ไม่รู้ว่ายังจะจำกันได้หรือเปล่า ช่วงที่ พอลล่า เทเลอร์ เปิดตัวออกมาใหม่ นิตยสารแต่ละเล่มพร้อมส่งเธอขึ้นปกแทบทั้งนั้น เห็นได้ว่า แต่ละเดือนจะต้องมีหน้าพอลล่าขึ้นปก เวลาผ่านไป หน้าใหม่มาหน้าเก่าเริ่มหดหาย แต่กระแสน้องพอลล่าก็มีมาเป็นระลอกๆ จนกระทั่งบรรจบพบกันอีกครั้งเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ 2 นิตยสารคือ Lisa weekly และนิตยสารใหม่อย่าง Woman Plus พร้อมใจกันเอาน้องพอลล่ามาขึ้นปกพร้อมกัน

อย่างนิตยสาร Lisa Weekly ที่เพิ่งปรับโฉมใหม่ โดยเพิ่มคอลัมน์ต่างๆ เข้าไปเพื่อให้มีความหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งปรับสไตล์ในคอนเซ็ปต์สาวโมเดิร์น ฉลาด สดใส ร่าเริง มีสไตล์ เป็นเหมือนเพื่อนผู้รู้ใจและเข้าใจผู้หญิงทุกเพศทกุวัย ทำให้ทางนิตยสาร Lisa Weekly เลือกพอลล่ามาขึ้นปกเล่มแรกในการปรับโฉม เพราะตรงกับคอนเซ็ปต์

ส่วนนิตยสาร Woman Plus นิตยสารน้องใหม่ในเครือ GM Group ก็นำพออล่ามาประเดิมปกเล่มแรกเช่นกัน ด้วยเหตุผลที่ไม่ต่างกันมากนัก คือคอนเซ็ปต์นิตยสารสำหรับผู้หญิงทันสมัย ฉลาด สดใส รอบรู้เท่าทันสังคม บวกกับต้องการให้เล่มแรกภาพนั้นดูสดใส พอลล่าจึงเหมาะกับลุคนี้มากที่สุด

เรียกได้ว่า ภาพลักษณ์ของตัวพอลล่าเอง ที่หลายคนมีความเห็นตรงกันก็คือ สดใสน่ารัก ฉลาด ร่าเริง นั่นเอง

Profile
Name : พัลลภา (พอลล่า) เทเลอร์
Age : 22 ปี
Birthday : 22 มกราคม 2526
Education : จบมัธยมปลายจาก Australia
ผลงานภาพยนตร์ : 999 ต่อ ติด ตาย, Sex Phone คลื่นเหงาสาวข้างบ้าน, พระ เด็ก เสือ ไก่ วอก
ละคร : ชิชา…สาวน้อยมหัศจรรย์

(Somebody คอลัมน์ใน Magazine Survey รวบรวมเรื่องราวบุคคลน่าสนใจที่ตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ)

เวลาที่อ่านนิตยสารต่างๆ แล้วเจอเรื่องราว ประสบการณ์ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ทุกอย่างมันคือกำไรที่สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเองได้ ผู้ที่คอยเฟ้นหาเรื่องราวเหล่านั้นมาเล่าสู่คนอ่าน เกิดจากการหล่อหลอมความคิดของตัวบรรณาธิการ บรรณาธิการบทความ และตัวนักเขียนเอง

ทัศนีย์ สิริเลิศประเสริฐ Feature Editor หรือบรรณาธิการบทความของนิตยสาร Cleo เริ่มต้นจากการเป็น Producer รายการสารคดีที่ออกช่วงข่าว และผันตัวเองไปทำงานด้าน Promotion & Advertising หลังจากที่เรียนจบปริญญาโทด้าน PR

ส่วนเส้นทางด้านนิตยสารของเธอเริ่มต้นจากการเป็นนักเขียนตัวเล็กๆ ให้กับนิตยสาร Cleo ซึ่งการเป็นนักเขียนของที่นี่นั้นแตกต่างจากที่อื่น เพราะจะมีความหลากหลายกว่า ให้เขียนหลายๆ เรื่อง ต่างจากนิตยสารเล่มอื่นตรงที่ถ้าใครเป็นนักเขียนเรื่อง Beauty ก็จะเขียนเฉพาะเรื่องนั้นตลอด

