Wearable – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sun, 17 Jan 2021 12:55:28 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 1 ปีที่รอคอย! Google ปิดดีล ‘Fitbit’ 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ https://positioningmag.com/1314622 Sun, 17 Jan 2021 11:48:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1314622 เป็นเวลา 1 ปีแล้วที่ ‘Google’ ดีลจะซื้อกิจการของ ‘Fitbit’ แบรนด์สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพที่พัฒนาสู่สมาร์ทวอทช์ (Smartwatch) ในที่สุด คณะกรรมาธิการยุโรปซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารของสหภาพยุโรปก็ได้อนุมัติดีลดังกล่าวที่มีมูลค่าสูงถึง 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ย้อนไปช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2019 Google ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการ ‘Fitbit’ แต่ที่เพิ่งจะปิดดีลโดยสมบูรณ์เอาตอนนี้ก็เพราะหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศเริ่มจับตาการซื้อกิจการของบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ โดยในกรณีของ Fitbit นั้น EU ได้ห่วงเรื่องของการนำข้อมูลส่วนบุคคลด้ายสุขภาพที่ Fitbit มีไปใช้ประโยชน์ อาทิ การใช้โฆษณา รวมถึงการผูกขาดด้วย ดังนั้น ทาง EU จึงได้เพิ่มข้อกำหนดที่ Google ต้องปฏิบัติตามในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดย Google จะไม่สามารถใช้ข้อมูลสุขภาพของผู้ใช้ Fitbit ในเขตเศรษฐกิจยุโรป รวมถึงไอซ์แลนด์, ลิกเตนสไตน์ และนอร์เวย์ เพื่อการโฆษณา

“เราสามารถอนุมัติการเข้าซื้อกิจการ Fitbit ของ Google ได้ เนื่องจากข้อผูกพันดังกล่าวจะทำให้มั่นใจได้ว่า ตลาด Wearable และข้อมูลด้านสุขภาพดิจิทัลที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่จะยังคงเปิดกว้างและแข่งขันได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้จะสามารถแบ่งปันข้อมูลสุขภาพและการออกกำลังกายต่อไปได้อย่างไรหากพวกเขาเลือกที่จะทำ” Margrethe Vestager รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวในแถลงการณ์

Lifestyle photo of Fitbit Charge 4.

ในส่วนของทาง Google เองได้ยืนยันว่าบริษัทไม่ได้มีแผนใช้ข้อมูลสุขภาพของ Fitbit แต่ซื้อเพื่อฮาร์ดแวร์ไม่ใช่ซื้อเพื่อเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ โดยสัญญาว่าข้อมูลของ Fitbit จะถูกแยกจากข้อมูลด้านโฆษณาของกูเกิล และสัญญาว่าจะเปิด API ของ Android ให้บริษัทฮาร์ดแวร์อื่น ๆ เข้าถึงต่อไป

“เราเชื่อว่าข้อตกลงนี้จะกระตุ้นการพัฒนานวัตกรรมในตลาด Wearable และช่วยให้เราสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่มีสุขภาพดีขึ้น เราเข้าใจดีว่าหน่วยงานกำกับดูแลต้องการตรวจสอบธุรกรรมนี้อย่างใกล้ชิดและเราได้ทำงานร่วมกับพวกเขาเพื่อแก้ไขข้อกังวลของพวกเขา รวมถึงข้อผูกพันทางกฎหมายที่คณะกรรมาธิการยุโรปยอมรับในตอนนี้”

“สิ่งเหล่านี้สร้างขึ้นจากความมั่นใจที่เราทำมาตั้งแต่เริ่มต้น ว่าเรามุ่งมั่นที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ Fitbit และจะลงทุนและสนับสนุนผู้ผลิตและนักพัฒนาต่อไป เรายังคงทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกเพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับการซื้อกิจการ” โฆษกของ Google กล่าวในแถลงการณ์

ที่ผ่านมา Fitbit มียอดขายมากกว่า 100 ล้านเครื่องจนถึงปัจจุบันและมีผู้ใช้ 28 ล้านคนที่แอคทีฟ การซื้อ Fitbit จะช่วยให้ Google สามารถเอาชนะคู่แข่งอย่าง Apple, Samsung, Huawei และ Garmin ในตลาด Wearable ได้

Lifestyle photo of Fitbit Charge 4.
]]>
1314622
Google ปิดดีลซื้อ Fitbit มูลค่า 2,100 ล้านเหรียญ ลุยตลาด Wearable เต็มตัว https://positioningmag.com/1251990 Fri, 01 Nov 2019 16:36:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1251990 Google ประกาศเข้าซื้อกิจการ Fitbit ด้วยมูลค่า 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 63,000 ล้านบาท เป็นการลุยตลาด Wearable อย่างเต็มตัว

เหตุผลที่ Google เข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ เพื่อต้องการมีธุรกิจ Wearable เป็นของตัวเอง ต้องการขายสินค้าแล้วบอกว่าผลิตโดย Google เพราะมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจนี้ ซึ่งในตลาดได้มีรายใหญ่อย่าง Apple และ Samsung อยู่ด้วยเช่นกัน

เหนือว่านั้นคือเรื่องของดาต้าที่จะได้จากผู้ใช้ ที่เป็นเรื่องสุขภาพ ข้อมูลด้านการออกกำลังกาย เรียกว่าเป็นเทรนด์ใหญ่ของโลก ในอนาคตข้อมูลเหล่านี้จะมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ

Fitbit หนึ่งในผู้เล่นในตลาด Wearable ก่อตั้งมา 12 ปีแล้ว ปัจจุบันมีผู้ใช้ทั่วโลก 28 ล้านคน มียอดขายมากกว่า 100 ล้านเครื่องแล้ว มีเป้าหมายในการให้แต่ละคนมีสุขภาพดี

Fitbit เองเชื่อว่า Google เป็นพาร์ทเนอร์ที่ครบเครื่อง สามารถเพิ่มศักยภาพของสินค้า Fitbit ได้มากขึ้น มีแพลตฟอร์มที่หลากหลาย จะช่วยต่อยอดนวัตกรรมได้อีกมากมาย จะช่วยทำให้อุปกรณ์ของ Fitbit ได้รวดเร็ว และเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น

ในอนาคตอาจจะมีการต่อยอดไป Wearable อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นแว่นตา ซึ่งเป้าหมายต้องการใช้เรื่องสุขภาพเข้าถึงคนได้หลากหลาย

แต่ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องดาต้าส่วนตัวของผู้ใช้ หลายคนอาจจะกังวลว่าเมื่ออยู่ภายใต้ Google แล้ว จะมีการเอาข้อมูลส่วนตัวไปให้ Google Ads หรือไม่ ทาง Fitbit ยืนยันว่าจะไม่มีการนำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ไปขายให้ Google Ads แน่นอน

อย่างไรก็ตาม ดีลนี้จะมีการเสร็จสิ้นภายในปี 2020

ที่มา : Fitbit, Reuters

]]>
1251990
Apple Watch ทำยอดขายแซง “นาฬิกาสวิส” ทั้งหมดแล้ว https://positioningmag.com/1156073 Thu, 08 Feb 2018 04:37:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1156073 ดูเหมือนว่า Apple Watch จะทำยอดขายในแง่จำนวนเรือนได้มากกว่านาฬิกาสวิสทั้งหมดรวมกันตั้งแต่ปลายปี 2017 ที่ผ่านมา

นาฬิกาไฮเทคของแอปเปิล “แอปเปิลว็อตช์” (Apple Watch) กำลังถูกจับตามองว่าสามารถทำยอดขายแซงสินค้ากลุ่มนาฬิกาสวิสทั้งระบบเมื่อไตรมาส 4 ปี 2017 โดยตัวเลขประเมินยอดขายของบริษัทวิจัยชี้ว่า รุ่นใหม่อย่าง “Apple Watch Series 3” คือ พระเอกที่ทำให้ Apple แซงนาฬิกาสวิสได้จริง หลังจากไล่ตามมาตลอดในปี 2015-2016

