Toys – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 12 Feb 2024 05:08:12 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เล่นของเก่าไปก่อน! ตลาด ‘ของเล่น’ ในสหรัฐฯ ปี 2023 หดตัว 8% เพราะต้องรัดเข็มขัดซื้อแต่ของจำเป็น https://positioningmag.com/1462279 Mon, 12 Feb 2024 03:21:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1462279 แม้ว่าในช่วงก่อนการระบาดของ COVID-19 และในช่วงที่ COVID-19 ระบาด ตลาด ของเล่น ก็ยังสามารถเติบโตได้ แต่กลายเป็นว่าในปี 2023 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจไปทั่วโลก ส่งผลให้ผู้บริโภคเน้นซื้อแต่ของจำเป็นก่อน ทำให้ของเล่นกลายเป็นสิ่งของท้าย ๆ ที่จะจับจ่าย

ตามรายงานจากบริษัทวิจัยตลาด Circana พบว่า ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ซื้อ ของเล่น น้อยลงตลอดปี 2023 โดยรวมแล้วยอดขายของเล่นในปี 2023 ลดลง 8% ทั้งด้านจำนวนเงินที่ผู้บริโภคจ่ายค่าของเล่นและจำนวน แม้ว่าในไตรมาสที่ 4 ที่มีเทศกาล คริสต์มาส ซึ่งปกติจะเป็นช่วงที่มียอดขายของเล่นจำนวนมากก็ยัง ลดลง 6% ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยลดลง 2% แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคไม่ได้ซื้อของเล่นน้อยลง แต่ยังซื้อของเล่นที่มี ราคาถูกลง ด้วย

“นี่ชี้ให้เห็นชัดเลยว่าผู้บริโภคเลือกของเล่นราคาถูกลง” Juli Lennett รองประธานและที่ปรึกษาอุตสาหกรรมของเล่นของ Circana กล่าว

ที่น่าสนใจคือ เมื่อเทียบกับก่อนเกิดโรคระบาดหรือปี 2019 อุตสาหกรรมของเล่นยังคงมียอดขายเติบโตขึ้น รวมแล้วมีมูลค่า 5.7 พันล้านดอลลาร์ ดังนั้น เห็นชัดว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคนั้น ปรับตามอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากหลายครัวเรือนต้องต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ทำให้ต้องใช้เงินไปกับการซื้อสินค้าและชำระค่าบริการที่จำเป็น ท่ามกลางแรงกดดันด้านการเงิน ส่งผลให้เงินออมของผู้บริโภคหมดลงและหนี้บัตรเครดิตของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น

จากผลกระทบดังกล่าว ได้ส่งผลต่อผู้เล่นรายใหญ่อย่าง ฮาสโบร (Hasbro) ที่ต้องลดจำนวนพนักงานเกือบ 20% หรือมากกว่า 1,000 คน ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เนื่องจากการซื้อของเล่นที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง

Robby Pettinato COO ของ Wild About Music, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Toy Joy เครือร้านขายของเล่นยอดนิยมในเมืองออสติน กล่าวว่า เขาเห็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการซื้อของกลุ่มผู้ปกครอง โดยในปีที่ผ่านมาพบว่า จำนวนครอบครัวที่ซื้อของเล่นใหม่ให้ลูก ๆ ของพวกเขาลดลง และสำหรับ ผู้ปกครองที่มีอายุน้อยจะยิ่งระมัดระวังเรื่องงบประมาณมากที่สุดในตอนนี้

“เราให้ความสำคัญกับพ่อแม่ที่มีเด็กเล็กและลูกค้าผู้ใหญ่ที่เป็นนักสะสม ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่าจำนวนครอบครัวที่ซื้อของเล่นใหม่ให้ลูก ๆ ของพวกเขาลดลง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความต้องการของเล่นกำลังลดลง”

แม้ว่าการซื้อของเล่นของผู้ปกครองจะลดลง แต่ในกลุ่มลูกค้า มิลเลนเนียลและ Gen Z ที่ซื้อของเล่นเพราะต้องการสะสมยังคงใช้จ่าย โดยในปีที่ผ่านมาสินค้าเกี่ยวกับ Pokémon, Barbie และ Squishmallows เป็นแบรนด์ที่ขายดีที่สุด

CNN

]]>
1462279
TikTok เป็นเหตุ! Hasbro ผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ เตรียมนำตุ๊กตา Furby กลับมาวางขายอีกรอบ https://positioningmag.com/1435457 Mon, 26 Jun 2023 09:46:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1435457 ตุ๊กตาเฟอร์บี้ (Furby) ได้เตรียมกลับมาวางขายในสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง โดยสาเหตุสำคัญก็คือความนิยมสิ่งของในอดีต นอกจากนี้ยังรวมถึงผู้คนได้ดูวิดีโอของเจ้าตุ๊กตาที่เจ้าของต่างอัพโหลดขึ้นบน TikTok ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทได้นำ Furby กลับมาวางขายอีกครั้ง

Hasbro ผู้ผลิตของเล่นชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตุ๊กตา Furby ได้เตรียมนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวกลับมาวางขายอีกรอบ โดยสำหรับเจ้าตุ๊กตา Furby ที่นำกลับมาวางขายอีกรอบ โดยหวังว่าผู้ปกครองที่เกิดทันในยุคตุ๊กตาดังกล่าวจะซื้อตุ๊กตาดังกล่าวให้กับลูกของตัวเองอีกครั้ง

ปัจจัยการกลับมาของตุ๊กตาดังกล่าวอีกเรื่องก็คือ #Furby ที่อยู่ในแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอย่าง TikTok ที่ชวนย้อนเวลาไปถึงช่วงเวลาที่เจ้า Furby ได้รับความนิยมในอดีตนั้นมีผู้ดูวิดีโอดังกล่าวใน Hashtag นี้มากถึง 550 ล้านครั้ง นอกจากนี้กระแสสิ่งของที่ได้รับความนิยมในอดีต ยังถือเป็นโอกาสอันดีที่บริษัทจะวางขายตุ๊กตาในช่วงนี้ด้วย

Kristin McKay ผู้จัดการทั่วไปของ Hasbro ได้กล่าวว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการสำรวจเพื่อทำความเข้าใจว่าเด็กๆ ต้องการเห็นอะไรใน Furby ตัวใหม่ที่กำลังจะวางขาย ซึ่งจากผลสำรวจดังกล่าวนี้ เด็กๆ ได้บอกว่าสิ่งสำคัญสำหรับตุ๊กตารุ่นใหม่นี้คือการเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพวกเขา

นอกจากนี้เจ้าตุ๊กตา Furby รุ่นใหม่ที่จะวางขาย ยังได้เพิ่มปุ่มเปิดปิดการทำงานเจ้าตัวตุ๊กตาแล้ว หลังจากในอดีตตุ๊กตารุ่นดังกล่าวนี้ไม่มีปุ่มปิดการทำงานด้วยซ้ำ ผู้ผลิตตุ๊กตารายนี้เคยกล่าวกับสื่ออย่าง Wall Street Journal ในปี 1999 โดยเปรียบเปรยว่าตุ๊กตาดังกล่าวเหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ไม่มีปุ่มเปิด-ปิด

อย่างไรก็ดีตุ๊กตา Furby นี้หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐอเมริกานั้นได้ห้ามวางในพื้นที่สำคัญ เนื่องจากกังวลว่าตุ๊กตาดังกล่าวอาจมีอุปกรณ์บันทึกเสียงได้ แม้ว่าผู้ผลิตจะออกมายืนยันว่าเจ้าตุ๊กตานี้ไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าวก็ตาม

สำหรับตุ๊กตา Furby นั้นทาง Hasbro เปิดตัวครั้งแรกในปี 1998 และมียอดขายอย่างน้อย 40 ล้านตัวในช่วงสามปีแรกหลังจากการวางจำหน่าย นอกจากนี้ในประเทศไทยเจ้าตุ๊กตาดังกล่าวก็ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน มีการสะสมจากผู้ที่ชื่นชอบไปจนถึงการเก็งกำไรด้วยซ้ำ

โดยเจ้าตุ๊กตา Furby จะเริ่มวางขายอีกครั้งในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมในสหรัฐอเมริกา

]]>
1435457
เปิดใจผู้จำหน่ายโมเดล ‘ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส’ เพราะ ‘หนัง’ กับ ‘ของเล่น’ คือส่วนผสมที่ขาดกันไม่ได้ กระแสมายอดพุ่ง 100% https://positioningmag.com/1433795 Tue, 13 Jun 2023 01:11:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1433795 หากพูดถึง ของเล่น เชื่อว่าในยุคปัจจุบันไม่ได้มีแค่เด็กที่ซื้อ แต่รวมไปถึง เด็กหนวด ที่หลายคนใช้นิยามถึง ผู้ใหญ่ อย่างเรา ๆ ที่ยังซื้อของเล่นอยู่ เพียงแต่จุดประสงค์อาจแตกต่างไป จากที่เล่นสนุกแบบตอนเด็ก ๆ ก็มาซื้อมาสะสม และหนึ่งในสิ่งที่เกื้อกูลให้ของเล่นยังขายได้ก็เพราะ ภาพยนตร์ และ การ์ตูน นี่แหละที่ทำให้เด็กและนักสะสมหยุดซื้อไม่ได้สักที

จากของเล่นสู่ภาพยนตร์ขายของเล่น

สำหรับภาพยนตร์ที่มีความเกี่ยวพันกับของเล่นแบบสุด ๆ ก็คือ ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส (Transformers) เพราะจุดเริ่มต้นของทรานส์ฟอร์มเมอร์สนั้นมาจาก ของเล่น จากค่ายดังของญี่ปุ่นอย่าง Takara Tomy ที่หลายคนน่าจะคุ้นหูกัน และได้ค่าย ฮาสโบร (Hasbro) นำสินค้าเข้าไปขายในอเมริกา หลังจากนั้น ทรานส์ฟอร์มเมอร์สก็ได้มีการทำการ์ตูนต่าง ๆ ตามมา เพื่อให้ผู้บริโภคผ่านเรื่องราว (Story Telling) เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการเชื่อมโยง จดจำแบรนด์ จนตลอด 41 ปีที่ผ่านมา ทรานส์ฟอร์มเมอร์สก็มีทั้งเวอร์ชันการ์ตูน และภาพยนตร์แฟรนไชส์ถึง 7 ภาคเข้าไปเเล้ว

หนังเข้าดันยอดโต 100%

สำหรับของเล่นทรานส์ฟอร์มเมอร์สเป็นลิขสิทธิ์จากค่ายฮาสโบร (ยกเว้นในญี่ปุ่นจะหน่ายโดย takara Tomy) สำหรับประเทศไทย บริษัท แมพ แอคทีฟ ได้กลับมาเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังจากที่เคยเป็นในปี 2001-2015 เนื่องจากช่วงปี 2016-2022 บริษัทฮาสโบรเลือกที่กลับมาทำตลาดเอง

จนมาปี 2023 แมพ แอคทีฟ ได้ลิขสิทธิ์อีกครั้ง โดยจะทำสัญญากัน 5 ปี สามารถจำหน่ายสินค้าได้ทุกชาแนลทั้งในห้างสรรพสินค้าและออนไลน์ โดยมีสินค้าจากค่าย Marvel เช่น Ironman, Spider-Man รวมถึงสินค้าทรานส์ฟอร์มเมอร์ส

ดีพัก โทมาร์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท แมพ แอคทีฟ อาดิเพอคาซา จำกัด กล่าวว่า ภาพยนตร์ถือเป็นส่วนสำคัญมากของการขายของเล่น เพราะเมื่อผู้บริโภคได้เสพเรื่องราวต่าง ๆ ก็จะกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความต้องการ เริ่มมีการเชื่อมโยง ทำให้พอภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เข้าฉายจะช่วยดันให้ยอดขายของเล่นในช่วงนั้น ๆ เติบโตกว่า 100% โดยกระเเสจะเริ่มมีมาช่วง 1-2 สัปดาห์เข้าฉาย และจะเริ่มซาลงหลังภาพยนตร์ลาจอไปเเล้ว

สำหรับการมาของภาพยนตร์ Transformers : Rise Of The Beats ภาคล่าสุด บริษัทก็ได้ทำกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายมากขึ้น เช่น Meet & Greet กับ หุ่นยนต์ ออพติมัส ไพร์ม มีความสูงกว่า 2.5 เมตร และโปรโมชันพิเศษต่าง ๆ เช่น ซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท รับฟรี Transformers Griptok มูลค่า 199 บาท 1 ชิ้น เป็นต้น โดยบริษัทคาดว่าจากกระเเสดังกล่าวจะช่วยให้มียอดขายจากสินค้ากลุ่มทรานส์ฟอร์มเมอร์สในช่วงเปิดตัว 3-6 เดือนแรกที่ประมาณ 5-8 ล้านบาท รวมทั้งปีประมาณ 15 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม นับตั้งเเต่ที่แมพ แอคทีฟได้เป็นตัวแทนจำหน่ายของเล่นฮาสโบร นั้นมีภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่จาก Marvel ฉายประมาณ 3 เรื่อง แต่บริษัทก็ไม่ได้ทำกิจกรรมทางการตลาด โดย ดีพัก รับว่า ที่ไม่ได้ทำการตลาด เป็นเพราะมองว่ายังไม่ใช่ไฮไลต์ และทรานส์ฟอร์มเมอร์สมีความแมสมากกว่า นอกจากนี้ ผู้ปกครองก็เลือกหาของเล่น เสริมพัฒนาการ ให้บุตรหลาน ซึ่งตรงกับสินค้าทรานส์ฟอร์มเมอร์ส 