“วันแรกที่ทำงานก็จะได้ List มาว่าต้องทำคอลัมน์เรื่องอะไรบ้าง ประมาณ 10 กว่าคอลัมน์ได้ ไม่เกี่ยวกับ Feature ซึ่งแยกต่างหาก เราก็ต้องมาหาข้อมูล อย่างที่จะหาอยู่ประจำก็จะมีอินเทอร์เน็ต หนังสือพิมพ์ และทีวี เรียกได้ว่าเป็นชีวิตประจำวันเลยก็ว่าได้ ที่ต้องดูทั้ง 3 อย่างนี้”

ถึงแม้ว่าจะทำมาหลายคอลัมน์แตกต่างกันไป แต่โดยส่วนตัวของทัศนีย์แล้วนั้นชอบการสัมภาษณ์คนมากที่สุด เพราะจะได้อะไรหลายๆ อย่างมาจากคนคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก การทำงาน เหมือนกับเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดกัน ได้แนวคิดที่แตกต่างกันไป “ทำให้เรารู้สึกว่าโลกมันกว้างขึ้นเนอะ ปกติคิดแค่นี้เพราะโลกเรามีอยู่แค่นี้ แต่พอเจอคนมากขึ้น โลกก็กว้างขึ้น มุมมองก็กว้างขึ้น แถมยังต่อยอดได้เรื่อยๆ”

หลังจากที่เป็นนักเขียนได้สักพักใหญ่ ความสามารถก็เข้าตากรรมการ จึงได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็น Feature Editor โดยหน้าที่นี้นั้น ไม่ใช่งานสบายอย่างที่หลายคนคิด เริ่มต้นจากการ Brainstorm กันในที่ทำงาน ว่าจะทำอะไรบ้างในแต่ละเดือน Theme หลักๆ มีอะไรบ้าง ซึ่งในเรื่องของเนื้อหานั้น ก็จะอิงจากผู้หญิงปัจจุบัน เรื่องส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องใหม่ๆ เรื่องที่อยู่ในกระแส เรื่องที่ทำให้คนฉุกคิด หรือเรื่องที่ทำให้คนมองโลกอีกมุมหนึ่ง ต่อจากนั้น Feature Editor ก็จะมาดูรายละเอียดของแต่ละเล่ม แล้วตบให้ทุกอย่างอยู่ใน Deadline พร้อมทั้งแจกแจงงานให้กับน้องนักเขียน ดูว่าคนไหนถนัดอะไร

และเวลาที่มีการสัมภาษณ์ หน้าที่ของ Feature Editor อีกอย่างหนึ่งคือ การดูในเรื่องของ Production ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อช่างภาพ ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ซึ่งจะต้องรู้รายละเอียดของแต่ละคนว่าถนัดด้านไหน เช่น ช่างภาพคนนี้ถนัดถ่ายกลางแจ้ง หรือถนัดถ่ายในสตูดิโอ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการติดต่อสถานที่ที่ใช้ในการถ่ายรูปและสัมภาษณ์อีก “สถานที่ที่ติดต่อ เราก็สามารถทำการต่อยอดได้อีก อย่างเช่น ไปถ่ายสปาเปิดใหม่ และที่นั่นมีผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เราก็สามารถสัมภาษณ์มาลงในคอลัมน์ Beauty Guru ได้อีก”

เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว ก็มาถึงเวลาลงมือเขียน ก็ต้องมาดูอีกว่า นักเขียนแต่ละคนนั้นจะเขียนแนวไหน หรือถ้าเป็น Theme ใหญ่ ก็ต้องเขียนให้เป็นในแนวทางเดียวกัน และก็ต้องคอยตามให้เสร็จทัน Deadline นี่คือหน้าที่คร่าวๆ ของ Feature Editor

พอถามถึงปัญหาในการทำงานนิตยสาร คำตอบส่วนใหญ่ที่ได้ก็คือ เรื่องเวลา เพราะทุกอย่างนั้นจำกัดหมด การเป็น Feature Editor หรือแม้แต่กระทั่งนักเขียนเองก็ตาม ควรที่จะมีการวางแผน ต้องมี Plan A B C D ไว้สำรองตลอด “เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทุกอย่างราบรื่นหมด แต่พอสักพัก ปัญหาเริ่มเข้ามาทีละอย่าง ก็ต้องค่อยๆ แก้ไป”

ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากงานก่อนหน้านี้ สามารถนำกลับมาปรับใช้ ผสมผสาน ในการทำให้หน้าที่ของการเป็น Feature Editor ของตัวเธอนั้นสมบูรณ์ “อย่างงานแรกที่เป็น Producer เราก็จะได้เรื่องเวลา เพราะข่าวต้องออกทุกวันและเวลาจะตรงมาก ต้องออนแอร์ ได้ connection อีก ส่วนงานที่ 2 จะได้ในเรื่องของการจัดลำดับงานที่ต้องทำให้เสร็จสิ้นภายในเวลาที่จำกัด และได้ connection เพิ่มขึ้นมาอีก ดังนั้นสิ่งได้จากงานทั้ง 2 อย่างสามารถนำมาใช้ในงานปัจจุบันได้เป็นอย่างดี”

นี่เป็นส่วนหนึ่งของการเป็น Feature Editor ที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะเป็น หลายคนคิดว่าเป็นงานสบาย ได้เจอผู้คน ได้เที่ยว ภาคหนึ่งจากตรงนั้นเป็นความจริง อีกภาคหนึ่งคือ นักเขียนนั่งหัวฟูปั่นงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ “งานนิตยสารเป็นงานที่ไม่ค่อยมีเวลา ต้องคิดตลอดเวลา ดังนั้นคนที่อยากทำควรที่จะตั้งใจทำจริงๆ รักในงานที่ทำ” นี่เป็นคำกล่าวของทัศนีย์ สิริเลิศประเสริฐ Feature Editor ของ Cleo ที่วันนี้เธอได้ค้นพบสิ่งที่รักที่จะทำที่สุดแล้ว

How to
Feature Editor ควรมีนิสัยแบบไหน
– มองโลกกว้างๆ อย่ามองมุมเดียว
– อย่าเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ลองถามความเห็นของคนอื่นด้วย
– ต้องมีความตั้งใจจริงๆ
– จัดเวลาดีๆ
– ที่สำคัญที่สุดก็คือ รักในงานที่ทำ

Profile

Name : ทัศนีย์ สิริเลิศประเสริฐ
Age : 31 ปี
Education :
ปริญญาโท นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
Career Highlights :
1. ตอนเรียนจบปริญญาตรี เป็นโปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ บริษัท Normas MassCommunication
2. ตอนเรียนจบปริญญาโท เป็นฝ่าย Promotion & Advertising ของ GMM Grammy
3. สุดท้ายมาเป็นนักเขียนบทความ ที่ CLEO ก่อนจะมาเป็นบรรณาธิการบทความ (Features Editor) รวมเวลาทั้งหมดที่ทำที่คลีโอก็ประมาณ 3 ปีครึ่ง

(Somebody คอลัมน์ใน Magazine Survey รวบรวมเรื่องราวบุคคลน่าสนใจที่ตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ)

เปิดบันทึก สไตลิสต์ ผู้อยู่เบื้องหลังความงาม

POSITIONING อยากเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในคอลัมน์นี้ นอกจากจะรวบรวมคนที่นิตยสารหลายๆ เล่มให้ความสนใจแล้ว จะมีการสลับปรับเปลี่ยนกับเรื่องราวของคนทำงานวงการนิตยสารบ้านเราอีกด้วย

ในการทำนิตยสารแฟชั่นต่างๆ คนที่มีความสำคัญในอันดับต้นๆ ไม่แพ้บรรณาธิการ หรือนักเขียน ก็คือ “สไตลิสต์” เพราะถ้าขาดคนกลุ่มนี้ไป ก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นแฟชั่นสวยๆ หรือ เห็นเทรนด์แฟชั่นใหม่ๆ มาให้เห็นก่อนคนอื่น สิริวงษ์ สุขเกษมสิน หรือ ลูกนัท สไตลิสต์คนเก่งของนิตยสาร Volume ที่ภาพชุดแฟชั่นของเธอผ่านสายตาผู้อ่านกันมาแล้ว ซึ่งกว่าจะมาเป็นสไตลิสต์ที่คนในวงการนิตยสารแฟชั่นรู้จักได้ ต้องผ่านประสบการณ์อย่างเคี่ยวกรำมาแล้ว

