Stationery – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 10 Aug 2012 00:00:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ป๊ากเกอร์” แนะนำปากกาคอลเลคชั่นสุดหรู “ป๊ากเกอร์ อินจินิวอิตี้” https://positioningmag.com/55505 Fri, 10 Aug 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=55505

“ป๊ากเกอร์” ผู้นำด้านปากกาพรีเมี่ยมระดับโลก แนะนำปากกาคอลเลคชั่นสุดหรู “ป๊ากเกอร์ อินจินิวอิตี้ – Parker Ingenuity” ที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นด้วยดีไซน์อันทันสมัย งามสง่า และมาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของโลกแห่งการเขียนในชื่อโหมด “ฟิฟท์ – 5TH” ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมโหมดปากกาแบบที่ 5 นับจากปากกาโหมดแรก คือ ปากกาหมึกซึม (Fountain Pen) ปากกาลูกลื่น (Ballpoint Pen) ปากกาโรเลอร์บอล (Rollerball Pen) และดินสอกด (Mechanical Pencil) ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้น 

โหมด “ฟิฟท์” นวัตกรรมที่มอบประสบการณ์การเขียนอันนุ่มนวล ให้สัมผัสเสมือนลายเส้นจากปากกาหมึกซึมอันเกิดจากการทำงานสอดประสานกันอย่างลงตัวระหว่างไส้รีฟิลที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อทดแทนการสูบน้ำหมึก       และง่ายต่อการเปลี่ยนไส้หมึก กับการออกแบบหัวปากกาให้ปรับตามน้ำหนักการเขียนเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล     โดยปากการุ่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญ แต่ยังเป็นแบบอย่างของการออกแบบเครื่องประดับร่วมสมัยที่ควรค่าแก่การมีไว้ในครอบครองโดย “ป๊ากเกอร์ อินจินิวอิตี้” ได้รับการดีไซน์อย่างประณีตผ่านเทคนิคการออกแบบอันล้ำสมัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากที่สุดแห่งความหรูหรา มีให้เลือกสรรถึง 2 ไซส์         อย่าง Large size และ Slim size ผ่าน 12 ดีไซน์ที่สะท้อนบุคลิกอันโดดเด่นของผู้เป็นเจ้าของ พร้อมตอบสนอง   ไลฟ์สไตล์อันเหนือระดับได้อย่างไร้ที่ติ อาทิ ผิวเคลือบสีมุกเหลือบเงา “เพิร์ล” หรือผิวโลหะ “พิงค์โกลด์” ที่บ่งบอกความอ่อนโยน เรียบหรู มีระดับในแบบสุภาพสตรี หรือผิว “รับเบอร์เมทัลดำ” และผิวเคลือบ “แลคเกอร์ดำ”     ที่สะท้อนความคลาสสิค แต่โฉบเฉี่ยว สะดุดตาในแบบสุภาพบุรุษ เป็นต้น

เปิดประสบการณ์แห่งการเขียนอันนุ่มนวลเสมือนลายเส้นจากปากกาหมึกซึมในแบบฉบับของคุณด้วยปากกา         คอลเลคชั่นสุดหรู “ป๊ากเกอร์ อินจินิวอิตี้” ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมโหมด “ฟิฟท์” (5TH) ได้ตั้งแต่วันนี้ ณ ป๊ากเกอร์ บูติก ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และเคาน์เตอร์ป๊ากเกอร์สาขาสยามพารากอน ดิ เอ็มโพเรี่ยม เซ็นทรัล   ชิดลม และเซ็นทรัล ลาดพร้าว ในราคา 5,500 – 6,500 บาท

]]>
55505
ป๊ากเกอร์เปิดช็อป ล้างภาพแบรนด์รุ่นพ่อ https://positioningmag.com/14411 Wed, 25 Jan 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14411

ถ้าเป็นคนรุ่น 40 ปีขึ้นไป คงต้องคุ้นเคยแบรนด์ป๊ากเกอร์ (PARKER) เป็นแบรนด์ปากกาพรีเมียมกันได้ดี เพราะเป็นแบรนด์มีประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี 1888 แต่สำหรับคนรุ่นใหม่ป๊ากเกอร์อาจไม่ใช่ทางเลือกแรกๆ สำหรับเขา

แม้แบรนด์จะยังคงเป็นที่รู้จัก แต่ก็มีภาพลักษณ์ดูคร่ำครึ โบราณ และเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ที่แม้จะมองว่า Brand Heritage มีคุณค่าแต่ก็ต้องการความล้ำนำสมัยด้วยเช่นกัน และนั่นจึงเป็นที่มาของความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้  

วรพจน์ ซึ้งธรรมรส ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นีเวลล์ รับเบอร์เมด (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า แบรนด์ที่อยู่มาได้เกิน 100 ปี ต้องมีคุณลักษณะพิเศษ ป๊ากเกอร์มีดีไซน์ที่ไร้กาลเวลาและมีนวัตกรรม แต่ขณะเดียวกันก็ต้องปรับตัวเพื่อก้าวเข้าสู่ความเปลี่ยนแปลงเพราะคนมักมองป๊ากเกอร์เป็นปากกาของคนรุ่นพ่อ 

การแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ไปสู่เครื่องหนังและจิวเวลลี่ ก็เป็นอีกโอกาสหนึ่งของป๊ากเกอร์ในการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่นอกเหนือจากลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ซึ่งมีสัดส่วนราว 20% โดยใช้กลยุทธ์หลักคือการยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์

แม้จะมีอายุกว่า 123 ปี แต่ก็เพิ่งจะเปิดช็อปสแตนอะโลนหรือบูติกช็อป ด้วยดีไซน์ร่วมสมัยใช้ไม้จริงสะท้อนถึงความพรีเมียม เน้นจำหน่ายสินค้า Limited Edition ในปี 2554 โดยประเทศไทยเปิดที่เซ็นทรัลเวิลด์ บนพื้นที่ 30 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 15 ล้านบาท นับเป็นช็อปแห่งที่ 3 ของโลกและช็อปแรกในเอเชียแปซิฟิก โดย 2 ช็อปแรกอยู่ที่มอสโก ประเทศรัสเซีย หลังจากทยอยปรับปรุงเคาน์เตอร์มาตั้งแต่ปี 2553 เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อม มีผลประกอบการติดอันดับ 1 ใน 3 ของเอเชีย และมีความนิยมในสินค้าพรีเมียมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  

ขณะเดียวกันการเปิดช็อปจะเป็นการเพิ่มประสบการณ์ในการช้อปปิ้งให้กับผู้บริโภคได้ครบครันมากขึ้น และบ่งบอก Positioning ของแบรนด์ได้ชัดเจน ทั้งนี้จะมีการเปิดบูติกช็อป 20 แห่งทั่วโลกในปี 2555 ขณะที่ในไทยเตรียมเปิดเพิ่มอีก 2 แห่ง 

โดยช็อปนี้ได้รับการออกแบบจากบรูโน่ โมนาร์ด สถาปนิกชาวฝรั่งเศศที่ฝากผลงานกับCartier และ Galeries Lafayette มาแล้ว 

ป๊ากเกอร์จัดเป็นแบรนด์ปากกาในระดับ Affordable Luxury มีกลุ่มเป้าหมายคือคนรุ่นใหม่ทั้งชายและหญิงที่ชอบความทันสมัย ชื่นชอบและให้ความสำคัญกับการเขียน เป็น Young Achiever มีความเป็นผู้นำ 

อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่า ตลาดปากกาส่วนใหญ่เป็นตลาดของผู้ชาย ซึ่ง 80% ผู้หญิงซื้อให้ผู้ชายใช้ และมากกว่า 80% ซื้อปากกาเป็นของขวัญมากที่สุดในโลกใกล้เคียงกับชาติอื่นในแถบเอเชีย เนื่องจากคนไทยมีวาระเฉลิมฉลองต่างๆ เยอะมาก ทั้งวันเกิด วันปีใหม่ วันรับปริญญา ฯลฯ คนไทยจึงนิยมซื้อปากกาเป็นของขวัญดังคำกล่าวที่ว่า Pen is a good gift.

