Women – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 01 Jun 2012 00:00:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Beautiful Fighting : ป๊อปปี้ ทรี ทู วัน ค่ายกามิกาเซ่ ฟิตด้วยมวยไทย https://positioningmag.com/14752 Fri, 01 Jun 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14752

ชัชชญา ส่งเจริญ หรือ ป๊อปปี้ สาวน้อยจากวง 3.2.1 (ทรี ทู วัน) วงฮิพฮอพ สังกัดค่ายเพลงกามิกาเซ่ ของอาร์เอส เป็นอีกหนึ่งในนักร้องสาววัยทีน ที่ชื่นชอบออกกำลังกายด้วยกีฬา “มวยไทย” เป็นชีวิตจิตใจ 

ป๊อปปี้ เล่าว่า เธอเริ่มสนใจมวยไทย เพราะต้องการหากีฬาออกกำลังกายไว้ฟิตหุ่น ระหว่างนั้นก็เลือกอยู่ระหว่างเข้าฟิตเนส กับมวยไทย เนื่องจากผู้จัดการส่วนตัว (หทัย ศราวุฒิไพบูลย์ รองประธานค่ายเพลง กามิกาเซ่) ซึ่งเล่นมวยไทยอยู่ ได้ชวนให้มาทดลองออกกำลังกายด้วยมวยไทยดู

“ช่วงแรกๆ ก็อดวิตกว่า ค่ายมวยจะเป็นยังไง จะมีแต่ผู้ชาย มีแต่กลิ่นน้ำมันมวย แต่พอลองศึกษาดู ได้มาดูสถานที่จริง ก็รู้สึกว่าโอเคเลย ก็ลองสมัครเรียนดู วันแรกที่ลองฝึก โห…ปวดเมื่อยไปทั้งตัว เพราะต้องใช้ทุกส่วนของร่ายกาย ช่วงหลังๆ ก็ไม่เป็นแล้ว รู้สึกว่าเป็นกีฬาที่ชอบ สนุกดี”

ได้ทั้งเบิร์นไขมันอย่างที่ใจคิด และยังได้ทั้งความสนุก ทำให้สาวน้อยคนนี้ตั้งใจฝึกซ้อมเป็นพิเศษ จนครูและเพื่อนๆ ออกปากชมถึงความเอาจริงเอาจังของเธอ เพราะทุกครั้งที่มีเวลาว่าง เธอจะบึ่งมาฝึกซ้อม แต่ละครั้งจะใช้เวลา 2 ชั่วโมงเต็ม

“ฝึกซ้อมมาแล้วครึ่งปี รวม 2 คอร์ส 30 ครั้ง เรียนขั้นพื้นฐาน จากนั้นก็เริ่มออกหมัด ก็จะเน้นการอย่างเดียวเป็นชุดๆ ไป จากนั้นก็เริ่มสอนเตะ ครูก็จะสอนเทคนิคการเตะอย่างถูกต้อง รู้ตัวเลยว่าชอบมาก เพราะมันได้ออกแรงจริงๆ ทุกส่วนจริงๆ และไม่น่าเบื่อเลย ทำให้อยากออกนานๆ อีกอย่างป๊อปปี้ก็เป็นคนที่ชอบ ค่อนข้างไฮเปอร์ เด็กๆ พ่อกับแม่ก็ให้เรียนบัลเลต์ เวลานี้ก็ร้องเพลงแนวฮิพฮอพ อยู่ในวงก็มีป๊อปปี้เป็นผู้หญิงคนเดียว พอมาออกกีฬาแนวนี้ก็เลยไม่รู้สึกว่ายาก”

นอกจากได้เรื่องของการออกกำลังกายแล้ว สำหรับผู้หญิงยังสามารถนำไปใช้ป้องกันตัวเวลาเกิดเหตุการณ์คับขัน ซึ่งจากการฝึกฝนเธอเชื่อว่า ด้วยลีลาการออกหมัด เตะ ต่อย รับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้แน่ เธอจึงอยากให้คนไทยหันมาออกกำลังกายด้วยมวยไทยกันมากขึ้น เพราะถือได้ว่าเป็นกีฬาที่เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติไทย ที่แม้แต่ฝรั่งยังให้ความสนใจ บินมาเรียนถึงเมืองไทย แต่คนไทยยังไม่มากเท่าที่ควร

