Phenomeno – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 06 Nov 2012 00:00:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ญาญ่า สาวคนนี้ได้ทั้งยูนิลีเวอร์และพีแอนด์จี https://positioningmag.com/14961 Tue, 06 Nov 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14961

ยังคงแรงไม่เลิกสำหรับ ญาญ่า-อุรัสยา ที่กวาดพรีเซ็นเตอร์ก่อนหน้านี้ไปอย่างเซอร์ไพรส์ ขึ้นมาแทนรุ่นพี่ในวงการบันเทิงทั้งชาย-หญิง เพราะว่าเธอสามารถเป็นตัวแทนสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าของพานาโซนิค ขณะเดียวกันเครื่องดื่มลดความอ้วน ยันผ้าอนามัยก็ต้องใช้บริการของเธอคนนี้

ล่าสุดความน่าสนใจของดาราสาวคนนี้ยังเตะตาเครือ FMCG ยักษ์ใหญ่อย่าง P&G จนเลือกให้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดของแพนทีน โปร-วี เนเจอร์ แคร์ สมูทเนส แอนด์ ไลฟ์ ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้ผมนุ่มลื่น พลิ้วสวยเป็นธรรมชาติที่มาพร้อมกับแคมเปญ “Perfect Swing Perfect Shine”

ถือว่าการที่ P&G เลือกสาวน้อยคนนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก เมื่อดาราสาวคนเดียวกันจะถูก Unilever และ P&G เลือกใช้ในคราวเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะคนละไลน์สินค้าก็เถอะ แต่นี่เป็นปรากฏารณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักที่ยูนิลีเวอร์ใช้ญาญ่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ พอนด์ส แล้วพีแอนด์จีก็ยังใช้ดาราคนเดียวกันเป็นพรีเซ็นเตอร์แพนทีน ซึ่งถือว่าเป็นโปรดักต์ไฮไลต์ของเครือทั้งสองแบรนด์ ซึ่งเหตุผลก็คงจะมาจากความแรงของเธอคนนี้ที่จับกลุ่มเป้าหมายได้ทุกวัย มีบุคลิกที่แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันก็ยังชื่นชม ทำให้ไม่ว่าจะสินค้าที่จับกลุ่มเป้าหมายระดับแมสต่างก็ใช้ญาญ่าเป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์

]]>
14961
ไปถ่ายรูปก่อนกินข้าวที่ Chocolate Ville https://positioningmag.com/14960 Tue, 06 Nov 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14960

2.3 แสนรายการ สำหรับผลการค้นหาคำว่า Chocolate Ville (ช็อกโกแลตวิลล์) ในเครื่องหมายคำพูด แสดงให้เห็นว่าที่นี่ยังเป็นเดสตินาชั่นฮิตไม่เลิกแห่งใหม่ของคนกรุงเทพฯ นับแต่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2554

หลังเปิดไม่นาน ช็อกโกแลตวิลล์ก็ทำให้คอนเซ็ปต์ Dine in the park แบบตะวันตกเป็นที่รู้จักในเมืองไทยผ่านการแชตแอนด์แชร์ในสังคมออนไลน์

ดังขนาดที่กูเกิลยกคำแนะนำคำแรกของตัวอักษร C ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาให้กับคำว่า Chocolate Ville ซึ่งระบบของกูเกิลจะเลือกคำค้น (Keyword) ที่ผู้ใช้ค้นมากที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าวมาเป็นคำแนะนำแรก เหมือนที่กูเกิล ประเทศไทย แนะนำ Facebook เป็นคำแรกเมื่อกดตัวอักษร F

ถึงตอนนี้คำว่า Chocolate Ville จะตกไปเป็นคำแนะนำลำดับ 4 แต่เมื่อพิมพ์ Cho นอกจากคำว่า Chocolate Ville จะขึ้นมาเป็นลำดับแรก ยังมีคำถามต่อท้ายสุดฮิตให้เลือก 4 คำถามตามมาด้วยว่า เปิดกี่โมง เบอร์โทร. แผนที่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าถึงตอนนี้ช็อกโกแลตวิลล์ก็ยังครองตำแหน่งเดสติเนชั่นฮิตแห่งหนึ่งของคนกรุงที่เลือกไปแฮงเอาต์

ที่มาของไอเดียการเกิดขึ้นของที่นี่ เป็นการต่อยอดธุรกิจของกลุ่มผู้บริหารร้าน Whine I  Love You ที่อยากจะหาสถานที่เที่ยวใหม่สำหรับคนเมือง แล้วเลือกเอาทำเลย่านเกษตร-นวมินทร์ กม.11 พัฒนาร้านอาหารที่เน้นบรรยากาศตกแต่งสถานที่ให้เป็นหมู่บ้านสไตล์ยุโรป สำหรับคนมาเที่ยวพักผ่อนพร้อมกับทานอาหารได้ทั้งแบบครอบครัว คู่รัก และกลุ่มเพื่อน

เมนูไฮไลต์เป็นจานขนมสวยหวานจากช็อกโกแลตและไอศกรีม และอาหารจานเด็ดที่เน้นรสชาติและการจัดแต่งจานที่สวยเข้าตา

ทั้งสถานที่และอาหาร กลายเป็นกฎที่ไม่เป็นข้อบังคับให้คนสมัครใจแชะภาพก่อนรับประทาน เพื่อนำไปแบ่งปันต่อในเครือข่ายสังคมออนไลน์สไตล์คนไทย เพื่อนไม่ได้กินก็อยากจะให้เห็นบรรยากาศ หรืออย่างน้อยก็เก็บประทับใจภาพไว้ตามอัธยาศัยของแต่ละคน

ฟรีมีเดียที่ถูกบอกต่อผ่านความประทับใจของผู้มาใช้บริการรายแล้วรายเล่า กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้ระดับความนิยมของช็อกโกแลตวิลล์เป็นที่ผู้ถึงในโลกออนไลน์ที่คนได้รับข่าวสารอยากไปเห็นด้วยตา ทำให้ช็อกโกแลตวิลล์ยังมีคิวจองจากลูกค้าและรักษาระดับความนิยมมาได้ถึงตอนนี้

ปรากฏการณ์นี้ นับเป็นภาพสะท้อนรสนิยมคนไทยที่ผสมผสานกันระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งสนับสนุนให้สถานที่แห่งนี้ได้รับการพูดถึงโดยไม่ต้องพึ่งงบโฆษณา และเป็นเทคนิคการสร้างเดสติเนชั่นที่ทำให้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วที่เข้ากับยุคสมัยอีกด้วย

ข้อมูลที่คนนำมาโพสต์โชว์ รีวิว ทั้งสถานที่ อาหารคาว ขนม มุมสวย เปิดโอกาสให้ลูกค้าหน้าใหม่อยากไปทดลองใช้บริการ และทำความรู้จักกับสถานที่เบื้องต้นผ่านออนไลน์ได้ครบ ไปมาแล้วหรือยังไม่ไปก็เหมือนไปมาแล้ว แต่ถึงที่สุดต้องหาโอกาสไปมีประสบการณ์ตรงสักครั้ง

เอาเป็นว่าอยากเท่ อยากเก๋ ก็ต้องแวะไปปรากฏตัว แล้วแสดงหลักฐานไว้ด้วยการถ่ายรูป หรือ Check-in ก็ยังดี เหมือนยุคท่านชายพจน์ ในเรื่องปริศนา ที่ใครอยากอินเทรนด์ ซัมเมอร์ก็ต้องไปตากอากาศที่หัวหินประมาณนั้น

องค์ประกอบที่ทำให้ช็อกโกแลตวิลล์ เป็นที่นิยม มีตั้งแต่ไอเดียเบสิกไปจนถึงการสร้างความแตกต่างให้กับสถานที่และบริการที่ตอบโจทย์พฤติกรรมของคนสมัยนี้

เริ่มจากการตั้งชื่อที่ดึงดูดความสนใจ การเลือกคำว่า ช็อกโกแลต ซึ่งเป็นอาหารที่มีคนชอบและรู้สึกดีเมื่อได้กินจำนวนมาก ดูได้จากแบรนด์และยอดขายช็อกโกแลตจำนวนมากจากทั่วโลก หรือจากรสชาติอาหารประเภท นม ขนมทั่วไป จะต้องมีรสช็อกโกแลตออกมาอยู่ในลำดับท็อป 3 เสมอ กรณีที่จะมีรสชาติมากกว่าหนึ่ง

บวกกับคำว่า Ville คำที่หมายถึงสถานที่สวยๆ บ่งบอกว่าต้องเป็นสไตล์ตะวันตก ซึ่งมักจะมาพร้อมรูปแบบและการตกแต่งที่สวยงาม ที่นี่เลือกตกแต่งหมู่บ้านเป็นแบบตะวันตก มีประภาคารสูงเด่นที่จำลองมาจาก Maine’s Harbor Lighthouse ในมลรัฐ Massachusetts เป็นไฮไลต์ให้ถ่ายภาพและชมวิวมุมสูง ส่วนโทนสีของหมู่บ้านก็เลือกสีพาสเทล ที่ทำให้นึกถึงขนมหวานๆ และมีแม่น้ำขนาดย่อมไหลผ่านหมู่บ้าน เป็นวิวที่คนแชร์ไว้หลายมุมทั้งแม่น้ำ สะพาน และทั้งหมดที่พูดถึง

ตัวร้าน Chocolate Ville ก็เลือกนำเสนอเมนูขนมที่มีช็อกโกแลตเป็นไฮไลต์ และออกแบบตกแต่งสถานที่ตามชื่อที่เลือกใช้ เป็นการสะท้อนโพสิชันนิ่งของร้านตั้งแต่การเลือกชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดความสับสน

ก่อนจะตามมาด้วยบริการอาหารในบริการของร้านอาหาร ซึ่งมีการแสดงรายละเอียดเงื่อนไข โปรโมชั่น และบริการต่างๆ ไว้อย่างชัดเจนในเฟซบุ๊กของร้าน ซึ่งเชื่อมต่อโดยตรงจากเว็บไซต์ พร้อมภาพอาหาร

อาหารของร้านมีผสมทั้งไทย จีน ฝรั่ง และอาหารทะเล ในราคาจานละเกือบ 200 บาทขึ้นไป และเกือบ 100 บาทสำหรับเมนูเครื่องดื่ม แต่ละจานเน้นสูตรเด็ดจากเชฟเจ้าของร้าน เพราะสถานที่มาเห็นครั้งเดียวก็อาจจะเพียงพอแล้ว แต่อาหารทานซ้ำได้ โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงและยังประทับใจกับรสชาติที่ถูกใจ

แพ็กเกจสวยให้แชะแล้วแชร์

เมื่อเทียบทุกองค์ประกอบเป็นแพ็กเกจของสินค้าสักแบรนด์ ช็อกโกแลตวิลล์ ก็มีบรรจุภัณฑ์ที่ดูเด่น และแปลกจนผู้บริโภคอยากหยิบมาลิ้มลอง หรือไปดูให้เห็นกับตา และที่ทำให้น่าสนใจมากขึ้นก็คือ เป็นของที่ดูสวย ดูแพง ใช้แล้วโชว์ได้ เข้ากับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ชอบบอกเล่าประสบการณ์ด้วยภาพมากๆ

ไลฟ์สไตล์แต่ละคนก็แตกต่าง มีมุมมองต่าง และต่างก็มั่นใจว่ามุมที่ตนเลือกสวยที่สุด จำนวนภาพของแบรนด์ช็อกโกแลตวิลล์ที่ถูกแชร์ในสังคมออนไลน์จึงมากมายและหลากหลายไปด้วย

เมื่อคนหนึ่งทำ คนอื่นก็ทำตาม ยิ่งเพื่อนแนะนำ ยิ่งพิจารณาว่าสมควรไป กลายเป็นกระแส เหมือนที่สินค้าหลายแบรนด์เกิดขึ้นเพราะกระแส แต่เมื่อได้กระแสแล้ว สถานที่ บริการ และอาหาร ก็ต้องรับหน้าที่ต่อทำให้ลูกค้าประทับใจ ก็จะเป็นตัวเลี้ยงกระแสที่เกิดขึ้นต่อไป เพราะอำนาจการบอกต่อให้ผลรุนแรงทั้งในแง่บวกและลบ ยิ่งในโซเชี่ยลเน็ตวิร์คด้วยแล้ว

ถ้าดีจริงกระแสก็จะไม่หยุดในช่วงเวลาสั้นๆ ยิ่งถ้ารู้สึกดีๆ ต่อแบรนด์ กระแสอาจจะไม่ฮิตเท่าช่วงแรกแต่ก็จะไม่หายไป เหมือนที่คนจำนวนหนึ่งยังแชร์ภาพการดื่ม การพักในร้านกาแฟดังอยู่เรื่อยๆ

แล้วอะไรที่คนประทับใจจริง ภาพที่แชร์แม้จะออกไปพร้อมกับคำพูดหรือคำบรรยายสั้นๆ แต่จะเป็นคำที่มาจากใจที่ผู้รับสัมผัสได้ เช่น อืม…อร่อยจริง สวยจริง หมดเกลี้ยง ฯลฯ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาของผู้บริโภคคนต่อไปได้เร็วกว่าโฆษณา