ด้วยความที่เป็นคนแต่งตัว รักแฟชั่นมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เลือกที่จะสอบเทียบและเรียนวาดรูปอย่างจริงจังเพื่อเข้าเรียนสิ่งที่เธอชอบ หลังจากที่จบการศึกษาจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบพัตราภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยความที่อยากเป็นสไตลิสต์ แต่ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาชีพนี้มากนัก เธอจึงเริ่มฝึกงานกับนิตยสาร DNA เธอมองว่า DNA เป็นนิตยสารที่มีรูปภาพ fashion ที่สวยที่สุด มีความเป็นอาร์ต และนำเทรนด์

หลังจากฝึกงาน เธอมีโอกาสทำงานที่ Production House ซึ่งได้ประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากการทำงานด้านนิตยสาร เพราะการเป็นสไตลิสต์โฆษณา ต้องทำตามคอนเซ็ปต์ที่ลูกค้าวางเอาไว้ มีอิสระทางความคิดไม่มากนัก เมื่อรับรู้ถึงสิ่งที่ตัวเองรักที่จะทำ ทำให้เธอกลับมาทำงานทางนิตยสารอีกครั้ง โดยครั้งนี้ทำกับนิตยสารหัวนอก Marie Claire ในฐานะที่เป็น Assistant Fashion Editor

“ตอนที่ทำ Marie Claire แรกๆ ก็จะมี Fashion Editor จากฝรั่งเศสมาฝึก มาอบรมให้ เพื่อให้รู้ถึงการทำงานทุกส่วน การถ่ายภาพของ Marie Claire ลักษณะแบบไหน ดูอารมณ์นางแบบยังไง สอนเรื่อง production สอนทุกอย่างที่เป็นในทิศทางของ Marie Claire”

บทเรียนแรก เริ่มด้วยการที่ต้องรับผิดชอบงานทุกอย่าง ทำตั้งแต่ถ่ายสัมภาษณ์ ทำช้อปปิ้ง fashion set และไม่ว่าจะเป็นคอลัมน์เล็กน้อยขนาดไหน ก็ต้องส่งกลับไปให้ทางฝรั่งเศสดู ถ้าไม่ผ่านก็ต้องเปลี่ยน ซึ่งฝรั่งเศสจะมาอบรมเป็นระยะๆ ข้อดีของหนังสือหัวนอกก็คือ จะไม่ให้แบรนด์ดังๆ ของเมืองนอกมาทำให้หนังสือเสียลุค เช่น ในการทำ fashion set สามารถนำหลายๆ แบรนด์มา mix & match กัน

หลังจากที่ทำอยู่ที่ Marie Claire เกือบปี ก็มีคนชักชวนให้ไปทำนิตยสาร Volume ซึ่งเป็นนิตยสารใหม่ และเป็นหัวไทย ความแตกต่างในการทำงานก็มีอยู่แล้ว เพราะข้อจำกัดในการทำงานแตกต่างกัน ทั้ง 2 เล่มมีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกัน ในการทำนิตยสารปัจจุบัน โฆษณามีความสำคัญมากขึ้น และด้วยความที่ Volume เป็นนิตยสารใหม่ ทำให้บางครั้งก็ต้องทำตามคอนเซ็ปต์ของลูกค้า อิสระก็น้อยลง แต่มันเป็นการท้าทายอีกรูปแบบหนึ่ง ว่าการทำ fashion set แนวนี้ให้มันดีที่สุดได้อย่างไร ทำอย่างไรให้เป็นไปตามทิศทางของหนังสือและลูกค้าก็พอใจด้วย

ประสบการณ์สร้างผลงาน

ในการสร้างสรรค์ผลงานแต่ละครั้ง ลูกนัท บอกว่า เธอได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งที่เห็นในชีวิตประจำวัน บางทีก็เป็นการเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ถ้าพูดถึงตัวเองในตอนนี้ ก็ยังไม่เป็นสไตลิสต์ที่เก่งเลย ต้องหาประสบการณ์อีกเยอะ ซึ่งจะได้รับประสบการณ์ทุกวันในการทำงาน”

นอกจากนี้ ต้องอัพเดตข้อมูลจากนิตยสารแฟชั่นเมืองนอก Vogue (Italy), Numero นิตยสารฝรั่งเศส, POP (ของเมืองนอก) และ Another Magazine เพื่อเรียนรู้ ทั้งในแง่มุมองของช่างภาพแฟชั่น สไตลิสต์แต่ละฉบับเป็นใคร

“พอเริ่มชำนาญ เวลาดูรูปก็สามารถรู้แล้ว อย่าง Steven Meisel (ซึ่งเป็นช่างภาพที่ตัวเธอชอบ) ภาพถ่ายของเขาจะมี character ที่ชัดเจนมาก นางแบบจะดูนิ่ง แต่มันแฝงด้วยพลัง มีความหรูหราอยู่ในภาพ”

นี่คงทำให้หลายคนรู้ถึงการเป็นสไตลิสต์ ว่าจริงๆ ไม่ใช่แค่เพียงแต่งตัวสวย มีสไตล์ จับเสื้อผ้ามาใส่ๆ ทุกผลงานที่ออกมานั้นล้วนแล้วแต่ได้รับการคิด สร้างสรรค์ กลั่นกรอง ออกมาอย่างดีแล้ว

หน้าที่ของสไตลิสต์

– เป็นเหมือนคนประสานงาน ติดต่อตั้งแต่ช่างภาพ นางแบบ ช่างทำผม ช่างแต่งหน้า
– ต้องคุม Art Direction
– หาเสื้อผ้า ดูแลเสื้อผ้าเป็นอย่างดี

How to be stylist

– สั่งสมประสบการณ์เยอะๆ
– อัพเดตข้อมูลเยอะๆ โดยการอ่านนิตยสารเมืองนอกบ่อยๆ จากอินเทอร์เน็ต
– ควรจะรู้ถึงช่างภาพ ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ของเมืองนอกด้วย

Profile

Name : สิริวงษ์ สุขเกษมสิน
Age : 25 ปี
Education :
– ปริญญาตรี คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบพัตราภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Career Highlights :
– เป็น สไตลิสต์ ที่ Production House
– เคยเป็น Freelance นิตยสารอื่นๆ อีก
– Assistant Fashion Editor นิตยสาร Marie Claire
– ปัจจุบันเป็น สไตลิสต์ที่นิตยสาร Volume

(Somebody คอลัมน์ใน Magazine Survey รวบรวมเรื่องราวบุคคลน่าสนใจที่ตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ)

ช่วงนี้มีแต่นางเอกละครขึ้นปกทั้งนั้น และส่วนใหญ่ก็จะเป็นรุ่นที่คร่ำหวอดในวงการมาประมาณหนึ่งแล้วทั้งนั้น เรียกได้ว่า เป็นดาวที่ไม่เคยดับ ไม่ว่าจะเป็นพี่มาช่าที่กระชากวัยขึ้นปกสุดสัปดาห์ หรือเชอรี่ เข็มอัปสรที่ขึ้นปกแพรวน่ารักไปอีกแบบ แต่นางเอกที่อยากจะเสนอในเดือนนี้ก็คือ ชมพู่ อารยา เอ-ฮาร์เก็ต นางเอกขาประจำของช่อง 7 สี ทีวีเพื่อคุณ ที่ช่วงนี้จะออกแนวเซ็กซี่น่ารักซักหน่อย เพราะลงทั้งปก FHM, Maxim หรือว่าเป็นกระแสเปลี่ยนจากแนวน่ารัก สดใส มาเปลี่ยนลุคเป็นเซ็กซี่แทน

Profile

Name : อารยา เอ. ฮาร์เก็ต
Age : 24 ปี
Career Highlights: :
– เพลงพราย
– สวัสดีคุณผู้ฟัง
– ลูกไม้ไกลต้น
– ร้ายเดียงสา
– แม่มดเจ้าเสน่ห์
– หัวใจในสูญญากาศ
– หวังด้วยใจไปด้วยฝัน
– ตามล่าตามรัก
– หมอลำซัมเมอร์
– แก้วตาหวานใจ
– ไฟในวายุ
– หยดน้ำในตะวัน
– รหัสหัวใจ
– กลลวงรัก

Website: www.clubchom.com

(Somebody คอลัมน์ใน Magazine Survey รวบรวมเรื่องราวบุคคลน่าสนใจที่ตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ)