ส่วนหทัย ศราวุฒิไพบูลย์ หรือ จิ๊บ รองประธานค่ายเพลง กามิกาเซ่ บอกว่า ปกติแล้วเป็นคนชอบออกกำลังกายด้วยโยคะเป็นหลัก แต่ช่วงหลังได้หันมาเรียน มวยไทยเพิ่มเติม หลังจากหาข้อมูลแล้วช่วยในเรื่องการออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก และไม่ได้เป็นกีฬาที่เล่นแล้วเจ็บตัว หรือฟก ช้ำ ดำเขียว อย่างที่กังวลใจ 

“ตอนนี้ฝึกโยคะ และมวยไทยคู่กัน มวยไทยนั้นได้เรื่องขอการออกกำลังกายและสมาธิ และต้องใช้พลังมาก ก็เหมาะกับตัวเองที่ค่อนข้างไฮเปอร์ บางทีก็นอนไม่หลับคิดแต่เรื่องงาน พอได้มาชกมวย ได้ออกกำลังมากๆ ทำให้พักผ่อนได้ดี เลยชวนน้องๆ ในค่ายกามิกาเซ่มาชกมวย อย่างน้องป๊อปปี้ ทักษะเขาดีมาก ตั้งใจเรียน ถ้ามีเวลาจะไปฝึกซ้อมไม่ขาด“ 

]]>
14752
Beautiful Fighting : เชียร์ ฑิฆัมพร "มวยไทย…ใช่เลย" https://positioningmag.com/14751 Thu, 31 May 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14751

โยคะ หรือ พิลาทิส อาจต้องหลบไป เพราะเวลานี้มวยไทยได้กลายเป็นกีฬายอดฮิตของสาวๆ ที่หันมาฟิตหุ่นให้ “ฟิตแอนด์เฟิร์ม” ด้วยการออกหมัดฮุกซ้ายขวา ตีเข่า เตะแบบไม่ต้องแคร์ใคร เพราะประโยชน์แบบทูอินวัน ลดน้ำหนัก และศิลปะป้องกันตัว 

 

 เชียร์ ฑิฆัมพร “มวยไทย…ใช่เลย”

เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ ดาราสาวชื่อดัง สังกัดช่อง 7 ที่มีผลงานละครทีวี งานพิธีกรรายการต่างๆ ยังเป็นดีเจคลื่น 103 likefm ถึงแม้งานแต่ละวันจะยุ่งแค่ไหน เชียร์ก็มักจะหาเวลาออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง หุ่นฟิตแอนด์เฟิร์มอยู่เสมอ และหนึ่งในกีฬาโปรดของเธอเวลานี้ คือ มวยไทย 

“ตอนแรกๆ ก็ไม่กล้ามา เพราะคิดว่าค่ายมวยจะต้องมีแต่ผู้ชาย พอดีกันต์ (กันตถาวร) เขาชกประจำที่ค่ายนี้เขาก็แนะนำว่า ผู้หญิงมากันเยอะ อย่างพี่ๆ นางแบบ โย – ยศวดี มาริสา เข็ม-รุจิรา ช่วยเกื้อ และคนอื่นๆ เขาก็มาออกกำลังกายกัน ก็เลยลองมาดูสถานที่ บังเอิญมาเจอเพื่อนสมัยเรียนด้วย เจอแต่คนรู้จัก บรรยากาศก็สบายๆ สัปดาห์ถัดไปเลย ตอนนี้ฝึกมาได้ครึ่งปีแล้ว ” 

ตั้งแต่นั้นมา เชียร์เลยกลายมาเป็นสมาชิกประจำของค่ายมวยไทยเจริญทอง เกียรติบ้านช่อง ถึงคิวงานจะแน่นแค่ไหน และบ้านก็อยู่ไกลถึงฝั่งธนฯ แต่เธอจะต้องหาเวลามาประจำทุกสัปดาห์ หรือถ้ามีเวลามากหน่อยจะมาประจำแทบจะวันเว้นวัน 

“ปกติจะเข้าฟิตเนสออกกำลังกายประจำอยู่แล้ว พอมาลองต่อยสองยกแรกแทบจะเป็นลม เราเคยคิดว่าเราแข็งแรง แต่พอมาฝึกมวยรู้เลยว่าแล้วเรายังแข็งแรงไม่ทุกส่วน อย่างมวยไทยพอฝึกไปแล้ว ทำให้ได้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย ครูฝึกเขาจะเน้นให้เราได้ออกกำลังด้วยท่ามวยไทยที่ถูกต้อง ออกหมัดแบบไหน เตะแบบไหน สนุก ไม่เบื่อเหมือนออกด้วยเครื่อง ขณะชกมวยเวลาจะผ่านไปเร็วมาก เราได้เฮฮาตลอด ครูที่ค่ายก็เป็นกันเอง ทุกคนที่มาเรียนก็รู้จักกันเป็นเพื่อนหมด” 