ทั้งนี้ แม้กระแสทั้งหมดจะดูเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เบื้องหลังเทรนด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งปรากฏการณ์ของช็อกโกแลตวิลล์ ล้วนเป็นสิ่งที่ผ่านการคิดวางแผนการตลาด และวางคอนเซ็ปต์ร้านที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยมาแล้วอย่างดี รวมถึงการดูแลสินค้าให้ได้มาตรฐานอย่างรอบคอบ ที่สำคัญต้องไม่ละเลยบริการและการสร้างประสบการณ์กับลูกค้าให้ประทับใจโดยเฉพาะลูกค้าที่ตั้งใจมาใช้บริการ
     

มาจากเสื้อยืดช็อกโกแลต
ถ้าอยากรู้ที่มาของ “ช็อกโกแลตวิลล์” มากขึ้น ก็ต้องรู้ว่าเจ้าของตัวจริง คือ “สมนึก สิงห์พัฒนกุล” ผู้ผลิตเสื้อยืดยี่ห้อช็อกโกแลต ที่คนวัย 40 อัพน่าจะรู้จักกันอย่างดี นอกจากนี้ ยังเป็นเจ้าของร้านอาหาร ไฮไลต์ นิวไลท์ และเป็นพ่อแท้ๆ ของ วิน สิงห์พัฒนกุล ผู้ที่รักการเป็นเชฟ และเจ้าของไวน์ ไอ เลิฟ ยู ใน CDC เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา

]]>
14960
นิชคุณ ยังไงคนไทยก็ยังรัก https://positioningmag.com/14962 Mon, 24 Sep 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14962

หลังจากที่ นิชคุณ หรเวชคุณ ประสบอุบัติเหตุจากกรณีเมาแล้วขับ เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ก็กลายเป็นข่าวใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกาหลีใต้ที่เกิดเหตุ จนสวนน้ำ “แคริบเบียน เบย์” ตัดภาพนิชคุณออกจากสื่อประชาสัมพันธ์ แต่มื่อพบว่านิชคุณดำเนินการตามกฎหมาย สวนน้ำแห่งนี้ก็กลับมาใช้ภาพนิชคุณอีกครั้งแล้ว แต่งานโชว์ตัวอื่นๆ ทางค่าย JYP ต้นสังกัดก็ยังคงระงับไปก่อน

อย่างไรก็ตาม นิชคุณ คือแหล่งที่มาหลักของ JYP จากเดิมที่ค่ายประสบภาวะขาดทุนมาโดยตลอด แต่เมื่อปี 2011 ที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่ JYP พ้นขาดทุน และครึ่งหนึ่งของรายได้ก็มาจากนิชคุณ ทำให้บรรดา Hottest ของนิชคุณวางใจได้ว่ายังไง JYP ก็ต้องกลับมาสร้างสรรค์งานให้ศิลปินคนนี้แน่นอน

สำหรับกระแสในกลุ่มคนไทยถือว่าระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 56 mlg% จากที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ 50 mlg% ถือว่าเป็นเรื่องจิ๊บๆ จนนักการตลาดเมืองไทยไม่คิดว่าจะสร้างผลในแง่ลบกับแบรนด์ ดังนั้น 2 แบรนด์ใหญ่ที่ใช้นิชคุณเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็ยังเดินหน้าแคมเปญต่อไป โดยซุปไก่สกัดแบรนด์ได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาต่อเนื่องจากเดิมที่เคยใช้แค่ นิชคุณ กับ พีท-พชร เพียงแค่สองคน แต่ตอนนี้ต่อยอดมาถึงกลุ่มคนทำงานอาชีพอื่นๆ ที่เป็นผู้บริโภคทั่วไปเพื่อที่จะบอกว่า ใครๆ ก็ดื่มแบรนด์ได้ทั้งนั้น

ส่วน “มิตซูบิชิ มิราจ” ที่เพิ่งมีกรณีเรียกรถคืน 10,300 คัน เพื่อเข้าเปลี่ยนเกจ์วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ก็ยังคงภาพยนตร์โฆษณาที่นำแสดงโดยนิชคุณอย่างต่อเนื่อง ปิดท้ายด้วยโฆษณาเครื่องกรองน้ำ โคเวย์ ถึงแม้จะเป็นแบรนด์เกาหลีแต่ก็ไม่ได้แอนตี้นิชคุณ กลับใช้โฆษณาตัวเดิมต่อ นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่อง รัก 7 ปี ดี 7 หน หนังเรื่องแรกของนิชคุณก็ยังโกยรายได้ต่อไปหลังจากเข้าฉาย 2 สัปดาห์ก็มียอด 56.5 ล้านบาท เรียกได้ว่าวิกฤตศรัทธาในอีกประเทศหนึ่งก็อาจจะไม่ส่งผลถึงวงการตลาดในอีกประเทศสักนิด

]]>
14962
Too Fast to Sleep ร้านกาแฟของคนไม่หลับ ไม่นอน https://positioningmag.com/14840 Fri, 06 Jul 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14840

แจ้งเกิดมาจากการวางจุดยืนชัดเจนของการร้านกาแฟประเภท 24 ชั่วโมง “Too Fast to Sleep” ที่ตั้งใจเจาะกลุ่มยอดมนุษย์ค้างคาว หนุ่มสาวทำงานดึก และคนเมืองที่ใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านมากขึ้น ที่นี่จึงกลายเป็นโอเอซิสของนักศึกษาใกล้สอบ เป็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนของคนแกร่วยามค่ำ เอาใจด้วยโซนกาแฟและเบเกอรี่ที่เปิด 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ผู้ไม่หลับไม่นอน 

Too Fast to Sleep เปิดบริการเมื่อ 10 มกราคมปี 2555 ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Take a Nap โฮสเทลเก๋ๆ ที่ชูจุดขายชวนงีบด้วย “Sleeping Room” ติดกับ MRT หัวลำโพง  ร้าน Too Fast to Sleep ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว หากคะเนด้วยสายตาจากจำนวนผู้มาใช้บริการที่ล้นไปตามขั้นบันไดในช่วงสอบ ต้นกำเนิดความสำเร็จนี้มาจากความฝันและการลงทุนราว 10 ล้านบาทของ “อเนก จงเสถียร” เจ้าของบริษัทเอ็มเอ็มพี ผู้ผลิตฟิล์มถนอมอาหาร M Wrap  