รายงานยอดขายนาฬิกา Apple Watch นั้น ถูกเปิดเผยผ่านการประเมินของบริษัทวิจัยตลาด เนื่องจาก Apple ไม่เปิดเผยตัวเลขยอดขายที่ชัดเจนของสินค้ากลุ่มนาฬิกาอย่างเป็นทางการ โดยตัวเลขจากบริษัทวิจัยคานาลิส (Canalys) ชี้ว่า Apple Watch มียอดขายเพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ดูเหมือนว่าทำยอดขายในแง่จำนวนเรือนได้มากกว่านาฬิกาสวิสทั้งหมดรวมกันตั้งแต่ปลายปี 2017

แอปเปิลอาจขายนาฬิกา Apple Watch ได้ประมาณ 18 ล้านเรือนระหว่างช่วงปี 2017

เฉพาะไตรมาส 4 ปี 2017 บริษัท Canalys ประเมินว่า Apple Watch มียอดขายเพิ่มขึ้น 8 ล้านเครื่อง ถือเป็นไตรมาสที่ฮอตที่สุดที่ไม่เคยมีนาฬิกาแบรนด์ใดเคยทำได้ 

ทั้งหมดนี้ นักวิจัยของ Canalys อธิบายว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแปลว่า Apple ชนะเลิศเหนือคู่แข่งทั้งหมดในตลาดอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้ หรือ wearable โดยแทนที่จะเน้นการออกแบบที่เป็นนวัตกรรม เช่น หน้าจอหมุนได้ หรือหน้าจอแบบวงกลมที่ผู้ขายรายอื่นให้ความสำคัญ เจ้าพ่อ Apple มองไปไกลกว่านั้น ด้วยการโฟกัสฐานผู้ใช้ iPhone เป็นหลัก ซึ่งการอัปเดตล่าสุดของรุ่นใหม่ Series 3 อย่างเช่นบริการ GymKit และ Apple Heart Study ก็กำลังจะนำเสนอการใช้งานที่น่าสนใจ แถมยังส่งเสริมให้ผู้ใช้ Apple ใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่มมากขึ้น

รายงานเบื้องต้นระบุว่า แอปเปิลอาจขายนาฬิกา Apple Watch ได้ประมาณ 18 ล้านเรือนระหว่างช่วงปี 2017 แต่นักวิเคราะห์รายอื่นประเมินว่า ยอดขาย Apple Watch อาจต่ำกว่านั้น เช่น เบน บาจาริน (Ben Bajarin) นักวิเคราะห์ชื่อดังที่คาดว่า Apple Watch มียอดขายตลอดปี 2017 ที่ราว 17.4 ล้านเรือนเท่านั้น

สนับสนุนข่าวโดย : mgronline.com/cyberbiz/detail/9610000012948

]]>
1156073
จับพิรุธ Apple โชว์ผลประกอบการรายได้พุ่ง แท้จริงทำเงินสาวกเดิม ไม่ได้ลูกค้าใหม่ https://positioningmag.com/1155584 Sun, 04 Feb 2018 04:59:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1155584 สิ่งที่ทิม คุก ซีอีโอ Apple ควรกังวล คือ Apple กำลังทำมาหากินได้เฉพาะกับกลุ่มลูกค้าผู้ภักดี ?

2 กุมภาพันธ์ 2018 แอปเปิล (Apple) ประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่สิ้นสุด 30 ธันวาคม 2017 แทนที่จะเปิดเผยตัวเลขยอดขายสินค้าแบบแยกประเภทเช่นทุกปี Apple หันมาชูผลงานหลักว่าจำนวนอุปกรณ์ที่กำลังถูกใช้งานทั่วโลกขณะนี้ เพิ่มขึ้นเป็น “1.3 พันล้านเครื่อง” แทน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นักวิเคราะห์ช่วยกันจับพิรุธว่ายังมีสิ่งใดที่ Apple กำลังพยายามเลี่ยงไม่พูด ซึ่ง 1 ในความจริงที่พบคือ “ยอดขายสินค้าให้สาวก” นั้นทำเงินให้ Apple ได้มากกว่ายอดขายไอโฟนรุ่นใหม่

Apple นั้นประกาศรายได้ประจำไตรมาสที่ 8.83 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและเป็นสถิติใหม่ พร้อมรายได้สุทธิประจำไตรมาส 3.89 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 16% นับเป็นสถิติใหม่เช่นกัน