“หนังเป็นสิ่งที่สำคัญมาก มันเกื้อหนุนกัน เวลามีหนังมันจะทำให้เกิดกระเเส ทำให้ยอดขายพุ่งสูงมาก และพอเริ่มมีกระเเส เราก็มาปรุกกระแสให้มีสีสันมากขึ้น”

2023 ตลาดของเล่นไทยสดใส

สำหรับตลาดของเล่นประเทศไทยปี 2019 ถือเป็นปีที่ดีที่สุด โดยมีมูลค่าราว 5,000 ล้านบาท และมาหดตัวในช่วงที่ COVID-19 ระบาด ผู้บริโภคไม่ได้ออกจากบ้าน และไม่มีภาพยนตร์เข้าฉาย แต่ในปี 2023 นี้ คาดว่าตลาดน่าจะฟื้นตัวได้ประมาณ 80-90% เมื่อเทียบกับปี 2019 

สำหรับตลาด แอ็คชั่นฟิกเกอร์ คาดว่ามีสัดส่วนประมาณ 10% ของตลาดของเล่น ซึ่งฮาสโบรถือเป็นผู้นำตลาดมีมาร์เก็ตแชร์ประมาณ 50% และในปีนี้ บริษัทคาดว่ายอดขายจะเติบโตขึ้น 20-23% เมื่อเทียบกับปี 2019 โดยเห็นสัญญาณบวกจากนักท่องเที่ยว และพฤติกรรมของผู้ปกครองที่เริ่มซื้อของเล่นที่พัฒนาทักษะมากขึ้น เพื่อไม่ให้ลูกอยู่กับหน้าจอ

เด็กหนวดสำคัญ แต่เด็กยังเป็นกลุ่มหลัก

ดีพัก ยอมรับว่า ผู้ใหญ่ ถือเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันตลาด โดยปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 20% ของยอดขาย โดยจุดที่น่าสนใจของกลุ่มผู้ใหญ่คือ ซื้อหนัก เฉลี่ยหลัก พันบาท ขณะที่เด็กจะเฉลี่ยหลักร้อยบาท อย่างไรก็ตาม ดีพัก เชื่อว่า เด็กจะยังเป็นกลุ่มสร้างการเติบโตหลัก แม้ว่าปัจจุบันอัตราการเกิดทั่วโลกจะต่ำลงก็ตาม

“แม้อัตราการเกิดจะลดลง แต่เราเชื่อว่าบริษัทยังอยู่ได้ ถ้าเรายังมีสินค้าใหม่ มีคาแรกเตอร์ใหม่ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงมีการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพราะสุดท้ายแล้ว เด็กก็ยังมีความต้องการซื้อของเล่น”

]]>
1433795
ส่องตลาด ‘ของเล่น’ ในยุคที่ ‘ผู้ใหญ่’ เป็นตัวหลักขับเคลื่อนตลาดให้เติบโต https://positioningmag.com/1413323 Wed, 21 Dec 2022 04:55:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1413323 เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า เด็กหนวด หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Kidults (เกิดจากคำว่า kid บวกกับคำว่า adult) ที่เรียกผู้ใหญ่หรือวัยรุ่นที่ยังซื้อ ของเล่นของสะสม ซึ่งภาพคนทั่วไปอาจจะมองว่าเป็นของสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เด็กหนวดนี่แหละเป็นกำลังหลักที่ทำให้ตลาดของเล่นยังเติบโต

เหล่า Kidults ซึ่งมักจะใช้จ่ายกับของเล่นมากขึ้นเนื่องจากพวกเขามีความชื่นชอบการ์ตูน ฮีโร่ และของสะสมที่ทำให้พวกเขานึกถึงวัยเด็ก พวกเขาซื้อสินค้า เช่น แอคชั่นฟิกเกอร์ ชุดเลโก้ และอื่น ๆ ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผู้ผลิตของเล่นได้สร้างไลน์สินค้าสำหรับผู้บริโภคเหล่านี้โดยเฉพาะ เนื่องจากเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ใหญ่ในยุคนี้

เมื่อผู้ใหญ่หันมาซื้อของเล่นกันมากขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ผลิตของเล่นมาก ๆ เพราะจากที่แค่ทำของเล่นมาขายเด็ก (ซึ่งคนซื้อก็คือผู้ปกครอง) กลายเป็นว่ากลับสามารถขายให้ผู้ใหญ่ถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้ออยู่แล้วได้อีกด้วย ดังนั้น ตลาดของเล่นจึงถูกขยายให้กว้างยิ่งขึ้น ทำให้เหล่า เด็กหนวดถือเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุด

ตามข้อมูลจาก NPD Group พบว่า เด็กหนวดเหล่านี้คิดเป็นถึง 1 ใน 4 ของยอดขายของเล่นของสะสมในตลาดสหรัฐฯ หรือคิดเป็นมูลค่าถึง 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.1 แสนล้านบาท จากมูลค่าทั้งหมด 28,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลุ่ม Kidult ช่วยดันยอดขายของเล่นให้เติบโตถึง 37% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2020-2021)

“กลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป มีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมของเล่นมาหลายปี แต่การใช้จ่ายได้เร่งตัวขึ้นหลังจากเกิดโรคระบาด ซึ่งนำไปสู่ผลกำไรที่สูงขึ้นของบริษัทผู้ผลิตของเล่น”

ย้อนไปในช่วงทศวรรษที่ 70 และ 80 ธุรกิจของเล่นเริ่มเปลี่ยนจากการผลิตคาแรกเตอร์ที่ออกแบบเองมาเป็นการผลิตสินค้าจากคาแรกเตอร์ของภาพยนตร์และการ์ตูน แต่ปัจจุบันเทรนด์ดังกล่าวกลับยิ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจากแฟรนไชส์ภาพยนตร์ชื่อดัง โดยเฉพาะเหล่าซูเปอร์ฮีโร่

ดังนั้น เด็กที่เติบโตมากับแฟรนไชส์ภาพยนตร์ดัง ๆ รวมถึงได้เห็นสินค้าลิขสิทธิ์ต่าง ๆ ที่ในตอนนั้นอาจไม่มีโอกาสที่จะได้สัมผัส (พ่อ-แม่ไม่ได้ซื้อให้) ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจหากผู้ใหญ่ในวันนี้จะซื้อของเล่นเพื่อมาเติมเต็มความฝันในวัยเด็ก