“ช่วงใกล้สอบปริญญาโท คุณอเนกหาที่อ่านหนังสือไม่ได้ อ่านที่บ้านก็เบื่อ อยากเปลี่ยนบรรยากาศก็ต้องไปอ่านตามบ้านเพื่อน ตามที่ทำงาน ห้องสมุดในมหาวิทยาลัยก็ห้ามทำกิจกรรม ห้ามกินขนม ห้ามคุยเสียงดัง เลยมีความคิดที่จะทำคาเฟ่ในคอนเซ็ปต์ Dessert Library บริเวณด้านบนของศูนย์อาหารสามย่านสเตชั่น คุณอเนกเป็นเจ้าของ โดยมีหลานชายหรือคุณต่าย –นัฐฐพนท์ ลียะวณิช ดาราหนุ่ม มาช่วยบริหารงาน” เอกชัย ผู้จัดการร้าน Too Fast to Sleep เล่าถึงที่มา

คอนเซ็ปต์ Dessert Library เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้คุยไป อ่านหนังสือไป กินไป แต่จำกัดว่าต้องเป็นอาหารที่สั่งภายในร้าน เมื่อยๆ ง่วงๆ ก็ฟุบได้ นั่งหลับได้ เว้นเสียแต่การนอนราบเหยียดขา ที่ทางร้านไม่อนุญาต 

Too Fast to Sleep จัดแบ่งฟังก์ชันการให้บริการออกเป็น 4 โซน ทุกโซนปิดเวลาเที่ยงคืน แต่เปิดให้บริการในเวลาที่แตกต่างกัน ยกเว้นโซน Library ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง เอกชัยให้เหตุผลว่า ที่ต้องจำกัดโซนเวลาเพราะต้องการควบคุมการใช้พลังงาน

ด้านล่างของร้านมีห้องนั่งเล่นและห้องอาหาร Secret Chamber หรือห้องแห่งความลับ สร้างบรรยากาศแบบห้องใต้หลังคา เสิร์ฟไวน์ เบียร์ ค็อกเทล รวมถึงอาหารไทยและเทศในราคาตั้งแต่ 80–1,000 บาท 

ชั้นสองเป็นโถง Library ตกแต่งด้วยชั้นหนังสือ กระดานดำ และหนังสือภาษาอังกฤษเชิงไลฟ์สไตล์นับหมื่นเล่ม ว่าด้วยศิลปะ การทำอาหาร และท่องเที่ยว จำลองบรรยากาศห้องสมุดเน้นความโอ่โถงด้วยกระจกบานใหญ่ตลอดแนวร้าน และในโซน Library ยังแบ่งออกเป็นพื้นที่ “นั่งนาน” ซึ่งมีทั้งโต๊ะเก้าอี้แบบประชุมงานและโต๊ะนั่งพื้นแบบญี่ปุ่นไว้นั่งเล่นชิลๆ 

ส่วนที่ติดกับเคาน์เตอร์เครื่องดื่มและอาหารว่าง เป็นพื้นที่ “นั่งนิด” เหมาะสำหรับคนที่ต้องการนั่งๆ สบายๆ บนโซฟา แต่จำกัดเวลานั่งไม่เกิน 1 ชั่วโมง ส่วนด้านนอกเป็นระเบียงที่เปิดให้บริการยามอาทิตย์ร่มลมตก 

รวมทั้งสิ้นทางร้านรองรับลูกค้าได้ประมาณ 300 คนในคราวเดียว ค่าใช้จ่ายต่อหัวเฉลี่ย 200 บาทต่อการเข้ามาใช้บริการหนึ่งครั้ง

 “ตอนแรกไม่ได้เจาะจงกลุ่มเป้าหมาย แต่กะว่าน่าจะเป็นวัยทำงาน เพราะอยู่ตรงข้ามจามจุรีสแควร์และใกล้สีลม แถมด้านล่างยังเป็นศูนย์อาหารติดแอร์สำหรับคนออฟฟิศ แต่ไปๆมาๆ นักเรียน นักศึกษาเยอะขึ้น ครองพื้นที่ราว 80% คนทำงานมีเพียง 20%”

การให้บริการ 24 ชั่วโมง มาจากการสังเกตจากพฤติกรรมของคนทำงานจำนวนมากที่ต้องอยู่ดึกเพราะทำงานไม่เสร็จหรือคิดงานไม่ออก โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้ความคิด เช่น สถาปนิกที่ต้องการพื้นที่ให้สมองได้แล่น ได้มองกรุงเทพฯ และผู้คนผ่านกระจกใสบานใหญ่ ได้คุยงาน ทานกาแฟแก้ง่วง ทานขนมแก้เครียด 

แต่ร้านกาแฟที่เปิดดึกกว่าสี่ทุ่มมีไม่เพียงพอสำหรับตอบสนองคนกลุ่มนี้ และเพื่อตอกย้ำจุดขายพร้อมสร้างความต่าง นอกจากให้บริการฟรี Wi-Fi ตลอดคืน ก็เลยมีปลั๊กไฟและสายพ่วงให้ใช้กันฟรีๆ  

ช่วงเช้าเป็นลูกค้าชาวต่างชาติมากินกาแฟซะเยอะครับ ตกบ่ายเป็นพวกคนออฟฟิศพักเบรก ส่วนช่วงเย็นๆ ถึงหัวค่ำเป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ตกดึกๆ คนทำงานถึงกลับมาอีกรอบ ช่วงสาม-สี่ทุ่มเป็นช่วงที่ลูกค้าเยอะสุด มีคนมาใช้บริการราว 150–200 คน ยิ่งถ้าเป็นคืนวันศุกร์-เสาร์ อยู่ยาวหลังเที่ยงคืนเป็นร้อยคน บางคนก็อยู่ถึงเช้าจริงๆ เด็กบางคนใส่เสื้อนักศึกษาแต่ท่อนล่างเป็นกางเกงเลเตรียมนอนเรียบร้อย” เอกชัยถ่ายทอดประสบการณ์ที่ได้คลุกคลีกับลูกค้าให้ฟัง

โลเกชั่นที่ได้เปรียบของ Too Fast to Sleep ซึ่งอยู่ตรงข้ามจามจุรีสแควร์ อยู่ใกล้สถาบันการศึกษาและโรงเรียนกวดวิชา อาทิ จุฬาลงกรณ์ เตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนสาธิตในย่านใกล้เคียง ทำให้มีฐานลูกค้าเป็นเด็กรุ่นใหม่จำนวนมาก เด็กกลุ่มนี้ปรับตัวเร็ว ชอบลองของใหม่ และมีกำลังจับจ่าย

ขณะที่คนทำงานในย่านสีลมและพระรามสี่ก็เดินทางสะดวกด้วย MRT เพียงหนึ่งถึงสองสถานี เครื่องดื่มที่เริ่มต้นด้วยราคา 80 บาท แถมด้วยบรรยากาศที่เป็นใจให้ทำงานกว่านั่งทรมานที่ออฟฟิศ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไอทีและอินเทอร์เน็ตแบบครบครัน ทำให้ Too Fast to Sleep เป็น Third place ที่กำลังมาแรงสำหรับมนุษย์ออฟฟิศในเมือง

นอกจากเป็นที่ฝังตัว ที่นี่ยังเป็นจุดนัดพบของกลุ่มก๊วนทุกเพศทุกวัย แบบไม่มีสายตาจ้องจับผิดว่าคุณสั่งอะไรทานแล้วหรือยัง ตอบสนองความเป็นคอมมูนิตี้ของคนรุ่นใหม่ทั้งในลักษณะออนไลน์และออฟไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง

 

สถิติของร้าน 

– 200 บาท คือค่าใช้จ่ายต่อคนในการเข้ามาใช้บริการหนึ่งครั้ง

– ลูกค้า 80% เป็นนักศึกษา 20% เป็นคนทำงาน

– ช่วงสาม-สี่ทุ่ม เป็นช่วงที่ลูกค้าใช้บริการมากที่สุดคือ 150–200 คน

– 13 ชั่วโมง คือเวลาที่ลูกค้าเคยนั่งนานที่สุด 

 

จุดเด่น

– ทำเลร้านตั้งอยู่กลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า สถาบันการศึกษา และย่านธุรกิจ เดินทางสะดวก

– ให้บริการไวไฟฟรี พร้อมกับมีปลั๊กและสายต่อพ่วง ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

– นักศึกษาและกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นกลุ่มที่นิยมลองของใหม่ 

– สื่อโซเชี่ยลมีเดียช่วยกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อปากต่อปาก 

– การออกแบบภายในร้านเน้นการอ่านและทำงาน ความแตกต่างไปจากร้านกาแฟ 24 ชั่วโมงที่เปิดมาก่อนหน้านี้ 

 

จุดอ่อน

– เมื่อกลุ่มนักศึกษาเป็นลูกค้าหลักถึง 80% ยอดขายและคนเข้าจะตกในช่วงปิดเทอม

– นักศึกษาจะมีกำลังซื้อน้อยกว่าคนทำงาน จำนวนการซื้อแต่ละครั้งอาจไม่เยอะ

– ต้องบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดูแลร้านตลอด 24 ชั่วโมง 

– ตลาดมีคู่แข่งอยู่แล้ว โดยเฉพาะธุรกิจ QSR ที่หันมาเปิด 24 ชั่วโมงมากขึ้น 

 

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>ร้าน
/ แบรนด์

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>สาขาที่เปิด
24 ชั่วโมง

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>อินเทอร์เน็ต
สตาร์บัค สาขาสนามบินสุวรรณภูมิ จำหน่ายชั่วโมงอินเทอร์เน็ตของ KSC คอฟฟี่เวิลด์ สาขาถ.ข้าวสาร,
สนามสนามบินสุวรรณภูมิ ฟรี Wi-Fi แมคคาเฟ่
(แมคโดนัลด์) 50 สาขาทั่วประเทศ จำหน่ายชั่วโมงอินเทอร์เน็ตของ CAT บ้านใร่กาแฟ สาขาเอกมัย –

]]>
14840
“โดม” The Star 8 ครบรส “ดราม่า” คลุกเคล้า “CSR” https://positioningmag.com/14732 Wed, 06 Jun 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14732

 

“…คุณเลือกเขามาแล้ว อย่าทิ้งเขานะครับ ช่วยกันสนับสนุนเขาต่อไป ไม่ใช่แค่ในฐานะนักร้อง แต่ให้เขาได้เป็น…แบบอย่างและแรงบันดาลใจ…”  

สาระคำพูดของ บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ ผู้ให้กำเนิดรายการ The Star การประกวดเพื่อค้นหานักร้องที่เพิ่งจบปีที่ 8 ไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2555 

คืนเดียวกับที่เขาพูดประโยคนี้เพื่อแสดงความยินดีกับ โดม – จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม หลังจากมอบถ้วยรางวัล The Star ให้กับ “โดม” ในฐานะผู้ชนะบนเวที 

รายการเดอะสตาร์ เป็นความฝันของคนรุ่นใหม่ คนที่จะกล้าก้าวเข้ามาหาโอกาสให้กับตัวเองซึ่งต้องมีความมั่นใจและมุ่งมั่นที่จะทำตามฝันอย่างจริงจัง จึงไม่แปลกที่ 8 คนสุดท้าย รวมทั้งคนที่ได้ตำแหน่งเดอะสตาร์หลายคน เป็นประเภท “แพ้แล้วไม่ท้อ” แต่พร้อมที่จะกลับเข้าสู่การคัดเลือกซ้ำอีก แม้บางคนจะเคยถูกคัดออกตั้งแต่รอบคัดเลือกก็ตาม  

คงไม่มีใครปฏิเสธว่าประเด็นแพ้แล้วไม่ท้อ แต่ยังคงมุ่งมั่นก้าวตามฝัน คือเรื่องราวที่รายการเดอะสตาร์พยายามเสนอมาตลอดระยะเวลา 8 ปี แม้จะถูกจิกกัดว่าเป็น “ดราม่า” หรือ “มาม่า” ศัพท์แสลงที่ใช้กันมากโดยเฉพาะในเว็บพันทิป  

เช่นเดียวกับโดม หรือ “โดมเรมอน” ฉายาใหม่ของ จารุวัฒน์ ที่พี่โจ้ สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา หนึ่งในคอมเมนเตเตอร์เรียกขานเป็นคนแรกในฐานะที่โดมสามารถแสดงความสามารถได้หลากหลายเกินคาด ความสามารถของโดมที่พัฒนาและค่อยๆ แสดงให้เห็นนอกเหนือจากเสียงร้องโดดเด่น ความแม่นโน้ต และเทคนิคการร้องที่ทำให้ทุกเพลงที่ร้องเหมือนเป็นเพลงของตัวเอง เป็นสิ่งเติมเต็มที่ทำให้โดมเพิ่มระดับแฟนคลับและเสียงโหวตมากขึ้นๆ ในทุกๆ สัปดาห์ของการแข่งขัน  

“แฟนคลับแรกๆ จะเป็นเพื่อนๆ กัน จากโต๊ะที่คณะ ชื่อโต๊ะหางนกยูงเป็นโต๊ะของนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ ช่วงหลังจะเริ่มเห็นคนที่เราไม่เคยรู้จัก คนใต้ก็เยอะ บางคนก็ติดตามเรื่องครอบครัวด้วย ตอนหลังมีถึงขนาดมาช่วยเหลือที่บ้าน คอยมารับมาส่งคุณพ่อคุณแม่ที่ขึ้นมาดูการแข่งขัน” โดมให้ข้อมูลกับ POSITIONING 2 วันหลังชนะการประกวด