ยอดขายในต่างประเทศถือเป็น 65% ของรายได้ประจำไตรมาส ทั้งหมดนี้ ทิม คุก (Tim Cook) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Apple กล่าวว่ารู้สึกยินดีที่จะรายงานผลประกอบการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple 

“ด้วยการเติบโตในทุกด้าน รวมถึงรายได้สูงสุดเท่าที่เคยมีมาจากผลิตภัณฑ์ iPhone ใหม่ iPhone X ทำผลงานได้เหนือความคาดหมายและเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดทุกสัปดาห์นับตั้งแต่เริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน”

ทิมคุกระบุว่า Apple ยังประสบความสำเร็จกับก้าวสำคัญด้วยจำนวนอุปกรณ์ที่กำลังถูกใช้งานแตะ 1.3 พันล้านเครื่องในเดือนมกราคม ซึ่งเพิ่มขึ้น 30% ในเวลาเพียง 2 ปี

“เป็นข้อพิสูจน์ถึงความนิยมในผลิตภัณฑ์ของเรา ความภักดีและความพึงพอใจในการใช้งานของลูกค้า” โดยทิม คุกขอบคุณทุกคนที่มีส่วนช่วยให้ Apple สร้างสถิติใหม่ของผลกำไรประจำไตรมาส ด้วยรายได้ต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 16% กระแสเงินสดอีก 28.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และได้จ่ายคืนเงินลงทุนให้แก่นักลงทุน 14.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ไอโฟนมียอดขายคงที่ราบเรียบในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

สิ่งที่ Apple พูดนั้นสวยหรู แต่นักวิเคราะห์มองว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่ได้มาจากจำนวนยอดขายเครื่องที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะไอโฟนที่มียอดขายคงที่ราบเรียบในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่มาจากการขายสินค้าให้กับผู้ใช้ไอโฟน และอุปกรณ์ Apple ทั้งไอแพด และคอมพิวเตอร์แมคอินทอช ซึ่งกำลังจะทำเงินให้ Apple มากกว่าการจำหน่ายไอโฟนเครื่องใหม่

สัญญาณที่เห็นได้ชัดว่า Apple กำลังทำมาหากินได้เฉพาะกับกลุ่มสาวกตัวเอง คือยอดขายสินค้ากลุ่มอุปกรณ์เสริมที่สามารถสวมใส่ได้หรือ “wearable” ทั้งหูฟัง Beats, AirPods และนาฬิกา Apple Watch ล้วนขยับตัวเพิ่มขึ้น 70% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 

อย่างไรก็ตาม รายได้จากกลุ่มบริการซึ่งรวม Apple Music, iCloud และ App Store นั้นต่ำกว่าการคาดการณ์ แม้จะยังมีมูลค่าสูงถึง 8.4 พันล้านเหรียญ แต่ก็เป็นตัวเลขที่ลดถอยลงจากไตรมาสก่อนหน้า

สำหรับไตรมาสปัจจุบัน Apple ประเมินว่าจะทำรายได้ระหว่าง 6.0-6.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ กำไรขั้นต้นอยู่ระหว่าง 38-38.5%.

ที่มา : mgronline.com/cyberbiz/detail/9610000011324

]]>
1155584
“สมาร์ทวอชท์” เจอทางตันตลาดไม่โต ลำโพงอัจฉริยะแซงหน้า https://positioningmag.com/1151743 Tue, 26 Dec 2017 00:07:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1151743 บริษัทวิจัยตลาด อีมาร์เก็ตเตอร์ (eMarketer) ชี้ ยังไม่พบปัจจัยที่ทำให้ตลาดสมาร์ทวอชท์เติบโตในปี 2018 มากนัก โดยอาจโตเพียง 11.8 เปอร์เซ็นต์ในปี 2018 และอาจลดอัตราการเติบโตลงเหลือเพียงเลขหลักเดียวในปี 2019

เหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากสมาร์ทวอชท์นั้นยังไม่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วไป กลุ่มคนที่ซื้อใช้จึงมักเป็นกลุ่ม Early adopters ซึ่งอาจเป็นคนที่ชื่นชอบในเทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือเป็นสาวกของแบรนด์ต่าง ๆ อีกปัญหาหนึ่งคือ ราคาของสมาร์ทวอชท์ ที่บางรุ่นราคาเท่ากับ หรือแพงกว่าสมาร์ทโฟนเสียอีก นั่นจึงทำให้ผู้บริโภคทั่วไปมองว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องซื้อ