เชียร์มองว่า ทุกกีฬามีข้อดีต่างกัน แต่สำหรับมวยไทย นอกจากเป็นกีฬาเรียกเหงื่อทำให้ร่างกายฟิตแอนด์เฟิร์ม การฝึกมวยไทยที่ต้องรียนรู้ชั้นเชิงการเคลื่อนไหว การออกหมัด ศอก เข่า เตะ ทั้งรับและรุก ยังทำให้เธอได้เรื่องของสัจธรรมเล็กๆ นำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันและทำงาน ได้ทั้งเรื่องของสมาธิ ความอดทนแล้วจะนำไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้ได้ไม่ว่าจะเป็นการชกมวยหรือการใช้ชีวิต  

“เวลาครูฝึกเขาชกมา ถ้าเราหลบไม่ทันก็เป็นเพราะความประมาท พอเรามีมีสมาธิมากขึ้น ทำให้ระวังตัวไว้มากขึ้น รู้เลยว่า ถ้ามันมีสมาธิจริงๆ ไม่ว่าสภาพภายนอกจะวุ่นวายแค่ไหน เราจะนิ่งได้ หรืออย่างเรื่องขับรถ บางทีมีงานต่อก็ต้องรีบ ทำให้เรามีสมาธิระมัดระวังมากขึ้น”

เชียร์มองว่า นี่คือเสน่ห์ของมวยไทยที่หาไม่ได้ในกีฬาชนิดอื่น หากเปรียบอย่าง “บอดี้คอมแบท” จะได้เรื่องของการออกกำลังกาย แต่มวยไทยจะได้ทั้งออกกำลังกลายได้ชีวิตชีวา ได้เรื่องของสังคม คนที่มาเรียนมาจากอาชีพหลากหลาย มีทั้ง แอร์โฮสเตส อาจารย์ นักธุรกิจ ชาวต่างชาติ ทำให้เธอได้เห็นมุมมองใหม่ๆ  

“อย่างมีฝรั่งเขามาเรียนชกมวยไทย มาหลายครั้งมาก พอได้คุยก็รู้ว่าเขาติดใจมวยไทย บางคนมาเพื่อเรียนเมืองไทยอย่างเดียว เราฟังแล้วก็ภูมิใจ ยิ่งมาได้สัมผัสเอง ก็มีคำตอบเลยว่า  มวยไทยจะอยู่ได้อีกนาน ขนาดคนต่างชาติเขายังสนใจขนาดนี้ เชียร์มั่นใจเลยว่าไม่ใช่แค่กระแสนิยมมาแค่แป๊บเดียว แต่จะอยู่ได้นานตลอดไป”

]]>
14751
เป็นแอร์ไม่อ้วน มวยไทยช่วยได้ https://positioningmag.com/14753 Thu, 31 May 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14753

ข่าวล่าสุดกรณี “แอร์อ้วน” ที่ส่งผลให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องของการบินไทยออกมาร้องเรียนต่อกระทรวงแรงงานกันอีกรอบ เกิดเมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2554หลังจากที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกประกาศหลักเกณฑ์ไม่ให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องมีน้ำหนักและรอบเอวเกินมาตรฐานขึ้นปฏิบัติหน้าที่ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1มิถุนายน2553เพื่อปรับปรุงบุคลิกภาพของนักงานให้แข่งขันกับสายการบินอื่น และส่งผลต่อการให้บริการและการดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสารหากเกิดกรณีฉุกเฉินซึ่งต้องใช้ความคล่องตัวสูง

