Packaging – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 25 May 2016 07:30:03 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 7 Trend อาหารและเครื่องดื่ม ถูกขับเคลื่อนด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค https://positioningmag.com/1092742 Wed, 25 May 2016 07:27:41 +0000 http://positioningmag.com/?p=1092742 1092742 “กล่องยูเอชที” ปกป้องทุกคุณค่าสารอาหารสู่มือผู้บริโภคอย่างปลอดภัย https://positioningmag.com/58637 Thu, 23 Oct 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=58637

การเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพยังคงเป็นเทรนด์ที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจและอัพเดตกันอยู่เสมอ และด้วยไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบทำให้ผู้ที่รักสุขภาพจะต้องมองหาอาหารที่มีประโยชน์ รับประทานง่ายและพกพาได้สะดวก ดังนั้นบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ช่วยรักษาอาหารและเครื่องดื่มภายในให้สะอาด ปลอดภัย และเก็บคุณค่าทางอาหารไว้ได้ครบถ้วนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ ล่าสุด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ นิตยสาร Health & Cuisine จัดกิจกรรม “ปกป้องทุกคุณค่ากับเต็ดตรา แพ้ค” กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้รักสุขภาพ ณ คอนเวนชั่นฮอลล์ สำนักพิมพ์อัมรินทร์ ให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างถูกต้องและเหมาะกับไลฟ์สไตล์จากอาจารย์แววตา เอกชาวนา นักโภชนาการชื่อดัง พร้อมบอกเล่าประโยชน์ของกล่องเครื่องดื่มยูเอชทีที่ช่วยรักษาคุณประโยชน์ของเครื่องดื่มไว้ได้อย่างครบถ้วน ตลอดจนเวิร์คช็อปสอนทำอาหารว่างเพื่อสุขภาพ และเทคนิคการออกกำลังกายสมัยใหม่ที่เน้นความยืดหยุ่นของร่างกาย

อาจารย์แววตา เอกชาวนา นักโภชนาการประจำโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “พฤติกรรมการรับประทานอาหารของแต่ละคนจะส่งผลโดยตรงกับสุขภาพ เราจะมีสุขภาพดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าเราได้รับสารอาหารแบบใดและมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน แต่พฤติกรรมการเลือกทานอาหารของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะเน้นอาหารที่ทานได้สะดวก รวดเร็ว อย่างเช่น อาหารแบบกึ่งสำเร็จรูป รวมถึงการทานอาหารซ้ำๆ และทานอาหารไม่ครบทุกมื้อ ซึ่งจากพฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้ได้รับสารอาหาร หรือคุณประโยชน์ไม่ครบตามที่ร่างกายต้องการ ดังนั้นการวางแผนเลือกอาหารในแต่ละมื้อจึงสำคัญมาก อย่างน้อยในหนึ่งวันควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยอาหารที่เลือกรับประทานทุกอย่างควรจะสะอาดและปลอดภัย การเลือกบริโภคอาหารจากบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยไปกว่าการเลือกอาหาร เพราะบรรจุภัณฑ์มีส่วนช่วยในการปกป้องอาหารที่อยู่ภายในจากสิ่งปนเปื้อน ซึ่งกล่องยูเอชทีก็เป็นหนึ่งในบรรจุภัณฑ์ที่สะอาดและปลอดภัย ทั้งยังมีฉลากโภชนาการระบุไว้อย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกและเปรียบเทียบสารอาหารที่จะได้รับอีกด้วย”

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เต็ดตรา แพ้ค เป็นบริษัทชั้นนำด้านกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม การให้ความรู้และข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องการเลือกบริโภคอาหารและเครื่องดื่มแก่ผู้บริโภค เป็นหนึ่งในหลายๆ กิจกรรมที่เต็ดตรา แพ้ค มุ่งมั่นดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญเรื่องอาหารการกิน ความปลอดภัย และการดูแลสุขภาพ ที่นอกจากจะต้องบริโภคอาหารที่สดใหม่แล้ว การเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากบรรจุภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย สามารถรักษาคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติของอาหารและเครื่องดื่มนั้นๆ ไว้ได้อย่างครบถ้วน ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน”

“สำหรับในครั้งนี้เราได้จัดกิจกรรม “ปกป้องทุกคุณค่ากับเต็ดตรา แพ้ค” เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับทราบคุณสมบัติและประโยชน์ของกล่องยูเอชทีซึ่งทำมาจากกระดาษที่ถูกเคลือบด้วยพลาสติกและอะลูมิเนียมฟอยล์แผ่นบาง ผนึกแน่นหนารวมกันถึง 6 ชั้น ตลอดจนกระบวนการผลิตและบรรจุที่ใช้เทคโนโลยีการบรรจุแบบปลอดเชื้อ (Aseptic technology)หรือระบบยูเอชที ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูงในเวลาสั้นๆ ในระบบปิด ที่มีส่วนสำคัญในการทำให้อาหารและเครื่องดื่มที่บรรจุอยู่ในกล่องยูเอชที มีความปลอดภัย สามารถเก็บไว้ได้นานหลายเดือนโดยไม่ต้องแช่เย็นและไม่ใช้วัตถุกันเสีย ทั้งยังช่วยรักษาคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้อย่างครบถ้วน ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มในกล่องยูเอชทีจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการเลือกและจัดเก็บผลิตภัณฑ์แบบกล่องยูเอชทีอย่างถูกต้อง เช่น ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยงการบริโภคผลิตภัณฑ์ในกล่องที่สังเกตเห็นรอยขาด กล่องบวมหรือบุบ ซึ่งอาจเกิดจากการขนส่งและจัดเก็บที่ไม่ถูกวิธี ทำให้อากาศ แสงสว่าง และแบคทีเรียสามารถเข้าไปทำปฏิกิริยาข้างในได้ รวมถึงไม่ควรบริโภคเครื่องดื่มที่เลยวันหมดอายุที่ระบุบนกล่องโดยเด็ดขาด ไม่ควรแช่ผลิตภัณฑ์ยูเอชทีในกระติกน้ำแข็งหรือน้ำร้อนเพราะจะทำให้เกิดการอ่อนตัวและชำรุดซึ่งเชื้อโรคจะสามารถปนเปื้อนเข้าไปได้ และควรดื่มเครื่องดื่มให้หมดทันทีที่เปิดกล่อง หากดื่มไม่หมดควรเก็บเข้าแช่เย็นทันทีและบริโภคภายใน 2-5 วันหลังเปิดกล่องแล้ว เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการของเครื่องดื่มภายในกล่องไม่ให้เน่าเสีย”