ซินดี หลิว (Cindy Liu) นักวิเคราะห์จาก eMarketer เผยว่า เหตุที่คาดการณ์ในลักษณะดังกล่าวเนื่องจากในปีนี้เป็นปีที่สมาร์ทวอชท์ มีการพัฒนาสินค้าให้มีความแปลกแหวกแนวมากขึ้น เช่น รุ่นสำหรับนักกีฬา หรือรุ่นที่ตกแต่งด้วยจิวเวลรีหรูหรา แต่การเติบโตของตลาดสมาร์ทวอชท์ก็ยังดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นหมายความว่า เรื่องของการออกแบบนั้นไม่สามารถช่วยได้

โดยตลาดที่มีแนวโน้มว่าจะเติบโตแซงหน้าก็คือลำโพงอัจฉริยะ ที่พบว่าในช่วงเทศกาลจับจ่ายซื้อของปลายปีนี้ มียอดการซื้อพุ่งสูงมาก จึงคาดการณ์ว่า ลำโพงอัจฉริยะจะถูกเลือกเป็นของขวัญให้กับคนรักเทคโนโลยีในปีนี้มากกว่าสมาร์ทวอชท์ อีกทั้งมันยังมีราคาที่จับต้องได้อีกด้วย

ที่ผ่านมาต้องบอกว่า eMarketer คาดการณ์ผิดเกี่ยวกับตลาดสมาร์ทวอชท์ไปมากพอสมควร โดยในช่วงปลายปี 2015 บริษัทเคยคาดการณ์ไว้ว่าจะมีการเติบโตของตลาดสมาร์ทวอชท์ในปี 2016 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ในกลุ่มผู้บริโภควัยผู้ใหญ่ ขณะที่ยอดเติบโตจริงนั้นพบว่ามีเพียง 24.7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

มาในปีนี้ การคาดการณ์จึงน้อยลงไปกว่าเดิมอีก เมื่อ eMarketer คาดการณ์ว่าในปี 2018 ตลาดสมาร์ทวอชท์จะเติบโตประมาณ 11.9 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น 

“ทุกการเติบโตที่เราเห็นจากตลาด Wearable นั้นมาจากลูกค้ากลุ่ม Early Adopters เป็นหลัก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์ที่ตลาดสุขภาพและฟิตเนสต้องการมากขึ้น แต่เราก็ยังไม่เห็นว่าจะมีอุปกรณ์ wearable ตัวใดจะก้าวขึ้นมาเป็นไอเท็มที่ผู้บริโภคต้องมีไว้ใช้งานเลย” ซินดี หลิวกล่าว.

ที่มา : mgronline.com/cyberbiz/detail/9600000129711

]]>
1151743
แวร์เอเบิลยังไม่ตัน ไอดีซีชี้แค่เปลี่ยนรูปแบบการใช้งาน ขายได้ 100 ล้านเครื่องทั่วโลก โตขึ้น 16.9% ในไตรมาส 4 https://positioningmag.com/1123148 Fri, 21 Apr 2017 06:45:29 +0000 http://positioningmag.com/?p=1123148 หลังจากมีการคาดการณ์กันว่าตลาดแวร์เอเบิลหรืออุปกรณ์สวมใส่ไฮเทค (wearable) อาจจะไม่เติบโต แต่ล่าสุด ไอดีซี บริษัทวิจัยข้อมูล ได้สำรวจข้อมูลตลาดอุปกรณ์สวมใส่ประจำไตรมาสทั่วโลก (International Data Corporation Worldwide Quarterly Wearable Device Tracker) พบว่า ยอดการสั่งสินค้าแวร์เอเบิลเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยทะยานไปอยู่ที่ 33.9 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ 4 ของปี 2559 นับว่าเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 16.9 ในช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน

โดยยอดการจัดส่งสินค้าตลอดทั้งปีเติบโตร้อยละ 25 สืบเนื่องมาจากมีผู้ผลิตรายใหม่ในตลาด ผนวกกับรายเก่าที่อยู่แถวหน้ามีการพัฒนาสินค้าของตนให้ดียิ่งกว่าเดิม