“อย่างในปี 1977 ที่ภาพยนตร์เรื่อง Star Wars เปิดตัว จากนั้นเราจะเริ่มเห็นสินค้าลิขสิทธิ์มากขึ้น ซึ่งเราเฉลิมฉลองแฟนด้อมของเราด้วยของเล่นและของสะสม ซึ่งรวมถึงสินค้าที่ไม่ใช่ของเล่น เช่น ผ้าปูที่นอน ถ้วยชาม และเสื้อผ้า” James Zahn บรรณาธิการบริหารของ The Toy Book และบรรณาธิการอาวุโสของ The Toy Insider กล่าว

จึงไม่น่าแปลกใจหากผู้ผลิตของเล่น อาทิ Lego จะออกแบบสินค้าใหม่ ๆ ที่ล้อกับคอนเทนต์ในอดีต ไม่ว่าจะเป็น Lego Star Wars หรือ Hasbro ก็ออกแอคชั่นฟิกเกอร์ Black Series ที่ผลิตคาแรกเตอร์จาก Star Wars ด้วยเช่นกัน ขณะที่ภาพยนตร์แฟรนไชส์ดัง ๆ ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่จาก Marvel หรือ DC หลัง ๆ ก็ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเด็กเล็ก แต่จัดทำขึ้นสำหรับกลุ่มใหญ่ที่ยังอยากซื้อของเล่นของสะสม

Source

]]>
1413323
บาร์บี้เก่าก็ช่วยโลกได้นะ! บริษัทของเล่นเปิดให้นำ ‘ของเล่นเก่า’ มารีไซเคิลเพื่อลดขยะพลาสติก https://positioningmag.com/1331298 Mon, 10 May 2021 07:24:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1331298 ข่าวดีสำหรับเด็กยุค 90 ที่มีใจอยากช่วยโลกและมีของเล่นพัง ๆ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่มี ‘ตุ๊กตาบาร์บี้’ เพราะบริษัท ‘Mattel’ (แมทเทล) บริษัทของเล่นอายุ 76 ปีที่เป็นผู้ผลิตตุ๊กตาบาร์บี้ จะรับซากของเล่นเพื่อนำไปรีไซเคิลเพื่อลดขยะพลาสติกให้กับโลกนี้

การระบาดของโรค COVID-19 ทำให้เกิดความต้องการของเล่นเพิ่มขึ้น เนื่องจากเด็ก ๆ ใช้เวลาที่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทของเล่นขนาดใหญ่หลายแห่งพยายามที่จะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หลังจากหลายทศวรรษที่ต้องพึ่งพาพลาสติกในการผลิตสินค้า ทั้งตัวผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการทำลายสิ่งแวดล้อม

ดังนั้น บริษัท Mattel จึงริเริ่มทำโครงการ ‘Mattel PlayBack’ ที่ออกแบบมาเพื่อนำวัสดุในของเล่นเก่า กลับมาใช้ใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ของ Mattel ในอนาคต โดยผู้บริโภคสามารถเข้าร่วมโปรแกรมได้โดยไปที่เว็บไซต์ของ Mattel เพื่อพิมพ์ฉลากการจัดส่งฟรี และรับบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งของเล่นของพวกเขากลับไปที่บริษัท

จากนั้นของเล่นจะถูกจัดเรียงและแยกตามประเภทวัสดุและแปรรูปและรีไซเคิลตามที่บริษัทกำหนด สำหรับวัสดุที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตของเล่นใหม่ จะถูกนำไปรีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่น ๆ หรือเปลี่ยนจากขยะเป็นพลังงาน ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นการเคลื่อนไหวล่าสุดของบริษัท สู่อนาคตที่มุ่งเน้นความยั่งยืน เพื่อจะใช้วัสดุพลาสติกรีไซเคิล 100% สำหรับผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดภายในปี 2573

“เราต้องเก็บวัสดุที่มีค่าเหล่านี้ออกจากหลุมฝังกลบ” Pamela Gill-Alabaster หัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนของ Mattel กล่าว

ภาพจาก shutterstock

เบื้องต้น บริษัทจะเปิดรับของเล่นจาก 3 แบรนด์ ได้แก่ ตุ๊กตาบาร์บี้, ของเล่น Matchbox และ MEGA และมีแผนจะเพิ่มแบรนด์อื่น ๆ ในอนาคต ขณะที่โครงการดังกล่าวจะเริ่มในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และสหราชอาณาจักร โดยที่ผ่านมา Mattel ได้ทดลองใช้โปรแกรมที่คล้ายกันในแคนาดาโดยรับของเล่นเก่าจาดแบรนด์ MEGA ในปี 2020 โดยร่วมมือกับ TerraCycle ซึ่งเป็นบริษัทรีไซเคิลที่ตั้งอยู่ในรัฐนิวเจอร์ซีย์

ไม่ใช่แค่ฝั่งยุโรป แต่ในฝั่งเอเชียก็มีโคงการที่คล้าย ๆ กัน อย่าง ‘Bandai’ (บันได) บริษัทของเล่นรายใหญ่ของญี่ปุ่นและของโลกได้เปิดตัวโครงการ ‘Gunpla Recycling Project’ ซึ่งให้ลูกค้านำแผง Runner ที่เหลือจากการต่อ ‘Gundam’ มาบริจาคเพื่อนำกลับไปใช้ใหม่ โดยตอนนี้บริษัทกำลังติดตั้ง drop boxes ในร้านค้าทั่วประเทศญี่ปุ่น

การหาทางเลือกอื่นแทนพลาสติกมีความสำคัญต่อการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการใช้การตลาดที่ “เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับบริษัทต่าง ๆ เช่นกันในปัจจุบัน เนื่องจากผู้ซื้อเริ่มใส่ใจมากขึ้นว่าการเลือกของพวกเขามีผลต่อโลกใบนี้อย่างไร เพราะทั้งการผลิตและการทิ้งพลาสติกมีผลกระทบร้ายแรงต่อโลก ตั้งแต่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปจนถึงอุดตันทางน้ำและพลาสติกที่สะสมในมหาสมุทร

Source

]]>
1331298
อานิสงส์ COVID-19 ดันอุตสาหกรรม ‘ของเล่น’ สหรัฐฯ โต 16% https://positioningmag.com/1300671 Thu, 08 Oct 2020 13:08:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1300671 การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 กลับทำให้บริษัทผู้ผลิตของเล่นปังแบบงง ๆ เนื่องจากมีมาตรการล็อกดาวน์และเลื่อนเปิดเทอม ทำให้เด็ก ๆ ต้องอยู่ที่บ้านมากขึ้น พ่อแม่จึงต้องต่อกรกับเด็ก ๆ ที่บ้าน ซึ่งส่งผลให้ยอดขายตัวต่อเลโก้, ตุ๊กตาบาร์บี้ และเกมกระดานต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น

อุตสาหกรรมของเล่นของสหรัฐฯ เติบโตขึ้น 16% ในช่วงหกเดือนแรกของปีตามรายงานของบริษัท วิจัยตลาด NPD Group และคาดว่าการเติบโตจะยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากเกือบตลอดทั้งปีเด็ก ๆ ถูกกันไม่ให้เจอเพื่อนหรือออกไปเล่นในสวนสาธารณะ รวมถึงต้องงดจัดงานวันเกิด ส่งผลให้พ่อแม่ต้องพยายามทำให้เต็มที่ในช่วงวันหยุด

“เมื่อถึงเวลาปิดเทอมพ่อแม่จะลดความสำคัญของตัวเอง และไปทุ่มความสำคัญกับลูก ๆ เพื่อให้พวกเขาทำสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นปกติที่สุด” จิม ซิลเวอร์ ซีอีโอและหัวหน้าบรรณาธิการของอุตสาหกรรมของเล่นกล่าว

ปีที่แล้วยอดค้าปลีกในช่วงวันหยุดเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับปี 2018 ซึ่งมีสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกตามรายงานของบริษัทวิจัยตลาด eMarkerter ที่เผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และคาดการณ์ว่ายอดขายในช่วงวันหยุดปี 2020 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 14% หรืออย่างเลวร้ายที่สุดก็เท่ากับปีที่แล้ว แม้ว่าจะมีปัจจัยเรื่องคนตกงานก็ตาม

ทั้งนี้ ร้านค้าปลีกส่วนใหญ่กำลังขยายเวลาโปรโมชันอย่าง Black Friday และ Cyber ​​Monday ให้นานขึ้นหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ทำให้ผู้ซื้อมีโอกาสมากขึ้นในการเลือกซื้อสินค้ารับวันหยุด ขณะที่ร้านขายของกำลังเดินตามผู้ค้าปลีกรายใหญ่ในการกระตุ้นให้ครอบครัวอย่าพลาดการช้อปปิ้งในช่วงวันหยุดผ่านช่องทางออนไลน์แทน เนื่องจากการช้อปปิ้งออนไลน์กลายเป็นกระแสหลักมากขึ้นกว่าเดิม

“คุณจะเห็นยอดขายออนไลน์ถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนในอุตสาหกรรมของเล่น” ซิลเวอร์ กล่าวเพิ่ม

อย่างปีที่แล้ว “Frozen II” และ “Star Wars: The Rise of Skywalker” เข้าฉายทั่วประเทศในช่วงเทศกาลวันหยุดซึ่งกระตุ้นยอดขายของเล่นสำหรับเด็กที่เป็นแฟนแฟรนไชส์ทั้งสอง แต่ในปีนี้สตูดิโอได้เลื่อนวันเปิดตัวสำหรับภาพยนตร์ภาคต่ออย่าง “Wonder Woman 1984” ,“Minions: Rise of Gru” และ “Black Widow” แต่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าตัวละคร Marvel ในภาพยนตร์ Avengers EndGame ยังคงทำได้ดีพอสมควรเนื่องจากไม่มีสิ่งใหม่ ๆ ที่เบนดึงความสนใจของเด็ก ๆ

Source

]]>
1300671
เลโก้ ต่อเสร็จแล้วโชว์ https://positioningmag.com/55883 Fri, 15 Feb 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=55883

Life of George เป็นแอปพลิเคชั่นของเลโก้ ที่สร้างสรรค์มาจากเทคโนโลยี AR – Augmented Reality กับผลิตภัณฑ์ตัวต่อเลโก้เซต Life of George ภายในเซตนี้จะประกอบไปด้วยตัวต่อ 144 ชิ้น กับกระดานต่อ 1 แผ่น ในส่วนของเกมก็เล่นง่ายๆ หลังจากโหลดแอปพลิเคชั่นซึ่งมีทั้งใน iOS และ Android มาแล้ว จอร์จ ตัวละครหลักของเลโก้ จะต่อเลโก้เป็นรูปต่างๆ ให้ดู ผู้เล่นก็ต่อเลียนแบบให้ได้ หลังจากนั้นก็ถ่ายรูป โดยแอปฯ จะจับภาพจาก AR เสร็จแล้วระบบก็จะให้คะแนนโดยคำนวณจากความถูกต้องและรวดเร็ว นอกจากนี้แอปฯ ดังกล่าวยังทำให้ผู้เล่นแข่งกับเพื่อนได้ด้วย โดยวัดจากคะแนน หรือจะโชว์ตัวต่อในแบบของตัวเองขึ้นมาแล้วถ่ายรูปอัพขึ้นสู่ระบบ เป็นต้นแบบให้คนอื่นทำตามบ้าง ปิดท้ายแอปฯ นี้ก็คือการเชื่อมต่อกับโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คอื่นๆ 

ตัวต่อเซต Life of George ราคา 29 เหรียญสหรัฐ เหมาะสำหรับเด็กอายุ 14 ปีขึ้นไป เพราะบางชิ้นส่วนก็มีขนาดเล็ก อีกทั้งยังต้องเล่นสมาร์ทโฟนควบคู่ไปด้วย ถือเป็นวิธีการสร้างความตื่นเต้นใหม่ๆ ให้กับสินค้า ต้องถือว่าแบรนด์ตัวต่อที่มีอายุ 80 ปีในปีนี้ หยิบเอาเครื่องมือใหม่ๆ มาปรับใช้เข้ากับจุดเด่นของแบรนด์ได้อีกแล้ว

โปรดักต์และแอปพลิเคชั่นนี้ นอกจากจะได้รางวัล Cannes Lions จากแคทริกอรี่ Mobile Lions 2012 แล้ว ยังได้รางวัลชนะเลิศ Brian Child ที่ให้รางวัลกับของเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการเด็กอีกด้วย 

]]>
55883
“คอตตอน ยูเอสเอ” เปิดตัว “คอตตอน ยูเอสเอ แบร์ แอมบาสเดอร์” https://positioningmag.com/55274 Tue, 22 May 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=55274

คอตตอน ยูเอสเอ (COTTON USA) จัดงาน “คอตตอน เดย์ 2012” (Cotton Day 2012) เพื่อเฉลิมฉลองวันแห่งเส้นใยฝ้าย เปิดตัว “คอตตอน ยูเอสเอ แบร์ แอมบาสเดอร์” ตุ๊กตาหมีสุดน่ารัก 27 ดีไซน์ ตัวแทนแห่งสัมผัสนุ่มสบาย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ผลิตด้วยเส้นใยฝ้ายแท้ 100% ในความร่วมมือของไลเซนซี 27 แบรนด์เสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์สิ่งทอสำหรับใช้ภายในบ้านชั้นนำที่ใช้เส้นใยฝ้ายแท้ 100% และมีส่วนผสมของฝ้ายจากสหรัฐอเมริกาในสัดส่วนที่มากกว่า 50% เป็นวัตถุดิบในการผลิต ปิดท้ายด้วยแฟชั่นโชว์ ชุดผ้าฝ้ายสุดตระการตาจากไลเซนซี 27 แบรนด์ดังโดยเหล่าดารา นางแบบ และนายแบบมืออาชีพได้แก่ เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ เคน-ภูภูมิ พงศ์ภานุ พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ นุช-นีรนาท โคทส์ นิโคล เทริโอ น้องทิกเกอร์ และน้องเอลี่-นิติพน ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

