PTG – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 24 Apr 2019 11:04:02 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ธนาคารแห่ตั้งแบงกิ้ง เอเย่นต์ กสิกรจับมือเซเว่นฯ ฝากเงิน 15 บาท/รายการ กรุงศรี ควง พีทีจี ฝาก-ถอนเงินในปั๊ม https://positioningmag.com/1226118 Tue, 23 Apr 2019 06:15:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1226118 ปีนี้ ถือเป็นอีกปีที่ “ธนาคารไทย” เดินเกมตั้ง “แบงกิ้ง เอเย่นต์” กันอย่างคึกคัก เพราะเป็นส่วนหนึ่งในการลดภาระและต้นทุนในการมี “สาขา”

หลังจากธนาคารไทยพาณิชย์จับมือกับ ซีพี ออลล์ ตั้งเป็นแบงกิ้ง เอเย่นต์ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสที่เซเว่นอีเลฟเว่นกว่า 11,000 สาขาทั่วประเทศ ควมร่วมมือของทั้งสองไม่ใช่แค่ฝากเงิน แต่รวมไปถึงการให้ “ถอนเงิน” ด้วยทั้งรูปแบบปกติ (เงินสด) และออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชั่น และคิวอาร์โค้ด โดยคาดว่าจะมีผู้ทำธุรกรรม 1 แสนรายต่อเดือน และธนาคารไทยพาณิชย์ก็เตรียมแต่งตั้งธุรกิจค้าปลีกที่มีสาขาจำนวนมากอย่าง บิ๊กซี เทสโก้ โลตัส ต่อไป

กสิกรไทยจับมือเซเว่นฯ ฝากเงิน 15 บาท/รายการ

ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทยจับมือเซเว่น อีเลฟเว่น รับฝากเงิน 24 ชั่วโมง ภายใต้บริการ “เคแบงก์ เซอร์วิส” โดยคิดค่าบริการ 15 บาท และเงินเข้าบัญชีปลายทางทันที

โดยธนาคารกสิกรไทยแต่งตั้งให้บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด เป็นตัวแทนธนาคาร (แบงกิ้ง เอเย่นต์) รับฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย 24 ชั่วโมง ภายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น กว่า 11,000 สาขาทั่วประเทศ

โดยรับฝากเงินสดได้สูงสุด 30,000 บาทต่อรายการ และได้สูงสุดวันละ 100,000 บาทต่อบัญชี คิดค่าบริการรายการละ 15 บาท โดยเงินจะเข้าบัญชีปลายทางทันที ผู้ฝากจะได้ใบเสร็จ และ SMS ยืนยันการทำรายการ

เพื่อเป็นการโปรโมตการใช้งาน ระหว่าง 24 เมษายน ถึง 30 มิถุนายน 2562 จะได้รับคูปองแทนเงินสดท้ายใบเสร็จมูลค่า 10 บาท รวม 30,000 สิทธิ์ เพื่อเป็นส่วนลดสำหรับการซื้อสินค้าที่ร่วมรายการในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ภายในวันที่ที่ระบุในคูปองท้ายใบเสร็จ ณ สาขาที่ร่วมรายการ

“กรุงศรี” ควงพีทีจี ฝาก-ถอนเงินในปั๊ม 

ทางด้านธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพิ่มช่องทางการรับฝากเงินผ่านตัวแทน Banking Agent ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสในเซเว่นอีเลฟเว่น 11,000 สาขา ฝากสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาทต่อรายการ และไม่เกิน 100,000 บาทต่อวัน ค่าบริการ 15 บาท/รายการ

ล่าสุด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จับมือกับ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เจ้าของสถานีบริการน้ำมัน พีที เพื่อให้บริการรับฝากและถอนเงินบัญชีธนาคารกรุงศรีได้ที่ร้านสะดวกซื้อ Max Mart ในสถานีบริการน้ำมัน PT ที่ร่วมโครงการ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 22.00 น.

