร์ดแวร์” พีเอสไอ ยังผลิตจานดาวเทียมและกล่องจำหน่ายเช่นเดิม แม้จำนวนจะลดลงจากยุครุ่งเรือง แต่ก็ยังขายได้ระดับ 1 ล้านกล่องต่อปี ก่อนจะขยับเพิ่มเป็น 2 – 2.5 ล้านกล่องต่อปี ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมาและนิ่งที่อัตรานี้ถึงปัจจุบัน

สมพร ธีระโรจนพงษ์

โดยพัฒนากล่องรุ่นใหม่เริ่มที่ กล่อง HD มาสู่กล่อง Hybrid รับสัญญาณดาวเทียมและอินเทอร์เน็ตทีวี เพื่อเป็นตัวเลือกเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนกล่องรับสัญญาณรุ่นเก่า

ไม่เพียงเท่านั้น ได้เริ่มพัฒนาบริการในฝั่ง “ซอฟต์แวร์” ปี 2558 เปิดตัวแอปพลิเคชั่น PSI ARM การบริหารจัดการตัวแทนขายสินค้า และ FIXIT แอปพลิเคชั่น รวบรวมช่างติดตั้งเสาและกล่องดาวเทียม ซึ่งมีช่างอยู่ในเครือข่าย 10,000 คน  

การมีโรงงานผลิตจานและกล่องดาวเทียมอยู่แล้ว จึงมีพื้นฐานในการพัฒนาโปรดักต์ใหม่ๆ ตั้งแต่ปี 2559 พีเอสไอเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เริ่มด้วย กล้องวงจรปิด OCS ตามด้วย เครื่องปรับอากาศ PSI และเครื่องแยกน้ำ PSI โดยมีเครือข่ายช่าง 10,000 คน ในแอป FIXIT เป็นตัวแทนจำหน่าย ติดตั้ง และดูแลหลังการขาย เป็นการสร้างอีกแหล่งรายได้ให้กับช่าง นอกจากติดตั้งจานและกล่องดาวเทียม

สร้างแพลตฟอร์ม Freedom 

มาในปี 2562 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ พีเอสไอ กับการทรานส์ฟอร์มธุรกิจในยุค 4.0 ด้วยการสร้าง แพลตฟอร์ม Freedom ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ (OS) ที่พัฒนาขึ้นเอง เหมือนกับแอนดรอยด์ แต่สามารถเขียนฟีเจอร์และเซอร์วิสใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาได้ เป็นระบบปฏิบัติการที่อยู่ในกล่องรับสัญญาณ รุ่น S3 เป็นกล่อง Hybrid รับสัญญาณดาวเทียวและอินเทอร์เน็ตทีวี (IPTV)

เริ่มทำตลาดกล่อง S3 Hybrid ตั้งแต่ต้นปี 2562 ปัจจุบันมีสินค้าอยู่ในตลาดแล้ว 1.5 แสนกล่อง ถึงสิ้นปีนี้วางเป้าหมายไว้ที่ 4 แสนกล่อง และสิ้นปี 2563 น่าจะได้ 1 ล้านกล่อง ส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่อทดแทนกล่องรุ่นเก่าที่ถึงเวลาเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีใหม่ ส่วนฐานลูกค้าใหม่อยู่ที่ราว 10%

เปิดตัวเซอร์วิส “เรตติ้ง” ทีวี

การสร้างแพลตฟอร์มกล่อง S3 Hybrid พีเอสไอได้ใส่ฟีเจอร์สำคัญ คือ การวัดเรตติ้งผู้ชม ในช่องทีวีทุกช่องที่อยู่ในแพลตฟอร์มพีเอสไอ รวมทั้ง “ทีวีดิจิทัล” ที่สามารถวัดผู้ชมได้ทั้งการรับชมผ่านสัญญาณดาวเทียมทางหน้าจอทีวีและเรตติ้งออนไลน์ จากอินเทอร์เน็ตทีวี และยูทูบ ที่จะคำนวณออกมาเป็นเรตติ้งเดียวกัน

เมื่อติดตั้งกล่อง S3 Hybrid แล้ว ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอป PSI Rating เพื่อใช้มือถือเป็นรีโมต กล่อง S3 Hybrid กดเปลี่ยนทีวีช่องต่างๆ ทั้ง ทีวีดิจิทัล และทีวีดาวเทียม ซึ่งจะทำให้ได้ข้อมูลเรตติ้งผู้ชมมาด้วย ข้อมูลถึงเดือน ก.ค. 2562 มีฐานผู้ชมที่ติดตั้ง กล่อง S3 Hybrid แล้ว 1.37 แสนกล่อง ซึ่งหมายถึงผู้ชมที่เป็นกลุ่มตัวอย่างการวัดเรตติ้ง