นายไกรภพ แพ่งสภา ตัวแทนคอตตอน ยูเอสเอ ประเทศไทย กล่าวว่า กิจกรรม คอตตอน เดย์ (COTTON DAY) เป็นกิจกรรมที่คอตตอน ยูเอสเอจัดขึ้นใน 4 ประเทศทั่วโลกได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทย เพื่อ      เฉลิมฉลองวันแห่งเส้นใยฝ้าย ร่วมกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ไลเซนซี ผู้บริโภค และสื่อมวลชนเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอกย้ำให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของเส้นใยฝ้าย ซึ่งเป็นเส้นใยจากธรรมชาติ สามารถปลูกทดแทนและย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เป็นมิตรต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม มีคุณสมบัติให้ความอ่อนนุ่ม ไม่ระคายเคืองผิว ระบายอากาศได้ดีและสวมใส่ได้ทุกฤดูกาล

“ไฮไลต์พิเศษของกิจกรรมคอตตอน เดย์ในปีนี้ คอตตอน ยูเอสเอ ประเทศไทย ได้เปิดตัวคอตตอน ยูเอสเอ แบร์ แอมบาสเดอร์ ขึ้นเป็นครั้งแรกโดย คอตตอน ยูเอสเอ แบร์ แอมบาสเดอร์ จะทำหน้าที่เป็นเสมือนตัวแทนแห่งสัมผัสนุ่มสบายจากใยฝ้ายธรรมชาติที่คอตตอน ยูเอสเอต้องการมอบให้กับผู้บริโภคคนไทย และมาพร้อมกับชุดตุ๊กตาหมี 27 ดีไซน์ ในความร่วมมือกับไลเซนซี 27 แบรนด์เสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์สิ่งทอสำหรับใช้ภายในบ้านชั้นนำ ที่ผลิตจากฝ้ายแท้ 100% และมีส่วนผสมของฝ้ายจากสหรัฐอเมริกาในสัดส่วนที่มากกว่า 50% ได้แก่ Enfant Absorba Little Wacoal Trombone BSC Kiddo ELLE Kids Lee Kids Puppet Blue Corner Portland Classify Jockey Hush Puppies Guy Laroche Rosso Carson Arrow S’fare 4×4 Man Casualist John Henry Lee Wrangler Santas Picasso Linen House Cannon” นายไกรภพ กล่าว

นายไกรภพ กล่าวต่อว่า “ภายในงานยังได้จัดให้มีแฟชั่นโชว์ชุดผ้าฝ้ายจากไลเซนซี 27 แบรนด์ดัง เพื่อถ่ายทอดคุณสมบัติของผ้าฝ้ายที่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบตัดเย็บเสื้อผ้าสำหรับทุกคนในครอบครัว รวมถึงกางเกงยีนส์ที่เป็น    ไอเท็มสุดคลาสสิคตลอดกาล อีกทั้งผลิตภัณฑ์สิ่งทอสำหรับใช้ภายในบ้าน อาทิเช่น ชุดเครื่องนอน และผ้าขนหนูได้อย่างครบครัน โดยมีเหล่าดารา นางแบบ และนายแบบมืออาชีพได้แก่ เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ เคน-ภูภูมิ พงศ์ภานุ พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ นุช-นีรนาท โคทส์ นิโคล เทริโอ น้องทิกเกอร์ และน้องเอลี่-นิติพนให้เกียรติร่วมแสดงแฟชั่นโชว์” 

“ปิดท้ายกิจกรรมคอตตอน เดย์ด้วยการมอบรางวัลให้กับผู้โชคดีจากการร่วมสนุกกับกิจกรรมออนไลน์ของ        คอตตอน ยูเอสเอผ่านทางเฟซบุ๊ค www.facebook.com/COTTONUSA.Thailand ในกิจกรรมที่มีชื่อว่า      “COTTON USA Guess Who?” ที่ได้เชิญชวนให้ผู้บริโภคทายชื่อดาราหนุ่มปริศนาที่จะมาร่วมค้นพบประสบการณ์แห่งความนุ่มสบายกับ “คอตตอน ยูเอสเอ แบร์ แอมบาสเดอร์”  โดยผู้โชคดีเพียง 1 ท่านจะได้รับเซ็ทตุ๊กตาหมี “คอตตอน ยูเอสเอ” จำนวน 27 ตัว  มูลค่ารวม 27,000 บาท แล้วยังรับสิทธิพิเศษ “กอด” ดาราหนุ่มปริศนา โดยจะทำการมอบรางวัลโดย เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ” นายไกรภพ กล่าวทิ้งท้าย

สามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับคอตตอน ยูเอสเอ แบร์ แอมบาสเดอร์ และเกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับฝ้ายแท้ 100% ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่ www.facebook.com/COTTONUSA.Thailand

 

]]>
55274
LEGO Friends เพื่อเด็กสาวไทย https://positioningmag.com/14695 Sun, 06 May 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14695

เลโก้ แบรนด์ของเล่นที่มีอายุ 83 ปี นับเป็นแบรนด์ที่เป็นตัวอย่างของการไม่ปล่อยให้ตัวเองตกยุคสมัย เพราะไม่ว่าสังคมพัฒนาไปอย่างไร เลโก้จะเกาะติดไปเป็นส่วนหนึ่งได้ด้วยเสมอ ภายใต้รูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เดิมๆ นี่แหละ เพียงแต่เพิ่มเติมฟังก์ชันให้อินเทรนด์ เพียงเท่านี้ก็ทำให้คนรักแบรนด์ไม่หนีไม่ไปไหน ขณะเดียวกันก็ได้ลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ

จากตลาดตัวต่อที่ขายแต่ในตลาดของเล่นไปสู่ตลาดของเล่นยุคใหม่ และหมวดสินค้าอื่น เช่น การนำลักษณะเฉพาะของเลโก้จากตัวต่อรูปอิฐสีสันต่างๆ พัฒนาไปสู่การเป็นสินค้าในกลุ่มเครื่องไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และ Gadget ต่างๆ เช่น Thump Drive กล้องถ่ายรูป นาฬิกา ฯลฯ

ที่ประสบความสำเร็จมากอย่างหนึ่งคือซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ดังๆ มาพัฒนาสินค้าเลโก้ เช่น Harry Potter, Star Wars, Indiana Jones และPirates of the Caribbean