“การใส่ใจตลอดทั้งวงจรผลิตภัณฑ์ก็เป็นสิ่งที่เต็ดตรา แพ้ค ให้ความสำคัญมาโดยตลอดเช่นเดียวกัน โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบกล่องยูเอชทีที่สามารถตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคและลูกค้าอย่างตรงจุด การใช้แหล่งวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบ เพราะกระดาษที่เราใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์เป็นกระดาษจากป่าปลูกเชิงพาณิชย์ที่มีการจัดการอย่างเป็นระบบและยั่งยืนได้รับการรับรองโดยองค์การจัดการด้านป่าไม้ (Forest Stewardship Council – FSC™) รวมถึงกระบวนการผลิตและบรรจุอาหารการขนส่งและจัดเก็บ ตลอดจนการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว ที่คำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและยึดหลักความปลอดภัยด้านอาหาร ตามคำขวัญที่ว่า “ปกป้องทุกคุณค่า™” (PROTECTS WHAT’S GOOD™) อันเป็นปรัชญาสำคัญที่เต็ดตรา แพ้ค ทั่วโลกยึดถือในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งเป็นการยืนยันถึงการปกป้องคุณภาพของอาหารและเครื่องดื่มที่บรรจุอยู่ภายในอีกด้วย” นางกลอยตา กล่าวเสริม

นอกจากนี้ ภายในงานยังได้จัดกิจกรรมเวิร์คช็อปทำอาหารว่างเพื่อสุขภาพจากเครื่องดื่มในกล่องยูเอชที ไม่ว่าจะเป็นเมนูน้ำดื่มสุขภาพ “Smoothie Fresh Up” น้ำดื่มที่มีส่วนผสมของนม นมถั่วเหลือง และน้ำผลไม้จากกล่องยูเอชทีที่ผสมผสานรสชาติได้อย่างลงตัว และเมนูอาหารว่างคือวุ้นรสชาเขียวสลับชั้นน้ำผลไม้จากกล่องยูเอชที “Green tea jelly with juice” เพิ่มความสดชื่นในยามบ่าย และปิดท้ายกิจกรรมด้วยการออกกำลังกายประกอบดนตรีแบบอีลาสติก (Elastic) ที่เน้นความยืดหยุ่นของร่างกายให้ผู้ร่วมกิจกรรมมีสุขภาพดีจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังกาย

คุณกมลณัฐ เกษมสันต์ หนึ่งในผู้ร่วมกิจกรรม “ปกป้องทุกคุณค่ากับเต็ดตรา แพ้ค” เล่าว่า “โดยปกติเป็นคนที่ดื่มเครื่องดื่มจากกล่องยูเอชทีอยู่แล้ว เพราะช่วงเช้าจะต้องรีบขับรถออกไปทำงาน จึงมักจะมีเครื่องดื่มจากกล่องยูเอชทีติดรถไว้เพื่อดื่มเป็นประจำทั้งในช่วงเช้าและระหว่างวัน เพราะสะดวกและพกพาง่าย พอได้มารับความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตและบรรจุของเต็ดตรา แพ้คก็ทำให้รู้สึกมั่นใจว่าการที่เราดื่มเครื่องดื่มจากกล่องยูเอชทีช่วยให้ได้รับประโยชน์จากเครื่องดื่มอย่างครบถ้วนและปลอดภัย และยังได้เกล็ดความรู้เกี่ยวกับวิธีการสังเกตและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์แบบกล่องยูเอชทีเพิ่มเติมด้วย ซึ่งจากปกติเราจะดูแค่วันหมดอายุและฉลากโภชนาการ หลังจากนี้รู้แล้วว่า เราต้องดูว่ากล่องเครื่องดื่มอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ ถ้ากล่องบุบหรือบวมก็ไม่ควรซื้อ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ทำในวันนี้ไม่ว่าจะเป็นการทำเมนูอาหารสุขภาพและการออกกำลังกาย ก็ยังสามารถนำมาปฏิบัติได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งคิดว่าหากทำควบคู่ไปกับการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ก็จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอค่ะ”

]]>
58637
เจาะลึกคุณประโยชน์ของ “กล่องยูเอชที” ความลับแห่งการส่งมอบทุกคุณค่าสารอาหารสู่ทุกครอบครัวอย่างปลอดภัย https://positioningmag.com/57600 Tue, 18 Feb 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=57600

ด้วยลักษณะการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันที่มีเวลาใส่ใจเลือกซื้ออาหารค่อนข้างน้อย แต่มีอาหารและเครื่องดื่มให้เลือกซื้ออย่างหลากหลาย “โภชนาการอาหารปลอดภัย” จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรละเลย และนอกจากจะต้องใส่ใจเลือกอาหารแล้ว การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ช่วยรักษาอาหารและเครื่องดื่มภายในให้สะอาด ปลอดภัย และสามารถเก็บคุณค่าทางอาหารไว้ได้ครบถ้วน ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นเดียวกัน บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทชั้นนำด้านกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม ร่วมกับ สถานีวิทยุ เอฟเอ็ม 99 แอ็คทีฟ เรดิโอ จัดกิจกรรมเวิร์คช็อป “Happy Family Day ครอบครัวหรรษากับกล่องยูเอชที” กับครอบครัวที่ร่วมกิจกรรมกว่า 80 คน ณ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ จังหวัดสมุทรปราการ เจาะลึกถึงความลับที่สุดแห่งคุณประโยชน์ของ “กล่องยูเอชที” บรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันได้อย่างลงตัว

อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และอุปนายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย และผู้ดำเนินรายการ Healthy Time และสภาพสุขสุขภาพ  กล่าวว่า “ความรู้เรื่องโภชนาการอาหารปลอดภัยนั้นสำคัญมากสำหรับผู้บริโภคในปัจจุบัน หลายคนไม่เคยสังเกตหรือใส่ใจเลยว่าอาหารที่ตนรับประทานเข้าไปนั้นมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด และมีสารอาหารหรือคุณประโยชน์ครบถ้วนตามหลักโภชนาการหรือไม่ ส่วนใหญ่จะเลือกรับประทานตามใจชอบ ให้รสชาติและปริมาณมาเป็นที่หนึ่ง กว่าจะนึกถึงเรื่องประโยชน์และความปลอดภัยก็อิ่มท้องไปเสียแล้ว เชื่อหรือไม่ว่า หลายปีที่ผ่านมาอาหารที่ไม่ปลอดภัย อาทิ อาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค อาหารที่ปรุงสุกๆ ดิบๆ ตลอดจนอาหารที่ปนเปื้อนสารเคมีนั้น เป็นเหตุที่ทำให้คนเจ็บป่วยล้มตายด้วยโรคต่างๆ มากขึ้นจนถึงขั้นวิกฤติ เราจึงควรใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของอาหาร โดยต้องให้ความสำคัญตั้งแต่เรื่องกระบวนการผลิต การจัดส่ง การแปรรูป ผู้ผลิตอาหาร ตลอดจนต้องเสริมสร้างนิสัยที่ดีด้านสุขภิบาลอาหารกับตนเองด้วย เช่น การอ่านฉลากโภชนาการเพื่อเลือกอาหารที่เหมาะสมกับสุขภาพและวัยของตนเอง การล้างอาหารอย่างถูกต้องก่อนปรุง เป็นต้น เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยระมัดระวังเรื่องความสะอาดและการปรุงอาหารเท่าที่ควร นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ของอาหารและเครื่องดื่มเองก็มีความสำคัญมาก ต้องเลือกบรรจุภัณฑ์ที่สามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับอาหารที่ปลอดภัย เช่น กล่องยูเอชที ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถเก็บอาหารไว้ได้นาน โดยไม่มีสารปนเปื้อนและวัตถุกันเสีย และยังมีฉลากโภชนาการให้ผู้บริโภคเลือกได้ตามความเหมาะสมอีกด้วย”

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม การให้ความรู้และข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับเรื่องอาหารปลอดภัย เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาโดยตลอด ล่าสุดเราได้จัดกิจกรรม “Happy Family Day ครอบครัวหรรษากับกล่องยูเอชที”  ขึ้น เพื่อให้ความรู้แก่ผู้บริโภค นำไปสู่การบอกต่อข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่คนในครอบครัว เพื่อนๆ และคนรอบข้าง เกี่ยวกับคุณสมบัติและประโยชน์ของกล่องยูเอชที ตลอดจนกระบวนการผลิตและบรรจุด้วยเทคโนโลยีการบรรจุแบบปลอดเชื้อ (Aseptic technology) ในระบบยูเอชที ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูงในเวลาสั้นๆ ในระบบปิดที่มีส่วนสำคัญในการทำให้อาหารและเครื่องดื่มที่บรรจุอยู่ในกล่องยูเอชที มีความปลอดภัย สามารถเก็บไว้ได้นานหลายเดือน โดยไม่ต้องแช่เย็นและไม่ต้องใช้วัตถุกันเสีย แต่ยังคงคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้อย่างครบถ้วน จึงทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มแบบยูเอชที เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี”

“นอกจากการส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดสู่มือผู้บริโภคในทุกที่แล้ว การใส่ใจตลอดทั้งวงจรผลิตภัณฑ์ก็เป็นสิ่งที่เต็ดตรา แพ้ค ให้ความสำคัญมาโดยตลอดเช่นเดียวกัน การปกป้องทุกคุณค่าในทุกขั้นตอน โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบกล่องยูเอชที ที่สามารถตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคและลูกค้าอย่างตรงจุด การใช้แหล่งวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบ เพราะกระดาษที่เราใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์เป็นกระดาษจากป่าปลูกเชิงพาณิชย์ที่มีการจัดการอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ได้รับการรับรองโดยองค์การจัดการด้านป่าไม้ (Forest Stewardship Council – FSC™) รวมถึงกระบวนการผลิตและบรรจุอาหาร การขนส่งและจัดเก็บ ตลอดจนการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว ที่คำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและยึดหลักความปลอดภัยด้านอาหาร ตามคำขวัญที่ว่า “ปกป้องทุกคุณค่า™” (PROTECTS WHAT’S GOOD™) อันเป็นปรัชญาสำคัญที่เต็ดตรา แพ้ค ทั่วโลก ยึดถือในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งเป็นการยืนยันถึงการปกป้องคุณภาพของอาหารและเครื่องดื่มที่บรรจุอยู่ภายในอีกด้วย” นางกลอยตา กล่าวเสริม

ท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง ซึ่งเป็นแขกรับเชิญในกิจกรรม กล่าวว่า “การได้มาแลกเปลี่ยนเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารปลอดภัยนั้นมีประโยชน์มากๆ ค่ะ ทำให้ได้รับความรู้เกี่ยวกับการเลือกสิ่งดีๆ ให้กับครอบครัวมากขึ้น เพราะชีวิตในปัจจุบันเราเร่งรีบจนต้องหาอาหารที่สะดวกและเร็ว แต่ในความจริงแล้วเราต้องใส่ใจมองหาอาหารที่สะดวกและปลอดภัย ต้องเลือกสิ่งที่มีคุณค่าจริงๆ จะได้ไม่มีสารพิษสะสมในร่างกายจนทำให้เสียสุขภาพ อย่างเครื่องดื่มแบบกล่องยูเอชทีดิฉันก็เลือกทานอยู่ตลอดและจะต้องมีสำรองไว้ที่บ้านหรือบนรถด้วย เพราะนอกจากจะปลอดภัย สามารถรักษาคุณประโยชน์ของอาหารและเครื่องดื่มไว้ได้อย่างครบถ้วนคับกล่องแล้ว ยังสะดวกกับไลฟ์สไตล์ของเราอีกด้วย และอีกสิ่งหนึ่งที่คิดว่าจะต้องให้ความสำคัญควบคู่ไปกับเรื่องความปลอดของอาหาร ก็คือ การสร้างสมดุลในการทานอาหาร ต้องเลือกทานอาหารที่ทำให้ระบบขับถ่ายสะดวก เป็นการรับของดีเข้าและเอาของเสียออก และการออกกำลังกายก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรละเลย สิ่งที่มีประโยชน์เหล่านี้ แม่ๆ อย่างพวกเราจะต้องปลูกฝังลูกและคนในครอบครัวตลอด เพราะเป็นเรื่องที่ลูกควรจะรู้ การเป็นแม่ต้องไม่ใช่แค่ให้ลูกทานอาหารเพื่อเติบโต แต่ต้องให้เติบโตอย่างสุขภาพดี และต้องเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้กับครอบครัวค่ะ”