พีเอสไอ ได้เริ่มวัดเรตติ้งผ่านกล่องดาวเทียมมาตั้งแต่ปี 2554 ช่วงแรกติดตั้งซิมมือถือเข้าไปในกล่องทีวีดาวเทียม จำนวน 2,000 กล่อง สามารถเรียกดูข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ จากนั้นพัฒนาระบบวัดเรตติ้งมาอย่างต่อเนื่อง มาถึงปัจจุบันที่ใช้กล่อง S3 Hybrid ที่ข้อมูลทั้งผู้ชมหน้าจอทีวีและการรับชมผ่านช่องทางออนไลน์ จะรายงานผลเรตติ้งแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชั่น PSI rating บนมือถือและแท็บเล็ต

เป้าหมายของพีเอสไอ จะเพิ่มกล่อง กล่อง S3 Hybrid ให้ได้ 1 ล้านกล่องในปี 2563 ซึ่งจะทำให้มีฐานข้อมูล 1 ล้านครัวเรือน 

โดยพีเอสไอ เป็นหนึ่งในบริษัทที่ไปนำเสนอระบบการวัดเรตติ้งผ่านกล่องดาวเทียมและอินเทอร์เน็ตทีวี ให้สำนักงาน กสทช. ทีวีดิจิทัล และมีเดีย เอเยนซี พิจารณาในการคัดเลือกผู้จัดทำเรตติ้งทีวีใหม่ ไม่ว่าจะได้รับเลือกหรือไม่ พีเอสไอก็จะพัฒนาระบบการวัดเรตติ้งบนกล่อง S3 Hybrid ต่อไป

ชูเรตติ้งแหล่งที่สอง เจาะลูกค้า SMEs

การพัฒนาระบบเรตติ้งของพีเอสไอ เพื่อให้บริการช่องทีวีดาวเทียมที่อยู่ในแพลตฟอร์มพีเอสไอกว่า 100 ช่อง ใช้เป็นข้อมูลในการขายโฆษณากับลูกค้าที่สนใจ โดยเฉพาะ SMEs ธุรกิจที่กำลังเติบโต และไม่ได้ซื้อเวลาโฆษณากับทีวีดิจิทัล ผ่านเอเยนซี ที่ส่วนใหญ่ให้บริการกับลูกค้าบริษัทต่างชาติ และผู้ประกอบการไทยรายใหญ่

ในฝั่งของ “ทีวีดิจิทัล” ที่ซื้อข้อมูลเรตติ้งจาก “นีลเส็น” อยู่แล้ว ก็สามารถใช้เรตติ้งพีเอสไอเป็น Second Source ได้เช่นกัน เพราะปัจจุบันก็มีเรตติ้งของ AIS Play ที่วัดผู้ชมจากแพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นอีกแหล่งข้อมูล

“ดาต้าไม่โกหก การมีแหล่งข้อมูลเรตติ้งอื่นๆ จะทำให้แม่นยำขึ้น และสามารถใช้เป็น Second Source เปรียบเทียบหากฐานข้อมูลแรกมีความแตกต่างกันมาก เพราะตัวเลขเรตติ้งหมายถึงการกำหนดราคาโฆษณาและรายได้ที่ช่องทีวีจะได้รับ” 

เรตติ้งของพีเอสไอ มาจากผู้ซื้อกล่อง S3 Hybrid ที่ต้องต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อดูช่องรายการผ่านออนไลน์ นั่นหมายถึงกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ซึ่งก็น่าจะได้รับความสนใจจากผู้ลงโฆษณา

ข้อมูลเรตติ้งของพีเอสไอ ในเดือน ก.ค. ท็อป 5 เรตติ้ง อันดับ 1 คือ ช่อง 3 ตามมาด้วย โมโน, ช่อง 7, เวิร์คพอยท์, ช่องวัน และไทยรัฐทีวี 