โดยลูกค้าสามารถทำธุรกรรมฝากเงินด้วยเลขบัญชีธนาคารกรุงศรีและบัตรประชาชน และสามารถถอนเงินจากบัตรกรุงศรี เดบิต/เอทีเอ็ม และบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี เหมือนทำธุรกรรมผ่าน ATM

ช่วงแรกให้บริการ มีโปรโมชั่นพิเศษรับฟรีคูปองแทนเงินสดมูลค่า 20 บาท สำหรับซื้อสินค้าในร้าน Max Mart ทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 2562.

 

]]>
1226118
ขายน้ำมันกำไรน้อย ขายกาแฟกำไรอู้ฟู่กว่า! ปั๊ม PT รุกขายแฟรนไชส์ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และคอฟฟี่เวิลด์ ตั้งเป้า 5 ปีต้องมี 1,400 สาขา https://positioningmag.com/1222029 Thu, 28 Mar 2019 04:40:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1222029 รูปประกอบภาพจาก

  • https://www.facebook.com/coffeeworldthailand
  • https://www.facebook.com/punthaicoffee/

ราคาของน้ำที่ผันผวนตลอดช่วงหลายปีมานี้ ทำให้บริษัทที่มีธุรกิจ non-oil ในเมืองไทย ต่างขยับตัวกันอย่างคึกคัก เพื่อหารายได้ประจำที่มั่นคง ลดความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่เอาแน่เอานอนไม่ได้

ปตท. ถือเป็นบริษัทที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในเรื่องนี้ เพราะตั้งแต่กลางปีที่แล้วบริษัทแม่ได้มีการโอนธุรกิจในส่วนของ non-oil ออกมาตั้งเป็นบริษัทใหม่ชื่อ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTOR ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการยื่นแบบแสดงคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (...) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) คาดจะเริ่มซื้อขายภายในปี 2019

ภายใต้ PTTOR ประกอบไปด้วย คาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon) ศูนย์บำรุงรักษารถยนต์ FIT Auto ร้านชานมไข่มุกเพิร์ลลี่ทีร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ (Jiffy) ร้านโดนัทแด๊ดดี้โด (Daddy Dough) ร้านติ่มซำ ฮั่วเซ่งฮง และร้านฟาสต์ฟู้ดประเภทไก่ทอด เท็กซัสชิคเก้น (Texas Chicken) รวมกันเกือบ 3,000 สาขา

ความคืบหน้าของ  PTTOR ได้กระตุ้นให้บริษัทน้ำมันอื่นๆ หันมาปักธงธุรกิจ non-oil กันอย่างคึกคัก โดยล่าสุด บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG หรือปั๊มน้ำมัน PT ซึ่งมียอดขายเป็นอันดับ 2 รองจาก ปตท. ได้ออกมาผลักดันธุรกิจ non-oil โดยตั้งความหวังไปที่ร้านกาแฟที่มีอยู่ในมือทั้ง ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และ คอฟฟี่เวิลด์ มาเป็นหัวหอก

ปัจจุบันธุรกิจ non-oil ของ PTG ประกอบไปด้วย ร้านสะดวกซื้อ Max Mart, ร้านกาแฟพันธุ์ไทยร้านคอฟฟี่เวิลด์ร้านข้าวแกงครัวบ้านจิตรร้านซ่อมบำรุงสำหรับรถบรรทุก, Autobacs และ Max CAMP เป็นต้น มีจำนวนรวมกว่า 504 สาขา

ในจำนวนปั๊มในปีที่ผ่านมา 1,883 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 2,000 สาขา เน้นการขยายสาขาในทำเลที่สามารถรองรับการให้บริการ non-oil ภายใต้งบลงทุนรวม 3,500 ล้านบาท โดยเป้าหมายของ PTG ต้องการผลักดันให้สัดส่วนกำไรของ non-oil เพิ่มจาก 10% ในปีที่ผ่านมา เป็น 60-70% ภายในปี 2023

พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กล่าวว่า

“PTG สนใจบุกธุรกิจ non-oil มาได้ 4-5 ปีแล้ว เพราะราคาของน้ำมันที่ไม่นิ่ง บริษัทจึงต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังอยู่ธุรกิจที่นิ่งกว่า โดยเฉพาะร้านกาแฟ ซึ่งหากเทียบให้เห็นภาพที่ชัดคือ ในขณะที่น้ำมันมีกำไรขั้นต้นเพียง 7-8% แต่ร้านกาแฟสูงถึง 60-70%”

ขณะเดียวกันจะเห็นได้ว่า ธุรกิจร้านกาแฟยังเป็นที่สนใจของคนรุ่นใหม่ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ซึ่งร้านกาแฟยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจากข้อมูลจากสมาคมกาแฟไทย/สมาพันธ์กาแฟอาเซียน พบว่าตลาดร้านกาแฟในไทย มีมูลค่าตลาดรวม 17,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ทั่วไป 9,000 ล้านบาท และพรีเมียม 8,000 ล้านบาท

และยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากอัตราการบริโภคของคนไทยที่มีอยู่เพียง 300 แก้ว/คน/ปี น้อยกว่าคนญี่ปุ่น 400 แก้ว/คน/ปี, ยุโรป 600 แก้ว/คน/ปี และยิ่งเทียบไม่ได้เลยกับกลุ่มสแกนดิเนเวียที่บริโภคสูงถึง 1,000 แก้ว/คน/ปี

โดยคอกาแฟไทยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเจนเอ็กซ์และเจนวายที่มีกำลังซื้อ และยังมีแนวโน้มฐานคนดื่มที่น้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งปัจจุบันคนรุ่นใหม่รู้จักกาแฟมากกว่าสายพันธุ์อาราบิก้าและโรบัสต้า อีกทั้งยังต้องการวิธีการกิจกาแฟใหม่ๆ เพื่อเสพความเป็นอีโมชันนอลมากกว่าฟังก์ชั่นอย่างเดียว

สำหรับการบุกหนักร้านกาแฟของ PTG ในครั้งนี้เกิดจากความพร้อมในการขยายสาขาแบบแฟรนไชส์ ซึ่งธุรกิจร้านกาแฟเกมการแข่งขันหลักไม่ได้อยู่ที่ราคา เพราะไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่อยู่ที่ใครมีสาขาให้ลูกค้าเดินเข้าไปได้มากกว่ากัน และแม้ PTG จะมีแบรนด์ร้านค้ากาแฟอยู่ในมือ 2 แบรนด์ แต่ทั้งคู่ก็จับกลุ่มเป้าหมายไม่เหมือนกัน

กาแฟพันธุ์ไทยเป็นแบรนด์ที่ PTG ปั้นขึ้นมาเอง ภายใต้บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัดเมื่อ 7 ปีก่อน โดยเปิดสาขาแรกที่ปั๊มบางปะหัน อยุธยา วางโพสิซั่นจับลูกค้าในกลุ่มแมส ราคา 40-60 บาทต่อแก้ว ปัจจุบันมีทั้งหมด 203 สาขา เน้นขยายสาขาในปั๊มเป็นหลัง โดยเป็นเบอร์ 3 ในตลาดรองจากกาแฟอินทนิลของปั๊มบางจาก

ปีนี้วางแผนขยับขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 โดยตั้งเป้าเปิดอีกประมาณ 130 – 140 สาขา ในจำนวนนี้ราว 100 สาขา อยู่ในรูปแบบของแฟรนไชส์ โดยได้มีการวางแผยขยายออกไปนอกปั๊มด้วย ทั้งในมหาวิทยาลัยและอาคารสำนักงาน เป็นต้น ภายในปี 2023 ตั้งเป้ามีทั้งหมด 1,170 สาขา แบ่งเป็นลงทุนเอง 400 สาขา และแฟรนไชส์ 770 สาขา

ส่วน “คอฟฟี่เวิลด์ได้ใช้เงิน 205 ล้านบาท ให้บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด เข้าซื้อกิจการ และดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัทเดิม บริษัท จีเอฟเอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด วางโพสิชั่นเป็นกาแฟพรีเมียมราคาแก้วละ 100 บาทขึ้นไป เน้นขายในศูนย์การค้า ปัจจุบันมีในประเทศ 71 สาขา และต่างประเทศอีก 5 ประเทศ 10 สาขา

ในปีนี้วางแผนขยาย 20 สาขา เป็นการลงทุนเอง 10 สาขา และแฟรนไชส์ 10 สาขา และยังมีการขยายที่จีนอีก 30 สาขา และช่วงกลางปีวางแผนรีแบรนด์ครั้งใหญ่ เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้ดูอายุน้อยลง โดยภายในปี 2023 ตั้งเป้ามีทั้งหมด 232 สาขา แบ่งเป็นลงทุนเอง 56 สาขา และแฟรนไชส์ 176 สาขา

หากเป็นไปตามแผนในปี 2023 จะมีสาขารวมกันราว 1,400 สาขา PTG จะผลักดันธุรกิจกาแฟให้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่ได้ด้วยต้นเอง มีการหาทุนโดยไม่พึ่งบริษัทแม่ ที่สำคัญยังหารายได้เพิ่มเข้ามาอีกด้วย

ปีที่ผ่านมา PTG มีรายได้รวมประมาณ 107,000 ล้านบาท ปี 2019 ตั้งเป้าเติบโต 40% หรือคิดเป็นรายได้ 140,000 ล้านบาท เติบโต 40%.

]]>
1222029
“PTG” กำไร ครึ่งปีแรก 447 ล้านบาท ปรับเป้า ลดสปีดขยายสาขา เน้นเปิด กทม. – หัวเมืองใหญ่ หวังต่อยอด Non-oil  https://positioningmag.com/1184453 Tue, 21 Aug 2018 07:59:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1184453 พีทีจี เอ็นเนอยี ถือเป็นอีกหนึ่งในเจ้าของสถานีบริการน้ำมัน ที่หลังจากรีแบรนด์ ปรับโฉมปั๊มน้ำมัน เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ขยายสาขา พร้อมกับแตกแขนงธุรกิจด้าน นอนออยล์ต่อเนื่อง 

ล่าสุด พีทีจีได้ออกมาเปิดเผยถึงผลประกอบการครี่งปีแรก มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 447 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.20% และมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 51,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในส่วนของสถานีบริการน้ำมัน ปริมาณการขายอยู่ที่ 1,927 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรม

โดยมีส่วนแบ่งการตลาด (market share) ของช่องทางผ่านสถานีบริการยงคงเติบโต เพราะสามารถทำส่วนแบ่งการตลาดใหม่ (New high market share) อยู่ที่ระดับ 14%

พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ได้เตรียมแผนบริหารการลงทุน และบริหารค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม เพื่อให้ค่าการตลาดของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเร่งสร้างกำไรในส่วนของธุรกิจ non-oil ให้มากขึ้น

ในไตรมาส 2 ยังมีรายได้จากธุรกิจ non-oil ในส่วนของธุรกิจแก๊สแอลพีจี ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจการให้บริการพื้นที่เชิงพาณิชย์ และธุรกิจอื่นๆ เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะเดียวกัน ธุรกิจ non-oil เติบโตมากขึ้นทั้ง ยอดขาย และอัตรากำไรขั้นต้น โดยในสัดส่วนของกำไรขั้นต้นของธุรกิจ non-oil เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 10% จากในปีที่แล้วมีสัดส่วนอยู่ที่ 6%

ในการที่บริษัทเร่งเพิ่มสัดส่วนของธุรกิจ non-oil เพราะธุรกิจดังกล่าวมีมาร์จิ้นสูงกว่าธุรกิจน้ำมัน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจ non-oil เพิ่มสูงขึ้นเป็นมากกว่า 25% จากปีที่แล้ว ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจ non-oil อยู่ที่ระดับ 22% ดังนั้นบริษัทจึงเดินหน้าเร่งเพิ่มสัดส่วนกำไรของ non-oil เพื่อช่วยสร้างผลตอบแทนให้เพิ่มมากขึ้น

ขณะที่ทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง จะเน้นการขยายสาขาของธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจ non-oil เฉพาะในพื้นที่ ซึ่งยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดยได้ปรับคาดการณ์จำนวนสาขาของสถานีบริการน้ำมันและแก๊สแอลพีจีอยู่ที่ 1,900 สาขา (เดิมตั้งเป้าจะมีครบ 2,000 สาขา ภายในปี 61) และจำนวนสาขาของธุรกิจ non-oil อยู่ที่ 500 สาขา ซึ่งรวมร้านสะดวกซื้อ Max Mart, ร้านกาแฟพันธุ์ไทย, ร้านคอฟฟี่เวิลด์, ร้านข้าวแกงครัวบ้านจิตร, ร้านซ่อมบำรุงสำหรับรถบรรทุก Pro Truck และสำหรับรถยนต์ Autobacs

โดยบริษัทจะยังขยายสาขาด้วยการเช่าพื้นที่ของสถานีบริการเดิม และเพิ่มการให้บริการด้วยธุรกิจ non-oil ครบวงจร เพื่อบริหารพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

การปรับคาดการณ์ เป็นผลมาจากเศรษฐกิจในต่างจังหวัด นอกเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังคงฟื้นตัวได้อย่างช้า เพราะราคาผลผลิตทางการเกษตรยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน บริษัทจึงปรับคาดการณ์การเติบโตอยู่ที่ 15-20% อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังออกนโยบายในการรักษาเสถียรภาพของราคาผลผลิตทางการเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และจากปัจจัยดังกล่าวบริษัทจึงวางแผนขยายสาขาในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมทั้งหัวเมืองใหญ่ให้มากขึ้น เพื่อสร้างความสมดุลในการกระจายตัวของสถานีบริการ และเพื่อสนับสนุนการต่อยอดในธุรกิจ non-oil ได้อย่างเต็มที่

ทั้งนี้การปรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนของตลาดโลก ยังคงเป็นความท้าทายในครึ่งปีหลัง ทำให้ต้องปรับคาดว่า EBITDA จะเติบโต 15-20% และบริษัทยังคงเป้าหมายในการมุ่งไปสู่ธุรกิจ non-oil เพื่อการสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและสม่ำเสมอในระยะยาว รวมทั้งยังวางแผนจะขยายพันธมิตรในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น.

]]>
1184453
“พีทีจีฯ” ลุยนอนออยล์ เดินหน้าปิดดีล ซื้อหุ้น 70% จิตรมาส จิ๊กซอว์ ปั้นครัวกลางป้อนธุรกิจอาหารในเครือ แตกแบรนด์ร้านอาหาร https://positioningmag.com/1164804 Wed, 04 Apr 2018 14:28:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1164804 การทำธุรกิจน้ำมันยุคนี้ แม้จะมียอดขายหลักหมื่น หลักแสน หรือหลักล้านล้านบาท แต่ผู้ประกอบการไม่ได้เอ็นจอยกับ “กำไร” มากนัก

กำไรเฉลี่ยประมาณ 1.50 บาทต่อลิตร และเมื่อไหร่ราคาน้ำมันโลกพุ่งจนกระทบราคาขายปลีกกระเทือนเงินในกระเป๋าผู้บริโภค รัฐจะยื่นมือมาดูแลกำไรให้อยู่ที่ระดับ 60-90 สตางค์ต่อลิตร ต่ำเตี้ยลงไปอีก

แถมการแข่งขันก็สูงมาก ตลาดเต็มไปด้วยผู้เล่นรายใหญ่ทั้งไทยและต่างประเทศ ทำให้บรรดาสถานีน้ำมัน ต่างเบนเข็มไปรุกธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-oil) กันถ้วนหน้า

