สีเบเยอร์ รุกตลาดสีทาบ้านโค้งสุดท้าย ส่งกลยุทธ์การตลาดภายใต้ชื่อ “Pop Up Color Marketing” พร้อมชูนวัตกรรมเด่น 3 ตัวหลัก ตอกย้ำความเป็นที่ 1 ในใจผู้บริโภค เผยภาพรวมธุรกิจสีเบเยอร์ช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาเป็นไปทิศทางบวกสร้างรายได้อยู่ที่เติบโต 7-8 % มั่นใจสิ้นปีปิดรายได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 4,600 ล้านบาท

นายวรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ รองประธานบริหาร กลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ ผู้นำนวัตกรรมสีรักษ์โลก เปิดเผยว่า ด้วยการเป็นผู้นำนวัตกรรมสีรักษ์โลกกว่าครึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งสีเบเยอร์มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมสีที่โดดเด่นตอบสนองการใช้งาน ความพึงพอใจ และความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคในเรื่อง สีทาบ้านได้อย่างทั่วถึง ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ สีบ้านเย็น สีสะอาดกันคราบ สีฟอกอากาศ สีย้อมไม้โชว์ลาย ฯลฯ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมสี จนประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน และในปีนี้สีเบเยอร์ก้าวเข้าสู่ปีที่ 55 พร้อมเดินหน้าสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดเขย่าวงการสีทาบ้าน ผ่านกลยุทธ์การตลาดภายใต้ชื่อ “Pop Up Color Marketing” ด้วยนวัตกรรมสินค้า 3 ตัวหลักที่จะมาสร้างสีสันวงการสีทาบ้านช่วงโค้งสุดท้ายของปี

นวัตกรรมสินค้าหลักทั้ง 3 ตัว ที่สีเบเยอร์มุ่งเน้นให้ความสำคัญ และเป็นการต่อยอดกลยุทธ์ทางการตลาดสีทาบ้านในไตรมาสสุดท้าย ประกอบด้วย

1.) Beger BeYours การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่ยึดหลักความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ทำให้คุณเลือกสีบ้านได้ง่ายขึ้นด้วย เครื่องขายสีหยอดเหรียญอัตโนมัติ (Beger BeYours Color @ Home) เทคโนโลยีใหม่สุดล้ำ ทำให้การเลือกทาสีบ้านง่ายขึ้นเพื่อให้ได้เฉดสีที่ถูกใจก่อนตัดสินใจซื้อ หรือสามารถสั่งซื้อแบบ Online เฉดสีโปรดของคุณจะถูกส่งตรงถึงบ้านภายใน 24 ชม. พร้อมมีโปรแกรมออกแบบสีบ้านที่คุณสามารถด้วยตัวคุณเอง Beger BeYours Simulation ให้ได้ลองมิกซ์แอนด์แมทช์คู่สีโปรดอย่างสะดวกสบายที่ ผ่าน www.begerbeyours.com พร้อมระบบคำนวณปริมาณสีที่ต้องใช้ หรือจะเลือกใช้ บริการออกแบบสีบ้าน Beger Color Design Service โดยผู้เชี่ยวชาญการออกแบบระดับมืออาชีพที่พร้อมให้คำแนะนำการออกแบบสีบ้านให้คุณที่ www.beger.co.th หรือสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Beger Call Center 0-2611-3434 ต่อ 259   และอีกหนึ่งตัวช่วยในการเลือกสีทาบ้าน คือ อุปกรณ์อ่านเฉดสี Beger BeYours Color Reader ช่วยอ่านค่าเฉดสี บอกเบอร์เฉดสีที่คุณชอบ จากตัวอย่างเฉดสีโปรดที่คุณต้องการ

2.) BegerShield Art Effects นวัตกรรมสีสร้างลาย ด้วยผลิตภัณฑ์ สีเบเยอร์ชิลด์ อาร์ท เอฟเฟ็กต์ (BegerShield Art Effects) นำเข้าจากอิตาลีใหม่ล่าสุดให้รังสรรค์ลวดลายศิลปะบนผนังห้องได้ด้วยตัวเองอย่างมีเอกลักษณ์ สามารถเป็นเจ้าของได้แล้ว ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายสีเบเยอร์ทั่วประเทศ ในราคาเริ่มต้น 1,390 บาท และ 

3.) Wood Professional เป็นการยกระดับแบรนด์ผู้นำนวัตกรรมสีรักษ์โลกสู่ “เทรนดี้ เซอร์วิส อินโนเวชั่น” ภายใต้กลยุทธ์ “Convenience & Confidence” เพื่อสร้างความเป็นที่ 1 ในใจผู้บริโภคการให้บริการครบวงจรจากผู้เชี่ยวชาญด้านงานไม้มืออาชีพที่ได้รับการอบรมจากสถาบัน Beger Academy พร้อมด้วยเครื่องมือเทคโนโลยีชั้นสูงนำเข้าจากต่างประเทศ ที่เป็นนวัตกรรมไร้ฝุ่น และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สูตรพิเศษที่มีคุณสมบัติตรงกับลักษณะของไม้แต่ละชนิด พร้อมโปรแกรมรับประกัน 3 ปีจากบริษัทฯ ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ Beger One Stop Service Call Center ได้ที่ 0-2611-3434

นายวรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมธุรกิจสีทาบ้านและอาคารของปี 2557 ไม่น่าจะเติบโตจากปีที่แล้วมากนัก ขณะที่ผลประกอบการของสีเบเยอร์ช่วงครึ่งแรก หรือ 3 ไตรมาสที่ผ่านมามียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 7-8 % จากปีที่ผ่านมา โดยเป้าหมายรายได้ทั้งปีนี้สีเบเยอร์ยังวางไว้ที่ 4,600 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 10% มั่นใจว่าจะสร้างรายได้ตามเป้าที่วางไว้จากสมรรถภาพของBrand Beger กับกลยุทธ์การตลาดแบบ Trendy innovations ที่ได้ทำอย่างต่อเนื่องตลอดมา