ถ้าย้อนถามถึงความรู้สึกตอนได้รับคัดเลือกเข้ามาเป็น 8 คนสุดท้ายของเดอะสตาร์ปี 8 โดมบอกว่า ถือเป็นความสำเร็จขั้นแรก และลบสิ่งที่ค้างคาใจไปได้ว่าทักษะด้านการร้องเพลงที่เขาพัฒนาตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง สามารถเอาชนะรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการตอบรับของสังคมที่ยอมรับเรื่องของคุณภาพเสียงร้องมากขึ้น

หากจะให้ถ่ายทอดความรู้สึกนี้ออกมา ก็คงไม่ต่างจากประโยคที่เขาพูดในระหว่างคอนเสิร์ตรอบ 3 คนสุดท้ายที่ว่า

“จริง ๆ แล้ว ผมเป็นคนหนึ่งที่มีความฝันนะครับ แต่ว่าผมไม่เคยกล้าที่จะเดินตามฝัน ด้วยความคิดที่คิดอยู่เสมอครับว่า เด็กอ้วนๆ ดำๆ คนหนึ่งฝันที่จะเป็นนักร้องและก็อยากจะให้ทุกคนยอมรับ มันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าวันนี้ ผมมายืนอยู่ตรงนี้ มันเป็นความรู้สึกที่เกินฝันมากๆ ครับ”

โดมเล่าว่า เขาเคยเข้าร่วมคัดเลือกกับเดอะสตาร์ครั้งแรกประมาณ 4-5 ปีก่อน 

“ตอนนั้นเรียนอยู่มัธยม เด็กมากๆ ไม่เคยฝึก จนเข้ามหาวิทยาลัย ได้ลองหาประสบการณ์ทำงานร้องเพลงกลางคืน มีประสบการณ์กับดนตรี มีคนช่วยดูแล ช่วยเหลือ ช่วยสอน คิดว่าน่าจะพร้อมเลยมาสมัคร” 

ปัจจุบันโดมมีสถานะเป็นนักศึกษาปี 2 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเดิมเขาเคยคิดที่จะเลือกเรียนนิเทศศาสตร์ แต่ด้วยความรู้สึกอยากทำในสิ่งที่คุณพ่อชอบ เลยตัดสินใจสอบเข้านิติศาสตร์เพื่อเป็นกำลังใจให้คุณพ่อซึ่งเคยเป็นกำลังหลักของครอบครัวที่ล้มป่วยลงได้รับความรู้สึกดีๆ 

เรื่องราวดราม่าในเดอะสตาร์ จะมาจากข้อมูลที่ผู้เข้าแข่งขันกรอกไว้ในใบสมัคร ซึ่งนอกจากข้อมูลประวัติส่วนตัวจะมีคำถามที่เกี่ยวกับความรู้สึกด้วย เช่น เหตุการณ์ที่เศร้า หรือสุขที่สุดในชีวิต เป็นต้น ซึ่งกลายเป็นสตอรี่ในการดำเนินรายการสำหรับผู้สมัครแต่ละคนที่จะถูกหยิบมาพูดถึงในโอกาสต่อๆ ไป 

“รายการเราไม่ได้วางเรื่องดราม่า เรื่องราวพวกนี้ผู้สมัครวางของเขากันเองเพราะชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน ในแบบสอบถามเรามีให้ทุกคนกรอก แต่การคัดเลือกเสียงต้องมาก่อน หน้าตาอาจจะมีบ้าง พอเข้ารอบมาแล้วอาจจะเอาข้อมูลในใบสมัครมาเป็นส่วนประกอบบ้าง” ทีมงานเอ็กแซ็กท์ให้ข้อมูลเสริม 

 นอกจากประกวดเพื่อหานักร้องเสียงคุณภาพ อีกมุมหนึ่งของเดอะสตาร์ จึงมักจะได้รับการพูดถึงแทบทุกปีว่า เป็นรายการที่ “ดราม่าเด่น” ด้วย 

เดอะสตาร์เป็นรายการที่ไม่มีเงินรางวัลก้อนโตให้กับผู้ชนะ สิ่งที่ให้เป็นเพียงโอกาสสำหรับผู้ใฝ่ฝันจะเป็นนักร้อง นั่นคือการได้ออกอัลบั้มเพลงเป็นของตัวเองเต็มๆ หนึ่งอัลบั้มภายในระยะเวลา 1 ปี และงานโชว์ต่างๆ  ซึ่งทีมงานเอ็กแซ็กท์ให้ข้อมูลว่าอย่างน้อยๆ ผู้ชนะจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่าเลข 7 หลักในช่วง 1 ปีที่ครองตำแหน่ง

“ตอนนี้เรื่องอัลบั้มยังไม่ได้เริ่ม โปรแกรมงานของผมจะเหมือนกับเพื่อนๆ เพราะอยู่ในช่วงทำอัลบั้มรวมเดอะสตาร์ 8 การทำอัลบั้มเดี่ยวเป็นความใฝ่ฝัน เป็นโอกาสที่ได้มาแล้ว และต้องทำ ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องดูว่าจะมีโอกาสอะไรเข้ามา ซึ่งผมอยากทำทุกอย่างที่มีคนเปิดโอกาสให้ลองทำ”

นี่คือการตั้งรับสำหรับโอกาสใหม่ๆ ของโดมหลังรับตำแหน่ง แต่สิ่งที่เขาเขียนในใบสมัครว่าอยากทำมากที่สุดหากเลือกได้คือ “อยากร้องเพลงละคร”

แม้หลายคนจะมองว่าโดมมีความสามารถในการร้องเพลงระดับนักร้องอาชีพ แต่คำแนะนำจากคุณบอยที่เขาได้รับ ยังเน้นให้ปรับปรุงเรื่องการร้อง โดยเฉพาะการสื่อสารในสิ่งที่ร้องออกไป 

“คุณบอยแนะนำว่า เข้าเพลงแล้วร้องโดยไม่รู้สึก อย่างไรมันก็ไม่เพราะ แต่ถ้าส่วนตัวผม สิ่งที่อยากปรับปรุงมากที่สุดคือเรื่องของบุคลิกภาพ การจัดระเบียบร่างกาย เพราะเวลาออกทีวี รูปร่าง ลักษณะท่าทางที่คนเห็นเป็นส่วนสำคัญ ไม่ต้องทำให้หล่อ แต่ทำอย่างไรให้มันน่าดู และให้คนดูแล้ว รู้สึกสบายใจ” 