ครอบครัวจิรานันตรัตน์ หนึ่งในกลุ่มผู้ร่วมกิจกรรม “ครอบครัวหรรษากับกล่องยูเอชที” นำโดยคุณพ่อและคุณแม่ เล่าว่า “โดยปกติก็เลือกอาหารที่มีคุณภาพ มีสารอาหารที่ครบถ้วนและดีต่อสุขภาพของคนในครอบครัวอยู่แล้ว แต่การต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบในปัจจุบันค่อนข้างทำให้การเลือกทานอาหารยากขึ้น และมีเวลาออกกำลังกายน้อยลง ทำให้ใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัวค่อนข้างยาก ความรู้เรื่องโภชนาการอาหารปลอดภัยจึงสำคัญต่อคนในครอบครัวมาก เพราะทุกคนจะได้มีความรู้เพื่อดูแลสุขภาพกันและกันได้มากขึ้น การได้มาร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อป ‘Happy Family Day ครอบครัวหรรษากับกล่องยูเอชที’ ก็ยังได้ความรู้เกี่ยวกับกล่องยูเอชทีเพิ่มเติมมากขึ้นด้วย เพราะประโยชน์บางอย่างของกล่องยูเอชที ก็เป็นสิ่งที่ไม่ทราบมาก่อน ทำให้เข้าใจว่าการเลือกและการจัดเก็บก็เป็นสิ่งสำคัญ กิจกรรมนี้ทำให้ครอบครัวเราเข้าใจความสำคัญในเรื่องอาหารปลอดภัยมากขึ้นเยอะเลยครับ”

อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “สิ่งสำคัญสำหรับการมีสุขภาพดี ขึ้นอยู่กับอาหาร ออกกำลังกาย และอารมณ์ ต้องเลือกอาหารที่ดี ออกกำลังกายเพื่อให้เกิดการเผาผลาญ และปล่อยวางความเครียดเพื่อไม่ให้มีปัญหาทางสุขภาพตามมา และผมคิดว่าผู้ที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ จะได้รับความรู้เรื่องอาหารที่ปลอดภัยรวมถึงประโยชน์ของกล่องยูเอชทีและส่งต่อความรู้ในครอบครัวได้มาออกกำลังกาย และได้ทำกิจกรรมที่สนุกสนานร่วมกัน ดังนั้นกิจกรรมนี้จะจุดประกายให้ทุกคนดูแล ใส่ใจให้คนในครอบครัวมีสุขภาพที่ดีมากขึ้นครับ”

วิธีการเลือกและจัดเก็บผลิตภัณฑ์แบบกล่องยูเอชที:

§  สังเกตวันหมดอายุบนกล่อง หากเลยวันหมดอายุแล้วไม่ควรบริโภคโดยเด็ดขาด

§  หากสังเกตเห็น รอยขาด กล่องบวมหรือบุบ ซึ่งอาจเกิดจากการขนส่งและจัดเก็บที่ไม่ถูกวิธี ทำให้กล่องเกิดการฉีกขาดภายใน หรือเกิดรูที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ทำให้อากาศ แสงสว่าง และแบคทีเรียสามารถเข้าไปทำปฏิกิริยาข้างในได้ ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยงที่จะบริโภคผลิตภัณฑ์นั้นๆ

§  ไม่ควรแช่ผลิตภัณฑ์ยูเอชทีในกระติกน้ำแข็งหรือน้ำร้อน เพราะจะทำให้เกิดการอ่อนตัวและชำรุด ทำให้เชื้อโรคสามารถปนเปื้อนเข้าไปได้

§  หลังจากที่เปิดกล่องแล้วควรดื่มให้หมดทันทีจะดีที่สุด แต่หากดื่มไม่หมดควรเก็บเข้าแช่เย็นทันทีและบริโภคภายใน 2-5 วันหลังเปิดกล่องแล้ว เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการของอาหารและเครื่องดื่มภายในกล่องไม่ให้เน่าเสีย เพราะหากตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง จะทำให้อากาศและเชื้อโรคเข้าไปได้

]]>
57600
ศึกแพ็กเกจจิ้ง “ชาเขียว” https://positioningmag.com/14541 Mon, 20 Feb 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14541

แข่งกันแบบเบาะๆ สำหรับยกแรกชาเขียวประเดิมเปิดศึกช่วงต้นปี ด้วยการออกแพ็กเกจใหม่ ในรสชาติเดิม 

โออิชิออกอาวุธแรกของปี ด้วยบรรจุภัณฑ์ใหม่รูปแบบกระป๋อง 4 รสชาติ รสน้ำผึ้งผสมมะนาว รสข้าวญี่ปุ่น ต้นตำรับ และโออิชิ คิคุชะ ชาเขียวญี่ปุ่นผสมเก๊กฮวย ซึ่งเป็นรสชาติเดิม วางจำหน่ายกระป๋องละ 15 บาท ขนาด 320 ซีซี

อนิรุทธิ์ให้เหตุผลว่าแพ็กเกจใหม่นี้ ช่วยเติมเต็ม “พอร์ตสินค้า” ของโออิชิให้ครบถ้วน และยังช่วยตอบโจทย์กลยุทธ์เรื่องของ “ราคา” ทำให้เข้าถึงลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น จากเดิมโออิชิมีแพ็กเกจกล่องยูเอชที ขนาด 250 ซีซี ราคาขาย 10 บาท จะเหมาะกับลูกค้าวัยเด็กนักเรียน วัย 8-12 ปี และขนาดใหญ่ 20 บาท ขนาด 500 ซีซี เหมาะกับกลุ่มคนวัยทำงาน  

ส่วนแพ็กเกจใหม่ที่มีราคา 15 บาท โดยเป็นราคาที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง 20 บาท และ 10 บาท ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น และยังได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะลูกค้าผู้หญิงที่มักต้องการดื่มแค่ครั้งเดียว 

แพ็กเกจแบบกระป๋อง ยังเป็นแนวทางการแตกยูนิตการขายแบบยกแพ็ก เนื่องจากถ้าเป็นแบบขวด PET บรรจุแพ็กใหญ่เป็นลัง 12 ขวด การซื้อยกแพ็กค่อนข้างลำบากสำหรับลูกค้า แต่สำหรับรูปแบบกระป๋อง มีแพ็ก 6 กระป๋อง นอกจากสะดวกสำหรับลูกค้าทั่วไป และยังเพิ่มช่องทางขายพิเศษผ่านร้านอาหาร ภัตตาคาร คลับต่างๆ 