บริการ “ทีวี ช้อปปิ้ง” กดซื้อเรียลไทม์

อีกฟีเจอร์ที่จะให้บริการของกล่อง S3 Hybrid คือบริการ ช้อปปิ้ง ออนไลน์ ที่เหมาะกับธุรกิจทีวีช้อปปิ้ง เทคโนโลยีการใช้แอป PSI บนมือถือเป็นรีโมต กดดูรายการทีวี ช้อปปิ้ง หากผู้ชมตัดสินใจซื้อ สามารถกดซื้อและจ่ายเงินผ่านแอปบนมือถือทันทีแบบเรียลไทม์ ไม่ต้องโทรผ่านคอลเซ็นเตอร์ เพราะต้องยอมรับว่าธุรกิจ ทีวี ช้อปปิ้ง เป็นการสร้าง Emotion ระหว่างที่ดูเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อ การมีเครื่องมือที่กดซื้อได้ทันที จะช่วยให้การตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น และสร้างยอดขายให้สินค้า

บริการนี้สามารถเสนอขายให้กับทีวี ช้อปปิ้งช่องต่างๆ ที่อยู่บนแพลตฟอร์มดาวเทียมพีเอสไอ ที่มีกว่า 10 ช่อง เช่น ทีวีไดเร็ค, ทีวีดีโมโม่, โอ ช้อปปิ้ง

อีกรูปแบบที่ทำได้ คือการสร้างแพลตฟอร์มช้อปปิ้ง ออนไลน์ ให้กับแบรนด์และผู้ประกอบการที่สนใจ โดยเป็นธุรกิจที่มีสินค้าจำนวนมาก มีฐานสมาชิกอยู่แล้ว พีเอสไอจะขายทั้ง “ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์” รวมทั้งกล่องรับสัญญาณ เพื่อให้องค์กรธุรกิจนั้นๆ นำไปแจกสมาชิก เพื่อใช้แพลตฟอร์มกล่องรับสัญญาณ เป็นอีกช่องทางการขายและสื่อสารกับลูกค้า

“วิธีคิดของพีเอสไอ ทั้งเรื่องเรตติ้งและช้อปปิ้ง ออนไลน์ เป็นการลงทุนก่อน จากนั้นพัฒนาเซอร์วิสให้พันธมิตรได้ประโยชน์ การหาบิสสิเนสโมเดลร่วมกันสามารถทำได้หลายรูปแบบทั้งการขายซอฟต์แวร์หรือแบ่งรายได้ร่วมกัน”

การสร้างแพลตฟอร์มกล่องดาวเทียม ที่มีเซอร์วิส เรตติ้งและช้อปปิ้ง ออนไลน์ ไม่ได้มองแค่ตลาดไทย แต่มองโอกาสในกลุ่มเพื่อนบ้านด้วย ที่ผ่านมาพีเอสไอเข้าไปทำตลาดกล่องดาวเทียมมาหลายปีแล้ว ปีนี้ได้เปิดตัวกล่อง S3 ทำตลาดในเมียนมา รวมทั้ง กัมพูชา และลาว เป็นประเทศต่อไป

จากการขยายธุรกิจใหม่ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า บริการแอปพลิเคชั่น กล่องรับสัญญาณรุ่นใหม่ S3 Hybrid ปีนี้ พีเอสไอ เชื่อว่ายังทำรายได้รวม 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดที่เคยทำได้ก่อนยุคทีวีดิจิทัล

โมเดลธุรกิจใหม่ขาย “เซอร์วิส”

“พีเอสไอ” ที่อยู่ในธุรกิจจานดาวเทียมมาเกือบ 30 ปี หากย้อนไปช่วงที่ยากที่สุด สมพร บอกว่า คือปี 2545 กับการสร้างระบบ OTA การเรียงช่องและจูนช่องผ่านกล่องรับสัญญาณอัตโนมัติ ที่กว่าจะสร้างรายได้จากบริการนี้ต้องใช้เวลา 10 ปี

เช่นเดียวกับวันนี้ที่ พีเอสไอ กำลังสร้างแพลตฟอร์ม Freedom ที่ต้องใช้เวลาเช่นกัน อย่างน้อยต้องมีกล่อง S3 Hybrid อยู่ในครัวเรือนไทยไม่ต่ำกว่า 1 ล้านกล่องในปี 2563 ก่อนที่จะเห็นการต่อยอดจาก “เซอร์วิส” อื่นๆ

แผนธุรกิจจากนี้ ในปี 2563 จะเริ่มหารายได้จากโมเดลธุรกิจใหม่ B2B จากการขายแพลตฟอร์มทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ กล่อง S3 Hybrid ให้ลูกค้าองค์กรนำไปสร้าง “ช่องทางขายและการสื่อสาร” กับผู้บริโภคที่เป็นฐานสมาชิกประจำ