เมื่อรวมยอดตลอดทั้งปี 2559 พบว่า มีการจัดส่งสินค้าอุปกรณ์สวมใส่กว่า 102.4 ล้านเครื่องแล้ว

“ตลาดอุปกรณ์แวร์เอเบิลกำลังปรับตัวและเปลี่ยนแปลงเหมือนเช่นตลาดเทคโนโลยีอื่นๆ” มร. โรมอน ลามาส ผู้จัดการฝ่ายวิจัยและค้นคว้าสำหรับทีมอุปกรณ์แวร์เอเบิลของไอดีซี ได้ตั้งข้อสังเกต “อุปกรณ์แวร์เอเบิลแบบทั่วไปที่เปิดตัวสู่ตลาดในครั้งแรก เป็นเพียงแค่อุปกรณ์แบบนับก้าวที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น แต่ปัจจุบันได้พัฒนาไปเป็นอุปกรณ์แวร์เอเบิลแบบอเนกประสงค์ ที่รวมด้านสุขภาพและสมรรถภาพทางร่างกาย หรือฟิตเนสเข้าไว้ด้วยกัน เช่นมีการแจ้งแสดงผลทางสมาร์ทโฟน จนไม่แตกต่างกับอุปกรณ์แวร์เอเบิลอัจฉริยะ (smart wearable)

ขณะเดียวกัน อุปกรณ์แวร์เอเบิลอัจฉริยะ (smart wearable) ยังคงได้รับการพัฒนา เนื่องจากเรื่องสุขภาพและฟิตเนสยังคงเป็นเรื่องความสำคัญ แต่หลังจากที่อุปกรณ์เหล่านี้สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้แล้ว ก็จะมีการพัฒนาด้านขีดความสามารถด้านแอปพลิเคชั่นแบบเฉพาะและการเชื่อมโยงสื่อสารได้ง่ายขึ้น นั่นก็คือการทำให้อุปกรณ์เหล่านี้ สามารถทำงานเป็นอิสระจากสมาร์ทโฟน เป็นการสร้างประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ (standalone experience) ให้กับผู้สวมใส่ได้

มร. จิเทช อูบรานี่ นักวิเคราะห์ข้อมูลระดับอาวุโส สำหรับเครื่องแทรคเกอร์เคลื่อนที่ของไอดีซี มองว่า ยังคงมีผู้ผลิตรายใหม่ๆ เข้ามาในตลาดอุปกรณ์แวร์เอเบิลยังฉายแววเติบโตต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราการเติบโตนี้จะมาจากแรงผลักดันของผู้ผลิต มากกว่าจะมาจากความต้องการของผู้บริโภคก็ตาม

โดยเฉพาะเทคโนโลยีเป็นเรื่องของสมรรถนะที่ซ่อนอยู่ข้างใน นาฬิกาไฮบริดหรือแบบลูกผสม และเครื่องประดับแฟชั่นอื่นๆ ที่ผนวกฟิตเนสแทรคกิ้งไปด้วยนั้น กำลังได้รับแรงผลักดันให้เติบโต เป็นสัญญาณที่แสดงถึงโอกาสในการจำหน่ายอุปกรณ์แวร์เอเบิลอเนกประสงค์ให้กับผู้บริโภครายเดี่ยวได้ เนื่องจากมีความเป็น ‘แฟชั่น’ น่าซื้อหามาใส่ และยังช่วยสร้างระบบนิเวศให้กับตลาด และช่วยให้ผู้ผลิตทั้งหลายแสดงข้อมูลเชิงลึกที่เอาไปใช้งานได้เลย (actionable insight) ให้กับผู้บริโภคได้ เพราะมีการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

ที่มา : IDC Tracker

ไอดีซี แทรคเกอร์ (IDC Tracker) เป็นการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับขนาดของตลาดที่ รวมทั้งให้ข้อมูลด้านส่วนแบ่งผู้ผลิต และคาดการณ์แนวโน้มตลาดอย่างต่อเนื่องของตลาดธุรกิจด้านเทคโนโลยีต่างๆ จากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยจะรวบรวมข้อมูลในทุกๆ ครึ่งปี ประจำไตรมาส และประจำเดือน

]]>
1123148