ระดับราคาของป๊ากเกอร์อยู่ที่ 800-300,000 บาท ปัจจุบันมีจุดจำหน่ายในรูปแบบเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า 80-100 จุด มียอดขายคิดเป็นสัดส่วน25% ของนีเวลล์ โดยมีแบรนด์อื่นๆ ในตลาดเครื่องเขียน คือ ลิควิดเปเป้อร์ รอตริง เปเปอร์เมท วอเตอร์แมน และชาร์ปี้ เป็นต้น 

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

สัดส่วนยอดขายป๊ากเกอร์ ปากกา 90% เครื่องหนัง 10%

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

กลุ่มเป้าหมาย คนไทย 70% นักท่องเที่ยว 30%

]]>
14411
ไฮ-เจ็ท ขอแนะนำ Laser Sticker Matt และ Laser Sticker Clear สติกเกอร์เนื้อขาวด้านและสติกเกอร์เนื้อใส สำหรับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ทุกรุ่น https://positioningmag.com/55067 Fri, 09 Dec 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=55067

บริษัท ปภาวิน จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระดาษและหมึกสำหรับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท กระดาษสำหรับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ภายใต้แบรนด์ Hi-jet ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 รุ่นสำหรับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ทุกยี่ห้อ คือ Laser Sticker Matt กระดาษสติกเกอร์เนื้อขาวด้าน ขนาด A4 ความหนา 80 แกรม ผลิตจากเนื้อกระดาษคุณภาพดี และ Laser Sticker Clear สติกเกอร์ใส ขนาด A4 ความหนา 75 ไมครอน เนื้อสติกเกอร์มีความเหนียว ทนทาน โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 รุ่น เหมาะสำหรับใช้พิมพ์ภาพงานตกแต่ง หรือป้ายฉลากสินค้าต่างๆ ที่ต้องการงานพิมพ์ในจำนวนไม่มาก ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำบล็อกหรือทำเพลท ซึ่งภาพหรือโลโก้ต่างๆ ที่พิมพ์ออกมา มีความคมชัด สีสันสดใส และกันน้ำได้ดี สนใจแวะชมสินค้าได้ที่ ร้านไอทีซูเปอร์สโตร์ ร้านเครื่องเขียน และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป หรือสอบถามรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ บริษัท ปภาวิน จำกัด โทร. 02-423-3555 หรือเว็บไซต์ http://www.hi-jet.com

]]>
55067
“สดทุกวัน” ในแบบ สุหฤท สยามวาลา https://positioningmag.com/14223 Thu, 20 Oct 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14223

สุหฤท สยามวาลา กรรมการผู้จัดการ DHAS เชื่อว่า สิ่งที่หล่อหลอมให้เขาเป็นอย่างทุกวันนี้ เริ่มมาจากคุณพ่อของเขา

“คุณพ่อผมไม่เคยสอนว่าต้องเป็นอย่างไร แต่พยายามให้เป็นตัวของตัวเอง เพียงแต่ว่าต้องมีขอบเขต บางอย่างที่ผมทำออกไปคุณพ่อก็ไม่เห็นด้วย แต่คุณพ่อก็จะไดรฟ์ว่าจะเป็นอะไรก็เป็นอย่างนั้น แต่อย่าเลยเถิด เบสิกก็คือคุณอย่าไปทำอะไรที่มันเน่าเสียออกมาในแง่ลบเละเทะ” 

สิ่งที่พ่อสอน กับสิ่งที่สุหฤทใช้เป็นหลักในการบริหารองค์กรจึงไม่ต่างกัน กฎขององค์กรทำหน้าที่ของตัวเองและไม่ล้ำเส้นในการทำอะไรเพื่อทำลายองค์กร แต่สิ่งที่คิดสำเร็จแค่ไหนอยู่ที่การขับเคลื่อนด้วยสมอง สองมือ และสองเท้าที่จะนำทุกอย่างไปตามฝัน ขณะที่อีกใจ เขาก็ยอมรับตามที่พ่อสอนไว้ด้วยว่า ไม่ว่าจะอย่างไรฝีมือทางธุรกิจก็มีผลต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นแค่ 30% ส่วนอีก 70% อยู่ที่ดวงจะพาไป 

“เก่งแทบตายแต่ดวงไม่มาก็ไม่ไป แต่ถึงเชื่อแบบนี้ ผมก็ไม่ชอบดูดวง เพราะผมเชื่อว่าทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว” 

หลักการง่ายๆ สำหรับองค์กรคือแนวทางที่ทำให้คนในองค์กรเกิดความสุข แต่หลักทำงานส่วนตัวที่กำหนดไว้สำหรับตัวเองจะเน้นที่ความพร้อม ไม่ว่าจะทำงานดึกดื่นแค่ไหน แต่ทุกเช้าที่มาถึงที่ทำงาน “ต้องสด”

“เช้าแปดโมงแปดโมงครึ่ง มาถึงต้องพร้อม เพราะมีคนจำนวนมากรอการตัดสินใจ ถ้าไม่พร้อมเราอาจจะตัดสินใจผิด เพราะฉะนั้นต้องพร้อมเสมอ ยิ่งทำงานเยอะก็ยิ่งต้องจัดการเวลาให้ดี”  

ความผิดพลาดของการตัดสินใจของสุหฤท กินความหมายไปถึงเรื่องในครอบครัว ซึ่งลูกๆ 3 คน วัย 4 ขวบ 6 ขวบ และ 8 ขวบ อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงที่เขาจะปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดโดยการหลุดไปจากชีวิตลูกไม่ได้เช่นกัน เป็นสาเหตุให้เขาต้องตัดใจงดกิจกรรมทุกอย่างในวันเสาร์อาทิตย์เพื่ออยู่กับลูกๆ จนเบื่อกันไปข้างหนึ่ง

ส่วนเวลาหลังเลิกงานยกให้กับงานเพลง เพราะฉะนั้นไม่แปลกที่เขาจะชอบตัดสินใจเร็ว ประชุมก็สรุปให้ไวไม่ยืดเยื้อเพื่อรีบเอาเวลาไปทำอีกงานที่รัก และใช้ทุกเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงเรื่องการหาความรู้เพิ่มเติมในการทำงาน

“แหล่งความรู้ของผมอันดับแรกคือโต๊ะอาหารกลางวัน พี่น้องอยู่ด้วยกันสี่คนกินข้าว อันนี้เป็นแหล่งความรู้อันดับแรก ที่ออฟฟิศนี่แหละครับ อันดับที่สองคือเวลาไปประชุมข้างนอก นั่งรถผมจะซื้อหนังสือมาอ่าน ฟังเพลงไปก็นั่งอ่านหนังสือไป เสริมในสิ่งที่ผมอ่อนอย่างด้านการเงิน การจัดการ ไอเดียการตลาดอื่นๆ ที่จะเข้ามาเสริม หรือไม่ก็ออกไปสัมมนาเพื่อกระตุ้นความคิด ไปทุกครั้งก็มีความสุขได้ความรู้ใหม่กระตุ้นความคิดใหม่”

ขณะที่บ่อยครั้งเขาก็ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรงานสัมมนาด้านการขายอยู่บ่อยๆ เช่นกัน 

เมื่อแบ่งเวลาชัดเจน ห้องทำงานของสุหฤทจึงเลือกตกแต่งด้วยรถโมเดลของสะสมที่โปรดปรานเท่านั้น ไม่มีเครื่องเสียงเพื่อฟังเพลงในแบบที่ชอบ เวลากลางคืนถึงจะเป็นช่วงทำงานเพลง ก่อนจะเข้านอน เพื่อให้ทุกเช้าเมื่อตื่น ต้องมาทำงานพร้อม “ความสด” ทั้งยังมีเวลาสำหรับ Tweet ทุกวันและเข้า Facebook เป็นประจำ

“เพราะหน้าที่ผมคือการตัดสินใจ ถ้าไม่สดโอกาสผิดพลาดง่าย วิธีทำให้เฟรชทุกเช้า ก็ต้องคิดบวก และไม่กลัวปัญหา”  

และหากจะช่วยรักษาความสดให้ตัวเองผ่านทางลูกน้องด้วย ก็ต้องทำให้ทุกคนคิดและแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง นั่นคือทุกคนต้องรู้จักคิดและกล้าตัดสินใจภายใต้หน้าที่ที่รับผิดชอบ

เพียงเท่านี้ชีวิตสองภาคของสุหฤทก็จะเดินต่อไปได้ในแบบที่เขาต้องการ  

 

]]>
14223
สูตรลับปากกาควอนตั้ม : ส่วนผสมจาก 3 ประเทศ https://positioningmag.com/14224 Thu, 20 Oct 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14224

ไทยเคยเป็นผู้ผลิตและส่งออกแบรนด์ปากกาลูกลื่นไปยังยุโรปและอเมริกามากติดอันดับท็อปของโลก แต่ก็ต้องเสียแชมป์ไปประมาณ 5 ปีที่ผ่านมานี้เอง เมื่อฐานการผลิตส่วนใหญ่ย้ายไปจีนเพราะทำต้นทุนได้ต่ำกว่า ภายใต้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาใกล้เคียงกัน 

แต่แค่ 2 ปี จีนก็ต้องเสียแชมป์ให้กับอินเดีย ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่มีผู้บริโภคปากกาไม่แพ้จีนด้วยประชากรที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อินเดียเอาชนะจีนและดึงฐานการผลิตปากกาสำหรับตลาดอเมริกาและยุโรปมาจากจีนด้วยการวิจัยและพัฒนาน้ำหมึกไฮบริดขึ้นมา 

น้ำหมึกไฮบริดที่ว่าคือสิ่งที่ปากกาควอนตั้มของ DHAS ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ดีกับผู้ผลิตปากกาในอินเดียใช้อยู่ มีชื่อเรียกว่า GeloPlus+ ที่แปะอยู่บนปากกาควอนตั้ม เป็นสูตรน้ำหมึกที่นำหมึกปากกาลูกลื่นมาผสมกับน้ำหมึกแบบเจล ทำให้เกิดความต่อเนื่องของน้ำหมึกที่สม่ำเสมอไม่ขาดตอน เพราะลักษณะของหมึกเจลทำให้เกิดความลื่นช่วยลดความหนืดของหมึกลูกลื่นและทำให้เนื้อหมึกจับตัวกันสม่ำเสมอแต่ลื่นไหลเพราะไม่มีช่องว่างให้อากาศเข้าไปแทรกตัวอยู่ในน้ำหมึก ผสมด้วยเคล็ดลับสำคัญอีกอย่างนั่นคือโมเลกุลของน้ำหมึกจะต้องมีขนาดที่สัมพันธ์กับหัวลูกบอลที่อยู่ตรงหัวของปากกาแต่ละขนาดด้วย

เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นปากกาขนาด 0.3 0.5 0.7 หรือ 1.0 มิลลิเมตร จะต้องมีสูตรเฉพาะของแต่ละขนาดที่ต่างกันออกไป และสูตรที่ว่านี้คือสิทธิบัตรที่ผู้ผลิตในอินเดียเป็นผู้ครอบครองและกลายเป็นหัวใจสำคัญที่ทำอินเดียรักษาฐานการผลิตปากกาคุณภาพไว้ในประเทศได้สำเร็จ ไม่เพียงเท่านั้นการคิดค้นน้ำหมึกไฮบริดนี้ได้ยังทำให้อินเดียกลายเป็นผู้ผลิตน้ำหมึกที่ทรงอิทธิพลในตลาดโลกแทนที่ผู้ผลิตจากเยอรมนีที่เป็นประเทศที่เคยครองตำแหน่งนี้มาก่อน 

การผสมสูตระหว่างหมึกปากกาสองแบบ เป็นการคิดกำจัดจุดอ่อนและทำให้เหลือแต่ข้อดีของหมึกแต่ละประเภทไว้ในปากกาแต่ละด้าม ปากกาเจลจะให้สีสด แต่เดิมน้ำหมึกแห้งช้า ก็ได้คุณสมบัติแห้งเร็วของหมึกลูกลื่นมาผสม และทำให้สีของลูกลื่นที่ไม่สดเท่าหมึกเจลถูกกำจัดออกไป

ทั้งหมดนี้คือสูตรที่ DHAS ซื้อลิขสิทธิ์มาใช้สำหรับหมึก GeloPlus ในปากกาควอนตั้มนั่นเอง 

ความสำเร็จของอินเดียในการคิดค้นน้ำหมึกและยึดการเป็นฐานการผลิตปากกาคุณภาพ เป็นส่วนสำคัญในการก่อเกิดแบรนด์ควอนตั้มเมื่อ 5 ปีก่อนด้วย บวกกับประสบการณ์ที่ DHAS ได้รับบทเรียนจากที่เคยเป็นตัวแทนจำหน่ายปากกา Rotring แล้วต้องเสียสิทธิ์การเป็นตัวแทนจำหน่ายไปเนื่องจาก Rotring ถูกเทกโอเวอร์จนปัจจุบันเลิกผลิตปากกาเหลือเพียงแค่ดินสอเท่านั้น

โดย DHAS คิดว่า หากควอนตั้มมีจุดเด่นที่แตกต่างจากปากกาอื่นด้วยเทคโนโลยีที่เหนือกว่าก็ย่อมจะสร้างแบรนด์ปากกาที่เป็นที่ยอมรับในตลาดได้ไม่แพ้กัน ปากกาที่มีคุณสมบัติเขียนลื่นจึงเกิดขึ้นด้วยความเชื่อนี้ภายใต้การจับมือเป็นพันธมิตรที่ดีกับผู้ผลิตน้ำหมึกในอินเดีย

แม้กระทั่งชื่อควอนตั้ม ก็คิดและตั้งขึ้นเพื่อสะท้อนปากกาที่มีจุดเด่นจากการใช้น้ำหมึกที่แตกต่างจากปากกาทั่วไป ที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี  

ขณะที่การดีไซน์จะเป็นหน้าที่ของทีมงาน DHAS จากไทย ที่จะสำรวจตลาดเพื่อนำความชอบของลูกค้ามาออกแบบดีไซน์เพื่อผลิตสินค้าใหม่ประมาณ 30 รุ่นหรือแบบต่อปี ส่งไปทำแม่พิมพ์ (Mold) ที่เกาหลีใต้ซึ่งถือว่ามีฝีมือในการทำแม่พิมพ์ปากกาเป็นที่หนึ่งของโลก แม้กระทั่งญี่ปุ่นซึ่งผลิตปากกาแนวน่ารักขายดีไซน์ก็ต้องส่งมาทำที่เกาหลีใต้เช่นกัน ก่อนจะส่งไปประกอบในโรงงานที่อินเดีย ทำการตรวจเช็คสินค้าแล้วส่งมาที่คลังสินค้าของ DHAS ในไทยและทำการตรวจเช็กอีกครั้งก่อนออกสู่ตลาด

ไม่เพียงเท่านั้น ปากกาในสต็อกจะถูกสุ่มตรวจคุณภาพทุกๆ 3 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าอุณหภูมิที่ร้อนอบอ้าวและความชื้นสัมพัทธ์ที่มีอยู่มากในเมืองไทยจะไม่ทำให้คุณภาพของน้ำหมึกมีปัญหาต่อการใช้งาน และทุกๆ 2 ปี ก่อนน้ำหมึกปากกาทั่วไปจะหมดอายุประมาณ 2 ปีครึ่ง การผลิตจะถูกเบรกเพื่อเคลียร์สต๊อกสินค้าคงค้างออกสู่ตลาดเพื่อรักษาชื่อเสียงและคุณภาพของแบรนด์

กระบวนการทั้งหมดนี้ ทำขึ้นก็เพื่อให้มั่นใจว่า การจะก้าวสู่การเป็นแบรนด์ปากกาในใจผู้บริโภคให้ได้นั้น จะต้องควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐาน 100% และไม่ทำให้เสน่ห์ของการใช้ปากกาหายไปเพราะอาการสะดุดของเส้นหมึกของปากกาที่วางโพสิชันนิ่งของตัวเองไว้ว่า จะเป็นปากกาที่เขียนลื่นที่สุดในตลาดนั่นเอง

]]>
14224
สุหฤท สยามวาลา ขยับองค์กร 100 ปีให้ “เฟี้ยวเงาะ” https://positioningmag.com/14222 Wed, 19 Oct 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14222

ดีเอชเอ สยามวาลา (DHAS) องค์กรอายุกว่า 100 ปี ก่อตั้งโดยคนไทยเชื้อสายอินเดีย เรียนรู้การบริหารจากการเป็นตัวแทนให้แบรนด์ฝรั่ง เติบโตด้วยแรงงานไทย สร้างแบรนด์ฝรั่งจนติดตลาดจนกระทั่งหันมาให้กำเนิดแบรนด์ของตัวเองส่งออกไปขายฝรั่งและขายคนไทยด้วยกันเอง ไม่ใช่องค์กรที่หวือหวา แต่ไม่ว่าเจอวิกฤติมากี่ครั้งก็ยังคงอยู่คู่กับเมืองไทยมาตลอด

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาองค์กรแห่งนี้มาถึงจุดเปลี่ยนที่น่าจับตาอีกครั้ง เมื่อกรรมการผู้จัดการคนล่าสุดมาพร้อมกับภาพลักษณ์ของผู้บริหารที่มีความเป็นตัวของตัวเอง แบบ “แรงเต็มร้อย” “จัดเต็มไม่มีเม้ม” และมีเป้าหมายชัดเจนว่า ต้องการบาลานซ์ระหว่างชีวิตงานและความสนุกของชีวิตส่วนตัวไม่ให้ตกหล่นไปจากชีวิตทั้งสองด้าน

เขาให้นิยมตัวเองเป็น “Executainer” ซึ่งเกิดจากการผสมคำระหว่าง Executive และ Entertainer ที่พร้อมจะทำให้องค์กรขับเคลื่อนด้วยความสุขและมีภาพลักษณ์ที่ “เฟี้ยวเงาะ”

การขึ้นมาดำรงตำแหน่งของ สุหฤท สยามวาลา กรรมการผู้จัดการคนล่าสุด DHAS เป็นรอบของน้องชายคนเล็กในกลุ่มพี่น้อง 4 คน สุหฤทเป็นน้องชายคนที่ 3 ของบ้าน ก่อนหน้านี้มี ยิ่งศักดิ์ พี่ชายคนโต ซึ่งเลื่อนขึ้นไปเป็นประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหารเป็นเอ็มดีมาก่อนตั้งแต่ปี 2540 ส่วนโอภาสปัจจุบันดูแลด้านโรงงานการผลิตควบคู่ไปกับการเซตอัพด้านการพัฒนาธุรกิจและคอยเป็นคู่คิดให้สุหฤท

สุหฤทจบปริญญาตรีคณะศิลปศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และปริญญาโทสื่อสารมวลชนจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เคยทำงานเอเยนซี่ ได้พักเดียวก็ต้องลาออกเพราะความหัวแข็ง ก่อนจะถูกคุณพ่อของเขา มิตร สยามวาลา เรียกตัวกลับมาทำงานกับบริษัทของครอบครัว

เขางมีบทบาทดูแลฝ่ายขายให้กับ DHAS มาไม่ต่ำกว่า 20 ปี เป็นงานที่ทำควบคู่กับงานบันเทิงที่เขารักมาโดยตลอด ซึ่งเป็นภาพของสุหฤทที่คนภายนอกรู้จักเขามากกว่า ทั้งในฐานะดีเจวิทยุ ที่มีสไตล์แหวกแนว แรงๆ มันส์ๆ และในฐานะนักร้องนักแต่งเพลงแนว Electronica และ Alternative Rock เพียงไม่กี่คนของเมืองไทย เป็นที่จดจำได้ทั้งสไตล์ บวกกับความเป็นคนเชื้อสายอินเดียรูปร่างสูงใหญ่สะดุดตา ใครเห็นก็จำได้ไม่ลืม

ในภาคของการทำงาน จึงถือว่าเขาเรียนรู้ เติบโต และซึมซับจนรู้จักองค์กรและคนในองค์กรมาแล้วอย่างดี เมื่อเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ เขาเลยมีธงและมั่นใจที่จะขับเคลื่อนสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทันที จนเป็นที่มาให้เกิด Major Change อีกครั้งของ DHAS ซึ่งเป็นสไตล์การปรับเปลี่ยนที่ไม่ต้องมีวาระบริษัท แต่ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ขึ้นมารับตำแหน่ง

สุหฤท ต้องการสานฝันองค์กรให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของตัวเอง ซึ่งเขาบอกว่าฝันของเขาผ่านการกลั่นกรอง และนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหาร ผู้ถือหุ้นมาแล้วกว่าจะสู่ขั้นตอนการอิมพลิเมนต์เมื่อเข้ารับตำแหน่ง

“20 ปีในองค์กร ผมเริ่มตั้งแต่มาร์เก็ตติ้ง เคยคุมขายตรง ดูด้านกระดาษ ดูการขายสินค้าของทั้งองค์กรมาก่อน ทำให้รู้เลยว่าฝ่ายขายเป็นต้นเหตุของปัญหาของทุกองค์กร เราจะรู้ว่าบริษัทมีปัญหาอะไรตอนที่เราออกไปหาลูกค้า มีจุดไหนที่เราต้องทำต้องเข้าไปแก้ ต้องเริ่มประสานงานกับโรงงาน กับคลังสินค้าตอนไหน เพียงแต่ตอนนั้นผมมีพี่ชายเป็นที่ปรึกษา คอยบอกว่าต้องทำอย่างไร เพราะโดยตำแหน่งเขาต้องเป็นคนสั่งการและตัดสินใจในขั้นสุดท้ายอีกที แต่ตอนนี้มันหลงจ่งในตัวผมเอง”

วันนี้ สุหฤท เปรียบเหมือนคนถือหางเสือ ต้องตัดสินใจว่าจะควบคุมองค์กรอย่างไร จะเร่งสปีดหรือบังคับไปทิศทางไหน แต่ที่ต้องไม่ลืมก็คือ การเร่งองค์กรไม่เหมือนการเร่งเครื่องยนต์ เพราะองค์กรประกอบด้วยคนซึ่งมีชีวิต มีความคิดของตัวเอง มีอนาคตที่ต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องระวังอย่างยิ่ง คือความเครียดที่จะเกิดกับคนในองค์กรภายใต้การเร่งสปีดหรือการเปลี่ยนทิศทาง

“ถ้าเครียดมากไป จะทำให้กลายเป็นแรงเฉื่อย เครียดน้อยไปยิ่งเฉื่อยหนักเข้าไปอีก ความสมดุลตรงนี้คือต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะเร่งได้ถูกจุด”

จุดที่ถูกต้องสำหรับสุหฤท คือทำอย่างไร ให้คนในองค์กรขับเคลื่อนองค์กรภายใต้การทำงานอย่างมีความสุข

“ผมมีภาพที่เห็นปัญหามาตลอด กับภาพองค์กรที่ผมเห็นในอนาคต การทำ Major Change เพื่อสานฝัน ผมก็ต้องทำตั้งแต่ เริ่มออกแบบองค์กรใหม่ ปรับวิธีการทำงาน ปรับความคิดพนักงาน ปรับกลยุทธ์การตลาด ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องสนุก ผมสนุกกับงานก็เลยอยากให้พนักงานทุกคนสนุกด้วย โดยไม่ต้องกลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะชีวิตเราทุกคนต้องเปลี่ยนแปลง”

สุหฤทบอกว่าตัวเองโชคดีที่คนในองค์กรพร้อมรับการปรับเปลี่ยน เขาเชื่อว่าเป็นเพราะในองค์กรมีดีเอ็นเออันแรกคือความสุขเป็นทุนเดิม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของเขาว่าการเปลี่ยนแปลงจะต้องสร้างความสุขให้กับคน อีกทั้งยืนยันว่า ไม่มีนโยบายอะไรของผู้บริหารที่จะไปฆ่าพนักงาน หรือไปกดดัน แต่ทุกคนต้องมีเป้าหมายอยากประสบความสำเร็จร่วมกันเสียก่อน

เมื่ออยากสำเร็จ จะทำคนเดียวไม่ได้ ไม่ว่าผู้บริหารหรือพนักงาน การเปลี่ยนแปลงเป็นกลไกของการปรับตัวเพื่ออยู่รอด ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนไม่ใช่บริษัทหรอกที่จะปลดใครออก ถึงเวลาทุกคนก็ต้องถูกปลดเพราะอายุงาน แต่ที่ร้ายกว่าคือ หากองค์กรไม่ปรับตัว ตลาดอาจจะเป็นคนปลดองค์กรได้ นี่คือสิ่งที่สุหฤทเชื่อว่าทำให้ทุกคนยอมเข้าใจ แม้ว่าอาจจะมีคนที่ยังไม่เข้าใจอยู่บ้างก็ตาม

“ผมโชคดีที่ไม่มีไดเรคเตอร์คนไหนปฏิเสธไม่กล้าเสี่ยงที่จะเปลี่ยนแปลงกับผม องค์กรนี้เวลามอบหมายหน้าที่ให้แล้ว พนักงานกระเหี้ยนกระหือรือที่จะทำนะครับ ซึ่งมันเป็นความอบอุ่นอย่างหนึ่งของผมเลย เพราะถ้าองค์กรปรับเปลี่ยนแล้ว แต่คนรับผิดชอบเซ็ง ไม่เอาด้วย อย่างนั้นผมก็ตาย แล้วก็ไม่ต้องเปลี่ยนแล้วกัน แต่นี่กลับกลายเป็นสนุกร่วมกันหมด มันเกิดพลัง ผมถือว่าผมโชคดีที่มีทีมเหล่านี้อยู่ ลงไปถึงผู้จัดการขายไม่มีแรงประท้วงอะไร เพราะมันจะมีคนที่เติบโตขึ้นจากการออกแบบองค์กรใหม่ แต่ก็ต้องโชว์ฝีมือนะ พูดเก่งอย่างเดียวไม่ได้”

DHAS เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องเขียน ได้แก่ แฟ้มตราช้าง ปากกาควอนตัม ดินสอสีมาสเตอร์อาร์ต แฟ้มเอกสารสำหรับส่งออกต่างประเทศยี่ห้อเอลเฟ่น (Elfen) และทำหน้าที่เป็นไฟท์ติ้งแบรนด์ในไทย และเป็นตัวแทนจำหน่ายปากกา Cross ทุกแบรนด์ของบริษัทต้องเผชิญกับคู่แข่งทั้งหน้าเก่าจากยุโรป และรายใหม่จากในประเทศและเพื่อนบ้านที่สำคัญอย่างจีน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรต้องมีความแอคทีฟอยู่เสมอ

“อีกเรื่องหนึ่งที่ผมให้ความสำคัญมาก องค์กรผมต้องวัยรุ่น ผมเองก็ถือว่าตัวเองเป็นวัยรุ่นที่แก่ที่สุดในโลก องค์กรผม 100 ปี แต่ทำไม 100 ปีต้องแก่ ไม่ได้ ไม่มีแก่ ต้องสด ไขมันน้อย ต้องมีอะไรใหม่ๆ ในเวทีอยู่ตลอด เพราะผู้บริหารเปลี่ยน นี่คือนิสัยผม”

เมื่อทุกอย่างพร้อม สุหฤทประกาศเปิดตัวการเปลี่ยนแปลงภายใต้การบริหารของเขาโดยจัดงานที่ใช้ธีมว่าDHAS REVOLUTION : The NEW DNA พร้อมเปิดตัวทีมงานผู้บริหารที่ถือเป็น The New DNA ประกาศมุ่งพัฒนาสินค้าและการบริการเพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้ามากยิ่งขึ้น และเน้นการขยายองค์กรธุรกิจระหว่างประเทศแบบก้าวกระโดด

หลังจบการประกาศอย่างเป็นทางการในงานนั้น ก็ไม่ลืมที่จะปิดท้ายด้วยงานปาร์ตี้สุดชิคสไตล์ จิ๊กโก๋จิ๊กกี๋ DHAS แดนซ์ พร้อมกับบทสรุปแบบสุหฤทว่า

“เราไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทเครื่องเขียนที่ใหญ่ที่สุด แต่เราจะมุ่งมั่นที่จะก้าวเป็นบริษัทเครื่องเขียนที่..เฟี้ยวเงาะ.. ดังเด่น และดีที่สุด”

แน่นอนว่า สุหฤทไม่ได้ยืนพูดประโยคนี้นิ่งๆ แบบผู้บริหารทั่วไป แต่แทบจะแร็ปให้พนักงานฟัง

“แนวผมจะอย่างนั้นเลยมีสองภาค โชคดีที่ลูกน้องทุกคนเข้าใจ ยืนเฉยๆ ทำไม ทอล์กโชว์ก็ได้ แต่ก็แร็ปด้วยเลย บางคนขึ้นไปจอยด้วยบนเวที แต่งตัวกันเต็มที่ ใส่สาย ซ่อนแผง เป็นภาพที่ไม่มีวันลืมครับ หลังจากนั้นก็ไปต่างจังหวัดไปเคี่ยวกันต่อ คิกออฟแล้วถอยไม่ได้”

แล้วเฟี้ยวเงาะคืออะไร

“นั่นล่ะครับเป้าหมายของผมเลยทำให้คนถาม” สุหฤทตอบก่อนจะอธิบายต่อว่า

ก่อนไปเฟี้ยวเงาะ ต้องเริ่มจากอธิบาย The New DNA ซึ่งหมายถึงเชื้อใหม่ในการทำงานที่พร้อมรับสิ่งที่กำลังจะเข้ามา พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ก่อนประกาศนโยบายเขาเริ่มปรับพฤติกรรมในการทำงานหลายๆ ด้านเพื่อให้เกิดความพร้อม เวลาพูดถึงองค์กรเฟี้ยวเงาะคือทันสมัย แต่ไม่ใช่ให้พนักงานทุกคนเป็นวัยรุ่นหมด คนอายุมากก็เฟี้ยวเงาะทันสมัยได้จากการปรับเปลี่ยน เป็นความพยายามที่เขาต้องการให้ทุกคนกล้าก้าวออกจากคอมฟอร์ทโซน อย่าอยู่กับความเคยชิน เวลาบอกให้ปรับต้องปรับ นั่นคือเฟี้ยวเงาะ

“ลองเปลี่ยนงานตัวเองดู คิดจะปรับปรุงมันอย่างไร มันก็เป็นคำจำกัดความให้ทุกคนเห็นว่ามันเริ่มมาจากดีเอชเอเรฟโวลูชั่น เป็นการปฏิวัติความคิดทั้งหมดปฏิวัติด้วยดีเอ็นเอคือทุกๆ ชีวิตที่อยู่ในองค์กรเป็นดีเอ็นเอของสยามวาลาหมด ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยความคิดที่เฟี้ยวเงาะ เพราะฉะนั้นมันก็จะอินไลน์มาจากสิ่งที่เราคุยกันมา”

สุหฤทเล่าว่า คำว่า “เฟี้ยวเงาะ” เป็นคำที่ได้มาจากการคุยเรื่องงานเพลงกับ เชาวเลข สร่างทุกข์ นักแต่งเพลงของเบเกอรี่มิวสิค ตอนไปเป็นกรรมการโค้กมิวสิคอวอร์ด ซึ่งเชาวเลขเอ่ยคำว่าเฟี้ยวเงาะในการคอมเมนต์วงเข้าแข่งที่ถูกใจ เขาเลยขอคำนี้มาใช้

“คุณมิตรยังถามว่าทำไมไม่พูดคำว่าทันสมัยไปเลยง่ายกว่า ต้องมานั่งแปลเฟี้ยวเงาะ แล้วคนจะรู้เรื่องเหรอ ผมว่าพูดทันสมัยเขารู้เรื่องเขาไม่ถาม แต่อยู่ดีๆ บอกทำงานให้เฟี้ยวเงาะเขางงแล้วถาม เราจะได้มีโอกาสบอก” สุหฤทอธิบายพร้อมเสียงหัวเราะ

ดีไซน์องค์กรใหม่ของ DHAS นั้น สุหฤท แบ่งแยกองค์กรออกเป็นหน่วยธุรกิจตามแบรนด์หลักที่มีอยู่ 4 แบรนด์ ทำให้เหมือนองค์กรย่อยในองค์กรใหญ่ เป็นหน่วยธุรกิจที่จะทำหน้าที่ไดรฟ์องค์กร โดยมีเขาเป็นผู้คุมกฎ หรือที่เขาเรียกตัวเองว่า “คณะกรรมการห้ามมวย”

“ผมจะคอยดูไม่ให้ทำผิดหลักกลยุทธ์ เป็นกรรมการห้ามมวยเพื่อไม่ให้ Synergy ของโปรดักต์ทั้งหมดของบริษัทเสียหรือกระจัดกระจายเละเทะไป ยกตัวอย่าง ควันตัมห้ามออกแฟ้ม ปล่อยตราช้างทำ”

ส่วนการปรับเปลี่ยนด้านการบริหารงาน มีการปรับเปลี่ยนให้ฝ่ายตลาดจากระดับ Senior ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการ ยกเลิกตำแหน่งผู้อำนวยการขายที่คุมสินค้าแต่ละประเภทมารวมกันเป็นหมวดธุรกิจ แล้วให้ผู้อำนวยการที่คุมหน่วยธุรกิจมีหน้าที่เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ดูเฉพาะการตลาดมาดูแลทั้งด้านกลยุทธ์การตลาดและการขาย ทำหน้าที่ออกแคมเปญ รับผิดชอบไปจนถึงผลกำไร

รวมแล้วใน DHAS มีตำแหน่งที่เติบโตขึ้นร่วม 20 ตำแหน่ง เริ่มตั้งแต่ไดเรคเตอร์ของหน่วยธุรกิจซึ่งไม่เคยมีมาก่อน 2-3 คน รองผู้อำนวยการของฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ ตำแหน่งผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ ผู้จัดการเขตขาย

“นอกจากนี้ มีการย้ายหน่วยลอจิสติกส์มาอยู่รวมกับการตลาดและการขาย ทำให้แผนกนี้จากเดิมไม่เคยต้องไปหาลูกค้า ไม่เคยต้องเข้าประชุมรับรู้เป้าหมายและการประเมินการขาย ตอนนี้ต้องเข้ามารับรู้ทั้งหมด ต้องรู้ว่าแคมเปญจะออกเมื่อไร หากมีปัญหาเกี่ยวกับการส่งสินค้า ไม่ใช่ให้ผู้จัดการฝ่ายขายไปเจรจาอย่างเดิม แต่คุณต้องไปเจรจา เพราะผมเชื่อว่าลอจิสติกส์กับลอจิสติกส์คุยกัน จะเป็นตัวแทนที่ดีของบริษัท ไม่มีใครที่จะได้อยู่หลังฉากอีกแล้ว”

ในด้านของพนักงาน สิ่งที่พวกเขาต้องตั้งรับการปรับเปลี่ยนนี้คือ ต้องนึกอยู่เสมอว่า พวกเขามีโอกาสเติบโตประสบความสำเร็จ มีอำนาจในการตัดสินใจ แต่ทั้งหมดจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่มากขึ้น องค์กรเติบโตพวกเขาเติบโต เงินทุกบาทที่ใช้ คือสิ่งที่จะได้รับและรับผิดชอบร่วมกันระหว่างบริษัทและพนักงาน

สุหฤทบอกว่าตัวเองเป็นคนใจร้อน ตัดสินใจเร็ว แต่ดีที่ DHAS มีจุดแข็งที่มีทั้งผู้บริหารที่เป็นพี่น้องและมืออาชีพที่อยู่ด้วยกันมานาน ซึ่งกลายเป็นส่วนผสมที่ดีให้กับเขา การที่เขาทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เพราะทุกคนเชื่อมั่นและให้โอกาส เขาหวังว่าคลื่นการเปลี่ยนแปลงลูกใหญ่ที่เขาเริ่มขึ้นนี้วันหนึ่งจะหยุดและอยู่ตัว โดยจะวัดผลได้จากตลาดที่จะเป็นตัวบอกซึ่งนั่นก็คือผลที่วัดได้จากการดำเนินงานอย่างแท้จริง จากนั้นก็จะเหลือเพียงการปรับเล็กๆ น้อยที่เขาเรียกว่า Fine Tune ซึ่งคงจะต้องมีอยู่ตลอดเวลา

“จุดอ่อนของผมคงจะเป็นเรื่องความโผงผาง เป็นคนเร็ว บางทีเร็วไปก็ทำให้เครียดทั้งองค์กร แต่ผมก็ต้องการทำให้องค์กรเครียดระดับหนึ่งแต่ไม่เครียดจนขาด โดนเตือนเรื่องนี้เยอะ แต่ลูกน้องที่อยู่ฝ่ายขายจะชินมาก”

ส่วนเรื่องที่สุหฤท จัดเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง คือ การออกสินค้าใหม่ เพราะเขาถือว่า สินค้าคือหัวใจของบริษัท ซึ่งเขาพร้อมจะรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจนี้เต็มที่

“เรื่องสินค้าเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ เพราะถ้าเทสต์ไม่ดีแล้วปล่อยไปก็แย่ สุดท้ายถ้าใครคอนวินซ์ผมไม่ได้ผมรับผิดชอบเอง อาจจะมองว่าเป็นเผด็จการ แต่สำหรับสินค้าผมยอมไม่ได้ ปากกาล็อตหนึ่งเจอของไม่ดีผมยังต้องเก็บกลับมาหมด”

ความเชื่อเหล่านี้คือจุดเริ่มต้นหนึ่งที่ทำให้ DHAS ผลิตแฟ้ม ปากกา สมุด ที่มีสีสันสดใสออกสู่ตลาด แต่ในบางเรื่องสุหฤท ยอมรับว่าเขาเองก็ยังมีจุดอ่อน แต่ที่ยังชอบทำอะไรเร็วก็เพราะเชื่อในทีมเวิร์คของผู้บริหารในองค์กรซึ่งมีจุดแข็งช่วยเสริม

“ผมไม่เก่งทุกอย่าง ผมก็ประกาศว่าไม่เก่งทุกอย่าง แล้วก็ไม่อยากเก่งทุกอย่างด้วย แต่ผมมีคนเก่งมาเสริมหรือผมเสริมคนอื่น นี่คือทีมเวิร์ค ไม่ต้องวันแมนโชว์ ไม่มีใครเก่งรอบทิศ ผมว่าน่ารักออก แล้วยิ่งผู้บริหารแตกต่างกันมายืนเป็นแถวคาแร็กเตอร์ต่างกัน นั่งยิ่งเป็นทีมเวิร์คใหญ่ เพราะถ้าเก่งแต่การตลาดดูบัญชีไม่ได้เลยบริษัทก็ตาย”

ถ้าใครได้เห็นภาพการยืนเรียงกันของทีมผู้บริหารทั้งที่เป็นเชื้อสายเจ้าของและคนนอกที่รวมกันเป็น The New DNA ในวันคิกออฟ ก็จะเห็นภาพความแตกต่างที่สุหฤทพูดถึงได้ชัด เพราะมีทั้ง พ่อมดอิเล็กทรอนิกส์ คาวบอย ออฟฟิศแมน หนุ่มลำลองใส่เชิ้ตพับแขน สปอร์ตแมน ซึ่งสุหฤทบอกว่าเป็นสัญลักษณ์ขององค์กรแบบ DHAS ที่มีส่วนผสมที่แตกต่างมานาน

ตัวอย่างที่แสดงถึงการทำงานร่วมภายใต้จุดต่างที่ดี ต้องย้อนไปเมื่อ 5 ปี ตอนที่บริษัทเริ่มผลิตปากกาควอนตัม ยิ่งศักดิ์ เอ็มดีในตอนนั้นทุบโต๊ะว่าต้องผลิตยี่ห้อปากกาของตัวเองเพราะเจ้าของแบรนด์เก่าที่บริษัททำตลาดให้อยู่ต้องการเอาแบรนด์ไปทำเอง ทั้งที่ DHAS ผลิตปากกาลูกลื่นมานานและเป็นองค์กรที่ให้กำเนิดคำว่า “ปากกาลูกลื่น” ในเมืองไทยด้วย

“ตอนแรกจะซื้อบริษัท คิดไปคิดมา คุณยิ่งศักดิ์ทุบโต๊ะปัง ทำเอง แบรนด์ควอนตัมเกิดเลย ผมอยู่ฝ่ายขายก็เซอร์เวย์ตลาด ปากกาในบ้านเรามีแค่สีน้ำเงิน สีดำ สีแดง ที่เชลฟ์มีกระจุกอยู่แค่นี้ ตอนนั้นเรามีแฟ้มสีสเปกตรัม เราเป็นคนเอาสีเข้าไปอยู่ในธุรกิจเครื่องเขียน จากแฟ้มที่เคยมีแต่น้ำเงินดำแดง ก็มีสีเขียวมะนาว ส้ม แสด เหลืองแป๊ด ชมพูหวานแหวว เป็นคนแรก ก็คิดว่าทำไมไม่เอาสีของแฟ้มไปอยู่ในปากกาล่ะ ปากกาก็เริ่มมีสีสันขึ้น หลังจากนั้นทุกคนก็ตาม ก็สนุกที่ได้ครีเอทอะไรขึ้นใหม่ภายใต้ทีมเวิร์ค”

นอกจากสำรวจตลาด สุหฤทบอกว่า การคิดแคมเปญของเขา จะใช้เทคนิคเหมือนการแต่งเพลง ต้องมีท่อนฮุกให้ลูกค้ากรี๊ด

ล่าสุดไม่กี่เดือนก่อน เขาก็ออกโฆษณาตัวใหม่พูดถึงคุณสมบัติเขียนลื่นของปากกาควอนตัม คิดเอง เล่นหนังโฆษณาเอง พร้อมกับออกแคมเปญให้ลูกค้ามีส่วนร่วมส่งคลิปลื่นๆ มาร่วมประกวด เสร็จจากงานนี้ก็ดันผลงานเพลง จากอีกภาคของชีวิตตามกันออกมาติดๆ ในอัลบั้มชื่อ เก ที่มีเพลงจาระบี แสดงความลื่นขั้นเทพเรื่องรักแต่ก็โยงถึงคุณสมบัติของปากกาที่ DHAS ผลิตได้อีกต่อด้วย