นอกจากนี้ภายใน Livingect Pop-Up cafe แห่งนี้ได้นำนวัตกรรมสีสร้างลายสุดพิเศษจากเบเยอร์มาเพิ่มสีสันให้กับผนังภายใน โดยจัดเป็นแกลเลอรี่แสดงงานดีไซน์ชิ้นเด่นระดับโลก พร้อมทั้งนำสุดยอดเทคโนโลยีแห่งวงการสี“เครื่องขายสีหยอดเหรียญอัตโนมัติ” (Beger BeYours @ Home)เครื่องแรกในเอเชียนำเข้าจากประเทศอิตาลี มาให้สำหรับคนที่อยากทดลองทาสีบ้านใหม่ สามารถนำตัวอย่างสี ไปทดลองทาเองได้

บริษัท อั๊คโซ่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายสีทาอาคารชั้นนำระดับโลก ภายใต้ตราสินค้าสีดูลักซ์ ปฏิวัติวงการสีทาภายใน เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ สีดูลักซ์ อีซี่แคร์ พลัส ซึ่งมาพร้อม “คิดพรูฟ เทคโนโลยี” (KidProof Technology^TM) ที่เพิ่มประสิทธิภาพกำจัดคราบที่ดีที่สุดในท้องตลาด เหมาะกับครอบครัวที่ให้อิสระกับเด็กๆเพื่อปลดปล่อยจินตนาการได้อย่างอิสระ

สีดูลักซ์ อีซี่แคร์ พลัส เป็นนวัตกรรมล่าสุดในตระกูลสีดูลักซ์ อีซี่แคร์ ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะที่มีฟิล์มเคลือบผิวช่วยปกป้องกำแพงจากคราบฝังแน่นซึ่งเกิดขึ้นจากการแต่งแต้มสีสันบนผนังของเด็กๆ

นวัตกรรมการขจัดคราบฝังแน่นของสีดูลักซ์ อีซี่แคร์ พลัส ที่มาพร้อม “คิดพรูฟ เทคโนโลยี” นั้นทำให้เนื้อสีมีความยืดหยุ่นและดูแลรักษาง่ายต่างจากผลิตภัณฑ์สีทั่วไปในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นคราบสกปรกจากเครื่องดื่ม ซอส ไอศกรีม หรือคราบสกปรกจากฝุ่น คราบโคลน หรือแม้กระทั่งรอยเปื้อนจากปากกาฟลูโอเรสเซนท์ก็สามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดายด้วยผ้าหรือฟองน้ำชุบน้ำหมาดๆหรือชุบน้ำผสมสบู่ เท่านั้น

“คิดพรูฟ เทคโนโลยี” ในสีดูลักซ์ อีซี่แคร์ พลัส มีสูตรพิเศษเพิ่มพลังสะอาดกันคราบน้ำไม่เกาะด้วยชั้นของการปกป้องผนังและขจัดคราบฝังแน่นโดยไม่ดูดซึมคราบสกปรกเข้าสู่เนื้อสีแต่จะเปลี่ยนคราบสกปรกให้เป็นเม็ดบีดส์เล็กๆ กลิ้งลงมาเหมือนฝนที่ตกใส่กระจกรถยนต์ จึงง่ายต่อการเช็ดล้างทำความสะอาด

คุณเมธี วิริยะวารี กรรมการผู้จัดการบริษัท อั๊คโซ่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราได้ทุ่มเทวิจัยและพัฒนาในการคิดค้นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมนี้ สีดูลักซ์ อีซี่แคร์ พลัส ที่มาพร้อม “คิดพรูฟ เทคโนโลยี”อันโดดเด่นนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์สีเช็ดล้างทำความสะอาดที่มีคุณสมบัติเหนือชั้น สามารถรักษาความสดใสของเนื้อสีไม่ว่าจะเช็ดล้างทำความสะอาดสักกี่ครั้ง สีสูตรพิเศษนี้พัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงเด็กๆ เป็นหลัก จึงมีคุณสมบัติไร้กลิ่น ไม่ผสมสารตะกั่วและปรอท เพื่อให้อุ่นใจได้ว่าเด็กๆ จะสามารถปลดปล่อยจินตนาการได้อย่างมั่นใจไร้กังวล”

“คิดพรูฟ เทคโนโลยี” ช่วยให้การดูแลและทำความสะอาดผนังเป็นเรื่องง่าย

ด้วยนวัตกรรมล่าสุดจากสีดูลักซ์ที่ผสานฟิล์มเคลือบสูตรพิเศษช่วยปกป้องคราบสกปรกได้ดียิ่งขึ้น ทั้งคุณสมบัติกันน้ำและขจัดคราบ ช่วยให้การทำความสะอาดคราบสกปรกบนผนังบ้านกลายเป็นเรื่องง่าย

· คุณสมบัติกันน้ำเพื่อการทำความสะอาดที่ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยสูตรฟิล์มเคลือบผิวที่มีคุณสมบัติโดดเด่น ทำให้ของเหลวจับตัวกันเป็นเม็ดบีดส์บนพื้นผิวและกลิ้งลงจากผนังเหมือนฝนที่ตกใส่กระจกรถยนต์ โดยไม่ซึมเข้าไปในเนื้อสี จึงทำให้สีบ้านสวยใสยาวนาน

· คุณสมบัติปกป้องคราบสกปรก สูตรฟิล์มเคลือบผิวถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อทำให้คราบสกปรกที่เกาะอยู่บนพื้นผิวซึมเข้าสู่เนื้อสีได้ช้าลง จึงทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด

พิเศษสำหรับช่วงเปิดตัวเมื่อซื้อสีดูลักซ์ อีซี่แคร์ พลัส ขนาด 9 ลิตร ครบ 4 ถัง หรือขนาด 5 แกลลอน ครบ 2 ถัง รับฟรีทันที เสื้อโปโลดูลักซ์อีซี่แคร์ พลัส 1 ตัว เฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการตั้งแต่วันนี้หรือจนกว่าสินค้าจะหมด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือ หรือเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ของเราได้ที่ www.dulux.co.th หรือ www.facebook.com/duluxthailand