นอกจากนี้โก้เคยเปิดสวนสนุกแต่ก็สะดุดอยู่บ้างเพราะต้นทุนค่าใช้จ่ายสูง และมีเกมที่ประสบความสำเร็จในการจับมือกับนินเทนโด รวมทั้งเกมพีซีและคอนโซลเกม ที่ขาดไม่ได้สำหรับยุคนี้ คือเลโก้มีแม้กระทั่งแอพพลิเคชั่นที่ออกมาพร้อมเซตตัวต่อ 

ปลายปี 2011 เลโก้เริ่มบุกตลาดเด็กผู้หญิง กำหนดทิศทางและวางกลยุทธ์ นำแนวคิด Role Play หรือการแสดงบทบาทสมมติที่มีในเด็กผู้หญิง ที่มักจินตนาการอยากเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ในชีวิตจริงมาเป็นหัวใจหลักในการสร้างสรรค์ชิ้นงานเลโก้ ภายใต้ชื่อ “Lego Friends”

“หากวิเคราะห์พฤติกรรมของเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เด็กผู้หญิงมักจะจินตนาการให้เหมือนกับสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว เช่น อยากเป็นครู เป็นหมอ เป็นนักร้อง เป็นตำรวจ ทหาร เป็นต้น ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพล แตกต่างจากเด็กผู้ชายซึ่งจะมีจินตนาการสูงในเรื่องต่อสู้ แอคชั่น และก่อสร้าง หรือโครงสร้างสิ่งต่างๆ (Construction)” ชูเกียรติ โตกมลธรรม ผู้จัดการแผนกสินค้าอุปโภค-บริโภค บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายเลโก้ในไทย กล่าว

เลโก้ ไม่เคยจับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะที่เด็กผู้หญิงมาก่อนจนกระทั่งปี 2554 ที่ผ่านมา และรับไอเดียนี้มาทำตลาดในไทยด้วยในปีนี้ กลยุทธ์การตลาดที่ DKSH เลือกใช้สำหรับกิจกรรมสำหรับเด็กผู้หญิง จะผสมผสานทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อเจาะเข้าหากลุ่มเป้าหมายจากทั้งแม่และเด็กหญิงให้ตรงกลุ่มที่สุด

เริ่มจากเทคนิคเดิมๆ ผ่านกิจกรรมเดินสายไปยังห้างสรรพสินค้า 20 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาสัมผัสประสบการณ์กับเลโก้เฟรนด์ ภายใต้ชื่อโครงการ “Demon Roadshow Lego Friends” ควบคู่กับโฆษณาสร้างการรับรู้ผ่านสื่อทีวี ในลักษณะหนังอะนิเมชั่นผ่านฟรีทีวีเพื่อนแนะนำคาแร็กเตอร์ เลโก้เฟรนด์ทั้ง 5 คน ใน 3 เวอร์ชั่น ได้แก่ Lego Friends introduction New launch 30 วินาที Lego Friends Vet 15 วินาที Lego Friends Café 15 วินาที ซึ่งจะเริ่มออกอากาศตั้งแต่เดือนเมษายน – พฤษภาคม 2555 นี้ 

ผลิตภัณฑ์เลโก้ เฟรนด์ ล็อตแรก 14 แบบ ใช้ธีมเรื่องราวมิตรภาพระหว่างเพื่อนทั้ง 5 คน คือ โอลีเวีย ที่รักการทดลองเป็นชีวิตจิตใจ เอ็มม่า อยากจะเป็นดีไซเนอร์ชื่อดัง สเตฟานี่ ชอบเข้าครัวทำอาหาร แอนเดรีย ชอบเต้น ร้อง และแต่งเพลง และมีอา สาวน้อยรักสัตว์ เป็นตัวดำเนินเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองฮาร์ทเลคซิตี้ 

ดังนั้นนอกจากตัวต่อเลโก้ที่คนคุ้นเคย สิ่งที่แปลกตาไปจากเดิมก็คือ ตัวต่อเหล่านี้ไม่ใช่แม่สีเหมือนที่เคย แต่จะมีสีหวานๆ ให้เหมาะกับเด็กหญิง พร้อมกับมี มินิฟิกเกอร์ ของตัวละคร เพื่อให้เด็กๆ เล่นสร้างบทบาทสมมติควบคู่ไปกับตัวต่อเลโก้ จินตนาการบางครั้งก็ต้องมีคนจุดประกาย ดังนั้น เลโก เฟรนด์ มีแผนที่จะ Tie-in กับรายการทีวี โดยเลือกรายการซูเปอร์จิ๋วมาตอบโจทย์ที่คิดขึ้นนี้ 

สำหรับโลกออนไลน์ แทนที่จะเจาะเข้าหากกลุ่มเด็กโดยตรง DHSHกลับเล็งไปที่คุณแม่ยุคใหม่วัย 22-35 ปี โดยมองว่า 

“ทุกวันนี้โซเชี่ยลมีเดียมีอิทธิพลและเข้าถึงคนไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ มีความใกล้ชิดกับข้อมูลข่าวสารบนออนไลน์ โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก และกำลังเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีฐานกว้างมากขึ้นทุกขณะ คุณแม่กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความพร้อมสูงทั้งทางด้านการศึกษา การงาน และความมั่นคงทางการเงิน มีศักยภาพในการเลี้ยงดูและพร้อมจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก”

ข้อดีของสื่อออนไลน์ในปัจจุบัน ยังช่วยลดข้อจำกัดทางตลาดของเลโก้ ซึ่งจัดเป็นสินค้าประเภท Seasonal Campaign ที่เน้นทำตลาดหรือกิจกรรมช่วงปิดเทอม คือช่วงตุลาคมและเมษายนของทุกปี ให้หันมาทำตลาดได้ต่อเนื่องตลอดเวลาได้ด้วย

“หลังจากเปิดตัวเด็กผู้หญิง เราจะทำตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยมุ่งการให้ข้อมูลข่าวสารด้านต่างๆ รวมถึงเพิ่มความถี่ด้านกิจกรรมผ่าน www.facebook.com/LEGO

ปัจจุบันแฟนเพจบนเฟซบุ๊กเลโก้อยู่ที่ประมาณ 100,000 แฟนเพจ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย10% ต่อเนื่องทุกเดือน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุง และดีไซน์เฟซบุ๊กเลโก้ เพื่อจูงใจให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามร่วมทำกิจกรรมให้ได้ 

ส่วนกลุ่มเป้าหมายของเลโก้ เฟรนด์ ที่เป็นกลุ่มผู้เล่นตัวจริงนั้น คือ เด็กผู้หญิงใน 2 ช่วงวัย ได้แก่ เด็กเล็กอายุระหว่าง 3 – 5 ปี และเด็กโตอายุระหว่าง 5 – 12 ปี 