ที่สำคัญไทยเบฟเวอเรจมีความพร้อมในเรื่องการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบกระป๋องอยู่แล้ว ไม่ต้องประสบปัญหาน้ำท่วมเหมือนกับโรงงานโออิชิ การผลิตจึงทำได้เต็มที่ นอกจากนี้แพ็กเกจกระป๋องก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผู้บริโภคที่ได้รับรู้มาแล้วจาก “ชาคูลล์ซ่า” ที่โออิชิเปิดตัวทำตลาดไปเมื่อปีที่แล้ว 

หรือถ้าจะมองในอีกแง่หนึ่ง การออกแพ็กเกจใหม่ราคา 15 บาท เป็นตอบโต้ “อิชิตัน” ที่เคยใช้ช่องว่างราคาวางขายในราคา 16 บาท  ขนาด 420 ซีซี 

ถึงแม้ว่าช่องว่างราคาจะต่างกันแค่บาทเดียว แต่การใช้บรรจุภัณฑ์กระป๋องซึ่งคู่แข่งไม่มี ก็ทำให้ผู้บริโภคมองเห็นถึงความแตกต่างได้  

งานนี้โออิชิต้องจัดเต็ม ลงทุนจ้าง “เคน ภูภูมิ” เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแพ็กเกจใหม่โดยเฉพาะ อนิรุธให้เหตุผลว่า เพราะความสดใหม่ของเคน ภูภูมิ เพื่อสะท้อนถึงความเป็นแพ็กเกจใหม่ และยังเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง15-23 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก 

ส่วน “ตัน ภาสกรนที” รับมือด้วยออกแพ็กเกจยูเอชที ราคา 10 มีทั้งรสชาติเก่า และเพิ่มรสชาติใหม่ นอกจากออกมากระตุ้นให้พฤติกรรมการบริโภค “ชาเขียว” ไม่ต่างจาก ”บะหมี่สำเร็จรูปมาม่า” ที่ต้องมีแพ็กเกจใหม่และรสชาติใหม่ออกมาตลอดเวลา ยังตอบรับกับกำลังซื้อที่ลดลงของภาวะผู้บริโภคปีนี้ ที่จะหันมาเลือกซื้อสินค้าที่มีไซส์เล็กราคาถูกมากขึ้น 

ถึงแม้ว่าการแข่งขันระหว่างคู่แข่งคู่แข่งอย่างโออิชิและอิชิตัน เป็นเพียงการออกชารสชาติเดิม เปลี่ยนแพ็กเกจเพื่อกระตุ้นตลาด แต่ทั้งคู่ก็หวังว่าจะได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ก่อนจะจัดเต็มหลังจากโรงงานเริ่มเดินเครื่องช่วงเมษายน  

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

สัดส่วนยอดขายตามขนาดและรสชาติของโออิชิ

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>ชนิด

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>สัดส่วนยอดขาย

style=”vertical-align: top; text-align: left; font-weight: bold;”>ขวด
PET ขนาด 500 ม.ล.

50-60%

style=”vertical-align: top; text-align: left; font-weight: bold;”>กล่องยูเอชที
ขนาด 250 มล.

25-30%

style=”vertical-align: top; text-align: left; font-weight: bold;”>ฟรุตโตะ
และชาคูลล์ซ่า

10% style=”font-weight: bold;”>กำลังการผลิตโรงงานโรจนะของอิชิตันปี 2555

style=”vertical-align: top; text-align: left; font-weight: bold;”>ขวด
PET

30 
ล้านขวด

style=”vertical-align: top; text-align: left; font-weight: bold;”>กล่องยูเอชที

20 ล้านกล่อง

style=”vertical-align: top; text-align: left; font-weight: bold;”>จ้างโรงงานยูโรเปี้ยน
ฟู้ด

10 ล้านกล่อง

]]>
14541
ขวดคอสั้น เทรนด์ฮิต ประหยัดต้นทุน https://positioningmag.com/14100 Tue, 13 Sep 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14100

นับตั้งแต่ บิ๊ก โคล่า ร่วมกับบริษัท ศรีไทย ผู้ผลิตขวดและพลาสติครายใหญ่ของประเทศไทย คิดค้นนวัตกรรมขวดคอสั้น (Short Neck) ขึ้นมา เพื่อทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ด้วยต้นทุนเมล็ดพลาสติกที่นำมา Mole เป็นขวด PET ที่ใช้กันอยุ่ทั่วไปนั้น ต้นทุนที่ฝาขวดสูงกว่าต้นทุนที่ใช้ผลิตตัวขวดถึง 2 เท่า

ดังนั้น ความพยายามที่จะทำให้ฝาขวดสั้นลง จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้ต้นทุนการผลิตโดยรวมทั้งหมดลดลงด้วย ดังนั้น บิ๊ก โคล่ากับศรีไทย จึงทำให้เกลียวที่ปากขวดแน่นขึ้น ใช้พื้นที่ช่วงคอขวดให้สั้นลง เพื่อทำให้ฝาขวดลดลง และหลังจากนั้น

น้ำดื่มเนสท์เล่ก็เป็นแพ็กเกจจิ้งใหม่ที่ลดพื้นที่คอขวดให้สั้นลง นี่จึงเป็นเทรนด์ใหม่ของแพ็กเกจจิ้งสินค้าประเภทเครื่องดื่ม ที่ช่วยลดต้นทุนการผลิต ส่วนผู้บริโภคอาจรู้สึกแปลกตาอยู่บ้าง หรือว่าจับไม่ถนัดมือเวลาเปิด-ปิด แต่เชื่ออีกไม่นานเจ้าของแบรนด์รายอื่นๆ ก็คงหันมาใช้ชวด PET ลักษณะนี้ให้เห็นตามตู่แช่กันมากขึ้น

]]>
14100
ถุงช้อปปิ้ง Lee มากกว่าความเป็นถุงจริง ๆ https://positioningmag.com/13563 Wed, 30 Mar 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=13563

Never Wasted ถุงช้อปปิ้งของ ”Lee” แบรนด์ยีนส์ และเสื้อผ้าดัง ที่ถุงใบนี้ไม่ใช่แค่ถุงกระดาษเอามาใช้ใหม่ได้ตามคอนเซ็ปต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นถุงที่ใช้ได้หลายความต้องการ ทั้งเพื่อความสนุกและเพื่อประโยชน์ใช้สอย ไม่ว่าต้องการใช้เป็นกล่อง ปฏิทิน ป้าย ที่ใส่ดินสอ เป็นแผ่นสำหรับที่เล่นเกมบันได งู ออกแบบโดยเอเยนซี่ที่ชื่อ ”แฮปปี้” ทั้งหมดนี้แน่นอนปลายทางของถุงกระดาษใบนี้คือไม่ใช่ที่ถังขยะ

ถือเป็นความสำเร็จของการออกแบบถุงที่ทำให้ลูกค้าสนุก ได้ประโยชน์ ตอกย้ำความเป็นแบรนด์เพื่อสิ่งแวดล้อมของ Lee อีกครั้ง

]]>
13563
พีแอนด์จีลดไซส์เพิ่มยอดขาย https://positioningmag.com/13402 Mon, 17 Jan 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=13402

คำกล่าวที่ว่า “Size does matter” เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้เด่นชัดของพีแอนด์จี ที่วันนี้กำหนดยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กรด้วย “ขนาด” เป็นสำคัญ

ราอูล ฟัลคอน กรรมการผู้จัดการ พีแอนด์จี ประเทศไทย บอกว่า “กลยุทธ์ที่ช่วยผลักดันให้พีแอนด์จีประสบความสำเร็จในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและอัตราเติบโตของ Portfolioผลิตภัณฑ์เพื่อความงามของบริษัท ในปีนี้คือการใช้กลยุทธ์ Downsizingและ Pricing สำหรับพรีเมียมแบรนด์ของบริษัทซึ่งช่วยผลักดันให้ผลิตภัณฑ์พีแอนด์จีเข้าถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุมมากขึ้น ในราคาที่สามารถซื้อได้ ทั้งยังเป็นการตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคด้วย”

แชมพูเฮดแอนด์โชวเดอร์ ซึ่งปีนี้มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 12% ในช่วง 10 เดือนแรกซึ่งสูงกว่าอัตราของตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมโดยรวม 3 เท่า

แชมพูเฮดแอนด์โชวเดอร์ขนาด 80 มิลลิลิตร จำหน่ายในราคา 29 บาทในเทรดดิชั่นนอลเทรดเพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคเกิดความอยากลองใช้ผลิตภัณฑ์ และขนาด 380 มิลลิลิตร ในราคา 162 บาท ในช่องทางการจัดจำหน่ายโมเดิร์นเทรดสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการความคุ้มค่า

นับเป็นกลยุทธ์ที่พีแอนด์จีใช้ใน 80 ประเทศทั่วโลกเช่นเดียวกัน ด้วยแนวทาง 2 ประการคือ มาพร้อมกับน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรใหม่ที่เข้มข้นอย่างดาวน์นี่ ที่สามารถขายในราคาที่สูงขึ้นได้ หรือเป็นการลดไซส์ของผลิตภัณฑ์เดิมเพื่อเพิ่มความหลากหลายของบรรจุภัณฑ์ และเพิ่มโอกาสการขายที่มีมากขึ้นจากราคาขายที่ต่ำลง

ราอูลบอกว่า “ในปี 2554 ที่ผ่านมาบริษัทยังได้วางจำหน่ายโอเลย์เนเชอรัล ไวท์ในขนาดซอง ราคา 10 บาท โดยเน้นการกระจายสินค้าผ่านธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ซึ่งการแนะนำสินค้าขนาดใหม่ในปีนี้มีส่วนช่วยให้เนเชอรัล ไวท์ มียอดขายเติบโตมากกว่า 2 เท่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา”

ความสำเร็จดังกล่าว แทบไม่แตกต่างจาก “การ์นิเย่” ของค่ายลอรีอัล ที่สามารถแจ้งเกิดในตลาดแมสได้ด้วยบรรจุภัณฑ์แบบซอง เพราะ “ซอง” ทำให้เกิดการทดลอง ทำให้เกิด Penetration Rate ที่สูงขึ้น และตัดสินใจซื้อได้ง่าย เพราะมีราคาถูก เพียง 10 บาทก็สวยได้ ตอบสนองต่อเม็ดเงินในกระเป๋าของกลุ่มเป้าหมายระดับแมสที่มีกำลังซื้อแบบจำกัดจำเขี่ยได้เป็นอย่างดี

จากกลยุทธ์ลดไซส์ดังกล่าว ทำให้แบรนด์โอเลย์โดยรวมยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 27.4% (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2553) ขณะที่ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของพีแอนด์จีมีส่วนแบ่งการตลาดล่าสุดอยู่ที่ 31.7%

ขณะที่ในระดับโลก พีแอนด์จียังมีอีกหลายนวัตกรรมที่ลดขนาด เพิ่มประสิทธิภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น แพมเพอร์ส ดราย แมกซ์ มีความบางลงจากเดิม 20% และถือเป็นนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแพมเพอร์สในรอบ 25 ปี

]]>
13402
โฆษณาเคลื่อนที่ https://positioningmag.com/13292 Wed, 24 Nov 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=13292

กล่องโดนัท ถือเป็นอีก Touch Point หนึ่งที่จะติดตัวผู้บริโภคตั้งแต่การซื้อจนกระทั่งหอบหิ้วกลับไปถึงบ้าน ที่สำคัญยังทำหน้าที่เป็นโฆษณาเคลื่อนที่ เนื่องจากผู้บริโภคนอกจากจะซื้อกินกันเองแล้วยังนิยมซื้อเป็นของฝากในช่วงเทศกาลและโอกาสสำคัญต่างๆ ด้วย ทุกแบรนด์ระดมไอเดียสร้างสรรค์กล่องโดนัทให้สวยงาม โดนใจผู้บริโภค และยังต้องสะท้อนบุคลิกแบรนด์

Krispy Kremeใช้กล่องลวดลายแบบเดียวกันทั่วโลก พื้นสีขาวลาย Polka Dot สีเขียวและโลโก้ขนาดใหญ่วางอยู่ตรงกลาง สำหรับผู้ที่เคยมีประสบการณ์กับแบรนด์นี้มาก่อน เพียงแค่เห็นส่วนใดส่วนหนึ่งของกล่องก็เกิด Awareness ได้ทันที และยังมีข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับแบรนด์ให้ผู้บริโภคได้ทำความรู้จักกับแบรนด์ในระยะเวลาสั้นๆ

อนาคตหากกระแสต่อคิวซา เราคงเห็นกล่องโดนัทของ Krispy Kreme ในขนาดอื่นๆ บ้าง ไม่ใช่แค่ขนาดใหญ่สำหรับ 12 ชิ้นที่ถือกันเกลื่อนกรุงเท่านั้น รวมถึงกล่องในรูปแบบ Special Edition อื่นๆ เหมือนในต่างประเทศ เช่น กล่องดีไซน์ Happy Birth Day หรือสำหรับโปรโมตผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น กล่องสีชมพูลายสตรอเบอร์รี่ เป็นต้น

ดังกิ้น โดนัทดีไซน์ล่าสุดของกล่องดังกิ้น โดนัท เชื่อมโยงกับคอนเซ็ปต์ใหม่ ที่มีพระเอกหนุ่ม “ลี มินโฮ” พรีเซ็นเตอร์คนล่าสุด มาดึงดูดกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมเทรนด์เกาหลี และยังใช้ประโยชน์จากกล่องมาทำโปรโมชั่นด้วยการทำคูปองส่วนลดต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคกลับมาซื้อซํ้าด้วยการฉีกคูปองตามรอยปรุและนำกลับมาใช้ใหม่

Bapple ใช้กล่องในการประชาสัมพันธ์และสื่อสารกับผู้บริโภค เนื่องจากเป็นแบรนด์ใหม่และไม่ได้ทำตลาดมากนักโดนัทจากมาเลเซียค่ายนี้จึงใช้กล่องเป็นสื่อให้ข้อมูลรางวัลต่างๆ ที่ได้รับจากความสำเร็จที่เกิดขึ้นรวมถึงข้อมูลของสาขาต่างๆ และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อด้วย

ส่วน มิสเตอร์ โดนัท นิยมออกแบบกล่องตามเทศกาลต่างๆ เช่น วันแม่ รวมถึงมีกล่องเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์เด่นๆ เช่น ซูชิโด และฟรุตโตะ เบอร์รี่ เป็นต้น

ด้าน แด๊ดดี้ โด เป็นแบรนด์เดียวที่ใช้โลโก้เป็น Mascot และนำมาใช้บนกล่องด้วย และแตกต่างด้วยสีโทนนํ้าตาล-เหลืองและนิยมออกแบบกล่องตามเทศกาลดังๆ อย่างคริสต์มาส

]]>
13292
ต้นน้ำของบีเจซี https://positioningmag.com/13070 Tue, 17 Aug 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=13070

หากไม่ใช่นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว โดยทั่วไปมักรับรู้แค่ว่า บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี มีแค่เพียงธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น

แต่ Consumer Product เป็นแค่หนึ่งในธุรกิจของบีเจซีเท่านั้น

อันที่จริงแล้ว Industrial Supply Chain คือหน่วยธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับบีเจซีมากที่สุด ประมาณ 47% ของรายได้รวม

เจ้าของโรงงานบรรจุภัณฑ์แก้วที่มีส่วนแบ่งตลาดถึง 40% ในประเทศ เท่ากับบางกอกล๊าส หลังจากเข้าซื้อกิจการ มาลายากล๊าส โดยร่วมทุนกับบริษัท โอเว่น อิลลินอยส์ อิงค์ เมื่อไม่นานนี้ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของหน่วยธุรกิจนี้ที่มีต่อบีเจซีมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน นอกจากผลิตขวดเพื่อรองรับการเติบโตของเครื่องดื่มในเครือไทยเบฟฯ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เบียร์ช้าง และอื่นๆ ยังรับผลิตขวดแก้วหลากหลายรูปแบบทั้งประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอน-แอลกอฮอล์ และในกลุ่มสินค้าประเภทอาหาร ที่ความต้องการขวดแก้วยังคงมีอยู่ไม่สร่างซา และเป็นธุรกิจต้นน้ำที่สำคัญต่อการเติบโตของทั้งองค์กรอย่างมาก

สมพร ภูมิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ซึ่งคลุกคลีอยู่กับธุรกิจบรรจุภัณฑ์ของบีเจซีมาตั้งแต่ปี 2521 บอกว่า บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตให้กับไทยเบฟฯ เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดเท่านั้น

หน้าที่ของหน่วยธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วจึงไม่ได้แค่มีขึ้นเพื่อตอบสนองผลิตภัณฑ์ในเครือเพียงอย่างเดียว เพราะไม่ว่ายังไงก็ตาม บรรจุภัณฑ์แก้วก็ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกลำดับแรกสำหรับสินค้าประเภทอาหาร

จุดเด่นของบรรจุภัณฑ์แก้ว แม้ว่าในปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ประเภทพลาสติกอย่างขวด PET จะกลายเป็นคู่แข่งที่สูสีที่สุดของขวดแก้ว แต่เมื่อใดก็ตามที่แบรนด์ต้องการสร้างให้สินค้ามีภาพลักษณ์ที่หรู ดูดีกว่าคู่แข่งแบรนด์อื่นในตลาด โดยเฉพาะเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์

ขณะเดียวกัน การที่ผู้ประกอบการเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์หันมาผลิตเครื่องดื่มประเภท One Way หรือซื้อกลับโดยที่ไม่ต้องนำขวดมาคืนมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบาย ก็ส่งผลดีต่อบรรจุภัณฑ์แก้วเช่นกัน ซึ่งทางบริษัทฯ เองก็ได้มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับเทรนด์สินค้า One Way มากขึ้น โดยได้ผลิตขวดให้บางลงกว่าขวดประเภทรีเทิร์น แต่ยังคงความแข็งแรงเช่นเดิม เพื่อให้สอดคล้องต่อความต้องการของแบรนด์ และพฤติกรรมผู้บริโภค ที่มักพกพาขวดน้ำไว้ติดตัว

นอกจากนี้ ในส่วนของบริการลูกค้า ก็ได้จัดตั้งหน่วยออกแบบผลิตภัณฑ์ขึ้นมาใหม่ เพราะตอนนี้มีแบรนด์สินค้าใหม่ประเภท Functional Drink ได้ติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งโจทย์ของสินค้าเหล่านี้ยากกว่าเครื่องดื่มประเภทอื่น เพราะต้องการบรรจุภัณฑ์ที่หวือหวา สะดุดตา เพื่อเรียกความสนใจจากผู้บริโภค

เมื่อวิเคราะห์ความต้องการของตลาดบวกกับกำลังเงินในอนาคตของบีเจซี ที่พร้อมทำการควบรวมกิจการใหม่ๆ เสมอเมื่อมีโอกาส หน่วยธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต

รายได้ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้ว

เครื่องดื่มแอลกอฮฮล์ 30%

เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ 30%

สินค้าประเภทอาหาร 30%

อื่นๆ 10%

]]>
13070
อำพลฟูดส์-มูลนิธิรามาธิบดีฯ ลงนามร่วมมือโครงการวี-ฟิท อิ่มใจให้ชีวิต https://positioningmag.com/52781 Wed, 04 Aug 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=52781

บริษัท อำพลฟูดส์ โพรเซสซิ่ง จำกัด โดยนายเกรียงศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการ ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับ ศาสตราจารย์รัชตะ รัชตะนาวิน ประธานคณะกรรมการบริหาร มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการดำเนินโครงการ วี-ฟิท อิ่มใจให้ชีวิต พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาเชิญชวนให้คนไทยได้ร่วมโครงการฯ และอุดหนุนผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าวกล้อง วี-ฟิท โดยบริษัทอำพลฟูดส์ฯ จะแบ่งกำไรจากการจำหน่ายน้ำนมข้าวกล้อง วี-ฟิท ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม- 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553 กล่องละ 50 สตางค์ สมทบทุนในการซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ ในโครงการอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์

ศาสตราจารย์รัชตะ รัชตะนาวิน ประธานคณะกรรมการบริหาร มูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า ปัจจุบันอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ ได้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อและเริ่มติดตั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งยังขาดงบประมาณในการจัดซื้ออีกกว่า 800 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการบางส่วนให้แก่ประชาชน ในต้นปี 2554

“อาคารแห่งนี้จะเป็นศูนย์การรักษาโรคซับซ้อนที่มีมาตรฐานในระดับภูมิภาคเอเชีย และยังเป็นสถานที่ฝึกการเรียนการสอนสำหรับแพทย์และพยาบาล เพื่อผลิตบุคคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในทุกสาขา อีกทั้งเป็นแหล่งข้อมูลในการค้นคว้าวิจัย เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ อาคารแห่งนี้เมื่อเปิดใช้บริการจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ปีละประมาณ 1.2 ล้านคน ซึ่งเชื่อว่า กิจกรรมการตลาดเพื่อสังคม ภายใต้โครงการ
วี-ฟิท อิ่มใจให้ชีวิต ที่ทางบริษัทอำพลฟูดส์ฯ ได้ริเริ่มขึ้น โดยได้มีการลงทุนทำภาพยนตร์โฆษณาเพื่อสื่อสารความจำเป็นและความต้องการความช่วยเหลือจากสังคมไทยนี้ออกไป จะเป็นเสมือนการส่งต่อการให้…ที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งก็เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนทั่วประเทศที่ได้รับทราบปัญหาจะให้ความสนใจ และมีส่วนร่วมช่วยเหลือ และสนับสนุนให้อาคารทางการแพทย์แห่งนี้ เปิดบริการผู้ป่วยได้อย่างสมบูรณ์ อันหมายถึงการต่อชีวิตให้ผู้ป่วยได้อีกหลายล้านคน”

ด้านนายเกรียงศักดิ์ เทพผดุงพร กล่าวว่า โครงการวี-ฟิท อิ่มใจให้ชีวิต ที่บริษัทได้ริเริ่มทำขึ้นนี้มุ่งเน้นสร้างความร่วมมือในการทำความดีให้สังคมมากกว่าจะเป็นวัตถุประสงค์ทางการตลาด ซึ่งโดยส่วนตนเห็นว่า การจัดหาเครื่องมือแพทย์เพื่อให้บริการรักษาด้านสุขภาพกับประชาชนนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะหากปราศจากเครื่องมือแพทย์ คนป่วยก็คงจะไม่มีโอกาสหาย หรืออาจจะเสียชีวิต หรือพิการไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายถ้าเราไม่ได้ช่วยกัน
“ความร่วมมือกัน ของคนในสังคมนั้นมีความหมาย บางคนอาจจะมองว่า กำไร 50 สตางค์ต่อกล่องที่หักมาบริจาคดูเหมือนจะเป็นเงินน้อยนิด แต่เราต้องไม่ลืมว่าเงินน้อยๆ จากความร่วมมือจำนวนมากนั้น สามารถสร้างความยิ่งใหญ่ได้ ถามว่าแล้วบริษัทได้อะไรจากโครงการ คำตอบอยู่ที่ความภาคภูมิใจครับ เป็นความภูมิใจที่เราได้ทำอะไรให้กับสังคม”

นายเกรียงศักดิ์ กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าวกล้องวี -ฟิท มาทำแคมเปญนี้ว่า เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการครบ อุดมไปด้วยวิตามินเอ บี1 บี12 แคลเซียม และมีไฟเบอร์สูง โดยบริษัทได้ผลิตออกมาจำหน่าย 3 รสชาติ คือ รสหวาน สูตรไม่เติมน้ำตาล และข้าวกล้องงอก 7 ชนิด ซึ่งประชาชนที่ต้องการมีส่วนร่วมในโครงการสามารถซื้อได้ตามร้านค้าสะดวกซื้อและซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป

สำหรับภาพยนตร์โฆษณาของโครงการ ใช้ชื่อชุดว่า อิ่มใจให้ชีวิต ความยาว 30 วินาที นำเสนอคุณค่าของความร่วมมือในโครงการ อันจะมีส่วนทำให้ผู้ป่วยทุกเพศวัยที่มาใช้บริการรักษาที่โรงพยาบาลมีความหวัง และรอยยิ้ม เพราะมีเครื่องมือที่ทันสมัยในการตรวจรักษา ทำให้หายจากการเจ็บป่วยในที่สุด ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้มีกำหนดเริ่มเผยแพร่ออกอากาศ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม -31 ธันวาคม 2553

บริษัท อำพลฟูดส์ โพรเซสซิ่ง จำกัด เป็นหนึ่งในผู้นำนวัตกรรมด้านอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อเสียงให้บริษัทคือ กะทิชาวเกาะ น้ำแกงพร้อมปรุงรอยไทย และน้ำนมข้าวกล้อง วี-ฟิท ขณะที่กิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนอย่างสูงคือ การรีไซเคิลกล่องยูเอชทีเป็นชุดโต๊ะนักเรียน ภายใต้ “โครงการกล่องวิเศษ” ทั้งนี้ตลอดระยะเวลากว่า 22 ปี ของการก่อตั้ง บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการพัฒนาสังคม สิ่งแวดล้อม ไปพร้อมๆกับการพัฒนานวัตกรรมทางธุรกิจ เพื่อการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและสังคมอย่างสมดุล

]]>
52781