จากนี้ไปเด็กๆจะสามารถเล่น เรียนรู้ และปลดปล่อยจินตนาการบนผนังได้อย่างมีอิสระ ไม่ต้องกังวลเรื่องการทำความสะอาดด้วยสีดูลักซ์ อีซี่แคร์ พลัส ที่มาพร้อม “คิดพรูฟ เทคโนโลยี” เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากสีดูลักซ์

วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ รองประธานบริหาร กลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ จัดแสดงสุดยอดเทคโนโลยีแห่งวงการสี “เครื่องขายสีหยอดเหรียญอัตโนมัติ” (Beger Be Yours @ Home) เครื่องแรกในเอเชียนำเข้าจากประเทศอิตาลี พร้อมนำนวัตกรรมสีรักษ์โลก และนวัตกรรมสีสร้างลายสุดพิเศษจากเบเยอร์ มาเพิ่มสีสันให้กับผนังภายใน ป๊อบอัพคาเฟ่ (Pop-Up cafe) โดยจัดเป็นแกลเลอรี่แสดงงานดีไซน์ชิ้นเด่นระดับโลก ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษจากสีเบเยอร์ได้แล้วที่ ป๊อบ อัพ คาเฟ่ ในงาน ลิฟวิ่ง เอเซ็ตทร่า คาเฟ่ บาย พายดีไซน์ และอารียา พร๊อพเพอร์ตี้ ณ กรู๊ฟ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่วันนี้ – 5 ตุลาคม 2557

ในสังคมโลกปัจจุบันที่เคลื่อนไหวตลอดทุกวินาที การหยุดนิ่งนั้นเท่ากับว่าเรากำลังเดินถอยหลัง นั้นเป็นแนวคิดของชายหนุ่มวัยทำงานหลายๆคน ซึ่งเต็มไปด้วยความเร่งรีบ และการแข่งขัน คิด วิเคราะห์และพัฒนาความสามารถอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อความสำเร็จและก้าวหน้า ทำให้พวกเขานั้นหลงลืมที่จะดูแลตัวเองและบ้านอันเป็นสถานที่สำคัญในการเติมพลังให้กับชีวิตที่แสนจะวุ่นวาย ดูลักซ์ ขอแนะนำเทรนด์สีแต่งบ้าน “Margin of Proof” ที่จะช่วยให้หนุ่มๆสามารถจัดระเบียบชีวิตตัวเองและบ้านของเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เทรนด์สี “Margin of Proof” คือ 1 ใน 5 เทรนด์สีของปี 2014 (Colour Futures^TM) เกิดขึ้นจากบริษัท อั๊คโซ่โนเบล ผู้ผลิตสีชั้นนำระดับโลกภายใต้แบรนด์สี “ดูลักซ์” ที่เชื่อว่าสีสันมีผลต่อแรงบันดาลใจมากกว่าแค่การมองเห็น จึงได้สร้างศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์สี (AkzoNobel’s Global Aesthetic Center) ตั้งอยู่ที่ กรุงซัสเซ็นไฮม์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อทำการศึกษารวบรวมองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนข้อมูล และคาดการณ์เทรนด์สีล่วงหน้าให้เหมาะกับไลฟสไตล์ของผู้คนที่หลากหลายและไม่หยุดนิ่ง

คอนเซ็ปต์ของเทรนด์สี “Margin of Proof” คือการใช้พาเลตต์สีช่วยจัดระเบียบและกำหนดฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ในบ้าน เป็นพาเลตต์สีโทนนิวทรอลแบบแมนๆ จากสีเปลือกนอกของงานสถาปัตยกรรมที่เน้นโทนสีแบบ สีโป๊ว ปูนปลาสเตอร์ ก้อนอิฐ เป็นหลัก เช่น สีขาวเจือสีเทาอ่อนๆ สีเทาอ่อน สีเทาอมน้ำตาล หรือสีเทา และเพิ่มความโดดเด่นด้วยการเติมสีเข้มอย่างสีเลือดหมู หรือสีเขียวมรกตเพื่อเพิ่มความลงตัว และอาจนำเอาสีสด เช่นสีเขียวนกเป็ดน้ำ สีแดงสด หรือสีเหลืองอมน้ำตาล มาใช้เพื่อสร้างลูกเล่นให้บ้านดูไม่แข็งจนเกินไป พาเลตต์สีของเทรนด์นี้ยังได้รวมเอาโทนสีต่างๆที่มาจากวัสดุธรรมชาติเข้าใว้ด้วยกัน เช่น สีของหินอ่อน จุกไม้ก๊อก ไม้สีเข้ม หรือแม้แต่สีของคอนกรีตเพื่อเสริมถึงความหนักแน่นของชายหนุ่มอีกด้วย

“Margin of Proof” ได้รับแรงบรรดาลใจมาจากวิทยาศาสตร์ และตัวเลข เพราะสองสิ่งนี้เป็นสิ่งตายตัว ไม่ว่าภาษาที่ใช้เรียกจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่เมื่อเห็นสัญลักษณ์เหล่านี้ก็สามารถเข้าใจได้ตรงกัน ตัวเลขและมาตรวัดจึงเป็นไฮไลท์หลักในการแต่งบ้านและที่สำคัญยังช่วยเตือนใจหนุ่มๆให้รู้จักดูแลตัวเองอีกด้วย เช่น ดีไซน์ตัวเลขเก๋ๆที่ห้องนอนเพื่อย้ำเตือนชั่วโมงการพักผ่อนที่เพียงพอสำหรับร่างกาย ตัวเลขบนกำแพงในห้องครัวหรือข้างตู้เย็นใช้แทนจำนวนแคลลอรี่ที่ควรบริโภค ตัวเลขรูปทรงเรขาคณิตเท่ๆบนผนังแทนการใช้นาฬิกาติดผนังแบบเดิมๆ หรือเนรมิตตัวเลขบนกำแพงแทนปฏิทินแบบไม่ซ้ำใคร สามารถหนีบหรือแปะโพสต์อิทกันลืมนัดของบุคคลสำคัญในครอบครัวได้อีกด้วย