ถ้าคุณเคยดูเรื่อง Sweet home Alabama ที่มีนางเอกสุดน่ารักอย่าง Reese Witherspoon แสดงนำ คุณก็คงจะต้องเคยเห็นนักแสดงหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาแนวขี้เล่น อย่าง Josh Lucas และอย่างเรื่อง The Hulk ที่ Josh เล่นเป็นตัวร้าย แต่ก็เป็นตัวร้ายที่น่ารักชะมัด ถึงแม้ว่าเค้าจะเล่นหนังมา 30 เรื่องได้แล้ว แต่ในแต่ละเรื่องบทที่รับก็ไม่ได้เด่นซักเท่าไหร่ แต่ความมีเสน่ห์ของเขาทำให้สาวๆ หลายคนตกหลุมรักได้ไม่ยาก จนมาถึงเรื่อง Stealth ที่อาจจะไม่โด่งดังในบ้านเรา แต่ก็ทำให้ชาวฮอลลีวู้ดหลายคนกล่าวขวัญถึงชื่อเขา Josh ไม่เหมือนนักแสดงดังคนอื่นที่พุ่งเข้ามาความสำเร็จในทันที แต่เขายังคงฝึกฝนฝีมือตัวเองตลอดเวลา โดยการฝึกแสดงละครเวทีบ้าง ด้วยความที่คิดว่าฝีมือการแสดงของตัวเองนั่นยังไม่ดีพอ ในอนาคต ด้วยลักยิ้มเสน่ห์ บวกความสามารถทางการแสดงที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ของเขา อาจจะเทียบเท่าดาราใหญ่อย่างทอม ครูซได้เลยละ

Profile

Name : Josh Lucas
Birthday : 29 มิถุนายน 1971
Filmography :
– Glory Road (2006)
– Take my Eyes (Te doy mis o) (2005)
– An Unfinished Life (2005)
– Stealth (2005)
– Around the Bend (2005)
– Undertow (2004)
– Wonderland (2003)
– Secondhand Lions (2003)
– The Hulk (2003)
– Drop Back Ten (2003)
– The Weight of Water (2002)
– Sweet Home Alabama (2002)
– A Beautiful Mind (2001)
– Session 9 (2001)
– The Deep End (2001)
– You can count on me (2000)
– Restless (2000)
– The Dancer (2000)
– American Psycho (2000)
– Father Hood (1993)

(Somebody คอลัมน์ใน Magazine Survey รวบรวมเรื่องราวบุคคลน่าสนใจที่ตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ)

การทำธุรกิจแต่ละอย่าง ความยากง่ายนั้นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสินค้าที่คุณจะขาย การทำธุรกิจเกี่ยวกับศิลปะ ของตกแต่งก็เช่นกัน อย่างเดียวกันกับ ปณิตา ประจวบเหมาะ ที่ดำเนินธุรกิจ Panini Lighting Boutique ร้านที่ขายโคมไฟหลากสไตล์ ด้วยความที่เคยเป็น Interior Designer มาก่อน จึงมีความคิดอยากทำธุรกิจโคมไฟเป็นของตัวเอง สิ่งสำคัญก็คือ ต้องหาแนวทางที่ฉีกออกไป ห้ามหยุดนิ่งอยู่กับที่ และเจ้าของธุรกิจควรที่จะผ่านการเป็นลูกจ้างมาก่อน เพราะจะได้มีประสบการณ์ คนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับของตกแต่ง ศิลปะ ควรที่จะมีทั้ง Business Sense และ Creative Mind คือมีความเป็นนักธุรกิจและศิลปินอยู่ในตัว โดยที่เธอบอกกับทางสุดสัปดาห์ว่า “ไม่ควรทำตัวเป็นนักธุรกิจที่สักแต่จะขายของอย่างเดียว เพราะจะทำให้งานศิลปะที่คุณขายกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีค่า แต่ก็อย่าถึงขั้นเป็นศิลปินจ๋าที่ทำงานแทบตายแล้วไม่มีเงินพอยาไส้” สรุปก็คือ ควรมีความสมดุลกันทั้ง 2 ด้านนั่นเอง

Profile

Name : ปณิตา ประจวบเหมาะ
Age : 32 ปี
Education :
Interior Design จาก Chelsea College of Art and Design จากประเทศอังกฤษ
Career Highlights:
– Managing Director บริษัท ปณินี จำกัด (PANINI)
– ธุรกิจร้านโคมไฟ PANINI Lighting Boutique ซอยเอกมัย

ที่มา: นิตยสารสุดสัปดาห์

(Somebody คอลัมน์ใน Magazine Survey รวบรวมเรื่องราวบุคคลน่าสนใจที่ตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ)