“และกลุ่มคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ซึ่งกลุ่มเด็กโต และคุณพ่อคุณแม่จะเป็นกลุ่มที่จะใช้เฟซบุ๊กในการเข้าถึงแบรนด์เลโก้ ซึ่งปีนี้เลโก้ ในไทย วางเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นเลโก้ ผู้ชาย 90 เปอร์เซ็นต์ และเลโก้ ผู้หญิง 10 เปอร์เซ็นต์ 

ชูเกียรติ ให้ข้อมูลว่า ตลาดของเล่นในเมืองไทยในปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 4,000 – 6,000 ล้านบาท มีส่วนแบ่งของเซ็กเมนต์ที่เป็นพรีเมียมแบรนด์อยู่ 1,000 ล้าน ปัญหาของสินค้าเซ็กเมนต์นี้ มักจะเจอของก๊อบปี้ ซึ่งบริษัทต่างๆ จะแก้ด้วยวิธีการเอ็ดดูเคทตลาดเพื่อให้เข้าในถึงประสิทธิภาพการใช้งาน รวมถึงความปลอดภัยต่อเด็ก ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผล 

เรื่องที่น่าห่วงที่สุดสำหรับเลโก้เด็กผู้หญิงคือ กลยุทธ์การตลาดที่แยกทำตลาดเด็กหญิงเด็กชายเป็นครั้งแรกนี้ เลโก้จะสามารถซื้อใจเด็กผู้หญิงได้เหมือนสำเร็จหรือไม่ 

 

จุดแข็งเลโก้ คลาสสิกแต่ไม่ยอมตกยุค 

นอกจากเด็กๆ เลโก้ยังมีแฟนแบรนด์ที่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่ที่หลงใหลในความเอกลักษณ์ตัวต่อรูปทรงอิฐ สีสัน และความเป็นสากลที่ไม่ว่าใครก็สามารถหยิบจับขึ้นมาต่อเติมจินตนาการของตัวเองได้ 

จุดแข็งที่สุดของเลโก้อยู่ที่ความคลาสสิก แต่เลโก้ก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองตกยุคสมัย เพราะไม่ว่าสังคมพัฒนาไปอย่างไร เลโก้จะเกาะติดไปเป็นส่วนหนึ่งได้ด้วยเสมอภายใต้รูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เดิมๆ นี่แหละ เพียงแต่เพิ่มเติมฟังก์ชันให้อินเทรนด์ เพียงเท่านี้ก็ทำให้คนรักแบรนด์ไม่หนีไม่ไปไหน ขณะเดียวกันก็ได้ลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ท้าทายที่สุดตอนนี้คือ การเปิดตัวเลโก้สำหรับเด็กหญิง จะทำให้เลโก้ประสบความสำเร็จได้แค่ไหน จะส่งผลต่อความรู้สึกและคาแร็กเตอร์ของแบรนด์ในกลุ่มลูกค้าเดิมที่เคยคุ้นแต่สีสันของเลโก้ที่ไม่เคยออกแนวหวานมาก่อนหรือเปล่า

ไม่ว่าจะมีความไม่แน่นอนทางการตลาดแค่ไหน แต่อย่างน้อยเลโก้ก็มองว่าตลาดของเด็กผู้หญิงนั้น เฉลี่ยเท่ากับครึ่งหนึ่งของตลาดเด็ก จึงไม่ควรพลาดที่จะลองเข้าไปช่วงชิงอย่างจริงจัง เพราะนับประสาอะไรแม้กระทั่งตัวต่อที่คัสโตไมซ์ให้กับลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล เลโก้ยังทำตลาดและได้รับการยอมรับมาแล้ว แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่จะปล่อยตลาดที่แมสกว่ามากนี้ให้หลุดมือไป 

ความต้องการของเด็กผู้หญิง

– ต้องการความสวยงาม

– ความกลมกลืน

– สีสันที่เป็นมิตร 

– ชอบของเล่นที่มีรายละเอียดมากๆ 

– ชอบจำลองสถานการณ์และแสดงบทบาทไปตามสถานการณ์นั้น (Role-play Situation) 

– ชอบของเล่นที่มีเรื่องราวของตัวเอง 

 ที่มา : จากการวิจัยของเลโก้สำหรับทำตลาดเด็กหญิงโดยการสัมภาษณ์ครอบครัวตั้งแต่ปี 2007 ก่อนจะเปิดตัวลุยตลาดจริงเมื่อปี 2011 ที่ผ่านมา

]]>
14695
เช็กอิมเมจแบรนด์ด้วยตุ๊กตา https://positioningmag.com/13815 Fri, 10 Jun 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=13815

แบรนด์ “Apple” ที่สะท้อนผ่านตุ๊กตาบนเว็บไซต์ของ brandtoys.com แสดงให้เห็นถึงความสร้างสรรค์ ความแตกต่างและเป็นที่ปรารถนา ขณะที่ “BlackBerry” 2 ความรู้สึกแรกเหมือนกัน ต่างกันข้อที่ 3 ที่บีบีเป็นแบรนด์ที่ดูมุ่งมั่น แน่วแน่

ในเว็บนี้ยังแสดงถึงแบรนด์ที่ผู้บริโภครู้สึกต่างกันเมื่ออยู่คนละประเทศ เช่นแบรนด์ “Pepsi” ที่ญี่ปุ่น มีความสนุกสนาน ขี้เล่น เป็นมิตร คล้าย “Pepsi” ในไทย แต่ที่ไทยมีความสร้างสรรค์มาเสริมด้วย

นี่คือการสะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์แบบจับต้องได้ และทำให้การเช็กภาพลักษณ์แบรนด์ไม่น่าเบื่อ ด้วยการเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ และสนุกกว่าเดิมจากที่ต้องอ่านผลที่เต็มไปด้วยตัวเลข และกราฟิกแบบเดิมๆ เท่านั้น

นี่คือความสร้างสรรค์ของเอเยนซี่ JWT ที่แปลงผลวิจัยเชิง Quantitative เกี่ยวกับความรู้สึกของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ทั่วโลกทั้งหมด 3,000 แบรนด์ 23 ประเทศ มาสะท้อนผ่านตุ๊กตาที่มีทั้งรูปสัตว์ หมีน้อย ลิงซน และสัตว์ประหลาด นอกจากนี้คนทั่วไปก็สามารถลงทะเบียนเข้าเว็บนี้และสร้างสรรค์ตุ๊กตาที่ JWT เรียกว่า Virtual Toy จะเป็นตุ๊กตาที่เป็นชื่อของตัวเอง หรือชื่อแบรนด์ในความรู้สึกก็ได้ ด้วยการคลิกความรู้สึกต่างๆ ที่มีให้เลือกแล้วผลจะออกไปยังสีสันตัวคาแรกเตอร์ แววตา คิ้ว ผม เครื่องประดับ และรูปร่างของตุ๊กตานั้นๆ แน่นอนมีการแชร์ลงบนโซเชี่ยลมีเดียได้อีกด้วย

]]>
13815