ใครที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย…กับคำแนะนำของคุณบอยและสิ่งที่โดมต้องการปรับปรุงตัวเอง แนะนำให้กลับไปดูเทปประกวดในเพลง “คำอธิษฐานด้วยน้ำตา” เพลงแรกในชีวิตของโดม ที่แต่งไว้แล้วใกล้เคียงกับชีวิตจริง และตีความได้ทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตทางบ้าน ความรู้สึกของตัวเอง และความรู้สึกของคนที่มีคนรักแล้วคนรักจากไป 

นอกจากดูลักษณะท่าทางภายนอก ดูแล้วให้ลองทายว่า โดมต้องการสื่ออะไรระหว่างร้องเพลงนี้ แล้วมาดูว่าตรงกับความรู้สึกที่โดมบอกไว้นี้ไหม 

“เวลาร้องก็คิดถึงที่บ้านในแง่บวก มันเป็นเพลงเศร้า เนื้อหาพูดถึงความสุขที่ดีมาตลอด วันหนึ่งมันหายไป อยากให้มันกลับมา นึกถึงมันเราก็คงต้องยิ้ม ยิ้มด้วยน้ำตา ก็คงไม่ได้เศร้า ออกมาเป็นความรู้สึกในแง่บวกมากกว่า”

]]>
14732
ถึงเวลา Branded Application https://positioningmag.com/14507 Thu, 08 Mar 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14507

จำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนในไทยเพิ่มขึ้นมาก ดูจากงาน Thailand Mobile Expo 2012” ครั้งที่ 12  ระหว่างวันที่ 26-29 มกราคม ที่ผ่านมาพบว่าสินค้าที่ขายดีภายในงาน ประกอบด้วยแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนที่มีราคา 8,900 บาทขึ้นไป ทำให้หลายแบรนด์เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการสร้าง Branded Application บนสมาร์ทโฟนมากขึ้น 

โออิชิ สร้างแอพฯ ค้นหาร้านอาหารในเครือโออิชิ ที่ใช้ได้ทั้ง iOS, Android และ Symbian ความน่าสนใจของแอพฯ นี้ก็คือช่วยให้ผู้บริโภคหาสาขาโออิชิ โดยมีเกม Shabushi Hotto Game มาดึงดูด ให้ผู้ล่นเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเสมือนจริงจนออกไข่ แล้วก็นำไข่ไปแลกเป็นสิทธิประโยชน์ที่ร้านอาหาร ถือว่าเชื่อมโยงโลกออนไลน์มาสู่โปรโมชั่นส่งเสริมการขายได้จริง 

แบรนด์โฟร์โมสต์เลือกทำ Branded Appในรูปแบบของเกมสร้างการรับรู้สินค้าใหม่ โฟร์โมสต์นมกล้วย ผ่าน Banana Mania เกมที่จะต้องพาเจ้าลิงน้อยไปไกลที่สุด โดยการเติมพลังด้วยโฟร์โมสต์นมกล้วย

ทั้งโออิชิและโฟร์โมสต์เป็นแบรนด์ที่เพิ่งเปิดตัว Branded App ออกมาล่าสุด ยังมีอีกหลายแบรนด์ หลายสินค้าที่ทำแอพพลิเคชั่นออกมาเพื่อสื่อสารแบรนด์ หรือช่วยให้ลูกค้าใช้บริการของสินค้าตัวเองได้มากที่สุด แบรนด์ไหนยังไม่ทำแอพฯ ก็ทำให้พลาดช่องทางการสื่อสารอีกทางที่จะเข้าถึงผู้บริโภค 

อดิลฟิตรี ประพฤติสุจริต, Managing Director บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ ออนไลน์ แนะนำว่า การทำ Branded App ก็เท่ากับเป็นการนำสื่อไปอยู่ในกระเป๋าของผู้บริโภค ทำให้แบรนด์ได้ใกล้ชิดผู้บริโภคมากขึ้น ข้อมูลที่นำเสนอต้องเป็น ไฮไลต์ที่สำคัญ และต้องพัฒนาให้เหมาะกับโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีความแตกต่างจากเวอร์ชั่นเว็บไซต์ 

]]>
14507
Facebook Timeline ทำอะไรไว้ จำได้นะ https://positioningmag.com/14508 Thu, 08 Mar 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14508

หลังจาก Facebook ประกาศเปลี่ยนแปลงหน้า Interface ของตัวเองเป็นรูปแบบ Timeline ทั้งหมด ทำให้ผู้ใช้งานสามารถย้อนอดีตกิจกรรมเก่าๆ ของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น แต่หลายคนก็ยังเคยชินกับรูปแบบ Facebook แบบเดิมมากกว่า อย่างไรก็ตาม นับจากนี้ Facebook แบบเดิมจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว แต่จะเปลี่ยนเป็น Timeline ทั้งหมด 

เมื่อ Facebook ได้ปล่อย Timeline ออกมาให้ทดลองใช้ระยะหนึ่ง ก็มีหลายแบรนด์เอาประโยชน์ของลูกเล่นใน Timeline มาดัดแปลงเป็นแคมเปญโฆษณา อย่างเช่น Israeli Anti-Drug Authority ที่เซตโพรไฟล์ของผู้ชายคนหนึ่ง แล้วใช้ประโยชน์ของ Facebook Timeline มาโชว์ให้เห็น Before กับ After ของการทำกิจกรรมในชีวิต ก่อน-หลังติดยาเสพติด นอกจากนี้ยังมีเคสของ Instax Yourself ของฟูจิฟิล์ม ออสเตรเลีย ซึ่งทำธีมรูปโพรไฟล์ใน Facebook ให้กลายเป็นภาพที่ถ่ายด้วยกล้อ งInstax Mini 7 งานนี้พื้นที่ Facebook ของผู้เล่นก็เลยกลายเป็นพื้นที่โฆษณาให้กับ Instax Mini 7

แบรนด์ระดับโลก ที่นำประโยชน์ของรูปแบบ Facebook มาโชว์ Product หรือ Brand Identity ได้เห็นชัดขึ้น เช่น Redbull, Mercedes-Benz หน้าตาของ Facebook แบบใหม่นี้ดูจะโดนใจเจ้าของสินค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสินค้ามีดีไซน์ เพราะโชว์รูปให้เห็นแบบบิ๊กไซส์ ด้านเจ้าของสินค้าดูเหมือนจะปรับตัวไปสู่ Facebook โฉมใหม่ได้แล้ว ผู้ใช้งานทั่วไปล่ะ สะสางโพรไฟล์เก่าๆ ก่อนคนปัจจุบันมาเจอหรือยัง เดี๋ยวอดีตจะย้อนมาทำร้ายตัวเองนะ

]]>
14508
ห้องน้ำโชว์เลยไม่ต้องอาย https://positioningmag.com/14509 Thu, 08 Mar 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14509