หลายคนอาจจะคิดว่าเส้นทางที่เราวางไว้นั้น เป็นเส้นทางที่แน่นอนและชัดเจน และดูเหมือนว่าจะปลอดภัยที่สุด แต่จริงๆ แล้วชีวิตคนเราสามารถพลิกผันได้ตลอดเวลา ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับมือกับมันอย่างไร อภิชาต จิรัฐติกาลกิจก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เส้นทางที่เดินไว้ กลับกลายเปลี่ยนเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่ดีพอๆ กับเส้นทางที่เดินอยู่ จากสัตวแพทย์กลายมาเป็นนักบิน ด้วยความที่การเป็นสัตวแพทย์ดูเหมือนจะเป็นไปได้ดี ทำให้เขาทิ้งความฝันอยากเป็นนักบินที่มีมาแต่เด็กๆ จนกระทั่งมีโอกาสได้นั่งเครื่องบินที่เพื่อนขับ จึงมีความอยากที่จะเรียนขับเครื่องบินดู และนั่นเองเป็นจุดเบี่ยงทิศทางการทำงานของเขา นอกจากจะต้องเริ่มต้นจากการเรียนใหม่แล้ว ต้องเจอกับอะไรใหม่ๆ หลายอย่าง แต่ด้วยคำกล่าวที่เขาบอกกับนิตยสาร Image ว่า “ชีวิตคนเรามันสั้นนะ อยากทำอะไรก็ทำ เริ่มต้นทำ อย่ามัวแต่รอ” นี่เองที่ทำให้เขากล้าติดสันใจเลือกแนวทางใหม่ ที่ดูจะสดใสไม่แพ้ทางเก่าเลย

Profile

Name : อภิชาติ จิรัฐติกาลกิจ
Education :
– ปริญญาตรี คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
– จบหลักสูตรนักบินพาณิชย์ตรี
Career Highlights:
– สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
– สัตวแพทย์ที่โรงพยาบาลสัตว์เจริญสุข และบ้านหมอรักหมา
– ปัจจุบันเป็นนักบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์

ที่มา: นิตยสารImage

(Somebody คอลัมน์ใน Magazine Survey รวบรวมเรื่องราวบุคคลน่าสนใจที่ตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ)

งานทางด้านประชาสัมพันธ์เป็นงานที่สาวๆ หลายคนอยากทำ เพราะนอกจากจะได้แต่งตัวสวยๆ แล้ว ยังได้เจอพบปะคนมากหน้าหลายตา แต่งานด้านนี้ไม่ได้ใช้เฉพาะหน้าตาและการแต่งตัวเท่านั้น งานประชาสัมพันธ์ถือเป็นด่านแรกที่ทำให้ลูกค้ารู้จักกับตัวสินค้าแต่ละอย่าง เป็นหน้าตาของบริษัท ถือว่าเป็นงานหนักงานหนึ่ง

อลิซาเบท วงศ์วาสิน ที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เนื่องจากที่เธอเคยฝึกงานทางด้านนี้มาก่อน ทำให้รู้สึกรักและชอบในงานด้านนี้ เพราะงานด้านพีอาร์เสมือนกับว่าต้องรักษาภาพพจน์ของลูกค้าให้ดูดีอยู่เสมอ ต้องคอยเป็นหูเป็นตาให้ลูกค้าในการติดตามความเคลื่อนไหวที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขาให้ได้มากที่สุด และสิ่งสำคัญที่สุดในการเขียนข่าวก็คือ ทำอย่างไรให้คนที่รับสารของเราสามารถเข้าใจตรงกัน เห็นไหมละว่า งานพีอาร์ไม่ใช่แค่แต่งตัวสวยอย่างเดียว

Profile

Name : อลิซาเบท วงศ์วาสิน
Age : 25 ปี
Education: เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คณะอักษรศาสตร์ (เอกภาษาอังกฤษ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Career Highlight :
– ที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน)

ที่มา : นิตยสารสุดสัปดาห์

(Somebody คอลัมน์ใน Magazine Survey รวบรวมเรื่องราวบุคคลน่าสนใจที่ตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ)