เสริมห้องให้มีลุคแบบแมสคูลลีนยิ่งขึ้นด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ที่แปลกใหม่ เช่น เก้าอี้รูปทรงไข่ ชั้นวางของ โคมไฟ โต๊ะหรือเก้าอี้รูปทรงเลขาคณิต โดยเน้นการใช้วัสดุที่เรียบง่ายดูทนทานไม่เน้นลวดลายหรือสีสันมากนัก ไม่ว่าจะเป็นไม้ หนัง กระจก หรือเหล็ก แต่อาจจะเพิ่มด้วยอุปกรณ์ตกแต่งชิ้นเล็กๆที่มีดีไซน์เก๋ๆ อย่างหมอนที่มีสีตัดกัน หรือสีเดียวกับเฟอร์นิเจอร์ แจกันแก้วทรงกลม ที่คั่นหนังสือทำจากขวดแก้วเปล่า หรือจะเพิ่มลูกเล่นให้พาเลตต์สีดูสมบูรณ์ขึ้นด้วยกราฟฟิคสีสด เช่นสีเขียวนกเป็ดน้ำ สีแดงสด สีเหลืองอมน้ำตาล นำมาวาดเป็นตัวเลข หรือมาตราวัดส่วนสูงบนผนังห้อง

เทรนด์สีแต่งบ้าน “Margin of Proof” นั้นมีความท้าทายตรงการใช้เฉดสีเพื่อจัดระเบียบพื้นที่การใช้สอยได้อย่างลงตัว และการดีไซน์ตัวเลขที่เข้าได้ดีกับสีและเฟอร์นิเจอร์ หากคุณไม่มั่นใจในเรื่องการใช้สีสันสามารถขอคำปรึกษาได้ที่ศูนย์บริการออกแบบสีของดูลักซ์ (Colour Design Center) ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-770-6333 หรือค้นหาแรงบันดาลใจและไอเดียเก๋ๆ สำหรับแต่งบ้านในสไตล์ของคุณได้ที่ www.dulux.co.th หรือ www.facebook.com/DuluxThailand

ประชากรครึ่งหนึ่งของโลกอาศัยอยู่ในเมือง และจากผลการศึกษาของ OMA องค์กรที่เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรม ชุมชนเมืองและการวิเคาระห์ด้านวัฒนธรรมระดับโลกพบว่า ในปี ค.ศ. 2050 จำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองจะมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วของชุมชนเมืองเช่นนี้ การพัฒนาเมืองส่วนใหญ่จึงเน้นไปที่การใช้งานเป็นหลัก ทำให้ขาดการให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์หรือกิจกรรมที่สร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างคนและเมืองซึ่งเป็นสิ่งที่จะช่วยสร้างเสน่ห์และอัตลักษณ์ให้กับทุกชุมชนเมืองอย่างน่าเสียดาย

บริษัท อั๊คโซ่โนเบล ในฐานะผู้ผลิต และจัดจำหน่ายสีชั้นนำระดับโลก ภายใต้แบรนด์สีดูลักซ์ ได้ร่วมมือกับ OMA เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสีสันและการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยกลั่นกรองเป็นแนวคิดใหม่ที่ชื่อว่า “Human Cities” มีเป้าหมายเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงชุมชนเมืองให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นซึ่งประกอบไปด้วยปัจจัยที่หลากหลาย ทั้งนี้ปัจจัยที่เห็นได้ชัดว่ามีสวนช่วยสร้างชีวิตชีวาให้กับเมืองนั้นก็คือสถานที่สาธารณะ หากเมื่อไรที่เมืองได้สร้างพื้นที่สาธารณะให้ค่อยๆเพิ่มขึ้น คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นๆย่อมเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของเกิดความรักต่อสถานที่ แต่ถ้าเมื่อไรความรู้สึกที่ว่านี้ขาดหายไป ความสัมพันธ์ระหว่างคนและเมืองย่อมอ่อนแอตามไปด้วย

ฉะนั้นสวนสาธารณะจึงได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นสถานที่สาธารณะที่มีอยู่คู่ในทุกๆเมืองเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ง่ายต่อการเข้าถึงและสามารถเชื่อมโยงกับชุมชนที่อยู่โดยรอบได้อย่างลงตัว เพราะสวนสาธารณะคือสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ช่วยพัฒนาเมืองเพราะการที่ผู้คนได้มาผ่อนคลาย พบปะสังสรรค์กัน และเล่นกีฬาจะทำให้มีร่างกายที่แข็งแรงและจิตใจที่เบิกบาน ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญในกาพัฒนาประเทศ เช่นเดียวกับกรุงเทพมหานครที่ให้ความสำคัญกับสวนสาธารณะ โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องสวนและต้นไม้นับตั้งแต่มีพระราชบัญญัติจัดตั้งเทศบาลนครกรุงเทพ พ.ศ. 2479 จวบจนปัจจุบัน ในฐานะองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องสี บริษัท อั๊คโซ่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยการสนับสนุนจาก อั๊คโซ่โนเบล คอมมูนิตี้ โปรแกรม (AkzoNobel Community Program) จึงได้จัดกิจกรรม “Paint & Plant in The Park” ที่สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เพื่อช่วยเพิ่มสีสันและชีวิตชีวาให้แก่สถานที่ผ่อนคลายและเล่นกีฬาของชาวดอนเมือง ด้วยความเชื่อว่าสวนสาธารณะจะช่วยจรรโลงให้เมืองสดใสยิ่งขึ้น

สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เดิมคือสวนป่าสีกัน สำนักงานเขตดอนเมืองได้รับมอบจากกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2540 และได้ปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะเพื่อการท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจและนันทนาการ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2548 โดยได้รับพระราชทานชื่อ “รมณีย์ทุ่งสีกัน” จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีความหมายว่า สวนที่ให้ความรื่นรมย์ใจประจำทุ่งสีกัน บนเนื้อที่ 15 ไร่ สวนอเนกประสงค์แห่งนี้เป็นทั้งสถานที่ออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่รองรับกิจกรรมที่หลากหลายทั้งทางเดิน-วิ่ง เครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง ศาลาพักผ่อน ห้องสมุดรวมถึงลานอเนกประสงค์ที่สามารถใช้เป็นจุดพักผ่อนและจัดกิจกรรมในโอกาสต่างๆ

สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เคยประสบภัยน้ำท่วมหนักเมื่อ พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทุกระดับต่างร่วมแรงฟื้นฟูจนสวยงามขึ้นมาใหม่อีกครั้ง กิจกรรม“Paint & Plant in the Park” ในครั้งนี้เป็นการเข้าไปเติมสีสันใหม่ให้กับหอนาฬิกา ศาลากลางน้ำ และอัฒจันทร์กลางแจ้งทรงครึ่งวงกลมซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของสวนที่ใช้จัดกิจกรรมกีฬาและสันทนาการต่างๆ ของคนในชุมชน พร้อมด้วยการสร้างที่จอดรถสำหรับคนพิการ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มความสดชื่นสวยงามให้แก่สวนด้วยการร่วมปลูกไม้ยืนต้น และสวนดอกไม้เพื่อให้ผู้เข้าใช้บริการรู้สึกสดใสทุกครั้งที่ได้มาผ่อนคลาย ณ สวนแห่งนี้

คุณวีนา วงศ์สินธุ์เชาว์ ผู้อำนวยการกลุ่มสวนสาธารณะ 2 สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญกับสวนสาธารณะอย่างมาก โดยเฉพาะในสมัยของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 4 ปีนี้ มีนโยบายจัดให้มีพื้นที่สีเขียวไม่น้อยกว่า 5,000 ไร่ โดยต้องมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ไม่น้อยกว่า 10 แห่ง ซึ่งภายใน 2 ปีนี้มีจัดสร้างสวนสาธารณะเพิ่มจำนวน 6 แห่ง นอกจากนี้ยังเตรียมสร้างสวนสุนัขให้ครบ 4 มุมเมืองอีกเช่นกัน ซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตในปัจจุบันที่คนเมืองมาใช้บริการสวนสาธารณะเพิ่มขึ้น คนหันมาใส่ใจสุขภาพและการใช้ชีวิตอย่างสมดุลมากขึ้น นอกจากประโยชน์ในการพัฒนาจิตใจแล้ว คนที่มาสวนสาธารณะนั้นจะมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งชมรมวิ่ง กลุ่มไท้​เก๊ก กลุ่มแอโรบิค กลุ่มลานเพาะกาย เป็นต้น ตลอดจนการรวมกลุ่มเพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ เพื่อสาธารณะประโยชน์อยู่เรื่อยๆ อาทิ การวิ่งหรือการเล่นดนตรีเพื่อการกุศล สวนสาธารณะก็พยายามพัฒนาเพื่อเป็นสถานที่สำหรับคนทุกวัยได้มาใช้ประโยชน์ในกิจกรรมที่หลากหลาย”

นายเมธี วิริยะวารี กรรมการผู้จัดการ บริษัท อั๊คโซ่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การทำกิจกรรมในสวนสาธารณะช่วยสร้างความสุขและพัฒนาอัตลักษณ์ของชุมชน ซึ่งเป็นความจำเป็นทางด้านเศรษฐศาสตร์เพราะอนาคตของชุมชนเมืองขึ้นอยู่กับการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้คนในชุมชน พื้นที่สำหรับชุมชนที่เราสามารถปลดปล่อยและผ่อนคลายนั้นควรมีอยู่ในทุกเมือง ทุกพื้นที่ควรได้รับการสร้างสีสันให้สดใสอยู่เสมอเพื่อบรรยากาศที่ดีในการสร้างความสุขและการดำเนินชีวิตที่มีสุขภาพที่ดีให้กับคนในชุมชน เราเชื่อว่าสีสันมีอิทธิพลมากกว่าสิ่งที่ตามองเห็น สีสันมีผลด้านอารมณ์ความรู้สึกช่วยสร้างชีวิตชีวาให้กับเมืองทั้งด้านสังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสีสันเราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างกิจกรรมที่มีประโยชน์เพื่อช่วยให้เมืองของเรามีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น”

คุณวีนา กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเข้ามาทำกิจกรรมของบริษัทฯ ในครั้งนี้ดีมากๆ เพราะสีนั้นช่วยเปลี่ยนแปลงสวนให้สวยสดใส ผู้คนจะรู้สึกสดชื่นได้ในทันทีที่พบเห็น เป็นการคืนความสดใสให้กับชาวดอนเมืองได้อย่างน่าประทับใจ นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้มาใช้บริการอย่างเข้มงวด เพราะสวนสาธารณะทุกแห่งในกรุงเทพมหานครได้ติดตั้ง CCTV และมีพนักงานรักษาความปลอดภัยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง สวนสาธารณะช่วยในการพัฒนาทางจิตใจ สร้างสังคมที่มีปฏิสัมพันธ์ที่ดี ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย พักผ่อนหย่อนใจ และมีทั้งเครื่องฟิตเนส เครื่องออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ เครื่องเล่นสำหรับเด็ก เพียงพอสำหรับทุกเพศทุกวัย”

เมืองที่น่าอยู่นั้นไม่เพียงแต่ความทันสมัยและสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ความมีชีวิตชีวาของสังคมเมืองต่างหากที่จะช่วยหล่อเลี้ยงให้คนมีความสุขและต่อยอดเป็นการพัฒนาศักยภาพของตัวเองและเมืองได้ในที่สุด ความมีชีวิตชีวานั้นไม่มีขาย เพราะมีอยู่ในตัวของเราทุกคน เพียงแค่พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายและปลอดปล่อยความเป็นตัวตนออกมา เท่านี้เมืองของเราก็จะมีชีวิตชีวาจากปัจจเจกบุคคลที่รวมตัวกันเป็นสีสันที่มีเสน่ห์อย่างที่ไม่สามารถสร้างวัตถุใดๆขึ้นมาทดแทนได้เลย

บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำนวัตกรรมสีทาอาคาร ผุดไอเดียสุดเก๋ เปิดตัวแคมเปญออนไลน์ “คัลเลอร์ เรนเจอร์” (Colour Ranger) ชวนร่วมสนุกย้อนวัยไปกับขบวนการยอดมนุษย์ที่มาในรูปแบบวิดีโออินเตอร์แอคทีฟ พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค และไอแพด มินิ เพื่อสื่อสารให้โดนใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ พร้อมสร้างความมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์ให้ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

แคมเปญ “คัลเลอร์ เรนเจอร์” (Colour Ranger) ดึงเอาความสดใสแห่งสีสันและความทรงจำในวัยเด็กมาให้ผู้คนได้ร่วมสนุก โดยผู้เล่นสามารถเลือกเรื่องราวและยอดมนุษย์ ‘คัลเลอร์ เรนเจอร์’ที่ชื่นชอบผ่านวิดีโอที่สามารถสร้างได้เองบนเฟซบุ๊คแฟนเพจของนิปปอนเพนต์ จากนั้นโพสต์หรือแชร์วิดีโอ ‘คัลเลอร์ เรนเจอร์’ ผ่านช่องทางออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย สำหรับเจ้าของคลิปวิดีโอที่ได้รับการโหวตหรือกดไลค์มากที่สุด ประเภทบุคคล จะได้รับรางวัลเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คจากโตชิบา มูลค่า 15,000 บาท จำนวน 1 รางวัล และประเภททีม 3 คน จะได้รับรางวัลเป็นไอแพด มินิ เรติน่า 16 GB พร้อมเคส จำนวน 3 เครื่อง รวมมูลค่า 45,000 บาท พร้อมของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย มูลค่ารวมกว่า 1 แสนบาท

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดและร่วมสนุกกับกิจกรรม “คัลเลอร์ เรนเจอร์” ได้ที่ เฟซบุ๊ค  แฟนเพจ นิปปอนเพนต์ www.facebook.com/NipponPaintDecor ตั้งแต่วันนี้ – 28 พฤษภาคม 2557 และประกาศผลผู้ชนะในวันที่ 12 มิถุนายน 2557

เอ็กซอลตา โค้ทติ้ง ซิสเต็มส์ (Axalta Coating Systems) ผู้นำระบบสีพ่นรถยนต์อันดับหนึ่งของโลก เปิดบ้านใหม่ รีแบรนด์ผลิตภัณฑ์ สีพ่นรถยนต์ดูปองท์ (DuPont) เป็น “โครแมกซ์ (Cromax^®)” พร้อมเผยทิศทางธุรกิจปี 2557 ที่เน้นนวัตกรรมที่จะช่วยเพิ่มมาตรฐาน และขีดความสามารถของศูนย์บริการพ่นซ่อมสีรถยนต์ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องค้นหาสูตรสี และปรับแต่งเฉดสี (Acquire II) เพื่องานพ่นซ่อมสีรถยนต์ แบบเต็มครบวงจร อีกทั้งเปิดศูนย์ผสมสีโครแมกซ์^®คัลเลอร์ เซ็นเตอร์ (Cromax^® Color Center) เพื่อเดินหน้าขยายช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีพ่นซ่อมรถยนต์ให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค

นายสิทธิศักดิ์ อนันตประยูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็กซอลตา โค้ทติ้ง ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของตลาดสีพ่นซ่อมรถยนต์ในปีที่ผ่านมาว่า “ยังมีแนวโน้มเติบโต โดยมีมูลค่าตลาดกว่า 4,000 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณรถยนต์สะสมที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ยอดการเข้าบริการศูนย์ซ่อมมาตรฐานเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งการที่ตลาดรถยนต์ไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ธุรกิจที่เชื่อมโยงก็ได้รับปัจจัยสนับสนุนให้เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะนโยบายคืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถยนต์คันแรกของภาครัฐที่จบลงไป ส่งผลให้ยอดรถยนต์จดทะเบียนสะสมเพิ่มจำนวนมากขึ้น” 

ทั้งนี้ หลังจากได้แยกการดำเนินงานจากบริษัทแม่ ภายใต้ชื่อแบรนด์เดิม “ดูปองท์ รีฟินิช” เป็น “แอ็กซอลตา” ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2556 ทำให้การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัวและมีเอกภาพมากขึ้น ช่วยลดขั้นตอนการบริหารจัดการต่าง ๆ

“ล่าสุด บริษัทฯ ได้ทำการรีแบรนด์ผลิตภัณฑ์สีพ่นซ่อมรถยนต์ภายใต้ชื่อใหม่ Cromax^® ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับมาอย่างยาวนานในตลาดโลก เนื่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์โครแมกซ์จะเน้นในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะได้รับการออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ง่าย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูง   โดยได้รวบรวมเอาแบรนด์ผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยมภายใต้แบรนด์ ดูปองท์ รีฟินิช เดิม ได้แก่ Centari^®, Cromax^® Pro, DuPont^TM Refinish^® มานำเสนอลูกค้า พร้อมโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมมากที่สุด” นายสิทธิศักดิ์ กล่าว