“ผมรักมากอาชีพนักร้องดีเจ เป็นอาชีพทั้งสองอาชีพ เอ็มวีใหม่ก็เปรี้ยวมากแบบที่ชอบมีความสุข อยู่บริษัทผมก็ต้องบริหารงานได้ แต่ไม่จำเป็นว่าผมจะต้องใส่สูทนั่งเรียบร้อยพูดไทยคำอังกฤษคำ ลูกค้าที่เป็นร้านค้าอยู่กันมานานเขาก็ชินกับภาพแต่ละภาพของผม แต่ถ้าลูกค้าทั่วไปผมก็อยากให้เขารู้ว่ามันมีผู้บริหารอีกแบบนะ เป็น Executainer คือ Executive + Entertainer มันน่าจะเป็นอะไรใหม่สำหรับธุรกิจไทยได้ ในธุรกิจอื่นก็อาจจะมีบ้าง อย่างคุณพาที (สารสิน) แต่ผมจะแสบกว่านั้นนิดหนึ่ง เป็น Bad Boy และนี่ไม่ใช่การพีอาร์มันเป็นธรรมชาติของผม แต่ไม่ว่าผมจะทำอะไรสินค้าผมต้องดีก่อน”

โดยสรุป Executainer ก็คือการรวมสองภาคไว้ในคนคนเดียว บริหารด้วย บันเทิงด้วย แต่ถ้าเป็นเรื่องขององค์กร สุหฤทบอกว่า อยากให้ DHAS เป็นเหมือน Alternative Rock ต้องเปรี้ยว โครมครามหน่อย ไม่ค่อยหวาน และรวดเร็วรุนแรง

“ทั้งหมดนี้ต้องอยู่บนความสุข สนุก อย่าให้องค์กรเป็นทุกข์ ผมเอ็มดี ผมยอมไม่ได้ ผมไม่ทำร้ายใคร แต่ห้ามใครทำร้ายผม ห้ามทำร้ายองค์กร เบสิกที่ผมขีดเส้นไว้เลยห้ามข้ามรั้วนี้ ถ้าอะไรที่กระทบคนส่วนมากผมจบง่ายๆ ไม่ต้องคิดมาก ถึงเวลาเหี้ยมก็เหี้ยม และผมมั่นใจว่าวันนี้จุดที่ทำให้ทุกคนยอมรับในสิ่งที่ผมทำเพราะทุกคนอยากมีความสุขเหมือนๆ กัน” สุหฤทกล่าวทิ้งท้าย

]]>
14222
ปากกาสตาบิโล ชวนวัยรุ่นไทยร่วมประกวด Stabilo Memory Challenge 2011 https://positioningmag.com/54235 Tue, 05 Apr 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=54235

ปากกา Stabilo Point 88 (สตาบิโล พ้อยท์ 88) ผลิตภัณฑ์คุณภาพจากเยอรมัน ขอเชิญเยาวชนไทยอายุระหว่าง 12-19 ปี เข้าร่วมประลองความเป็นหนึ่งด้านไอเดียและความจำในการประกวด Stabilo Memory Challenge 2011 อัจฉริยะความจำ นักต่อปากกา ชิงรางวัลรวมกว่า 300,000 บาท ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประกวดนำผลิตภัณฑ์ปากกา STABILO Point 88 หรือ Point 88 mini มาเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ผลงานตามจินตนาการ พร้อมระบุว่า “สีช่วยเพิ่มความจำของคุณอย่างไรบ้าง” โดยส่ง VDO Clip แนะนำสมาชิกในทีม 3 คน เวลาไม่เกิน 5 นาที พร้อมอัพโหลดรูปผลงานของตนขึ้นไปที่ www.stabilomemorychallenge.com เพื่อรับการโหวตสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยผู้โหวตมีสิทธิ์ลุ้นรับ iPad2 รวม 3 รางวัล หมดเขตส่งผลงาน 15 มิถุนายน นี้

]]>
54235
“ลิควิคเปเปอร์” จัดโรดโชว์เจาะกลุ่มนักเรียนนักศึกษา https://positioningmag.com/53458 Thu, 21 Oct 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=53458

บริษัท นีเวลล์ รับเบอร์เมท ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำยาลบคำผิด ลิควิดเปเปอร์ จัดกิจกรรมโรดโชว์เพื่อแนะนำ ลิควิด เปเปอร์ ที่มีประสิทธิภาพในการลบคำผิดที่ดียิ่งขึ้นทั้งในเรื่องความสม่ำเสมอของน้ำยา และการแห้งเร็วให้กับกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ซึ่งจะมีการจัดโรดโชว์แนะนำผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องตลอดเดือนตุลาคมศกนี้ โดยการจัดโรดโชว์ที่ผ่านมาได้เชิญ อเล็กซ์ เรนเดล ดารานักแสดงหนุ่มมาร่วมพูดคุยถึงความประทับใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ พร้อมเล่นร่วมเล่นเกม และแจกของรางวัลให้กับผู้โชคดีจากการเข้าร่วมกิจกรรม ณ อาคารวรรณสรณ์ ถนนพญาไท เมื่อเร็ว ๆ นี้

]]>
53458
ไฮ-เจ็ท จัดโปรโมชั่นพิเศษในงาน Big Thanks ที่ร้านไอที ซิตี้ ทุกสาขา https://positioningmag.com/52022 Tue, 25 May 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=52022

บริษัท ปภาวิน จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระดาษและหมึกสำหรับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท กระดาษสำหรับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ภายใต้แบรนด์ Hi-jet จัดโปรโมชั่นพิเศษในงาน Big Thanks ที่ร้านไอที ซิตี้ ทุกสาขา โดยเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ Hi-jet Platinum Glossy 2 Side กระดาษกลอสซี่แบบมัน ที่พิมพ์ได้ทั้งสองด้าน ซื้อ 1 แพ็ค แถม 1 แพ็คทันที พร้อมกันนี้เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ Hi-jet ครบ 1,500 บาท รับฟรี… สมุดบันทึก Hi-jet ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 13 มิถุนายน 2553 นี้ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท ปภาวิน จำกัด โทร.02-423-3555 หรือเว็บไซต์ http://www.hi-jet.com

]]>
52022
บิคเฮฮารับเปิดเทอมจัดโปรโมชั่นเอาใจคนรักเรียน https://positioningmag.com/51854 Tue, 27 Apr 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=51854

บริษัท ผลิตภัณฑ์ บิค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนคุณภาพ ตรา “บิค” จัดแคมเปญแบ็คทูสคูลต้อนรับวันเปิดเทอม ด้วยโปรโมชั่นพิเศษลด 10-20% สำหรับปากกา ดินสอ เทปลบคำผิด และเครื่องเขียนอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมลุ้นรับโชคทุกๆ การซื้อสินค้าครบ 49 บาท จับรางวัลพิเศษลุ้นรับปากการะดับพรี่เมี่ยมตรา “เชฟเฟอร์” ตุ๊กตาหมีพี่บิค และกระเป๋าดินสอดิสนีย์ เป็นต้น พบสินค้าคุณภาพในราคาพิเศษได้แล้ววันนี้ ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่เข้าร่วมรายการ

]]>
51854