ดีเจ อีกหนึ่งอาชีพที่คนรักเสียงเพลงหลายคนอยากจะเป็น การได้สื่อสารกับคนฟัง แนะนำเพลงดีๆ ให้คนอื่นได้ฟังกัน ช่างเป็นอาชีพที่น่าหลงใหล แต่ไม่ใช่กับทุกคนที่จะมาเป็นดีเจได้ ธัชนนท์ จารุพัชนี นักจัดรายการวิทยุคลื่น 88.0 Peak FM ประสบการณ์ต่างๆ ที่เขาสะสมมาก่อนที่จะมาเป็นดีเจ ไม่ว่าจะเป็น การเล่นละครเวที พิธีกร พากย์การ์ตูน อ่านสปอตโฆษณา แปลหนังสือ ผลงานเพลงภายใต้ชื่อ Link Corner เขาเป็นคนโลภมากในเรื่องประสบการณ์ ไม่ใช่ในเรื่องสิ่งของ เขาเคยเล่นละครเร่ตามชุมชนแออัด โดยยึดความคิดที่ว่า ไม่ว่าเราจะรวยล้นฟ้ามาจากไหน แต่ถ้าไม่เคยทำอะไรให้สังคม ชีวิตนี้ก็คงไม่มีค่า ประสบการณ์ต่างๆ ที่สั่งสมมา น่าจะเป็นสิ่งที่ดีในการที่เขามาเป็นดีเจ ถ่ายทอดสิ่งดีๆ ผ่านประสบการณ์เหล่านั้นให้สู่หูของผู้ฟังทั้งหลาย ทุกวันนี้เขายังบอกว่า “ตัวเองยังเป็นดีเจที่ไม่เก่ง ยังต้องพัฒนาตัวเองตลอด เพราะวันไหนที่บอกว่าตัวเองเก่ง วันนั้นลงเหวแน่ๆ บอกตัวเองไว้ว่าอย่าเหลิง พยายามทำตอนนี้ให้ดีเพื่อเวลาผ่านไปจะได้มีอดีตที่ดีและน่าจดจำ” ใครว่า ดีเจดีแต่เปิดเพลงให้คนฟังอย่างเดียว

Profile

Name : ธัชนนท์ จารุพัชนี (เฟี้ยต)
Age : 27 ปี
Education :
ปริญญาตรี นิเทศศาสตร์ สาขาโฆษณา มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
Career Highlight :
นักจัดรายการวิทยุ คลื่น 88.0 Peak FM

ที่มา: นิตยสารสุดสัปดาห์

(Somebody คอลัมน์ใน Magazine Survey รวบรวมเรื่องราวบุคคลน่าสนใจที่ตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ)

ถ้าพูดถึงดีไซเนอร์ก็จะนึกถึงเรื่องเสื้อผ้าเป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วยังมีดีไซเนอร์อย่างอื่นอีก อย่างดีไซเนอร์จัดดอกไม้ ใครว่าการจัดดอกไม้เป็นเรื่องเล็กน้อย จับดอกโน้นดอกนี้มาใส่ก็สวยได้ จริงๆ แล้วการจัดดอกไม้เป็นศิลปะอย่างหนึ่งเลยนะ นุ่น ทวีศรี Design Consultant ของบริษัท คีรีมายา จำกัด งานหลักของเธอคือการดูแลสไตล์ตกแต่งของคีรีมายา กอล์ฟแอนด์สปา ที่เขาใหญ่ ซึ่งการจัดดอกไม้ก็ดูเหมือนแค่งานอดิเรกที่มีส่วนช่วยในการสร้างสรรค์งานประจำ เพราะดอกไม้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานต่างๆ ด้วยความที่เป็นคนรักดอกไม้มาตั้งแต่เด็ก จึงมีความชอบในเรื่องนี้ ซึ่งเธอก็ไม่ได้เรียนจัดดอกไม้ แต่อาศัยอ่านหนังสือหรือเวลาเดินทางก็จะได้เห็นการจัดดอกไม้สไตล์ต่างๆ นอกจากนี้เธอยังได้แสดงฝีมือจัดดอกไม้ให้กับทาง Cleo ได้ดู การจัดดอกไม้ที่เป็นงานอดิเรกนั่น ดูเหมือนจะทำให้เธอกลายเป็น Professional ในการจัดดอกไม้จริงๆ

Profile

Name : นุ่น ทวีศรี
Age : 30 ปี
Education :
– ปริญญาโท MA Design study, Central Saint Martin, London อังกฤษ
Career Highlight :
– Design Consultant บริษัท คีรีมายา จำกัด
– นักจัดดอกไม้สมัครเล่น

ที่มา: นิตยสารCleo

(Somebody คอลัมน์ใน Magazine Survey รวบรวมเรื่องราวบุคคลน่าสนใจที่ตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ)