หลังจากประกาศเปิดตัว ‘Surface Duo’ สมาร์ทโฟน 2 จอ ตั้งแต่ตุลาคมปี 2019 ซึ่ง ‘Microsoft’ ต้องใช้เวลาถึง 5 ปีเพื่อพัฒนา ในที่สุด บริษัทก็ประกาศว่าเตรียมวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวในวันที่ 10 กันยายนนี้ โดย Surface Duo จะไม่ใช้ระบบปฏิบัติการ Window Phone อีกต่อไป แต่จะใช้ระบบปฏิบัติการ ‘Android’ แทน ซึ่งถือว่าเป็นการยอมแพ้ที่จะสร้างระบบปฏิบัติการของตัวเอง หลังจากที่พยายามปลุกปั้นมานานกว่า 20 ปี

แม้ว่าหลายคนจะไม่ตื่นเต้นกับสมาร์ทโฟนจอพับแล้ว เพราะอย่าง ‘ซัมซุง’ ก็มี ‘Galaxy Fold’ และ ‘หัวเว่ย’ เจ้าของ ‘Huawei Mate X’ แต่ไมโครซอฟท์การันตีว่า Surface Duo จะสามารถใช้งานได้ หลากหลายกว่า เนื่องจากหน้าจอขนาด 5.6 นิ้วนั้นเป็นแบบบานพับที่แยกจากกันโดยสามารถพับได้ 360 องศา ช่วยให้สามารถเปิดแอปแบบแยกหน้าจอได้เลย ซึ่งไมโครซอฟท์ระบุว่า สิ่งนี้จะช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น หน้าจอหนึ่งใช้วิดีโอแชท อีกจอเล่นเกม

โดยไมโครซอฟท์ได้เปิดพรีออเดอร์แล้วตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค. เฉพาะในสหรัฐอเมริกา ผ่านหน้าเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ เอทีแอนด์ที และเบสท์บาย โดย Surface Duo ใช้ได้กับเครือข่ายสื่อสารในสหรัฐอเมริกา ทั้งเอทีแอนด์ที เวอไรซอน และที-โมบายล์ ในราคา 1,399.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 43,000 บาท อย่างไรก็ตาม ยังไม่เปิดเผยแผนจำหน่ายนอกประเทศสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ ด้วยเศรษฐกิจที่ไม่ดีนักของสหรัฐอเมริกาในเวลานี้ เนื่องจากต้องเผชิญกับ COVID-19 ส่งผลให้มีอัตราว่างงานถึง 10.2% ขณะที่ Surface Duo มีราคาสูงกว่าแล็ปท็อปบางรุ่น และมีราคาแพงพอ ๆ กับ Smartphone เรือธงรุ่นใหม่ แต่ในทางกลับกันเมื่อมีคนอยู่บ้านมากขึ้นผู้คนอาจมองหาอุปกรณ์ใหม่ ๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากเวลาทำงานบนโซฟาก็เป็นได้

ปัจจุบัน ระบบปฏิบัติการ Android ของ Google มีสัดส่วนการใช้งาน 87% ส่วน iOS ของ Apple มีสัดส่วน 13% ของสมาร์ทโฟนโลกทั่วโลกในปีนี้

Source

อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวของทาง Consumer Reports ก็นำมาซึ่งข้อถกเถียงบางประการ เพราะเป็นการสำรวจโดยใช้ข้อมูลของแท็บเล็ต Surface รุ่นเก่า อย่าง Surface 3, Surface Pro 3 และ Surface Book รุ่นก่อนหน้า ขณะที่ผลการของศึกษาดังกล่าวได้ทำให้ Consumer Reprts ตัดสินใจยกเลิกคำว่า “Recommended” บนอุปกรณ์ Surface รุ่นใหม่อย่าง Surface Laptop ความจุ 128 GB และ 256 GB และ Surface Book ความจุ 128 GB และ 512 GB ออกไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ในระหว่างการทำสำรวจนั้น แท็บเล็ตเหล่านี้ยังไม่ได้ทำการผลิตเลยด้วยซ้ำ ซึ่งทำให้ทางไมโครซอฟท์ออกมาโต้แย้งผลการศึกษานี้ โดยระบุว่า บริษัทไม่เชื่อว่า การสำรวจนี้จะสะท้อนประสบการณ์ในการใช้งานของผู้ใช้งานได้ตรงกับความเป็นจริงนัก

นอกจากนั้น บริษัทไมโครซอฟท์ยังได้บอกด้วยว่า ที่่ผ่านมา ไมโครซอฟท์มีการปรับปรุงประสิทธิภาพให้กับ Surface ในทุก ๆ เจเนอเรชันอยู่แล้ว นั่นจึงนำไปสู่คำถามที่ว่า อดีตของ Surface มีผลต่อการคาดการณ์ “ความน่าเชื่อถือ” ของโปรดักต์ในอนาคตมากเพียงนี้เลยหรือไม่

โดยไมโครซอฟท์ ได้หยิบยกข้อมูลล่าสุด เกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้ใช้พบว่า 98 เปอร์เซ็นต์พอใจใน Surface Pro 4 ส่วน Surface Laptop ก็มีตัวเลขที่เติบโตขึ้นเช่นกัน ขณะที่ปัญหาที่ Consumer Report ตรวจสอบพบใน Surface รุ่นเก่า ๆ ก็คืออาจมีการชัตดาวน์ตัวเองแบบกระทันหัน และบางเครื่อง หน้าจอทัชสกรีนก็ตอบสนองได้ไม่ดีเพียงพอ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้น้อยลงมาแล้วใน Surface รุ่นใหม่

อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ของ Business Insider ให้ความเห็นว่า การก้าวเข้าสู่ธุรกิจฮาร์ดแวร์ของไมโครซอฟท์นั้น ถือว่าเกิดขึ้นได้ไม่นาน โดยไมโครซอฟท์ เปิดตัวแท็บเล็ตตระกูล Surface และแล็ปท็อปของตนเองครั้งแรกเมื่อปี 2012 ส่วน Surface Pro ก็เพิ่งเปิดตัวในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง

นอกจากนี้ ยังพบว่าในการแถลงผลประกอบการนั้น อุปกรณ์อย่าง Surface ไม่ได้ทำรายได้ให้ไมโครซอฟท์มากนัก แถมยังเป็นแผนกที่มีรายได้ลดลงเมื่อเทียบแบบปีต่อปีด้วย

แจน ดอร์สัน นักวิเคราะห์จาก Jackdaw Research กล่าวว่า ความจริงก็คือ ไมโครซอฟท์ยังมีประสบการณ์น้อยมากในตลาดฮาร์ดแวร์ การรุกขยายตลาดอย่างรวดเร็วอาจทำให้เกิดช่องโหว่บางประการในขั้นตอนการผลิตได้

สำหรับ Consumer Report นั้นได้เริ่มทำการสำรวจถึงความน่าเชื่อถือประจำปีของสินค้าต่าง ๆ ที่จำหน่ายในสหรับอเมริกามาตั้งแต่ปี 1952 โดยเริ่มจากตลาดรถยนต์ ก่อนจะขยายสู่ตู้เย็น ทีวี ฯลฯ โดยทางองค์กรเพิ่งจะเพิ่มแล็ปท็อป และแท็บเล็ต ลงไปในผลการสำรวจเมื่อไม่นานมานี้เองเช่นกัน

หรือจะเรียกว่า งานนี้ใหม่ทั้งผู้ผลิตและผู้สำรวจเลยก็ว่าได้ 

ที่มา : manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000082974