ด้าน นายมนตรี ค้ำโพธิ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แอ็กซอลตา โค้ทติ้ง ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจากเราจะมีแบรนด์ผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับโลกแบบครบวงจรให้บริการกับลูกค้าแล้ว เรายังได้พัฒนานวัตกรรมต่างๆ  อาทิ เครื่องมือค้นหาสูตรสี และปรับแต่งเฉดสี Acquire II  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับงานซ่อมสีที่ช่วยให้ค้นหาสูตรสีได้แม่นยำ ใช้งานง่าย ได้งานเร็ว โดยสามารถระบุสีได้รวดเร็วและเชื่อถือได้ เป็นเครื่องมือค้นหาสูตรสีและปรับแต่งเฉดสีด้วยระบบคอมพิวเตอร์แบบพกพา มีความสามารถในการอ่านค่าและแสดงเฉดสีที่แท้จริงของรถ และสามารถ่ายโอนข้อมูลการอ่านค่าสีเข้าในระบบฐานข้อมูลสูตรสีของ Axalta Coating Systems ได้มากกว่า 500,000 สูตร จากการผสมผสานที่ลงตัวดังกล่าวจะช่วยให้การค้นหาสูตรสีและปรับแต่งเฉดสีมีประสิทธิภาพ น่าเชื่อถือและประหยัดเวลาได้มาก นอกจากนี้ยังสามารถใช้วัดค่าความเหมือนของสีรถกับชิ้นงานที่พ่นซ่อมได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความรวดเร็วในการทำงาน เพื่อรองรับระบบงานพ่นซ่อมสีรถยนต์ด่วน (Quick Repair Systems) เช่น ผลิตภัณฑ์เคลียร์ทับหน้าG3-8800S ซึ่งจะช่วยให้ศูนย์พ่นซ่อมสีรถยนต์ สามารถส่งมอบงานซ่อมรถยนต์ให้ลูกค้าได้เร็วขึ้นกว่าเดิม  

“แผนธุรกิจจากนี้ไปเราจะเร่งขยายช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีพ่นซ่อมรถยนต์ พร้อมทั้งสนับสนุนอู่ซ่อมสีรถยนต์ให้ปรับเปลี่ยนมาเป็นศูนย์บริการซ่อมสีรถยนต์มาตรฐานสูง  ให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการเติบโตไปยังตลาดต่างประเทศ อาทิ พม่า กัมพูชาและมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศลาวในปีนี้

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะขยายกลุ่มลูกค้าไปยังศูนย์ซ่อมรถยนต์ ระดับกลาง และเล็กมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่มุ่งเน้นตลาดระดับพรีเมียมเป็นหลัก โดยคาดว่าจะแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสินค้าสีรองพื้น จากปัจจุบันที่ได้เริ่มทำตลาดมาระยะหนึ่งแล้วในกลุ่มสินค้าแลกเกอร์ เพื่อเป็นทางเลือกแก่ลูกค้าให้มีสินค้าที่หลากหลายระดับราคา เนื่องจากกลุ่มลูกค้าระดับบน และระดับกลางมีสัดส่วนมากกว่า 50%

และเมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทฯ ได้มีการเปิดศูนย์ผสมสี “โครแมกซ์^® คัลเลอร์ เซ็นเตอร์” จังหวัดอุดรธานี ซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์ผสมสีรถยนต์มาตรฐานภายใต้แบรนด์  “โครแมกซ์^®” แห่งแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง ในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์สีพ่นรถยนต์คุณภาพสูงจากโครแมกซ์^® แบบเต็มระบบ ครบวงจร ทั้งสีโป๊ว สีพื้น แล็กเกอร์ ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพงานซ่อม

“คาดว่าในปีนี้ยอดขายสีพ่นซ่อมรถยนต์น่าจะเติบโตประมาณ 10% สูงกว่าการเติบโตของตลาดรวมที่คาดว่าจะเติบโตราว 3-5% จากการขยายตัวในกลุ่มของศูนย์บริการซ่อมสีรถยนต์ ซึ่งการเติบโตของบริษัทนั้นมาจากนโยบายการสนับสนุนลูกค้า และคู่ค้า ทั้งด้านการบริการหลังการขาย การจัดฝึกอบรมทักษะช่าง เพื่อให้ความรู้ตั้งแต่ทักษะการผสมสีจนถึงการลงพื้นที่ฝึกการทำงานจริง เพื่อให้ได้รับประสิทธิภาพสูงสุดจากการใช้งานผลิตภัณฑ์ รวมถึงมีการนำเข้าเทคโนโลยีค้นหาสูตรสีมาใช้ พร้อมทั้งมีฐานข้อมูลสูตรสีส่วนกลางมากกว่า 500,000 สูตร ซึ่งจะมีการอัพเดทข้อมูลสูตรสีใหม่ ทุก ๆ 6 เดือนแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง” นายมนตรี กล่าวทิ้งท้าย

บริษัท แอ็กซอลตา โค้ทติ้ง ซิสเต็มส์ ผู้พัฒนา ผลิตและจําหน่ายสีพ่นรถยนต์ชั้นนําของโลก ทั้งสีน้ำและสีฝุ่น เดินหน้าขยายกำลังการผลิตสีสูตรผสมน้ำ ด้วยการเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตสีเคลือบสูตรผสมน้ำที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในอำเภอเจียดิง เซี่ยงไฮ้ ซึ่งโรงงานดังกล่าวมีมูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ พิธีวางศิลาฤกษ์ในวันนี้มีบุคคลสำคัญจากทั่วภูมิภาคให้เกียรติร่วมงานคับคั่ง โดยมีประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ็กซอลตา นายชาร์ลี เชฟเวอร์ เป็นผู้ทำให้โรงงานใหม่เฟสหนึ่งนี้เกิดขึ้น เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทในการสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในประเทศจีน

โรงงานใหม่ของแอ็กซอลตาในเซี่ยงไฮ้แห่งนี้คาดว่าจะเริ่มทำการผลิตได้ในปี 2558 โดยจะสามารถผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีสูตรน้ำที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกสูงถึง 25,000 ตัน ทั้งนี้ด้วยความเป็นผู้นำในเทคโนโลยีสีสูตรน้ำและการขยายกำลังการผลิตในครั้งนี้จะเป็นการสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ซึ่งกำลังแพร่หลายออกไปสู่พื้นที่ทางตอนใต้และตะวันตกของประเทศจีน โดยทั้งผลิตภัณฑ์และโรงงานผลิตของแอ็กซอลตาเองนั้นจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจีนอย่างแน่นอน