ปี 2564 เริ่มบริการ ช้อปปปิ้ง ออนไลน์ และบริการเรตติ้งทีวี จากฐานผู้ชมกว่า 1 ล้านตัวอย่าง ลูกค้าหลักคือ ช่องทีวีที่อยู่ในแพลตฟอร์มพีเอสไอ ปี 2565 หลังจากเก็บข้อมูลผู้ชมทีวีมาแล้ว ตั้งแต่ปีนี้ จะเริ่มนำ BIG Data ข้อมูลมาวิเคราะห์พฤติกรรมเพื่อต่อยอดสู่การให้บริการข้อมูลกับลูกค้าที่สนใจ

พีเอสไอ อยู่ในช่วงสร้างแพลตฟอร์มออฟไลน์และออนไลน์ นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไปจะเข้าสู่ยุคต่อยอดสร้างรายได้จาก “เซอร์วิส” ด้วยบริการขายเรตติ้งทีวี, ช้อปปิ้ง ออนไลน์ และบริการดาต้า

ปัจจุบันทำตลาดทั้งฮาร์ดแวร์ขายกล่องทีวีดาวเทียม ช่วง 5 ปีจากนี้ตั้งใจจะสร้างแพลตฟอร์มกล่อง S3 Hybrid ให้ได้ 10 ล้านกล่อง และมุ่งสู่การพัฒนาซอฟต์แวร์เซอร์วิสใหม่ๆ เพื่อให้พีเอสไอก้าวสู่ยุคผู้ให้บริการ “มัลติแพลตฟอร์ม”

]]>
1240930
จับตาศึกจัดทำเรตติ้งทีวี “สมาคมทีวีดิจิทัล” องค์กรกลางรับเงิน กสทช. 431 ล้าน วางเงื่อนไขเคาะเลือกรายใหม่ https://positioningmag.com/1240456 Thu, 25 Jul 2019 13:10:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1240456 อีกมาตรการแก้ปัญหาทีวีดิจิทัล ตามคำสั่ง คสช. มาตรา 44  คือแนวทางสนับสนุนการจัดทำเรตติ้งทีวี โดย กสทช. เตรียมจัดสรรเงินงบประมาณ 431 ล้านบาท ให้กับองค์กรกลางที่มีทีวีดิจิทัลเป็นสมาชิกเป็นผู้ตัดสินใจเลือกนำเงินไปว่าจ้างบริษัทจัดทำเรตติ้งทีวีใหม่ โดยทุกขั้นตอนจะสรุปในเดือน ..นี้

วันนี้ (25 ก.ค.) สำนักงาน กสทช. เชิญผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสื่อและใช้ข้อมูลเรตติ้งทีวี ทั้งทีวิดีจิทัล สมาคมทีวีดิจิทัลแห่งประเทศไทย ผู้จัดทำเรตติ้งในประเทศไทย เจ้าของผลิตภัณฑ์ผู้ซื้อสื่อโฆษณา มีเดีย เอเยนซี ผู้ผลิตคอนเทนต์ มาหารือแนวทางการจัดทำเรตติ้งทีวี

พร้อมทั้งให้ผู้เสนอตัวจัดทำระบบเรตติ้ง 3 ราย ประกอบด้วย บริษัท พีเอสไอ บรอดคาสติ้ง จำกัด หรือ PSI ผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดาวเทียม, เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดทำเรตติ้งทีวีปัจจุบัน และสมาคมวิจัยเพื่อพัฒนาสื่อ (ประเทศไทย) หรือ MRDA มานำเสนอระบบจัดทำเรตติ้ง ให้คณะกรรมการเยียวยาแก้ปัญหาทีวีดิจิทัล และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสื่อ ศึกษาระบบจัดทำเรตติ้งของแต่ละราย

“สมาคมทีวีดิจิทัล”คนเคาะเลือกผู้จัดทำเรตติ้ง

ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า ตามคำสั่ง คสช. มาตรา 44 กำหนดให้ กสทช.เป็นผู้จัดเงินสนับสนุนทีวีดิจิทัลจัดทำระบบเรตติ้ง ซึ่ง กสทช. กำหนดเบื้องต้นไว้ 431 ล้านบาท โดยอาจน้อยกว่านี้ได้ แต่จะไม่มากไปกว่านี้