เช่นเดียวกับ “บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)” หรือ PTG เป็นอีกรายที่ขอเอาดีกับธุรกิจ “นอนออยล์” วางเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2565 นอนออยล์มีกำไรโตขึ้น 60% จากปีก่อนโต 10% และปีนี้ตั้งเป้าโต20%

ธุรกิจน้ำมัน ขาย 100 บาท กำไรแค่บาทเดียว ทุกปี เราอยากจะขยายในธุรกิจนอนออยล์ 2-3 ธุรกิจใหม่ เน้นธุรกิจอาหารและบริการกำไรเยอะกว่า ถึงแม้คู่แข่งจะเยอะ แต่ก็ไม่เจอยักษ์ใหญ่ พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี กล่าว

พิทักษ์ มองว่า “ธุรกิจอาหารและบริการ” (Food and Service) เป็น “จิ๊กซอว์” สำคัญที่สามารถ “ซีนเนอร์ยี” ธุรกิจที่มีอยู่   โดยเฉพาะการเชื่อมโยงบัตรสมาชิกแมกซ์การ์ดที่มีกว่า 8 ล้านราย และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 18 ล้านรายในปี 2565

ยังต่อยอดธุรกิจร้านสะดวกซื้อ “แมกซ์มาร์ท” ร้านกาแฟ “พันธุ์ไทย” ร้านกาแฟและเบเกอรี่ “คอฟฟี่ เวิลด์” ร้านอาหาร “ไทยเชฟเอ็กซ์เพรส” มีร้านรวมกันกว่า 320 สาขาด้วย เพราะนั่นหมายถึงการมีสินค้าเข้าไปจำหน่ายในร้านช่องทางต่างๆ มากขึ้น เพิ่มความหลากหลายให้ผู้บริโภคทุกกลุ่มยิ่งขึ้น

เมื่อออกสตาร์ทหลังคู่แข่ง พีทีจี ใช้วิธีซื้อและควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions) เป็นกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจนอนออยล์

หลังจากซื้อ บริษัท GFA  ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน Coffee World, Cream & Fudge, New York 5th Av. Deli, Coffee World Restaurant และ Thai Chef Express โดยมีสาขารวมกันทั้งหมด 130 สาขาทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

ล่าสุด พีทีจี ได้ส่งกาแฟพันธุ์ไทย ในเครือ ใช้เงิน 44-45 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 70% ในกิจการธุรกิจอาหาร “บริษัท จิตรมาส แคเทอริ่ง จำกัด” ทำธุรกิจจัดเลี้ยง (catering) รองรับลูกค้าตั้งแต่ 5 คน ไปจนถึงรับงานใหญ่ 5,000 คน มีร้านอาหาร อาหารแช่เย็นพร้อมรับประทาน (ชิลล์ฟู้ด) อาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน (โฟรเซ่นฟู้ด) รองรับกับการบริโภคเป็นจำนวนมาก

จิตรมาส

ด้วยสกลการผลิตในระดับอุตสาหกรรม พีทีจี ตั้งใจจะให้ จิตรมาส เป็นครัวกลาง ผลิตอาหาร อาหารแช่เย็น อาหารแช่แข็ง เบเกอรี สนับสนุนธุรกิจอาหารในเครือของ PTG ที่มีสาขารวมกันกว่า 320 สาขา และแผนขยายครัวกลางไปสู่ครัวภูมิภาคในระยะเวลาประมาณ 3-4 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับการขยายตัวในต่างจังหวัด ตามการขยายตัวของสถานีบริการ PTG ทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าการลงทุนรวมจะอยู่ที่ 360 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า

ด้านจิตรมาส เมื่ออยู่ใต้เงาพีทีจี นอกจากได้เงินทุนมาช่วยขยายธุรกิจอาหาร และขยายช่องทางจำหน่ายได้กว้างขวางมากขึ้น เพราะพีทีจีฯ มีปั๊มน้ำมันกว่า 1,600 สาขาทั่วประเทศ และยังมีร้านอาหารในเครือกว่า 300 ร้าน ช่วยให้จิตรมาสยายธุรกิจได้เร็วขึ้น ทำทั้งเบื้องหลัง มาสู่การให้บริการแก่ลูกค้าโดยตรง

พีทีจีฯ วางแผนใช้เงิน 360-400 ล้านบาท ขยายธุรกิจอาหารในช่วง 5 ปี เปิดร้านอาหารไทยฟาสต์ฟู้ด “ครัวบ้านจิตร” ในปั๊มราว 8-10 สาขาในปีนี้ ช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในสถานีได้มากขึ้น จากนั้นจะขายให้ได้ 30 สาขา ในปี 2562 และเปิดให้ครบ 120 ในปี 2565

นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิด ร้านอาหารสไตล์พรีเมี่ยมแคสชวล ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา แต่ยังไม่ได้ตั้งชื่อร้าน คาดจะเปิด10 สาขาในปีนี้ และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 25 สาขา ภายใน 3-5 ปี 

60-80 ล้านบาท จากนั้นตั้งเป้ายอดขายโตเฉลี่ยประมาณ 50% ต่อปี ทำให้คาดว่าในปี 2565 บริษัทฯจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 900–1,000 ล้านบาท

“ตอนนี้เราไม่ต้องกังวลวางแผน Turnaround หรือฟื้นธุรกิจน้ำมันให้มีกำไร แต่ต้องโฟกัสการทำแผนขยายสาขาธุรกิจอาหารมากขึ้น ถ้าจิตนมาสได้ผลตอบรับดีเราจะใช้งบลงทุนบุกหนักขึ้น เพราะสิ่งที่เราวางไว้ ธุรกิจต้องเดินอยู่ได้โดยลำพัง พร้อมกับเข้าตลาดหุ้นได้ด้วย”

สำหรับธุรกิจอาหารในประเทศไทยมีมูลค่ามหาศาลกว่า 4 แสนล้านบาท และโตอิงจีดีพี 3-4% ต่อเนื่อง ตลาดยังมีหลายเซ็กเมนต์ให้ผู้เล่นรายใหม่เข้าไปเจาะเพิ่มเติม

ผลการดำเนินงาน พีทีจีฯ ปี 2560 มีรายได้รวมกว่า 84,900 ล้านบาท มีกำไรสุทธิกว่า 913 ล้านบาท รายได้โตขึ้นจากปี 2559 อยู่ที่ 64,926 ล้านบาท แต่กำไรลดลงจาก 1,073 ล้านบาท

จากนี้ไป คงต้องติดตามว่าการขยายธุรกิจนอนออยล์จะ “ฟื้นกำไร” ของพีทีจีให้โตตามเป้าหรือไม่.

]]>
1164804
PTG เดินเกมกว้านซื้อกิจการบุกนอนออยล์ ! ควัก 65 ล้าน ซื้อหุ้น “ออโต้ แบคส์” https://positioningmag.com/1137275 Wed, 23 Aug 2017 15:06:08 +0000 http://positioningmag.com/?p=1137275 ช่วงนี้ ธุรกิจให้บริการน้ำมันออกมาเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก หลังจาก ปตท. ออกมาสร้างความฮือฮากับข่าวเตรียมทิ้ง “เซเว่นอีเลฟเว่น” เพื่อหันมาปลุกปั้น “จิฟฟี่” แทน จนทั้งคู่ต้องออกมายืนยันว่า ความสัมพันธ์ยังไปต่อ

คราวนี้มาถึงคิวของ พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG กันบ้าง ค่ายนี้ก็ไม่เบา เดินเกม ซื้อธุรกิจ”เพื่อมาต่อยอดธุรกิจ non-oil แบบรวบรัดตัดความ ไม่ต้องเสียเวลาปลุกปั้นแบรนด์กันใหม่

ล่าสุด พีทีจี ควักเงิน 65 ล้านบาท ซื้อหุ้นบริษัท สยามออโตแบคส์ ศูนย์บริการรถยนต์จากญี่ปุ่น (ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท ออโต้แบคส์ เซเว่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มสหพัฒน์) ด้วยสัดส่วน 38.26%  AOTOBACS ถือ 49.37% บริษัท สหพัฒน์อินเตอร์โฮลดิ้ง ถือ 2.9%  บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ถือหุ้น 2.94% บริษัท สยาม โอคามูระอินเตอร์เนชั่นแนล ถือหุ้น 2.94% และบันไซ (ประเทศไทย) ถือหุ้น 2.94%

พิทักษ์ รัชกิจประการ CEO และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท PTG บอกว่า การซื้อ ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-oil) เพิ่มขึ้น ลดการพึ่งพาธุรกิจน้ำมัน

โดยขยายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรในปั๊ม PT ปีนี้ 5 สาขา และนอกสถานีบริการน้ำมันอีก 10 สาขา จากปัจจุบันมีการเปิดศูนย์บริการรถยนต์ในไทยแล้ว 7 แห่ง

นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าเปิดเพิ่มเป็น 240 สาขาใน 5 ปีข้างหน้า ใช้เงินลงทุนสาขาละ 3-5 ล้านบาท เพื่อผลักดันให้เป็นแบรนด์เบอร์ 1 โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัทที่ตั้งเป้าหมายจะมีสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 แห่งจากสิ้นปีนี้มี 1,800 แห่ง และมีสมาชิกบัตร Max Card จาก 7.6 ล้านสมาชิกในปีนี้เป็น 17 ล้านสมาชิกในปี 2565

พิทักษ์ ยังบอกด้วยว่า บริษัทให้ความสำคัญในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-oil) เพิ่มขึ้น ซึ่งมองธุรกิจฟูดเซอร์วิสเนื่องจากมีมาร์จิ้นดี และไม่มีปัญหาการบันทึกผลกระทบจากสต๊อกสินค้า โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะรุกธุรกิจใหม่เพิ่มเติมปีละ 2-3 ธุรกิจ

ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจ ที่น่าจะเห็นดีลซื้อกิจการของพีทีจี ที่จะมีมาอีก ส่วนใครจะเป็นรายต่อไป ต้องรอดู แต่ที่แน่ๆ ก่อนหน้านี้ พีทีจี ได้ควักเงิน 205 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นบริษัท จี เอฟ เอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ผ่านบริษัทลูก ร้านกาแฟพันธ์ุไทย

โดย จีเอฟเอ นั้นเป็นเจ้าของร้านกาแฟและอาหาร ที่รู้จักกันดี คือ ร้าน Coffee World, Cream & Fudge, New York 5th Av. Deli, Coffee World Restaurant และ Thai Chef Express ปัจจุบันมีสาขารวมกัน 130 สาขา ตั้งอยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

การซื้อกิจการ จีเอฟเอ ก็เพื่อต้องการขยายธุรกิจ non-oil ทั้งในปั๊มของพีทีจีเอง และนอกปั๊ม เช่น ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ คอมมูนิตีมอลล์ และสนามบินในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อสร้างสินค้าและบริการที่หลากหลายให้กับลูกค้าปัจจุบัน และขยายฐานลูกค้าใหม่ให้ครอบคลุมมากขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงของ PTG ในการพึ่งพาธุรกิจน้ำมันเพียงอย่างเดียว

สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกในปีนี้ พีทีจี คาดว่าจะมีกำไรสุทธิต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 10% แต่ทั้งปีน่าจะมีกำไรสุทธิสูงกว่าปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 1,073 ล้านบาท โดยคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 9 หมื่นล้านบาท เนื่องจากประเมินค่าการตลาดน้ำมันจะดีกว่าครึ่งปีแรกนี้ที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 6 เดือนแรกปี 60 อยู่ที่ 446 ล้านบาท ลดลง 24%


ที่มา : manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9600000086500

]]>
1137275