“เราลงทุนในการก่อสร้างโรงงานแห่งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการโซลูชั่นสีสูตรน้ำที่มีสมรรถนะสูง ซึ่งโรงงานแห่งใหม่นี้ เราจะขยายกำลังการผลิตสีสูตรน้ำเพื่อช่วยส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจีนให้เติบโตอย่างยั่งยืน” นายเชฟเวอร์ กล่าวแก่ผู้มาร่วมงานในพิธีวางศิลาฤกษ์ โดยเขากล่าวอีกว่า “ด้วยความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีของเรา เราได้มุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาโซลูชั่นสีเคลือบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยโรงงานแห่งใหม่ของเรานี้จะนำระบบการผลิตที่ทันสมัยที่สุดเข้ามาใช้ เพื่อลดการทำลายสิ่งแวดล้อมในกระบวนการดำเนินงานของเรา”

กระบวนการผลิตสีสูตรผสมน้ำของแอ็กซอลตาจะใช้ประโยชน์จากระบบเทคโนโลยีสีสูตรน้ำระดับโลกเพื่อผลิต “สีรถยนต์ตามแนวคิด Lean and Green” ซึ่งจะช่วยให้โรงงานรับจ้างผลิตอุปกรณ์สำหรับยานยนต์ (OEMs) สามารถลดปริมาณสารระเหย ลดการใช้พลังงานและเงินลงทุนได้อย่างมหาศาล

ทั้งนี้ กระบวนการผลิต “สีรถยนต์ตามแนวคิด Lean and Green” นั้น ประกอบด้วยขั้นตอน คือ ใช้การเคลือบแบบรองพื้นน้อยกว่า และเคลือบแบบเปียก 3 ชั้น ซึ่งจะทำให้ได้ความหนาเต็มประสิทธิภาพทั่วพื้นที่โดยไม่ต้องส่องไฟและอบสีในระหว่างการเคลือบ ผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ลูกค้ามีผลกำไรที่มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้ชิ้นงานการเคลือบสีรถคุณภาพเยี่ยมชนิดที่หาตัวจับได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้น ผลิตภัณฑ์สีสูตรน้ำของแอ็กซอลตา ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและได้มาตรฐานโลกด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม อาทิ กฎระเบียบว่าด้วยการลดสารระเหยของสหภาพยุโรป 2004/42/EC ว่าด้วยการจำกัดการกระจายสารระเหยจากการประกอบการและกิจกรรมภายในอุตสาหกรรม และการจำกัดการกระจายสารระเหยจากสีและสารเคลือบ ซึ่งแอ็กซอลตาได้ปฏิบัติตามในประเทศจีน และยังจะช่วยลดการก่อมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศจีนอีกด้วย

นายซุน เลียนหยิง นายกสมาคมอุตสาหกรรมสีเคลือบแห่งชาติของจีน กล่าวว่า “เราขอขอบคุณแอ็กซอลตาที่มีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของแอ็กซอลตาก็สอดคล้องกับทิศทางของประเทศจีนในการพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน ซึ่งเราหวังอย่างยิ่งว่าการก่อสร้างโรงงานผลิตสีสูตรน้ำแห่งใหม่ของแอ็กซอลตานี้จะประสบความสำเร็จตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้”

ในรอบสองปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ออกกฎหมายใหม่ๆ เพื่อช่วยลดภาระทางด้านสิ่งแวดล้อมให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงต้องการให้สายการผลิตของผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่ๆ ต้องหันมาใช้ผลิตภัณฑ์สีสูตรน้ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลเช่นนี้จะส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน

“เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นแอ็กซอลตาลงทุนอย่างต่อเนื่องในการขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของท้องถิ่นเราโดยเฉพาะ” นายหวัง ซงเช็ง รองประธาน บริษัท FAW-VW เฉิงตู กล่าวและว่า “ในฐานะที่ FAW-VW เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของประเทศจีน เรากำลังมุ่งหน้าไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และผลิตภัณฑ์สีสูตรน้ำที่จะผลิตจากโรงงานแห่งนี้จะช่วยให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจของเราในภูมิภาคนี้ได้อย่างแน่นอน”

แอ็กซอลตาเป็นบริษัทผลิตสีเคลือบเทคโนโลยีชั้นสูง ที่มีการพัฒนานวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์มายาวนานกว่า 145 ปี และปี 2014 นี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีเป็นการครบรอบ 30 ปีที่บริษัทแอ็กซอลตาได้เข้ามาทำธุรกิจในประเทศจีน ซึ่งประสบการณ์และความรู้นี้เองที่ได้ช่วยให้แอ็กซอลตาสามารถรักษาบทบาทความเป็นผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สีเคลือบชั้นยอดเอาไว้ได้ และนอกเหนือจากโรงงานผลิตสีสูตรน้ำแห่งใหม่ในเซี่ยงไฮ้แล้ว แอ็กซอลตายังมีโรงงานอีก 1 แห่งในเมืองฉางชุน และมีโรงงานแห่งที่สองที่เมืองเจียดิง มีกิจการเคลือบสีฝุ่นอีก 5 แห่ง ซึ่งดำเนินงานร่วมกันกับพันธมิตรร่วมทุน มีศูนย์ฝึกอบรมการพ่นสี 4 แห่ง มีห้องแล็บสีระดับโลก และศูนย์นวัตกรรมเอเชียแปซิฟิก 1 แห่งในเซี่ยงไฮ้ เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา และมีสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแห่งใหม่อยู่ในเซี่ยงไฮ้ แอ็กซอลตาทำธุรกิจใน 130 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีเครือข่ายที่ประกอบด้วยลูกค้า 120,000 ราย โรงงานผลิต 35แห่ง ศูนย์ฝึกอบรมการพ่นสี 42 แห่ง และศูนย์วิจัยและพัฒนาอีก 7 แห่ง