หลักเกณฑ์ดังกล่าวกำหนดโดยยึดค่าดัชนีมวลร่างกาย หรือ บีเอ็มไอ (ส่วนสูงยกกำลังสอง หารด้วยน้ำหนักตัว) พนักงานต้อนรับหญิง บีเอ็มไอ ต้องไม่เกิน 25 และวัดรอบเอวไม่เกิน 32 นิ้ว พนักงานต้อนรับชาย บีเอ็มไอต้องไม่เกิน 27.5 และวัดรอบเอวไม่เกิน 35 นิ้ว หากไม่สามารถปฏิบัติได้ใน 6เดือนจะต้องเปลี่ยนมาให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศ หรือบินในเส้นทางที่ไปกลับภายในวันเดียว ทำให้พนักงานได้ค่าเบี้ยเลี้ยงลดลง และหากเมื่อครบกำหนด 1 ปี ยังไม่ปรับปรุง ต้องเปลี่ยนมาปฏิบัติงานภาคพื้นดินแทน พบว่ามีพนักงานประมาณไม่เกิน 1% จากทั้งหมด 6,000 คน ที่ไม่ผ่านหลักเกณฑ์

วิจิตรา สัตตบงกช หรือ เดียร์ หนึ่งในแอร์โฮสเตสที่ยังติดใจมวยไทยหลังจากเรียนมาแล้วกว่า2 ปี เริ่มมาเพราะมีน้องที่เป็นแอร์โฮสเตสด้วยกันชวนมาเล่น หลังจากเซอร์เวย์สถานที่ดูแล้วก็ลองเล่นดูก่อนตัดสินใจเห็นว่าสนุกดีก็เลยเล่นมาต่อเนื่อง

“ตอนแรกเล่นฟิตเนส ตีกอล์ฟบ้าง หลังๆ มันเบื่อ ฟิตเนสจะซ้ำๆ ลองไปเล่นโยคะก้าไม่เหมาะบุคลิก สมัยก่อนยังไม่มีพิลาทิส โคยะฟลาย พอดีมีแอร์โฮสเตสรุ่นน้อง 2 คน พรบัณฑิต (ใหม่) และ พรทิตา (มิว) พิริยสัยสันติ ชวนมาเล่นก็สนุกดี แต่กลับไปบ้านจากเดิมเป็นคนขาสวย ก็มีเข่าดำ ปวดเมื่อย เขียวบ้าง แต่เล่นไปสักพักน้ำหนักลง ก็ชวนน้องที่เป็นแอร์ที่กำลังจะโดนเรื่องบีเอ็มไอมาเล่นด้วย ปรากฏว่าลดลงไปได้ 9กิโล”

ตั้งแต่นั้นมา มวยไทยกับแอร์โฮสเตสเลยกลายเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ของโรงเรียนมวยไทยแห่งนี้ ที่มีจำนวนผู้เล่นนับสิบคน ไม่น้อยกว่าสาวๆ ดารา นางแบบ นักร้อง

อีกทั้งต้องยอมรับว่า เอฟเฟกต์จากสาวๆ การบินไทย ยังมีผลให้ผู้หญิงที่อยากลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายสนุกๆ หันมามองมวยไทยมากขึ้น เพราะหลังสกู๊ปแอร์ที่มีข่าวกีฬาของสถานีโทรทัศน์ต่างๆ รายการคุยข่าว นำไปเป็นประเด็นเล่าข่าว ก็ยิ่งเป็นการประชาสัมพันธ์ให้สาวๆ หันมาสนใจมวยไทยขึ้นอีก

]]>
14753
หนังสาว 30 อัพ เจาะกระเป๋าสาวโสด https://positioningmag.com/14181 Tue, 18 Oct 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14181

หลังจากภาพยนตร์เรื่องรถไฟฟ้ามาหานะเธอ ของค่าย GTH ออกฉายในปี 2553 จนประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของรายได้ที่ทำได้ถึง 147 ล้านบาท และสปอนเซอร์ที่ให้การสนับสนุนหนังเรื่องนี้ก็กลายเป็นที่จดจำ กลุ่มเป้าหมายผู้หญิงอายุ 30 ขึ้นไป ที่ใช้ชีวิตในเขตเมือง กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ผู้สร้างหนังเห็นแล้วว่า สาวๆ เหล่านี้มีกำลังซื้อสูง จนเป็นที่มาของการที่แบรนด์เข้าถึงลูกค้าผ่าน Movie Marketing ได้เช่นเดียวกัน

