มีการสำรวจพบว่ามีแบรนด์ร้านบิงซูที่ทำตลาดในประเทศไทยตอนนี้อยู่ราว 8-10 แบรนด์ ทั้งนี้ยังไม่รวมร้านทั่วไปที่มีเมนูบิงซูเป็นอาหารหวาน แน่นอนว่าการแข่งขันต้องร้อนระอุ บางทำเลอย่าง “สยามสแควร์” ที่เป็นทำเลยอดฮอิตมีการเปิดด้วยกันหลายแบรนด์เลยทีเดียว

“ซอลบิง” แบรนด์บิงซูจากประเทศเกาหลีเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ร่วมสมรภูมินี้ ได้เข้ามาทำตลาดเมื่อปลายปี 2558 เปิดเป็นบริษัท ซัลบิง (เทรดดิ้ง) จำกัด ปัจจุบันมีทั้งหมด 6 สาขา ซึ่งซอลบิงมีการประเมินว่าแม้การแข่งขันจะโหดแค่ไหน แต่ก็ยังมีการเติบโตสูงอยู่ เพราะด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่บริโภคขนมหวานมากขึ้น และด้วยยุคโซเชียลมีเดียทำให้เป็นกระแสขึ้นมาได้

ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ต่อจากประเทศจีนที่ซอลบิงได้ทำตลาดนอกประเทศ เริ่มต้นในปี 2558 เช่นกัน ตอนนี้ที่จีนก็มีสาขาราว 8-10 สาขา กลยุทธ์หลักของซอลบิงอยู่ที่การขยายสาขาให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากกว่าคู่แข่งในตลาด แต่เป็นการขยายสาขาด้วยโมเดลการขาย “แฟรนไชส์” ที่เปิดให้ผู้สนใจมาร่วมลงทุน โดยที่ทั้ง 6 สาขาที่เปิดในไทย มีเพียงแค่ 1 สาขาคือ สยามสแควร์ที่ทางบริษัทเป็นผู้ลงทุนเอง อีก 5 สาขาเป็นการขายแฟรนไชส์ทั้งหมด กลยุทธ์นี้ซอลบิงได้ทำที่ประเทศเกาหลี และจีนเช่นกัน ทำให้ตอนนี้กว่า 490 สาขาที่ประเทศเกาหลี เป็นสาขาแฟรนไชส์ 70%

สาขาล่าสุดคือสาขาอโศก โคเรียนทาวน์ ก็ได้มีการปรับโมเดลรูปแบบร้านเพื่อรองรับการแข่งขันในท้องถิ่น จึงเปิดเป็นโมเดลการบริการตลอด 24 ชั่วโมง และมี 3 ชั้น เพื่อรองรับลูกค้าย่านนั้นอย่างเต็มที่

ซอ จิง ซอง ผู้บริหารร้านซอลบิง อโศก กล่าวว่า “การดีไซน์ร้านของแต่ละผู้รับแฟรนไชส์จะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง สาขานี้ที่ต้องเป็น 24 ชั่วโมงเพราะต้องการรองรับนักท่องเที่ยว และที่สำคัญคือมีร้านอื่นๆ ในละแวกเดียวกันที่เปิด 24 ชั่วโมง ทำให้ต้องแข่งขันสู้กับเขา”

แผนการขยายสาขาของซอลบิงยังคงดุดันอยู่ตอนแรกมีการวางแผนขยายปีละ 50 สาขา แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจต่างๆ จึงลดเหลือปีละ 10 สาขา ในช่วงปลายปีนี้ หรือช่วงปีหน้าจะเริ่มขยายสาขาไปต่างจังหวัด เริ่มจากหัวเมืองสำคัญ และเมืองท่องเที่ยวก่อน อย่างเช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี เป็นต้น ในปีนี้จะมีการขยายอีก 2 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า และฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต