Vehicle – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 17 May 2016 07:57:53 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ภาพรวมเศรษฐกิจไทยไม่หวือหวา แต่โลจิสติกส์และอุตสาหกรรมยังขยายตัวดี https://positioningmag.com/63051 Tue, 19 Apr 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=63051

สยามกลการอุตสาหกรรม ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยูนิแคริเออร์ ฟอร์คลิฟท์ (UniCarriers forklift) อย่างเป็นทางการ ชี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยไม่หวือหวา แต่โลจิสติกส์และอุตสาหกรรมยังขยายตัวดี รับอานิสงส์รัฐ-เอกชนเดินหน้าลงทุนชูจุดยุทธศาสตร์ดันไทยเป็นฮับ หลังเปิด AEC กางแผนปี 2559 รุกทำตลาดรถฟอร์คลิฟท์ในประเทศ เจาะอุตสาหกรรมและคลังสินค้าเน้นงานบริหารโครงการขนส่งเคลื่อนย้ายในคลังสินค้าแบบครบวงจรสร้างมูลค่าเพิ่มจากงานบริการเพื่อความคุ้มค่าของลูกค้า ตั้งเป้ายอดขายปี ’59 แตะ 900 คัน หนุนรายได้โต 1,500 ล้าน

นายประธานวงศ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม จำกัด หนึ่งในผู้นำธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยก ยูนิแคริเออร์ ฟอร์คลิฟท์ (UniCarriers Forklift) ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก พร้อมบริการงานขนส่งเคลื่อนย้ายภายในคลังสินค้า-โรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจร เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศจะไม่ขยายตัวแบบหวือหวามากนัก แต่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ยังทรงตัวอยู่ได้ เนื่องจากยังมีความต้องการในประเทศมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งที่ใช้บริการขนส่งเคลื่อนย้ายภายในประเทศและส่งออกต่างประเทศจึงถือเป็นการผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์การค้าครบวงจรระดับภูมิภาค ทั้งนี้คาดว่าภาพรวมการลงทุน การขยายตัวของธุรกิจโลจิสติกส์ในภาคการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากในปีนี้ภาครัฐจะมีการขับเคลื่อนการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ต่างๆจำนวนหลายโครงการ ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเอกชนเกิดการลงทุนใหม่ๆ หรือขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกันมองว่าการเปิด AEC จะทำให้เกิดความคึกคักด้านการลงทุนจากต่างชาติที่จะเข้ามาในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น แม้ว่าการลงทุนที่เกิดขึ้นนั้นอาจไม่ได้เกิดในประเทศโดยตรง แต่ไทยยังถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการขนส่งและโลจิสติกส์ที่ต้องใช้เป็นเส้นทางผ่าน หรือการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตและกระจายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

“การขยายตัวของธุรกิจโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมดังกล่าว ถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทในการขยายฐานลูกค้าและการให้บริการ โดยบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ด้านการขายและบริการในทุกๆด้านแบบครบวงจร โดยเน้นการให้คำแนะนำหรือร่วมกับลูกค้าสร้างระบบ รูปแบบ การจัดการงานเคลื่อนย้ายสินค้าในคลังสินค้า-โรงงานอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความสูญเสียในพื้นที่การทำงาน ควบคุมการเคลื่อนย้ายอย่างมืออาชีพ ลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็น สามารถกำหนดวันและเวลาที่ชัดเจนได้ รวมไปถึงการสร้างบริการหลังการขายที่ดี ทั้งนี้เชื่อว่ารูปแบบที่ขายและบริการแบบครบวงจรจะสามารถลดความเสี่ยงของลูกค้าได้ในระยะยาว”นายประธานวงศ์ กล่าว

อีกทั้งบริษัทเตรียมความพร้อมเปิดศูนย์บริการเพิ่มอีก 2-3 สาขา อาทิ ปราจีนบุรี พระราม 2 เป็นต้น จากเดิมมี 4 สาขา ประกอบด้วย ศรีนครินทร์ (สำนักงานใหญ่) ปทุมธานี(คลองหลวง) ระยอง และนครราชสีมา และศูนย์บริการเคลื่อนที่ (Mobile Service) ประกอบด้วย อุดรธานี นครปฐม และเชียงใหม่ ตัวแทนจำหน่ายปัจจุบัน ประกอบด้วย สงขลา(หาดใหญ่) นครศรีธรรมราช(ทุ่งสง) และสุราษฎร์ธานี ขณะเดียวกันมีแผนทำตลาดบริการใหม่ๆ เช่น การควบคุมเครน ควบคู่ไปกับแผนพัฒนาบุคลากรทั้งช่างบริการและนักขับรถฟอร์คลิฟท์ให้มีความเชี่ยวชาญเพียงพอต่อความต้องการใช้งานของลูกค้าและการเติบโตของตลาดในอนาคตอย่างต่อเนื่อง

นายสยาม ก้องภักดีสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม จำกัด เปิดเผยว่าปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นตลาดรถฟอร์คลิฟท์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความต้องการในการใช้รถใหม่ไม่ต่ำกว่า 9,000 คันต่อปี รองลงมาคือ อินโดนีเซีย และเวียดนาม เนื่องจากมีนักลงทุนต่างประเทศเข้าไปลงทุนในภาคผลิตต่างๆมากขึ้น ทำให้มีการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ รูปแบบธุรกิจของบริษัทมีทั้งการขายรถโฟล์คลิฟท์ ใหม่-เก่า, บริการให้เช่ารถโฟล์คลิฟท์ ใหม่-เก่า, การเช่ารถโฟล์คลิฟท์พร้อมนักขับ และบริการเคลื่อนย้ายสินค้าภายในคลังสินค้า-โรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ซึ่งที่ผ่านมาบริการด้านต่างๆของบริษัทได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ปัจจุบันสัดส่วนพอร์ตรถเช่าอยู่ที่ 70% และรถขาย 30%

“ในปีนี้เราคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ 900 คัน หรือคิดเป็น 1,500 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้รถฟอร์คลิฟท์ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องส่วนปี ‘58 บริษัทฯทำรายได้รวมมากกว่า 1,400 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทจะเดินหน้าสร้างมูลค่าเพิ่มจากงานบริการเป็นหลัก โดยมองว่าเป็นการสร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้า และรักษาระดับการเติบโตของอัตรากำไรของบริษัทได้ดีอย่างต่อเนื่อง” นายสยาม กล่าว

]]>
63051
‘มาสด้า2’ ใหม่ เทียบสเปค-ราคา… ชนคู่แข่งเก๋งซับคอมแพ็กต์ https://positioningmag.com/59206 Wed, 21 Jan 2015 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=59206

ประเดิมเปิดตัวบุกตลาดปีแพะ 2558 อย่างเป็นทางการโมเดลแรก “มาสด้า2 สกายแอคทีฟ” ที่โฉมใหม่แปลงร่างไปอยู่ในโครงการอีโคคาร์ เฟส2 แต่ค่ายมาสด้ากลับฉีกแนวทางของอีโคคาร์ในไทยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการวางเครื่องยนต์ และราคา ซึ่งเมื่อพิจารณาสังเวียนที่จะลงไปแข่งขันในปัจจุบัน ย่อมเป็นตลาดเก๋งซับคอมแพ็กต์มากกว่า ดังนั้น “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” จึงได้นำข้อมูลเทคนิค หรือสเปคสำคัญ มาเปรียบเทียบให้ผู้อ่านที่กำลังจะพิจารณาซื้อรถกลุ่มนี้เห็นภาพชัดๆ มากขึ้น…

ในเรื่องเกี่ยวกับรูปลักษณ์หน้าตาเป็นความชอบของแต่ละบุคคล ซึ่งมีไม่เหมือนกันจึงขอข้ามประเด็นนี้ไป เช่นเดียวกับมิติตัวถังที่แทบจะไม่สามารถแยกความเป็นอีโคคาร์ กับซับคอมแพ็กต์ได้ เพราะอีโคคาร์บางรุ่นในปัจจุบันตัวถังใหญ่กว่าซับคอมแพ็กต์เสียอีก (ดูเปรียบเทียบมิติตัวถังรถในกลุ่มคู่แข่งมาสด้า2 สกายแอคทีฟ จากตารางประกอบ)


       
ประเด็นที่พอแยกตลาดอีโคคาร์กับซับคอมแพ็กต์ในไทย สิ่งแรกคงเป็นเรื่องของเครื่องยนต์ เพราะตามเงื่อนไขอีโคคาร์ทั้งเฟส1 และ 2 กำหนดเครื่องยนต์เบนซินต้องไม่เกิน 1,300 ซีซี และเครื่องดีเซลล่าสุดในอีโคคาร์ เฟส 2 ต้องไม่เกิน 1,500 ซีซี(เฟสแรกไม่เกิน 1,400 ซีซี) ซึ่ง “มาสด้า2 สกายแอคทีฟ” ที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนภายใต้โครงการอีโคคาร์ เฟส2 จึงต้องไปอยู่ในกลุ่มอีโคคาร์ เพียงแต่ปัจจุบันไม่มีคู่แข่งในตลาดอีโคคาร์ หรือซับคอมแพ็กต์ที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลโดยตรง ทำให้กลุ่มเก๋งซับคอมแพ็กต์ที่วางเครื่องยนต์เบนซินระดับ 1,500-1,600 ซีซี กลายเป็นคู่แข่งของมาสด้า2 ใหม่ไปทันที
       
เก๋งซับคอมแพ็กต์เกือบทั้งหมดในไทย วางเครื่องยนต์เบนซิน 1,500 ซีซี ไม่ว่าจะเป็นโตโยต้า วีออส, ฮอนด้า ซิตี้/แจ๊ซ และฟอร์ด เฟียสต้า แต่จะมีเชฟโรเลต โซนิค ที่ขยับขึ้นมาหน่อยเป็น 1,600 ซีซี เพราะเบื้องต้นทำตลาดกับเครื่องยนต์ 1,400 ซีซี แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จจึงออกรุ่น 1,600 ซีซีมาเป็นอีกทางเลือก นอกจากนี้ยังมีฟอร์ด เฟียสต้า ที่ได้เพิ่มทางเลือกกับเครื่องยนต์อีโคบูสต์ 1,000 ซีซี เทอร์โบ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีอีกขั้นจากฟอร์ด ที่เครื่องเล็กให้ความแรงกว่า แต่ประหยัดน้ำมันมากกว่า มาเป็นอีกทางเลือกในกลุ่มตลาดซับคอมแพ็กต์ (ดูรายละเอียดข้อมูลเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังจากตารางประกอบ)

โดยมาสด้า2 สกายแอคทีฟ เป็นเพียงรายเดียวที่ฉีกมาวางเครื่องยนต์คลีนดีเซล Skyactiv D ขนาด 1,500 ซีซี เทอร์โบแปรผัน แม้แรงม้าจะใกล้เคียงซับคอมแพ็กต์รายอื่นๆ แต่เครื่องยนต์ดีเซลจะโดดเด่นในเรื่องของแรงบิดสูงและมาตั้งแต่รอบต่ำ จึงให้ความจี๊ดจ๊าดและเร่งแซงไหลลื่น แม้จะอยู่ในช่วงความเร็วต่ำก็ตาม นอกจากนี้เรื่องของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ซึ่งในมาสด้า2 ใหม่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของอีโคคาร์ เฟส2 ไม่ต่ำกว่า 23 กม./ลิตร แต่ทางมาสด้าระบุว่ารุ่นนี้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 26.3 กม./ลิตร(วิ่งใช้งานจริงจะกินน้ำมันมากกว่านี้)
       
ส่วนซับคอมแพ็กต์เครื่องยนต์เบนซินในตลาดทุกรุ่น อย่างเก่งที่วิ่งต่างจังหวัดจะมีอัตราสิ้นเปลืองประมาณ 15-18 กม./ลิตร โดยบางรุ่นที่ขายในญี่ปุ่นอย่าง “ฮอนด้า ฟิต/แจ๊ซ” มีระบุอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 21.8 กม./ลิตร (ตามมาตรฐานทดสอบ JC08 ของญี่ปุ่น – เช่นกันวิ่งใช้งานจริงจะสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่านี้) แต่ฮอนด้า ซิตี้/แจ๊ซ และเชฟโรเลต โซนิค จะมีความโดดเด่นที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ที่ขณะนี้มีราคาต่ำกว่า 2-3 บาท (อาจจะไม่จูงใจเท่ากับเมื่อก่อน) จึงมาช่วยชดเชยเรื่องของการประหยัดค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงได้ และยังมี “ฟอร์ด เฟียสต้า อีโคบูสต์” ที่มีขุมพลังแรงระดับใกล้เคียงกับเก๋งคอมแพ็กต์คาร์ 1,600 ซีซี ซึ่งให้แรงบิดที่ดีในรอบต่ำ และมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำกว่ารุ่นปกติ 20% รุ่นนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ส่วนเรื่องของความต่างราคาน้ำมันดีเซลกับเบนซินคงจะไม่ใช่จุดขายแล้ว เพราะราคา ณ ปัจจุบันแทบไม่ต่างกัน
       
สิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาควบคู่ต่อไป คงจะเป็นเรื่องของราคาและออปชั่น โดยมาสด้า2 สกายแอคทีฟเปิดราคามา 3 รุ่นย่อย เหมือนกันทั้งตัวถังแบบซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบ็ค 5 ประตู ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคาเริ่มต้น 675,000-790,000 บาท หากมองจากราคาตรงนี้ย่อมชัดเจน ว่าต้องแข่งขันกับเก๋งซับคอมแพ็กต์เท่านั้น

Honda City & Honda Jazz

คู่แข่งที่ชนหรือใกล้เคียงกันระดับราคาเริ่มต้นในรุ่น XD ของมาสด้า2 สกายแอคทีฟ จะเป็นเชฟโรเลต โซนิค ซีดาน 4 ประตู รุ่น LT ราคา 677,000 บาท ฮอนด้า ซิตี้ V/V+ ราคา 649,000/689,000 บาท ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่น V/V+ ราคา 654,000/694,000 บาท โตโยต้า วีออส รุ่น E/TRD Sportivo /G ราคา 654,000/669,000/699,000 บาท ส่วนฟอร์ด เฟียสต้า มีรุ่นราคาที่ต่ำกว่า 644,000 บาท หรือไม่ก็โดดทะลุ 709,000 บาทขึ้นไปเลย
       
กลุ่มนี้ดูจากภายนอกไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก มาสด้า2 ทุกรุ่นจะมากับไฟหน้ารีเฟลกเตอร์แบบฮาโลเจน เช่นเดียวกับรายอื่นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นมัลติรีเฟลกเตอร์ โดยไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติจะมีเฉพาะในฟอร์ด เฟียสต้า และเชฟโรเลต โซนิคทุกรุ่นย่อย และในรุ่น G ของโตโยต้า วีออส เป็นแบบโปรเจคเตอร์ กับราคาแตะ 7 แสนบาท วีออสยังหล่อกับล้ออัลลอย 15 นิ้ว เช่นเดียวกับฮอนด้า ซิตี้/แจ๊ซ และเชฟโรเลต โซนิค 4ประตู ในรุ่น LT แต่มาสด้า 2 จะเป็นขนาด 16 นิ้วทุกรุ่นย่อย เหมือนกับฟอร์ด เฟียสต้า และโตโยต้า วีออส รุ่น G ซึ่งในรุ่นโซนิคพิเศษกว่ากับฝากระโปรงหลังเปิดแบบกดสัมผัส(Touch Pad)
       
ขณะที่ภายในและสิ่งอำนวยความสะดวก มาสด้า2 สกายแอคทีฟทุกรุ่นย่อย มากับระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัตโนมัติ เช่นเดียวกับฟอร์ด เฟียสต้าทุกรุ่นย่อย แต่คู่แข่งฮอนด้า ซิตี้/แจ๊ซ แม้มีมาให้ในรุ่น V ขึ้นไป ยังนับว่ายังเป็นกลุ่มราคาใกล้เคียงกัน และเด่นกว่ากับระบบปรับอากาศอัตโนมัติมาด้วย เหมือนในฟอร์ด เฟียสต้า ที่มาครบทุกรุ่นย่อยในกลุ่มราคานี้
       
หน้าจอแสดงข้อมูลแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว นับว่าเพิ่มความโดดเด่นให้กับ ฮอนด้า ซิตี้/แจ๊ซ ที่ให้มาตั้งแต่ในรุ่น V+ ขึ้นไป และที่น่าสนใจเป็นรุ่นพิเศษของ โตโยต้า วีออส TRD Sportivo ราคา 669,000 บาท ที่ติดตั้งจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วมาให้ ซึ่งค่อนข้างแปลกในเมื่อรุ่นท็อปราคาสูงกว่ากลับไม่มีให้ โดยมาสด้า2 จะมีสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัยทุกรุ่น เช่นเดียวกับฟอร์ด เฟียสต้า และเชฟโรเลต โซนิค โดยในกลุ่มราคาใกล้เคียงกันนี้ ฮอนด้า ซิตี้/แจ๊ซ จะมีในรุ่น V+ ขึ้นไป เหมือนกับโตโยต้า วีออส เริ่มตั้งแต่รุ่น G เป็นต้นไป ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก รวมถึงระบบรองรับความบันเทิง และอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ โดยฟอร์ด เฟียสต้า เพิ่มความโดดเด่นกับระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC แต่ฮอนด้า ซิตี้/แจ๊ซ ก็มีระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI ที่รองรับเฉพาะ IPhone 4S ขึ้นไป ติดตั้งในรุ่น V+ เป็นต้นไป

Toyota Vios

รุ่นต่อมา XD High ของมาสด้า 2 สกายแอคทีฟ ราคา 735,000 บาท จะมีคู่แข่งเป็นเชฟโรเลต โซนิค LTZ ราคา 719,000 บาทเท่ากันทั้งสองตัวถัง ฮอนด้า ซิตี้ SV/SV+ ราคา 734,000/749,000 บาท ฮอนด้า แจ๊ซ SV/SV+ ราคา 739,000/754,000 บาท ฟอร์ด เฟียสต้า 1.5L Titanium ทั้งแบบซีดานและแฮทช์แบ็ก ราคาเดียวกัน 709,000 บาท รวมถึงรุ่น 1.0L EcoBoost แบบซีดาน ราคา 749,000 บาท และแบบแฮทช์แบ็ก 754,000 บาท ส่วนโตโยต้า วีออส จะมีรุ่น S ราคา 734,000 บาท
       
เมื่อพิจารณาจากอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากมีเหมือนกับรุ่นย่อยกลุ่มราคาแรกที่กล่าวไป ในกลุ่มนี้โตโยต้า วีออส ยังโดดเด่นกว่าในเรื่องของไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ แต่อุปกรณ์อย่างอื่นๆ รุ่นที่โดดเด่นอยู่แล้วก็ยังเหมือนเดิม เพียงแต่ในส่วนล้ออัลลอยเชฟโรเลต โซนิค รุ่น LTZ รวมถึงฮอนด้า ซิตี้/แจ๊ซ รุ่น SV และ SV+ จะมากับขนาด 16 นิ้ว เหมือนกับมาสด้า2 สกายแอคทีฟ ใหม่ ขณะที่ภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มาครบเช่นกัน โดยมาสด้า2 จะมีระบบปรับอากาศอัตโนมัติเพิ่มเข้ามาในรุ่นย่อยนี้ขึ้นไป แต่ในรุ่น SV/SV+ ของทั้งฮอนด้า ซิตี้/แจ๊ซ มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System) ที่โดดเด่นกว่ารุ่นอื่นๆ ติดตั้งมาให้ด้วย
       
หากดูจากอุปกรณ์ภายนอก-ภายใน และสิ่งอำนวยความสะดวก ของราคาทั้ง 2 กลุ่มราคา นับว่าฟอร์ด เฟียสต้า และฮอนด้า ซิตี้/แจ๊ซ ค่อนข้างโดดเด่นกว่ารุ่นอื่นๆ โดยเฉพาะรุ่นเฟียสต้าที่มีราคาต่ำกว่าคู่แข่งหลายหมื่นบาท…
       
อย่างไรก็ตาม มาสด้า2 สกายแอคทีฟ ใหม่ มีจุดเด่นเรื่องของเทคโนโลยีช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ติดตั้งในทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นระบบหยุดการทำงานเครื่องยนต์ขณะรถหยุดจอด หรือระบบ i-Stop ตลอดจนระบบช่วยประหยัดพลังงาน i-ELOP ที่ช่วยแปลงพลังงานจากการเบรกไปเก็บไว้ในรูปพลังงานไฟฟ้า เมื่อยามต้องการใช้ไฟฟ้าอย่างระบบ i-Stop เครื่องเสียง หรือระบบปรับอากาศ

Ford Fiesta

ในส่วนของมาสด้า 2 ใหม่ ตัวท็อป XD High Plus ราคา 790,000 บาท ซึ่งค่อนข้างจัดมาครบเต็มจากอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงข้อมูลขนาด 7 นิ้ว รองรับการเล่นเครื่องเสียง แสดงข้อมูล และมีปุ่มควบคุมเหมือนกับรถหรูฝั่งยุโรป พร้อมมีช่องใส่ SC Card สำหรับระบบนำทาง (Navigator ) มาให้ด้วย รวมถึงระบบจดจำเสียง แต่เนื่องจากราคาที่กระโดดห่างจากคู่แข่งพอสมควร จึงยากที่จะนำมาเปรียบเทียบได้
       
ส่วนระบบความปลอดภัยของมาสด้า 2 สกายแอคทีฟทุกรุ่น นอกจากระบบที่มีทั่วๆ ไป ยังให้มาครบครันเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (DSC) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS) ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HLA) ระบบป้องกันล้อล็อค (4W -ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบสัญญาณไฟเตือนอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (ESS) และแป้นเบรกยุบตัวอัตโนมัติ เช่นเดียวกับฟอร์ด เฟียสต้า และฮอนด้า ซิตี้/แจ๊ซ โดยเฉพาะรายหลังสุดที่โดดเด่นกว่ากับการเพิ่มถุงลมนิรภัยด้านข้างคู่หน้า และม่านถุงลมด้านข้าง มาให้ในรุ่นท็อป SV+ ด้วย
       
สรุป… หากพิจารณาเฉพาะข้อมูลเทคนิค โดยไม่นำเรื่องของบริการหลังการขายมาร่วมพิจารณา “มาสด้า2 สกายแอคทีฟ” นับว่าโดดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีช่วยประหยัดน้ำมัน และขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล โดยมี “ฟอร์ด เฟียสต้า อีโคบูสต์” เป็นอีกตัวแทรกที่น่าสนใจ รวมถึงรุ่น 1.5 ลิตรของเฟียสต้า ที่มีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก เมื่อเทียบกับราคานับว่าโดดเด่น เคียงคู่มากับ “ฮอนด้า ซิตี้/แจ๊ซ” แต่หากต้องการความครบครันคงเป็นรุ่นท็อปของมาสด้า2 ใหม่ นั่นหมายถึงต้องจ่ายในราคาที่กระโดดห่างจากคู่แข่งสักหน่อย

Chevrolet Sonic

ที่มา : http://manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9580000007675

]]>
59206
มาดู โฉมหน้ารถรุ่นใหม่ ในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ https://positioningmag.com/59136 Wed, 14 Jan 2015 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=59136
 

มาดูโฉมหน้ารถรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในงาน “ดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์”  จัดขึ้นที่ Cobo Hall นครดีทรอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา แหล่ง อุตสาหกรรมรถยนต์ที่เป็นเส้นเลือดหลักของเมืองลุงแซม มอเตอร์โชว์แรกของปี มีของใหม่ๆ ให้ดูและติดตามกันเป็นประจำทุกปี ไม่เฉพาะจากแบรนด์เจ้าถิ่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึง ผลผลิตจากแบรนด์ต่างแดนที่หวังจะเข้ามาครองส่วนแบ่งทางการตลาดของอดีตตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ในด้านยอดขาย ก่อนเสียตำแหน่งนี้ไปให้กับจีน)

ในงานนี้จะมีรถยนต์ใหม่เปิดตัวมากกว่า50 รุ่นและมีผู้ผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจาก 60 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมงาน 

มีนักข่าวทั่วโลก โดยว่ากันว่า 30% ของนักข่าวที่เดินทางมาทำข่าวที่นี่มาจากต่างประเทศส่วนอีก 70% เป็นนักข่าวอเมริกัน โดยจำนวนของนักข่าวที่เดินทางมาทำข่าวนั้นคาดการณ์กันเอาไว้ว่าน่าจะมากกว่า 5,000 คน

ฟอร์ดต้อนรับการเปิดตัวของ NSX ใหม่ด้วยโปรเจ็กต์ใหม่เช่นกัน อย่าง GT โฉมใหม่ ที่ว่ากันว่าจะเข้ามาแทน Halo Car อย่าง GT ที่เปิดตัวขายเมื่อปี 2005 โดยในรุ่นใหม่เด่นด้วยเครื่องยนต์ EcoBoost แบบวี6 3,500 ซีซี เทอร์โบที่มีกำลังมากกว่า 600 แรงม้า

สำหรับงานจริงๆ ‘กำลังจะมี’ ขึ้นในวันที่ 17-25 มกราคม ซึ่งเป็นวันสำหรับคนทั่วไป หรือ Public Day และใครที่ตามงานมอเตอร์โชว์นี้มาตลอดจะทราบดีว่าผู้จัดงานจัดแบ่งรอบแบบซอยย่อยมาก โดย Press Preview สำหรับนักข่าวจะมีขึ้นในวันที่ 12-13 ตามด้วยรอบสำหรับผู้ที่อยู่ใน อุตสาหกรรมยานยนต์ หรือ Industry Preview รอบการกุศลในวันที่ 16 เป็นรอบการกุศล เรียกว่ากว่าคนทั่วไปจะได้ดูก็ต้องรอกันเหนื่อย และแทบจะหมด ความน่าสนใจไปแล้ว
       
ไฮไลต์เด่นๆ ของปีนี้มีมากมายทั้งแบรนด์เจ้าถิ่น และผู้มาเยือน ซึ่งก็รวมถึงการเผยโฉมคันจริงเสียทีสำหรับ Acura NSX ใหม่ เช่นเดียวกับการเปิดตัว Toyota Tacoma คอมแพ็กต์ปิกอัพของแบรนด์นี้ ซึ่งถ้าตามติดกันมานานจะพบว่า ในรุ่นที่แล้ว การเปิดตัวของ Tacoma ถือเป้นระฆังบอกให้แฟนๆ Hilux ในบ้านเรารอกันอีกไม่นาน เพราะใน รุ่นที่แล้ว Vigo เปิดตัวตามหลัง tacoma ประมาณเกือบๆ ปี และในรุ่นนี้ก็น่าจะเช่นเดียวกัน เพียงแต่อาจจะไม่ต้อง รอนานเหมือนรุ่นแรก
       
มาดูกับบรรยากาศของงานตอนแรกกันได้เลย…

ฟอร์ดต้อนรับการเปิดตัวของ NSX ใหม่ด้วยโปรเจ็กต์ใหม่เช่นกัน อย่าง GT โฉมใหม่ ที่ว่ากันว่าจะเข้ามาแทน Halo Car อย่าง GT ที่เปิดตัวขายเมื่อปี 2005 โดยในรุ่นใหม่เด่นด้วยเครื่องยนต์ EcoBoost แบบวี6 3,500 ซีซี เทอร์โบที่มีกำลังมากกว่า 600 แรงม้า

บูอิก แบรนด์ในเครือ GM มากับต้นแบบระดับหรูในแบบท้ายตัด 5 ประตู พร้อมความยาวในระดับที่เกิน 4,800 มิลลิเมตร พร้อมเครื่องยนต์วี6 ที่มีระบบ Auto Start/Stop

เชฟโรเลต โคโลราโด ต้นแบบ ZR2 ยกสูง 2 นิ้ว แต่งเข้มสะใจ พร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,800 ซีซีที่ผ่านการโมมาเต็มพิกัด

เชฟโรเลต โวลต์ใหม่มาแล้วพร้อมสมรรถนะในการขับเคลื่อนที่ดีขึ้น และหน้าตาที่สดใหม่ตลอดทั้งคัน

มาสักทีสำหรับรุ่นขายจริงของ Acura NSX พร้อมเครื่องยนต์ไฮบริดวี6 DOHC เทอร์โบคู่พร้อมกับเกียร์ DCT แบบ 9 จังหวะ และขับเคลื่อนด้วยระบบ 4 ล้อ SH-AWD โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมด 3 ตัว ส่วนราคาคาดว่าน่าจะอยู่ในระดับ 150,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 4.5 ล้านบาท

ขายแล้วสำหรับอัลฟา 4C รุ่นเปิดประทุนหรือ Spyder ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 1,750 ซีซี เทอร์โบมีกำลังขับเคลื่อน 240 แรงม้า

ออดี้ Q3 รุ่นปรับโฉมเปิดตัวออกมาให้สัมผัสแล้ว

ความเร้าใจของสปอร์ตรุ่นใหญ่กับ BMW M6 Coupe รุ่นใหม่ที่มีกำลังขับเคลื่อนในระดับ 560 แรงม้าจาก เครื่องยนต์วี8 4,400 ซีซี เทอร์โบ

ฮุนไดส่งต้นแบบปิกอัพยุคหน้ามาให้สัมผัสกันในชื่อ Santa Cruz Crossover Truck แสดงความสวยล้ำ สมัยอย่างเต็มพิกัด โดยมีเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 4 สูบ 2,000 ซีซี 190 แรงม้าเป็นขุมหลังหลักในการขับเคลื่อน อย่าถามว่าจะขายเมื่อไร คำตอบคือยังไม่มี

อีกความก้าวหน้าของฮุนไดกับการผลิตเวอร์ชันไฮบริดแบบเสียบปลั๊กของ D-Car อย่าง Sonata ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซีแบบ GDI เป็นต้นกำลัง พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 50 KW ช่วยในการขับเคลื่อน

ต้นแบบในสไตล์ SUV มาดสปอร์ตรุ่นใหม่ของโฟล์คสวาเกนในชื่อ Cross Coupe GTE เน้นความสวยและล้ำสมัยพร้อมระบบไฮบริดที่มีเครื่องยนต์วี6 แบบ FSI เป็นต้นกำลัง ผสานด้วยมอเตอร์ ไฟฟ้าขนาด 40 KW 2 ตัว ทำให้มีกำลังสูงสุด 360 แรงม้า

โตโยต้า FT-1 มาโชว์อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเวอร์ชัน Graphite ไม่ใช่ตัวสีแดงเหมือนกับปีที่แล้ว

ปอร์เช่ 911 Targa 4 มากับความเร้าใจด้วยรหัส GTS เร้าใจด้วยกำลังในระดับ 430 แรงม้า

ต้นแบบของเมอร์เซเดส-เบนซ์กับรูปทรงล้ำสมัยสุดๆ F015 Luxury in Motion Concept แสดงให้เห็นถึงแนวคิดของเบนซ์กับโลกยานยนต์ในอนาคต โดยเฉพาะในอีก 10 ปีข้างหน้า

ประตูของ F015 เปิดออกได้อย่างกว้างขวาง แสดงให้เห็นถึงความโอ่อ่าอย่างแท้จริง

ตัวแข่ง F1 ในปีที่แล้วของเบนซ์ก็มาจัดแสดงหลังจากที่พาทีมประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์โลกทั้งนักแข่งและทีมผู้ผลิต

โตโยต้ากับโซน Motorsport ซึ่งมีการจัดแสดงตัวแข่งประเภทต่างๆ ของทีมโรงงานที่เข้าร่วมการแข่งขันในสหรัฐอเมริกาทั้ง NASCAR เก๋งและปิกอัพ รวมถึงแรลลี่รายการโหดๆ

โตโยต้า Tacoma ปิกอัพขนาดคอมแพ็กต์เปิดตัวโฉมใหม่ที่เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ออกมาแล้วนั่นหมายความว่าเจนเนอเรชั่นที่ 7 ของ Hilux ซึ่งบ้านเราขายด้วยชื่อ Hilux Vigo นั้นกำลังเตรียมเปิดตัวตามมาแล้ว

บูอิกเผยโฉมรถสปอร์ตคันสวยในชื่อ Casadaซึ่งก็ไม่ใช่ของใหม่ที่ไหนเพราะเป็นการนำรถยนต์จาก Opel ที่ขายในปี 2013 มาเปลี่ยนแบรนด์ใหม่สำหรับขายที่นี่พร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ 1,600 ซีซีเทอร์โบ 200 แรงม้า

เทสลา Model S P85D มากับสีแดงทับทิมพร้อมกับสมรรถนะการขับเคลื่อนของมอเตอร์ไฟฟ้าที่เทียบเท่ากำลัง 691 แรงม้าและใช้เวลาเพียง 3.2 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง

เชฟโรเลตสร้างกระแสในตลาด EV ด้วยต้นแบบขนาดคอมแพ็กต์ที่เรียกว่า Bolt EV Concept ขับทำระยะทางได้ 200 ไมล์หรือเกือบๆ 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้งและว่ากันว่าจะมีการผลิตจริงกับราคาประมาณ 30,000 บาทหรือ 900,000 บาท

นิสสันรุกตลาดรุ่นใหญ่ด้วยผลผลิตใหม่ของ Titan XD ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลวี8 5,000 ซีซีบล็อกใหม่

เบนซ์มากับ GLE63AMG ผลผลิตใหม่ที่เตรียมลุยกับ BMW X6M โดยความเปลี่ยนนี้จะส่งผลกระทบไปยัง ML-Class ด้วยเพราะจะหันมาใช้ชื่อ GLE แทนเพื่อระบุตำแหน่งทางการตลาดที่ชัดเจน

ตัวแรงสุดเร้าใจในตระกูล F-Series ของฟอร์ดกับรหัส Raptor ซึ่งใช้รุ่น F150 กับการโมดิฟายเครื่องยนต์วี6 EcoBoostด้วยเทอร์โบคู่ความจุ 3,500 ซีซีและมีกำลังในระดับ 411 แรงม้าและมีน้ำหนักตัวเบากว่ารุ่นเดิมราวๆ 227 กิโลกรัมอันเป็นผลมาจากการใช้ตัวถังอะลูมิเนียม

ตัวแรงสุดร้าใจของฟอร์ด มัสแตงในรุ่น GT350R กับผลงานของ Shelby โมดิาฟยเครื่องยนต์วี8 จนมีกำลังมากกว่า 500 แรงม้า

วอลโว่เปิดตัวความเร้าใจของ XC90 ในรหัส R Design เติมความร้อนแรงของภาพลักษณ์ด้วยชุดแต่งแบบสปอร์ตรอบคันด้วยล้อแม็ก20 นิ้วและมี 22 นิ้วเป็นออพชั่นโดย R Design จะเป็นชุดแต่งจากโรงงานที่ทางวอลโว่เตรียมวางขายเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ชอบความสวยจากโรงงาน

วอลโว่ V60 มากับเวอร์ชันยกสูง V60 Cross Country

ผ่าครึ่งแสดงให้เห็นชิ้นส่วนและใส่ในของโฟล์คสวาเกน e-Golf ขับเคลื่อนด้วยหลังไฟฟ้า

มาเซราติ Alfieri มาโชว์ตัวอีกครั้งพร้อมกับคำถามที่ว่าสรุปแล้วจะมีการผลิตขายจริงหรือไม่ ?

ต้นแบบมาดสปอร์ตของอินฟินิตี้ แบรนด์หรูของนิสสันกับรหัส Q60 ที่เน้นความสวยและสปอร์ตในแบบคูเป้ 2+2 ที่นั่งพร้อมความยาวในระดับเฉียด 4.7 เมตร

โฉมใหม่ของ BMW ซีรีส์ 6 มาจัดแสดงกันครบทุกตัวถังทั้งคูเป้และที่เห้นในภาพคือ 650i Convertible

ที่มา :

http://www.manager.co.th/Motoring/viewNews.aspx?NewsID=9580000004534
http://www.manager.co.th/Motoring/viewNews.aspx?NewsID=9580000004584

]]>
59136
แมคแคน เผยเทรนด์ล่าสุด “วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุคดิจิตอล” https://positioningmag.com/56974 Thu, 01 Aug 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=56974

แมคแคน เวิลด์กรุ๊ป ประเทศไทย เผยการศึกษาเทรนด์ล่าสุดภายใต้หัวข้อ “เปิดมุมมองคอนซูมเมอร์เทรนด์ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก” ซึ่งพูดถึงเทรนด์ผู้บริโภคที่จะกำหนดทิศทางในอนาคตและแนวทางใหม่ๆ ในการสื่อสารการตลาดของแบรนด์ยานยนต์ในยุคดิจิตอล

นางสาววฤตดา วรอาคม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านนวัตกรรม แมคแคน เวิลด์กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “อุตสาหกรรมยานยนต์นั้นเป็นผู้นำเทรนด์ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่อยู่เสมอ ไม่ว่า ‘การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3’ จะเกิดขึ้นหรือไม่ กลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายจากความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคยุคใหม่ ประกอบกับการแข่งขันใหม่ๆจากการรวมกิจการของกลุ่มแบรนด์รถยนต์ระดับโลก”

กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกลายเป็นพลังสำคัญ ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ “เรามองเห็นแนวโน้มที่มุ่งความสนใจมาทางภูมิภาคตะวันออกทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสื่อสารแบรนด์ โดยเฉพาะในตลาดสำคัญอย่างประเทศอินเดียและจีน โดยภาพรวมแรงผลักดันหลักๆ คือ นวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ความเป็นดิจิตอลในรถยนต์ การออกแบบเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง และการบริการโซลูชั่นสำหรับการเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้ ซึ่งเราเชื่อว่า การเข้าใจถึงเทรนด์เหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องก้าวทันการตลาดในยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้”

ซึ่งในห้าเทรนด์หลักๆที่พบในโลกของยานยนต์นี้ เทรนด์ของ “NEW IDENTITIES, NEW ASPIRATIONS” และ “CONNECTIVITY ON WHEELS” ส่งผลกระทบที่ชัดเจนต่อนวัตกรรมด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริการ ในขณะที่ “SUSTAINABLE MOBILITY”, “SPIRIT AND SOUL” และ “PIONEERS IN INTERACTIVITY” จะเน้นวิธีใหม่ๆที่แบรนด์รถยนต์สร้างประสบการณ์ ให้ลูกค้าเกิดความผูกพันกับแบรนด์ในตลาดต่างๆทั่วโลก รวมไปถึงตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วอย่างเอเชีย

1. แรงบันดาลใจใหม่เพื่อกลุ่มเป้าหมายใหม่ (NEW IDENTITIES, NEW ASPIRATIONS)
รถยนต์ไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะในการเดินทางเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์สำหรับการแสดงความเป็นตัวตนของแต่ละบุคคลอีกด้วย ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงในแง่ของทัศนคติและความเป็นตัวตนของผู้บริโภคที่มีผลมาจาก การเปลี่ยนแปลงของลักษณะทางประชากรศาสตร์ (demographics) และการใช้ชีวิต ผู้ผลิตรถยนต์นั้นจึงหันมาออกแบบผลิตภัณฑ์และการสื่อสารแบรนด์ที่ตรงกับความต้องการใหม่ๆของกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆที่เกิดขึ้น

แรงผลักดันที่ทำให้เกิดกลุ่มผู้บริโภคใหม่เหล่านี้ขึ้นคือ 1) ‘Upwardly Mobile’ จำนวณชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นและวาดฝันฐานะทางสังคมที่สูงขึ้น 2) ‘What Women Want’ ผู้หญิงสมัยใหม่ที่ประสบความสำเร็จและมีอิสรภาพทางการเงินมากกว่าที่เคย 3) ‘The Creative Class’ คนรุ่นใหม่ที่ต้องการแสดงเอกลักษณ์ความมีสไตล์ที่ไม่ใช่เพียงฐานะทางการเงิน

2. ความเป็นดิจิตอลในทุกอณูยานยนต์ (CONNECTIVITY ON WHEELS)
คนเมืองทุกวันนี้ใช้เวลามากที่สุดกับการอยู่ในรถและการอยู่หน้าสกรีนดิจิตอลหลากหลาย จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้ประกอบการจะมุ่งหน้าผสมผสานเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์เข้ากับรถยนต์ รถยนต์รุ่นใหม่ๆมักอัดแน่นด้วยฟังก์ชั่นดิจิตอลมากขึ้น โดยเน้นการเชื่อมโยงระหว่างข้อมูล ท้องถนน และผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัว เริ่มจาก 1) ‘The Fourth Screen’ ซึ่งรถยนต์กลายเป็น ‘จอที่สี่’ ที่ผู้บริโภคใช้ในการเชื่อมต่อกับข้อมูลและคอนเท้นต์จากอินเทอร์เน็ต 2) ‘Natural User Interface’ รถยนต์ที่สามารถเชื่อมต่อกับผู้ขับขี่อย่างไร้รอยต่อ ด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่ล้ำสมัยและยังเป็นมิตรต่อการใช้งานในชีวิตจริง 3) ‘Assisted Driving’ ที่ยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์ โดยการโต้ตอบโดยตรงกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวแบบอัตโนมัติ

3. ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้ใช้รถใช้ถนนแบบยั่งยืน (SUSTAINABLE MOBILITY)
ด้วยทุกวันนี้ผู้คนหันมาตื่นตัวกับผลกระทบจากการใช้รถต่อสภาวะโลกร้อนและกังวลกับปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แนวโน้มของความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่จะขับรถส่วนตัวนั้นน้อยลงเรื่อยๆ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมรถยนต์จึงหันมาเปลี่ยนแปลงบทบาทของตนที่มีต่อชีวิตของผู้บริโภค และปรับวิสัยทัศน์ของบริษัทไปสู่แนวทางการทำธุรกิจใหม่ๆ เช่น 1) ‘Mobility Solutions’ การเสริมบริการโซลูชั่นสำหรับการเดินทางส่วนบุคคล จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของรถยนต์ 2) ‘Zero Emission Target’ การสร้างสรรค์และคิดค้นต้นแบบล้ำสมัยสำหรับรถที่เป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมยุคใหม่ และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ 3) ‘The Sustainability Culture’ การที่แบรนด์รถยนต์มีส่วนร่วมในการแชร์ความรู้และสร้างประสบการณ์เกี่ยวกับ ความเป็นอยู่ของชุมชนและสังคม ศิลปะและวัฒนธรรม การรักษาสิ่งแวดล้อม และความตื่นตัวต่อสถานการณ์โลกเพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ของคนเมือง และสร้างพื้นฐานที่ดีสำหรับสิ่งที่แบรนด์จะนำเสนอต่อผู้บริโภคในโลกอนาคต

4. จุดยืนด้านความเป็นตัวตนและจิตวิญญาณของแบรนด์ (SPIRIT AND SOUL)
ในยุคสมัยที่อะไรก็ไม่แน่นอนและวิกฤตในด้านต่างๆ ผู้คนหันมามองหาความหมายและที่พึ่งทางจิตใจ เพื่อก้าวสู่อนาคตข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง เพราะฉะนั้นการสื่อสารแบรนด์ที่เข้าถึงจิตใจของผู้บริโภค ไม่ใช่เพียงตอบโจทย์ทางด้านเหตุผล จะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ยาวนานและมีความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้น 1) ‘The Human Spirit’ แบรนด์รถยนต์เริ่มสื่อถึงจิตวิญญาณของแบรนด์ ด้วยการสื่อสารที่พูดถึงคุณลักษณะที่น่าชื่นชมต่างๆของมนุษย์ เพื่อปรอบประโลมเรื่องราวด้านลบที่ผู้บริโภคต้องพบเจอในชีวิตประจำวัน 2) ‘Brand Heritage’ การสื่อสารแก่นแท้และความเป็นมาของแบรนด์ เป็นวิธีที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผลิตภัณฑ์และวัฒนธรรมของกลุ่มเป้าหมายในภาพกว้าง 3) ‘Connections to Culture’ การสร้างจุดเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้บริโภค โดยการนำสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่มีความหมายอันลึกซึ้งต่อผู้บริโภคมาใช้ในสื่อสาร ซึ่งเป็นวิธีที่หลายแบรนด์ปรับเข้าหาตลาดเกิดใหม่ยักษ์ใหญ่ เช่นประเทศจีนและอินเดีย

5. สร้างสรรค์มิติประสบการณ์ผ่านประสาทสัมผัส (PIONEERS IN INTERACTIVITY)
เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนตร์นั้นถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม แบรนด์รถยนต์จึงเป็นผู้นำในการใช้นวัตกรรมทางด้านใช้สื่อดิจิตอลในการโฆษณา เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้บริโภคเช่นเดียวกัน

ในยุคสมัยนี้ มุมมองระหว่างสื่อดั้งเดิมและสื่อใหม่เช่นดิจิตอลมีการผสมผสานกันอย่างแยกออกไม่ได้ ทำให้ 1) ‘Integrated Campaigns’ การสื่อสารไอเดียหลักผ่านสื่อที่หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อที่จะจับความสนใจของผู้บริโภคได้ 2) ‘Larger-Than-Life’ การเปลี่ยนการโต้ตอบกับสิ่งรอบตัวในชีวิตประจำวัน มาสร้างเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานน่าตื่นเต้นเพื่อสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค 3) ‘Mobile Engagement’ การเชื่อมโยงรถยนต์เข้ากับแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนโดยเน้นการสร้างความสนุกสนานและสื่อสารถึงประโยชน์ที่จับต้องได้จริงพร้อมผสานความเป็นโซเชียล เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับและแบรนด์อย่างต่อเนื่อง

]]>
56974
บ๊อชมั่นใจศักยภาพการเติบโตต่อเนื่อง ตอกย้ำ บ๊อช ประเทศไทยขุมกำลังสำคัญภูมิภาคอาเซี่ยน เร่งลุยนโยบายธุรกิจปี 2013 ชูนวัตกรรมเทคโนโลยีล่าสุด ผ่านฝ่ายธุร https://positioningmag.com/56833 Fri, 12 Jul 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=56833

โรเบิร์ต บ๊อช เผยตัวเลขปี 55 มียอดขายในประเทศไทยรวม 9,300 ล้านบาท ภูมิใจผลการดำเนินงานปี 55 เติบโตขึ้นอัตราร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีก่อน เปิดตัวฝ่ายธุรกิจใหม่ เทคโนโลยีขับเคลื่อนและควบคุม (Drive and Control Technology) มั่นใจประเทศไทยมีศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมเต็มพิกัด ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นใหม่ๆ ในหลายธุรกิจเพื่อสนองตอบความต้องการของตลาด

นายปีเตอร์ แวนดลิค กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด (ประเทศไทย) ผู้นำด้านเทคโนโลยีและบริการระดับโลกเปิดเผยว่า ในปี 2555 บ๊อชประเทศไทยมียอดขายสุทธิรวมทั้งสิ้น 9,300 ล้านบาท (222 ล้านยูโร) คิดเป็นอัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ 5 โดยมีผลมาจากการลงทุนของ บ๊อช ในตลาดใหม่ๆ รวมถึงการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยไทยเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่ทำรายได้สูงสุดของบ๊อชในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีสัดส่วนยอดขายมากกว่า ร้อยละ 30 ของยอดขายรวมภูมิภาคนี้

แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกในปี 2555 จะเต็มไปด้วยความท้าทาย บ๊อชยังมั่นใจว่าการเติบโตในปี 2556 จะเกิดขึ้นและขยายตัวอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย นายแวนดลิค กล่าวเสริมว่า “กับความพยายามในการสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจให้กลับคืนมาและมุ่งเน้นความเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยจะยังคงเป็นฐานที่มั่นสำหรับการเติบโตและการขยายตัวสำหรับธุรกิจของบ๊อช” ปัจจุบันบ๊อช ประเทศไทย มีพนักงานเกือบ 900 คน ทำงานในสำนักงาน 7 แห่งทั่วประเทศ และมีการเติบโตของพนักงานที่เพิ่มขึ้นสอดรับกับการเติบโตทางธุรกิจคิดเป็นเกือบร้อยละ 7

เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกหน่วยธุรกิจ

หน่วยงานธุรกิจต่างๆ ของ บ๊อช มีการพัฒนาและสามารถทำยอดขายได้ดี โดยฝ่ายเทคโนโลยีระบบความร้อน (Thermotechnology) สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นปีต่อปีสูงสุดมากกว่า 3 เท่า จากโครงการสำคัญๆในอุตสาหกรรมเคมี อาหารและเครื่องดื่ม ในขณะที่ฝ่ายอะไหล่รถยนต์ ฝ่ายขายชิ้นส่วนรถยนต์ ฝ่ายเครื่องมือไฟฟ้า และ ฝ่ายผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัย ล้วนมีตัวเลขยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลักเช่นเดียวกันในปี 2555

ขยายธุรกิจทั่วประเทศไทย

ในปี 2556 บ๊อช วางแผนขยายธุรกิจในประเทศไทยผ่านการเปิดฝ่ายธุรกิจใหม่ๆ การแนะนำผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นใหม่ รวมถึงการขยายตัวไปยังพื้นที่ต่างๆ นายแวนดลิค เปิดเผยว่า “ล่าสุด บ๊อชได้เปิดสำนักงานขายแห่งใหม่ที่เชียงใหม่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลลูกค้าที่อยู่ในเขต 17 จังหวัดภาคเหนือได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่พันธกิจของบริษัทในการสนองตอบความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้กับองค์กร นอกจากนี้มีการวางแผนขยายธุรกิจไปยังพื้นที่อื่นๆ ของประเทศไทย อาทิ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้”

ฝ่ายเครื่องมือไฟฟ้า บ๊อชเตรียมรุกตลาดด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์มากขึ้นในปีนี้ ซึ่งรวมถึงการเปิดตัวของ ‘เดรเมล’ (Dremel) เครื่องมืออเนกประสงค์จากประเทศสหรัฐอเมริกาที่เป็นรู้จักกันดีสำหรับมืออาชีพ ช่างฝีมือ ศิลปิน และผู้ที่ชื่นชอบงานประดิษฐ์ด้วยตนเองเพื่อเจาะตลาดเมืองไทย

ในส่วนของฝ่ายระบบรักษาความปลอดภัย ได้เปิดตัวกล้องโทรทัศน์วงจรปิด รุ่นใหม่ “Starligtht” ที่ทำงานผ่านเว็บ และให้ภาพคมชัดแม้ในสภาพที่มีแสงน้อยมาก

สำหรับฝ่ายอะไหล่รถยนต์ ภายในปีนี้เตรียมแผนขยายศูนย์บริการบ๊อชสำหรับทั้งรถยนต์นั่งบุคคล และ รถเพื่อการพาณิชย์ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อให้ผู้ขับขี่รถยนต์ทั่วประเทศไทยเข้าถึงบริการได้สะดวกยิ่งขึ้น

ในเดือนเมษายน 2556 ฝ่ายเทคโนโลยีขับเคลื่อนและควบคุม (Drive & Control Technology) ได้ทำการเปิดสำนักงานและศูนย์บริการที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ. ชลบุรี ฝ่ายเทคโนโลยีขับเคลื่อนและควบคุม พร้อมนำเสนอโซลูชั่นและการประยุกต์ใช้งานแก่อุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศ รวมถึงบริการที่กว้างขวางครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลาย

เพื่อรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย และความต้องการรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บ๊อชเตรียมขยายการดำเนินงานในส่วนของการผลิตชิ้นส่วนประกอบยานยนต์เพื่อผลิต ส่วนประกอบของระบบการจัดการเครื่องยนต์ เช่น เซ็นเซอร์ และตัวกระตุ้นการทำงาน (actuator)

พัฒนาการด้านบุคลากรใหม่ๆ

บ๊อชได้เตรียมแผนพัฒนาบุคลากร ผ่านโครงการฝึกงานและพัฒนาทักษะด้านเมคคาทรอนิกส์บ๊อช หรือ Bosch Mechatronics Apprenticeship Program (BMAP) ที่จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะความสามารถทางด้านวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องกลสำหรับการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงให้กับนักศึกษาในระดับอาชีวศึกษาที่มีศักยภาพ “จากการเติบโตทางธุรกิจของบ๊อชในประเทศไทย บ๊อชมีความต้องการบุคลากรที่มีทักษะและความสามารถเฉพาะเพื่อสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการเติบโต โครงการ BMAP เป็นโครงการที่บ๊อชมุ่งมั่นในการยกระดับการศึกษาในระดับอาชีวศึกษาในประเทศไทย ให้มีทักษะความชำนาญที่เชี่ยวชาญขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมไทยในระยะยาว” นายแวนดลิคกล่าว

ภาพรวมธุรกิจบ๊อชในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียแปซิฟิก

ในปี 2555 กลุ่มบริษัทบ๊อชมียอดขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวม 29.4 พันล้านบาท (702 ล้านยูโร) ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีจำนวนพนักงานในภูมิภาคเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9

นายมาร์ติน เฮย์ส ประธานของบ๊อชในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “ปัจจุบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดสำหรับบ๊อช และคาดหวังจะรักษาสัดส่วนการเติบโตนี้ไว้ และตั้งเป้าในปี 2556 จะสร้างการเติบโตขึ้นได้ในอัตราตัวเลขสองหลัก”

สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บ๊อชมียอดขายที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 5.6 คิดเป็นยอดขายรวมประมาณ 530 พันล้านบาท (12.6 พันล้านยูโร) โดยยอดขายในประเทศจีนและอินเดียสำหรับปี 2555 ไม่เคลื่อนไหวมากนักเมื่อเทียบกับปี 2554 และเพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวในการเพิ่มสัดส่วนยอดขายของบ๊อชในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ให้เป็นร้อยละ 30 บ๊อชใช้เงินลงทุนในปี 2555 เท่ากับในปี 2554 หรือประมาณ 32.8 พันล้านบาท (780 ล้านยูโร)

การพัฒนาธุรกิจของกลุ่มบ๊อชในปี 2555 – 2556

ในปี 2555 กลุ่มบริษัทบ๊อชทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 คิดเป็นยอดขายรวมมูลค่ากว่า 2.2 ล้านล้านบาท (52.5 พันล้านยูโร) โดยมีกำไรก่อนหักภาษีมากถึง 118 พันล้านบาท (2.8 พันล้านยูโร) โดยในแต่ละส่วนธุรกิจมีพัฒนาการที่แตกต่างกันไป ในปี 2555 ฝ่ายเทคโนโลยียานยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของบ๊อช มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 คิดเป็นยอดขายรวมมูลค่า 1.3 ล้านล้านบาท (31.1 พันล้านยูโร) ในส่วนของธุรกิจเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ยอดขายรวมเป็น 336 พันล้านบาท (8 พันล้านยูโร) และธุรกิจสินค้าอุปโภคและเทคโนโลยีสิ่งก่อสร้าง ทำยอดขายได้ถึง 562 พันล้านบาท (13.4 พันล้านยูโร) เพิ่มขึ้นอัตราร้อยละ 2.5

จำนวนพนักงานเปลี่ยนแปลงสอดคล้องกับการพัฒนาธุรกิจของบริษัทในช่วงปี 2555 ที่ผ่านมา โดยมีอัตราเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจำนวน 3,400 คน รวมพนักงานทั่วโลกกว่า 305,900 คน ด้านการลงทุน ในปี 2555 บ๊อชได้ใช้เงินลงทุนเพื่ออนาคตไปทั้งสิ้นกว่า 336 พันล้านบาท (8 พันล้านยูโร) โดยแบ่งเป็น 202 พันล้านบาท (4.8 พันล้านยูโร) สำหรับการวิจัยและพัฒนา และกว่า 134 พันล้านบาท (3.2 พันล้านยูโร) เป็นเงินลงทุนด้านสินทรัพย์ต่างๆ

สำหรับปี 2556 บ๊อชคาดว่ายอดขายทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2-4 นอกจากนี้มาตรการณ์ต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้เพื่อปรับปรุงธุรกิจที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2555 เช่น การจำกัดค่าใช้จ่ายเงินลงทุน และการซื้อกิจการบริษัทจะถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง

บ๊อชจะยังคงดำเนินงานตามกลยุทธ์หลักที่วางไว้อย่างจริงจังด้วยระบบสำหรับการคุ้มครองและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และความปลอดภัย บ๊อชเชื่อว่ายังมีช่องทางในการจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพอีกมาก ตลอดจนมีโอกาสด้านการขายในส่วนของการปรับปรุงแหล่งจ่ายพลังงาน การจัดการพลังงาน และฉนวนกันความร้อนของอาคารมากขึ้น เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2556 บ๊อชได้ตั้งกลุ่มธุรกิจที่ 4 คือ กลุ่มเทคโนโลยีพลังงานและอาคาร โดยปรับรวมธุรกิจในส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเฉพาะกลุ่มธุรกิจใหม่นี้ ทำยอดขายได้ประมาณ 210 พันล้านบาท (5 พันล้านยูโร) ในปี 2555

กลุ่มบริษัทบ๊อช คาดว่า ยอดขายจะยังคงเติบโตจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และเป็นประโยชน์ รูปแบบธุรกิจบนเว็บ และการขยายธุรกิจไปยังประเทศต่าง ๆ ในงานแถลงข่าวประจำปีของกลุ่มบริษัทบ๊อชในประเทศเยอรมนี ดร. โฟล์คมาร์ เดนเนอร์ ประธานคณะกรรมการบริหารของ กลุ่มบ๊อช กล่าวว่า “เครือข่ายที่กว้างขวางของบ๊อชมีประโยชน์อย่างมากในยุคที่ชีวิตถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน”

]]>
56833
“MOTOR EXPO 2011” อวดโฉม 5 ประเภทรถที่สุดในงาน https://positioningmag.com/55069 Fri, 09 Dec 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=55069

บริษัท สื่อสากล จำกัด ผู้จัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 28” หรือ “The 28th Thailand International Motor Expo 2011” ขอแนะนำรถ 5 ประเภทซึ่งเป็นที่สุดในงานปีนี้ ประกอบด้วย รถคันใหญ่ที่สุด รถคันเล็กที่สุด รถขนาดยาวที่สุด รถราคาแพงที่สุด และรถราคาถูกที่สุด ซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมาก เริ่มจากรถใหญ่ที่สุด! ในงาน… “ทาทา โนวัส” (TATA Novus) รถหัวลากทรงพลังมาตรฐานยุโรป จาก บริษัท ทาทา มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TATA

ตามด้วยรถเล็กที่สุด! ในงาน มาจากบริษัทผู้นำเข้ารถอิสระทีเอสแอล (TSL) นำรถไฟฟ้าอีโคคาร์ คันจิ๋ว “พีล ไทรเด็นท์” (Peel Trident Fun Electric) จากประเทศอังกฤษ มาอวดโฉมให้คนไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด สนนราคาคันละ 850,000 บาท

ส่วนรถขนาดยาวที่สุดและเป็นไฮไลท์เด็ดงานปีนี้เลยทีเดียวกับรถ “ไพโอเนียร์ ลีมูซีน” (PIONEER LIMOUSINE) จากบริษัทเครื่องเสียง PIONEER (ROCKET SOUND) ซึ่งจอดต้อนรับแขกผู้เข้าชมงานบริเวณประตูทางเข้าหน้าอาคารชาเลนเจอร์

และพลาดไม่ได้กับ รถราคาแพงที่สุด “สปายเกอร์ ซี8 ดับเบิ้ล ทเวลฟ์” (Spyker C8 Double 12) สีอลูมิเนียมเงาวับทั้งคัน จากบริษัท เอ็มทีเอ็ม มอเตอเรน เทคนิค ไมเยอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MTM ซึ่งมีราคาสูงถึง 30 ล้านบาท

ตบท้ายด้วย รถราคาถูกที่สุดในงานรับรองว่าถูกใจคนทำธุรกิจค้าขายอย่างแน่นอนกับ “ดีเอฟเอสเค มินิทรัค” (DFSK – MINI TRUCK) จาก บริษัท ตงฟง มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด หรือ DFSK ซึ่งมีราคาสบายๆ เพียง 279,000 บาทเท่านั้น…

]]>
55069
ซูบารุรุกตลาดเอสยูวี หวังเพิ่มสัดส่วนยอดขาย รถไลฟ์สไตล์เอนกประสงค์เป็น 70% https://positioningmag.com/55003 Mon, 28 Nov 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=55003

(กรุงเทพฯ, 28 พฤศจิกายน 2554) – มอเตอร์ อิมเมจ ซูบารุ (ประเทศไทย) เผยแผนธุรกิจปี2555 เตรียมรุกเข้มตลาดรถยนต์เอสยูวี เจาะกลุ่มเป้าหมายครอบครัวหลังพบดีมานด์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประเดิมปรับโฉม “ซูบารุ ฟอเรสเตอร์” ใหม่ หวังกวาดยอดจองเพิ่มสัดส่วนยอดขายรถในกลุ่ม ไลฟ์สไตล์แบบครอบครัวเป็น 70% ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2554 โดยซุบารุยังมาพร้อมข้อเสนอพิเศษสุดเร้าใจมากมาย และไฮไลต์ โชว์สตั๊นท์ไดร์ฟของ “รัสส์ สวิฟท์” นักขับผาดโผนเจ้าของสถิติกินเนสชื่อก้องโลก ที่เตรียมกระหึ่มงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 1-12 ธันวาคมนี้
มร.เกลน ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และกลุ่มบริษัทมอเตอร์ อิมเมจ กล่าวว่า “ผู้บริโภคทุกวันนี้ต้องการรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้รถยนต์ระดับซีเซกเมนต์ หรือคอมแพคท์คาร์ กลายเป็นเซกเมนต์รถยนต์ที่ มีขนาดตลาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและกวาดส่วนแบ่งตลาดรถยนต์จำหน่ายใหม่ในตลาดรวมไปได้ เกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกัน นอกจากเรื่องประหยัดน้ำมันแล้ว ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันยังต้องการรถยนต์ที่ใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย เทรนด์ความนิยมในรถยนต์ประเภทเอสยูวีจึงได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะทุกวันนี้รถยนต์เอสยูวีซึ่งเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ก็สามารถขับขี่ได้อย่างประหยัดไม่แพ้รถยนต์ประเภทอื่นๆ ในวันนี้ ซุบารุจึงประกาศรุกตลาดเอสยูวีอย่างเต็มตัว โดยเราเริ่มจากการปรับโฉม “ซูบารุ ฟอเรสเตอร์” ใหม่และแนะนำให้ลูกค้าได้ทำความรู้จักในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปีนี้ โดยนอกจากจะมาพร้อมออพชั่นที่ให้ความสะดวกสบายเต็มพิกัดแล้ว เรายังมีข้อเสนอสุดเร้าใจมาให้ลูกค้าที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ซูบารุทุกท่านได้เลือกกันด้วย”
ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์บอกเซอร์เจนเนอเรชั่นใหม่ โดยเป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร DOHC 16 วาล์ว 4 สูบแถวเรียงแนวนอน
เครื่องยนต์ดีไซน์ใหม่ของซูบารุนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นตามแนวนโยบายของซูบารุที่ต้องการผลิตเครื่องยนต์ ให้ได้มาตรฐานสูงสุดตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม โดยต้องผสานความสะดวกสบายในการขับขี่และการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกันอย่างลงตัวที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้จึงออกมาเป็นเครื่องยนต์ “ซูบารุ บอกเซอร์” เจนเนอเรชั่นที่ 3 ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้อย่างยอดเยี่ยมทว่าลดแรงเสียดทานลง ส่งผลให้ลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน และเพิ่มแรงบิดในความเร็วรอบต่ำถึงระดับกลางมากขึ้น ก่อให้เกิด ไอเสียน้อยลงและเพิ่มความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สมรรถนะการทรงตัวทีเหนือกว่า ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาแบบ Symmetrical AWD ซึ่งถือเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ทำงานสั่งได้ตามความต้องการ ด้วยการส่งถ่ายกำลังลงสู่ทั้ง 4 ล้ออย่างเท่าๆ กัน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถ เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำไม่ว่าจะในย่านความเร็วใด และแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว ทันท่วงที เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น
สำหรับข้อเสนอพิเศษจากซูบารุในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2011 ล้วนแล้วแต่เป็นข้อเสนอที่ผู้ซื้อสามารถเลือกออกแบบได้เองทั้งหมดตามความพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอด้านการเงิน ชุดตกแต่งพิเศษหรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมไปถึงข้อเสนอเกี่ยวกับประกันภัยชั้น 1
โดยรถยนต์รุ่นต่างๆ ของซูบารุที่เข้าร่วมข้อเสนอสุดพิเศษในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้ ได้แก่ ซูบารุ ฟอเรสเตอร์, ซูบารุ เอาท์แบ็ค, ซูบารุ เลกาซี ทั้งรุ่นซีดานและวากอน, และซูบารุ อิมเพรสซา WRX STI”
“ซูบารุต้องการสร้างความพึงพอใจสูงสุดพร้อมทั้งนำประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานและเร้าใจ มามอบให้กับเจ้าของรถยนต์ซูบารุทุกคัน ด้วยรถยนต์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ได้มาตรฐานการนำเข้า และให้สมรรถนะการขับขี่ ความปลอดภัยและความคงทนในระดับที่เป็นที่สุด” มร.เกลน ตัน กล่าวเพิ่มเติม
บูธซูบารุที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2554 ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีรูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ตและมีสีสันสดใส มากขึ้นภายใต้แนวคิด “Express Spirit of Your Motion” เพื่อสะท้อนแนวคิดของแบรนด์ที่ว่า “มั่นใจในการเคลื่อนไหว” (Confidence in Motion) และดึงดูดให้ลูกค้าผู้มีจิตวิญญาณเคลื่อนไหวได้เข้ามาสนุกกับ ความเร้าใจและความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์จากซูบารุ ซึ่งในบูธมีรถยนต์รุ่นต่างๆ ให้ได้เลือกชมกัน ได้แก่ รถยนต์เอสยูวีที่สุดของไลฟ์สไตล์ “ซูบารุ ฟอเรสเตอร์”, ซูบารุ เอาท์แบ็ค, ซูบารุ เลกาซี และซูบารุ อิมเพรสซา WRX STI
และเพื่อเป็นการแสดงสมรรถนะอันเยี่ยมยอดของรถยนต์ซูบารุ ปีนี้ซูบารุจึงได้สั่งตรง “รัสส์ สวิฟท์” นักขับรถยนต์ผาดโผนชาวอังกฤษ เจ้าของสถิติกินเนส เวิร์ลด์ ออฟ เรคคอร์ดที่ยังไม่มีใครลบล้างได้ มาแสดงสตั๊นท์ไดร์ฟให้ทุกคนได้ชมเป็นขวัญตาอีกครั้ง ในการแสดงการควบคุมรถรูปแบบต่างๆ 6 รูปแบบ ทั้งการขับแบบ Reverse Spin การขับเข้าจอดในพื้นที่แคบระหว่างรถสองคัน การจอดโดยใช้เบรกมือ การเต้นรำ การขับด้วยสองล้อและการขับแบบโดนัท โดยการแสดงของรัสส์ สวิฟท์จะมีให้ชมเพียง 4 วันเท่านั้น วันละ 4 รอบ ตั้งแต่เวลา 13.00-20.00 น. ของวันที่ 9-12 ธันวาคม 2554 ที่ลานจอดรถ P4 เมืองทองธานี
งานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2554 จะจัดขึ้นที่ชาเลนเจอร์ฮอลล์1-3 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2554 โดยรถยนต์ของซูบารุจะจัดแสดงอยู่ที่บูธจัดแสดงรถยนต์ซูบารุ (บูธ A2) ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมอเตอร์ อิมเมจและรถยนต์รุ่นต่างๆ สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.motorimage.net

เกี่ยวกับตันจงกรุ๊ป
ตันจงกรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล (HKSE:0693) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และเป็นกลุ่มธุรกิจข้ามชาติที่ดำเนินธุรกิจทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ และอสังหาริมทรัพย์ ในประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม นับแต่เริ่มก่อตั้งในปีพ.ศ. 2500 ตันจงกรุ๊ป เติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในด้านการผลิต จัดจำหน่าย หรือธุรกิจค้าปลีก
เกี่ยวกับมอเตอร์ อิมเมจ
มอเตอร์ อิมเมจ ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของรถยนต์ ซูบารุในประเทศสิงคโปร์ ก่อตั้งในปีพ.ศ. 2529 โดยมีสำนักงานใหญ่ อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ และได้ขยายการทำธุรกิจไปสู่ประเทศในภาคพื้นเอเชีย ได้แก่ กัมพูชา ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ จีนใต้ ไดัหวัน ไทย และเวียดนาม มอเตอร์ อิเมจ กรุ๊ป เป็นบริษัทในเครือ ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ที่ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งในด้านผู้ผลิตและจัดจำหน่าย รวมไปถึงการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ทั่วภาคพื้นเอเชีย
เกี่ยวกับซูบารุ
ซูบารุ เป็นแผนกยานยนต์อันเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่สำคัญของ บริษัท ฟูจิ เฮฟวี อินดัสตรี (FHI) จำกัด ประเทศญี่ปุ่น บริษัทอุตสาหกรรมหนักด้านการขนส่ง ซึ่งโดดเด่นในการพัฒนาสินค้าในกลุ่มนวัตกรรม เช่น รถยนต์ อากาศยาน อุตสาหกรรมการประกอบรถโดยสารขนาดใหญ่ ไปจนถึงบ้านประกอบสำเร็จรูป สินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าอันเกี่ยวข้องกับระบบนิเวศวิทยา ซูบารุ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2498 และกลายมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก ในปี พ.ศ.2515 ซูบารุ คือ ผู้ผลิตรถยนต์รายแรก ที่นำระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา All-Wheel Drive (AWD) มาติดตั้งให้กับรถยนต์นั่งเพื่อออกสู่ตลาดจริง และกลายเป็นผู้บุกเบิก ตลาดรถยนต์นั่ง สเตชันแวกอน สมรรถนะสูง ด้วยการนำเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ มาผสานการทำงานกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา ปัจจุบัน ซูบารุ ทำตลาดในหลายทวีปทั่วโลก และเป็นที่ยอมรับอย่างสูง ในด้านเทคโนโลยีวิศวกรรมยานยนต์ การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตัว และมั่นใจได้ในความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Symmetrical AWD ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความปลอดภัย และให้ประสบการณ์อันน่าประทับใจในการขับขี่ ที่ไม่รู้จบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถค้นหาได้ที่ www.subaru-global.com

]]>
55003
“สื่อสากล” ระดมพลผู้รับเหมา เตรียมพร้อมรับงาน MOTOR EXPO 2009 https://positioningmag.com/48979 Thu, 20 Aug 2009 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=48979

นายประพงษ์ ไม้เจริญ รองประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26” เปิดเผยว่า บริษัท สื่อสากล จำกัด ผู้จัดงาน “มหกรรมยานยนต์” จัดการประชุมผู้รับเหมาก่อสร้างบูธ ผู้ทำความสะอาด และรักษาสีรถยนต์ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26” เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดงานปีนี้ รวมถึงรับฟังคำชี้แจงกฎข้อบังคับต่างๆ ในการก่อสร้างบูธ เพื่อให้ผู้รับเหมาทุกรายเกิดความเข้าใจตรงกัน

สำหรับปีนี้ยังคงมีการมอบรางวัลบูธที่ออกแบบและตกแต่งได้งดงามที่สุดในงาน รางวัลบูธที่สามารถนำคำขวัญการจัดงาน “ขับเคลื่อน..สู่ความยั่งยืน” ถ่ายทอดออกมาเป็นรูปธรรมได้ดีที่สุด รวมถึงรางวัลบูธที่สามารถควบคุมการใช้เสียงตามระดับมาตรฐานของงานมากที่สุด

“เราให้ความสำคัญกับทุกค่ายรถที่เข้าจองพื้นที่แสดงรถยนต์และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนผู้เข้าชม โดยผู้จัดเร่งเพิ่มมาตรฐานด้านต่างๆ อาทิ การตรวจวัดระดับเสียงในพื้นที่แสดงงานให้สอดรับกับประสาทสัมผัสด้านการได้ยินของผู้ชม ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะทางเสียงหรือคลื่นรบกวนในบริเวณที่จัดงาน” นายประพงษ์ กล่าว

ด้านนายพชร วีระตระกูล ผู้จัดการฝ่ายประสานงานบริหารอาคาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กำลังแพร่ระบาดในปัจจุบัน บริษัท ฯ ได้วางมาตรการสกัดกั้นการแพร่เชื้อไวรัส โดยสั่งซื้อเครื่องเทอร์โม สแกน จำนวน 10 เครื่อง ราคาเครื่องละประมาณ 700,000 บาท มาติดตั้งที่ประตูทางเข้าอาคาร รวมทั้ง เครื่องเทอร์โม ฟแลช อีกจำนวน 60 เครื่อง เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้เข้าอาคาร ซึ่งหากพบว่า มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ คือ 37.5 องศาเซลเซียส ถือว่ามีภาวะเสี่ยง จะไม่อนุญาตให้เข้าชมงาน ส่วนกรณีอุณหภูมิอยู่ในระดับปกติ แต่มีอาการไอ จาม จะขอความร่วมมือใส่ผ้าปิดปากช่วยป้องกันโรคติดต่อไปยังผู้อื่น

นอกจากนี้ ภายในอาคารยังมีจุดบริการอุปกรณ์ทำความสะอาดมือ และมีการทำความสะอาดพื้นที่ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อบ่อยครั้งขึ้น ผู้เข้าชมงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26” ระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคมนี้ จึงมั่นใจได้อย่างแน่นอน

]]>
48979
ฮอนด้าคาดครึ่งปีหลังส่งออกฟื้นตัว วิกฤตเศรษฐกิจโลกฉุดยอดส่งออกไตรมาสแรกลดลง 40% https://positioningmag.com/47582 Thu, 07 May 2009 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=47582

บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประกาศยอดส่งออกโดยรวมในไตรมาสแรกของปี 2552 มีมูลค่าทั้งสิ้น 16,131 ล้านบาท ลดลง 40% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สาเหตุหลักมาจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจที่ลุกลามทั่วโลก ทำให้ตลาดในแต่ละภูมิภาคหดตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้คำสั่งซื้อลดลงต่อเนื่องนับจากไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ ฮอนด้าคาดการณ์ว่ายอดส่งออกรวมของผลิตภัณฑ์ฮอนด้า ณ สิ้นปี 2552 จะฟื้นตัวขึ้น โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 72,000 ล้านบาท หรือลดลง 30% จากปีที่แล้ว

นายฟูมิฮิโกะ อิเคะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า “ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยากลำบากเช่นนี้ ฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายตลาดการส่งออกไปสู่ประเทศใหม่ๆ จะเห็นได้จากอัตราการเติบโตของยอดส่งออกรถยนต์นั่งของฮอนด้าในไตรมาสแรกนี้ แม้ว่าจำนวนจะลดลง 36% แต่ยังหดตัวน้อยกว่ายอดการส่งออกรถยนต์นั่งโดยรวมของทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งลดลงถึง 55% จากความพยายามของฮอนด้าในการรับมือกับภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้น ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว อันเนื่องมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ฮอนด้าคาดว่าสถานการณ์ส่งออกจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 และ 4”

รถยนต์
ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและชิ้นส่วนเพื่อการประกอบในไตรมาสแรกของปี 2552 มีมูลค่าทั้งสิ้น 9,914 ล้านบาท ลดลง 42% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยจำนวนรถยนต์สำเร็จรูปลดลงมาอยู่ที่ 12,497 คัน ลดลง 36% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ปัจจุบันฮอนด้าส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปทั้งหมด 5 รุ่น คือ ซิตี้ แจ๊ซ ซีวิค แอคคอร์ด และซีอาร์วี ไปยังประเทศต่างๆกว่า 30 ประเทศทั่วโลก โดยในบรรดารุ่นที่ส่งออกทั้งหมดในไตรมาสแรกนี้ ฮอนด้าซิตี้นำมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 6,386 คัน หรือคิดเป็น 51% และท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจ ฮอนด้ายังสามารถขยายตลาดไปสู่ประเทศใหม่ๆ โดยส่งออกฮอนด้าซิตี้ไปยังภูมิภาคยุโรปรวมไปถึงประเทศในแถบหมู่เกาะแคริบเบียน รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,873 คัน จากยอดส่งออกนี้แสดงให้เห็นถึงกระแสความนิยมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปสู่รถยนต์ขนาดเล็กที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะและประโยชน์ใช้สอย

รถจักรยานยนต์
ความต้องการรถจักรยานยนต์ในภูมิภาคต่างๆ ชะลอตัว ส่งผลให้ยอดส่งออกรถจักรยานยนต์สำเร็จรูปและชิ้นส่วนเพื่อการประกอบในไตรมาสแรกของปี 2552 ลดลง 40% มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,447 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป มูลค่า 204 ล้านบาท และชิ้นส่วนเพื่อการประกอบ 3,243 ล้านบาท

เครื่องยนต์อเนกประสงค์
ด้านการส่งออกเครื่องยนต์อเนกประสงค์และชิ้นส่วนในไตรมาสแรกของปี 2552 มีอัตราการเติบโตลดลงเช่นกัน โดยมีจำนวน 299,680 เครื่อง ลดลง 43% คิดเป็นมูลค่า 1,836 ล้านบาท ลดลง 38% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ปัจจัยหลักมาจากความต้องการของลูกค้าที่หดตัวลงอย่างมากในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักของเครื่องยนต์อเนกประสงค์ของฮอนด้า

ฮอนด้านับเป็นผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ซึ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย อีกทั้งยังเป็นผู้นำในด้านการผลิตเครื่องยนต์มลพิษต่ำ ประหยัดน้ำมัน และเป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก คาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2552 ฮอนด้าประเทศไทย จะสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์รถยนต์ รถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ ไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ 80 กว่าประเทศทั่วโลก รวมแล้วเป็นมูลค่าสะสมสูงถึง 627,200 ล้านบาท

]]>
47582
Motor Expo 2008 แจกจริง! รถ 3 คัน มูลค่ากว่า 2 ล้าน! https://positioningmag.com/46525 Sat, 28 Feb 2009 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=46525

จากภาพ นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ (ที่ 6 จากซ้าย) ประธานบริษัท สื่อสากล จำกัด มอบรางวัลรถยนต์ 3 คัน ให้แก่ผู้โชคดีจากงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25” หรือ MOTOR EXPO 2008 โดยผู้โชคดีรายการ “ซื้อรถ ชิงรถ” รับรถยนต์ SUBARU IMPREZA SEDAN มูลค่า 1,120,000 บาท ได้แก่ คุณจริยา เจตะวัฒนะ ผู้โชคดีรายการ “ซื้อบัตร ชิงรถ” รับรถยนต์ CHEVROLET AVEO รุ่น 1.4 BASE (A/T) มูลค่า 545,000 บาท ได้แก่ คุณวิภา แก่นทรัพย์ และผู้โชคดีรายการ “SMS ชิงรถ” รับรถยนต์ HONDA JAZZ มูลค่า 597,000 บาท ได้แก่ คุณนวพร วัชรกมล รวมมูลค่ารางวัลรวมทั้งสิ้น 2,262,000 บาท

]]>
46525