จากพื้นที่ส่วนตั๊ว…ส่วนตัว อย่างห้องน้ำ กลายมาเป็นพื้นที่สาธารณะมีไว้โชว์ ยิ่งถูกถ่ายภาพและแชร์กับในโซเชี่ยลมีเดียด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ห้างสรรพสินค้า หรือร้านอาหาร เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น 

หลังจาก Terminal 21 ที่ POSITIONING เคยนำเสนอไปแล้วว่าห้องน้ำสวยและสะดวกสบาย ชนิดที่ใครไป Terminal 21 แล้วไม่ได้เข้าห้องน้ำถือว่ายังไปไม่ถึง ล่าสุด Tree Square แหล่งช้อปปิ้งของเด็กมัธยม และคนทำงานย่านทาวน์อินทาวน์ก็เป็นสถานที่ต่อมาที่ถูกพูดถึงว่าห้องน้ำสวย เพราะว่ากลุ่มเป้าหมายมีแต่วัยรุ่นกับคนทำงานโปรดักชั่นเฮาส์ วิธีการสร้างกิมมิกให้กับสถานที่จึงเป็นเรื่องสำคัญ Tree Square เนรมิตห้องน้ำให้กลายเป็นห้องนั่งเล่นสไตล์คิกขุ สมกับลูกค้าวัยใส และเพิ่มจุดขายอีกอย่างคือเป็นย่านที่มีธุรกิจของดาราหลายคน เช่น ต้อม-รัชนีกร, เอ-ศุภชัย

]]>
14509
ตึกร้าง…พื้นที่โฆษณาที่ยัง Impact https://positioningmag.com/14510 Thu, 08 Mar 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14510

เส้นทางด่วน ทั้งบริเวณก่อนตู้จ่ายเงิน, เส้นทางด่วน หรือแม้แต่ตึกร้างข้างทางด่วนที่ตอนนี้กลายเป็นพื้นที่โฆษณาที่หลายแบรนด์จับจอง ด้วยขนาดพื้นที่ที่กว้าง และลูกเล่นบางอย่างที่พัฒนาเอาตึกเก่ามาสร้างสรรค์เป็น Execution อิงกับความเฉพาะเจาะจงของพื้นที่ เหนือสิ่งอื่นใดคือจำนวนของผู้พบเห็น ซึ่งมีการประเมินว่า เส้นทางถนนบางนา-ตราด จะมีผู้ผ่านบริเวณดังกล่าวถึง 2 ล้านคนต่อวัน  

ทั้งหมดนี้จึงป็นที่มาของแคมเปญโฆษณาที่อาศัยตึกร้าง ไม่ว่าจะเป็นโอโม, เนเจอร์กิฟ และล่าสุดกับแบรนด์ไฮเนเก้น ที่ท้าทายผู้พบเห็นด้วยการปูสีเขียวเอกลักษณ์สำคัญของแบรนด์กับดาวแดง เพื่อ Pre-Launch โกลบอลแคมเปญของไฮเนเก้นที่เชื่อว่า ไฮเนเก้นจะมีส่วนใน “ปาร์ตี้” ของผู้บริโภคได้ตลอด เพื่อดึงไปสู่ Tag Line ใหม่ของไฮเนเก้นที่ชื่อว่า Open Your World 

]]>
14510
ธุรกิจหมา หมา https://positioningmag.com/14506 Tue, 06 Mar 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14506

ปัจจุบันคนแต่งงานช้าลง หรือน้อยลง อยู่คนเดียวมากขึ้น ดังนั้นเพื่อผ่อนคลายความเหงาของตัวเอง จึงต้องอาศัยสัตว์เลี้ยงแสนรักมาเป็นเพื่อน จากอินไซท์นี่เอง เป็นที่มาของธุรกิจแปลกๆ ขึ้นมาเพื่อรองรับลูกค้าคนรักสัตว์ เช่น โลงศพสุนัข บริการสปา หรือแม้แต่ดูดวงน้องหมา  

ผู้บริโภคกลุ่มคนรักสัตว์มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน ความเป็นชุมชนเมืองก็ดูจะสร้างความลำบากให้กับพื้นที่เลี้ยงสุนัข, แมว แฮปปี้คอนโด ของบริษัท อินฟินิท เรียลเอสตท จำกัด จึงต้องการจับตลาดกับคนกลุ่มนี้ ด้วยการชูจุดขาย เป็นคอนโดที่อนุญาตให้เลี้ยงหมา แมวได้เปิดเผย ไม่ต้องแอบหิ้วหมาขึ้นห้อง พร้อมทั้งกิจกรรมการตลาด Pre-Sale Party – Love me Love my dog ที่โชว์ให้เห็นชัดๆ กันไปเลย ว่าเจาะกลุ่มคนรักสุนัข 

ยังคงมีธุรกิจอื่นๆ ที่เล็งเห็นโอกาสนี้ เช่น การท่องเที่ยว มีรีสอร์ตมากมายอนุญาตให้พาสุนัขเข้าพักด้วยได้ และถูกบอกต่อกันในเว็บบอร์ด เช่น ธุรกิจจัดทัวร์พาน้องหมาเที่ยว Doghall On Tour 

ห้างสรรพสินค้าอย่างเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ก็จัดงาน Dog Community 2011@CentralPlaza Chaengwattana นอกจากจะมีสุนัขหายากมาโชว์ตัวเยอะแยะ งานนี้ยังมีเหล่าไฮโซที่อุ้มสุนัขของตัวเองมาเปิดตัว ซึ่งงานนี้ก็ดึงดูดคนรักหมาให้มาทำความรู้จักกับสาขาเซ็นทรัล ที่ต้องนับว่าเป็นสาขาที่ยังใหม่อยู่

จะเห็นได้ว่าทั้งสามแบรนด์ที่หันมาเอาใจคนรักหมา ล้วนแล้วแต่ทำธุรกิจที่มีอยู่แล้วในตลาด เพียงแค่ใส่กิมมิกเรื่องหมา หมาเข้าไป ก็กลายเป็นบิสสิเนสที่เอาใจคนได้แล้ว 

แฟชั่นหมาก็มีแบรนด์

Doggy Dolly เป็นแบรนด์แฟชั่นที่ตอนนี้กำลังฮิตในกลุ่มคนรักสุนัข ถึงขนาดว่านักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่รู้จักแบรนด์นี้ ต้องพาทัวร์มาลงเพื่อช้อปปิ้งสินค้ากลับประเทศ ดังนั้นการทำตลาดของแบรนด์นี้จึงสื่อสารไปถึงกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่มีแต่ภาษาอังกฤษล้วนๆ โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด ก็จะเป็นพวกกระเป๋าดีไซน์เก๋ รองลงมาเป็นพวกเสื้อผ้า  

]]>
14506