ขั้นตอนการ “จ่ายเงิน” สนับสนุน 431 ล้านบาท กสทช.จะจ่ายผ่าน “องค์กรกลาง” ที่ทีวีดิจิทัลเป็นสมาชิกและจัดตั้งมา 5 ปีขึ้นไป ปัจจุบันองค์กรกลางที่เข้าหลักเกณฑ์ คือ สมาคมทีวีดิจิทัลแห่งประเทศไทย หลังจากองค์กรกลางเลือกบริษัทที่จะว่าจ้างจัดทำเรตติ้งแล้ว กสทช.จะจ่ายเงินสนับสนุน คาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในเดือน ต.ค.นี้ โดย กสทช. ยังมีหน้าที่กำกับดูแลการใช้เงินตามวัตถุประสงค์ของการสนับสนุนต่อไป

สุภาพ คลี่ขจาย

สุภาพ คลี่ขจาย นายกสมาคมทีวีดิจิทัลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากนี้ สมาคมจะกลับไปหารือกับสมาชิกเพื่อกำหนด “เงื่อนไข” การคัดเลือกบริษัทจัดทำเรตติ้ง เบื้องต้น เงื่อนไขที่วางไว้ คือ ต้องเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร รวมทั้งต้องฟังเสียงจาก “มีเดีย เอเยนซี” ซึ่งเป็นผู้ใช้ข้อมูลและผู้วางแผนใช้เม็ดเงินโฆษณาให้กับเจ้าของสินค้าต่างๆ ด้วย

“การตัดสินใจเลือกผู้จัดทำเรตติ้งที่จะได้รับเงินสนับสนุนจาก กสทช. จะใช้มติเอกฉันท์ของสมาชิก”

“พีเอสไอ” โชว์จุดขายวัดเรตติ้งเรียลไทม์

สำหรับการการนำเสนอระบบเรตติ้งของทั้ง 3 ราย ให้วิธีจับฉลากเลือกลำดับการนำเสนอโดย “พีเอสไอ” เป็นรายแรก ตามด้วย นีลเส็น และ MRDA

สมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ PSI กล่าวว่า พีเอสไอ เป็นเจ้าของโครงข่ายแพลตฟอร์มดาวเทียม เริ่มทำระบบเรตติ้งจากกล่องทีวีดาวเทียมตั้งแต่ปี 2554 ช่วงแรกติดตั้งซิมมือถือในกล่องทีวีดาวเทียม จำนวน 2,000 ครัวเรือน ที่สามารถเรียกดูข้อมูลได้แบบเรียลไทม์

ในยุคทีวีดิจิทัล ปี 2560 พีเอสไอได้อัพเกรดระบบวัดเรตติ้งทีวีดาวเทียมใหม่ ด้วยกล่อง S3 Hybrid ระบบวัดเรตติ้งจากกล่องทีวีดาวเทียม ที่มีซอฟต์แวร์วัดจำนวนผู้ชมทั้งหน้าจอทีวีคู่กับการรับชมผ่านช่องทางออนไลน์ทั้ง ไอพีทีวี ยูทูบ รายงานผลผ่านแอปพลิเคชั่น PSI Rating บนมือถือและแท็บเล็ต ที่สามารถรายงานผลได้แบบ “เรียลไทม์” ปัจจุบันมีฐานข้อมูลวัดเรตติ้งจากกล่องทีวีดาวเทียมจำนวน 1.35 แสนกล่อง ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ

สินธุ์ เภตรารัตน์

“นีลเส็น” ให้ทีวีดิทัลใช้ฟรี  5 ปี

สินธุ์ เภตรารัตน์ กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจมีเดีย นีลเส็น ประเทศไทย เวียดนาม และเมียนมา กล่าวว่า นีลเส็น มีธุรกิจอยู่ทั่วโลกใน 106 ประเทศ มี 56 ประเทศที่นีลเส็นเป็นผู้จัดทำเรตติ้ง รวมทั้งประเทศไทยที่จัดทำระบบเรตติ้งมา 30 ปี ปัจจุบันอุตสาหกรรมโฆษณาทีวีมูลค่า 70,382 ล้านบาทในปี 2561 มีสัดส่วนมาจากบริษัทต่างชาติแบรนด์ระดับโกลบอล 54% ธุรกิจท้องถิ่น 46% ซึ่งบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล แบรนด์ จะใช้ข้อมูลเรตติ้งที่เป็นสากล ในการลงทุนใช้งบโฆษณา

ที่ผ่านมานีลเส็นได้พัฒนาระบบวัดเรตติ้งใหม่มาอย่างต่อเนื่องทั้งจอทีวีและดิจิทัล แพลตฟอร์ม รวมทั้งการวัดเรตติ้งเนื้อหาโฆษณา ซึ่งเป็นการปรับระบบไปตามพฤติกรรมการรับชมชองผู้ชม

หาก กสทช. และสมาคมทีวีดิจิทัล นำเสนอสนับสนุนการจัดทำระบบเรตติ้งใหม่ มาว่าจ้าง “นีลเส็น” เงื่อนไขที่จะนำเสนอคือให้ทีวีดิจิทัลใช้ข้อมูลเรตติ้งโดยไม่มีค่าใช้จ่าย 5 ปี  

วรรณี รัตนพล

MRDA ผนึก 5 พันธมิตรชิงจัดทำเรตติ้ง

วรรณี รัตนพล นายกสมาคมวิจัยเพื่อพัฒนาสื่อ (ประเทศไทย) หรือ MRDA กล่าวว่าสมาคมได้ร่วมขับเคลื่อนการจัดทำระบบเรตติ้งใหม่ให้กับอุตสาหกรรมสื่อทีวีในประเทศไทย ร่วมกับทีวีดิจิทัลและมีเดียเอเยนซี ที่ใช้ข้อมูลเรตติ้งมาตั้งแต่ปี 2557 เนื่องจาก “ไม่แฮปปี้” กับระบบเรตติ้งทีวีเดิม

สำหรับการจัดทำเรตติ้งของ MRDA มีพันธมิตร 5 รายระดับโลก คือ กันตาร์, อินเทจ กรุ๊ป, Mediametrie ทำเรื่อง มิเตอร์เทคโนโลยี, Markdata ดูแลซอฟต์แวร์รายงานผล และ CESP องค์กรตรวจสอบ

โดยจะติดตั้งอุปกรณ์วัดเรตติ้งเครื่องรับชมทีวี 4,500 ชุด จำนวน 3,000 ครัวเรือน และอุปกรณ์วัดเรตติ้งบนอุปกรณ์รับชมที่เป็นสมาร์ทดีไวซ์ ในกลุ่มตัวอย่าง 3,000 คน เพื่อรายงานข้อมูลเรตติ้งทั้งจอทีวีและดิจิทัล แพลตฟอร์มแบบคู่ขนาน โดยจะใช้เวลาติดตั้งอุปกรณ์ 12-15 เดือน และเริ่มรายงานข้อมูลเรตติ้งได้ในเดือน ม.ค. 2564

MRDA เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ข้อมูลเรตติ้งที่จัดทำจะแบ่งปันให้องค์กรสาธารณะอื่นๆ รวมทั้งสถาบันการศึกษานำไปใช้ประโยชน์”

ประวิทย์ มาลีนนท์

อดีตบิ๊กช่อง 3 ชงของบเพิ่ม

หลังจากผู้จัดทำเรตติ้งทั้ง 3 รายได้นำเสนอระบบการจัดทำเรตติ้งแล้ว มีความเห็นจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมทีวี โดย ประวิทย์ มาลีนนท์ อดีตกรรมการผู้จัดการ ช่อง 3  บอกว่า ปัจจุบันรายได้โฆษณาทีวีลดลงเหลือ 1 ใน 3 โดยกระจายไปยังสื่อใหม่ และผู้ประกอบการทีวีในปัจจุบันมีรายได้ลดลง จึงมองว่าทีวีดิจิทัลไม่ควรต้องเป็นผู้จ่ายเงินซื้อเรตติ้งเหมือนที่ผ่านมา และขอเสนอให้ กสทช.พิจารณางบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติม จากที่เตรียมมอบให้ 431 ล้านบาท

ระยะเวลาใบอนุญาตทีวีดิจิทัลที่ยังเหลืออีก 10 ปี และจำนวนช่องที่เหลืออยู่ คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณจัดทำเรตติ้งราว 1,200 ล้านบาท หรือปีละ 120 ล้านบาท จึงเสนอให้ กสทช.สนับสนุนเพิ่มเติมอีก 800 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการจัดทำเรตติ้งจนจบอายุใบอนุญาต

พัฒนพงค์ หนูพันธ์

ขณะที่ พัฒนพงค์ หนูพันธ์ ผู้บริหาร ช่อง 7 กล่าวว่า ต้องการให้ กสทช.พิจารณาสนับสนุนงบจัดทำเรตติ้งให้ตรงตามวัตถุประสงค์ และอุตสาหกรรมควรพิจารณาเลือกบริษัทที่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีอยู่แล้ว.

]]>
1240456