แล้วในปีนี้หนังที่จับกลุ่มเป้าหมาย ผู้หญิงวัย 30 ปีขึ้นไปก็กลับมาพร้อมกันมาช่วงเวลาใกล้เคียงกัน แถมยังเป็นหนังแบบโรแมนติก คอมเมดี้เหมือนกันอีก เรื่องแรก 30+โสด ON SALE ของค่ายสหมงคลฟิล์มที่ร่วมมือกับหัวฟิล์มท้ายฟิล์ม ทั้งการตั้งชื่อและวิธีการสื่อสารการตลาดของหนังเรื่องนี้ ใช้คำพูดที่สาวออฟฟิศทั้งหลายคุ้นเคยและชื่นชอบเป็นพิเศษ เช่น Clearance Sale เนื้อเรื่องยังเข้าถึงสาวโสดในยุคปัจจุบันที่มองหาความรัก โดยมีเพื่อน 2 คนที่เป็นตัวแทนผู้หญิง 2 สไตล์ คนหนึ่งเป็นสาวสังคม กิน-ดื่ม-เที่ยว ชอบวิ่งไล่ตามหนุ่มๆ ส่วนอีกคนเป็นเฟมินิสต์ ชอบเข้าวัดทำสมาธิ แถมพระเอกในเรื่องยังเป็นสเปคแบบหล่อเซอร์ที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้

ดารานำใช้พลอย-เฌอมาลย์ กับเป้ เสลอ และด้วยดารานำที่รับหน้าที่พรีเซ็นเตอร์ให้สินค้าแบรนด์ดังหลายอย่างนี่เอง ก็ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีสปอนเซอร์พ่วงติดกับพระเอกมาด้วย ผ่านการวางโครงเรื่องตั้งแต่ต้น กำหนดให้นางเอกเป็นช่างถ่ายภาพที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จึงใช้กล้องแคนอนตลอดเรื่อง และฉากที่นางเอกถูกแฟนเก่าบอกเลิกในรถมาสด้า 2 จากที่สินค้าทั้ง 2 แบรนด์ซึ่งใช้ เป้ เสลอเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่เมื่อมาจับกลุ่มเป้าหมายผู้หญิง โปรดักต์ที่ถูก Tie-In เข้ามาในหนังเรื่องนี้เลยมีสีสันคัลเลอร์ฟูล ด้วยบอดี้กล้องสีแดง ในบางฉากกับรถมาสด้าที่ปกติแล้วจะใช้สีเขียว Spririted Green Metallic งานนี้ก็ใช้สีแดงเช่นกัน นอกจากนี้เพลงเอิ้ว ประกอบหนังเรื่องนี้ก็เลือกถ่ายทำที่เซ็นทรัลเวิลด์ ดัดแปลงตู้ดิสเพลย์เสื้อผ้า TOP SHOP ให้กลายเป็นฉากหลัก

ภาพยนตร์อีกเรื่อง “30 กำลังแจ๋ว” นำแสดงโดย อั้ม พัชราภา กับพระเอกใหม่ เคน-ภูภูมิ งานนี้มาด้วยเนื้อเรื่องที่นางเอกอายุมากกว่าพระเอก จับกระแส “กินเด็ก” แบบที่สาวเริ่มสูงวัยกำลังต้องการ ส่วนสินค้าที่เข้ามาทำตลาดในหนังเรื่องนี้ก็เป็นสินค้าในเครือ ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล (สหพัฒน์) โดยสินค้าหลักของหนังเรื่องนี้ก็คือแบรนด์วาโก้ เพราะว่าหนังเรื่องนี้หนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดของบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล กับ วิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด ทำ Branded Content ด้วยหนังที่ตัวเองสร้างขึ้น

จากแนวโน้มของการทำหนังทั้งสองเรื่อง เป็นบทพิจูน์ได้เป็นอย่างดีว่า สาวโสด 30+ หัวสมัยใหม่ เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ตอนนี้นักการตลาดต้องให้ความสนใจและหาวิธีการเจาะกระเป๋าพวกเธอให้ได้ ด้วยกำลังซื้อที่มหาศาลเพราะหน้าที่การงานกำลังรุ่ง และพฤติกรรมชอบแบ่งปันเรื่องราวกับเพื่อนๆ เมื่อกุมหัวใจเธอได้คนเดียวก็กลายเป็นกระบอกเสียงได้ทันที

นั่นเป็นเรื่องการตลาด แต่สำหรับเรื่องความรัก สาว 30 โสดทั้งหลายที่ดูแค่ตัวอย่างของหนังทั้งสองเรื่องคงได้แต่สะท้อนใจ “ก็ขนาดพลอยกับอั้มยังโสด แล้วฉันจะไปหาจากไหน”

]]>
14181
สาว 30 คิดอะไรอยู่ https://positioningmag.com/14182 Tue, 18 Oct 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14182

จากการสัมมนาวิชาการ Marketing Conference ช่วงต้นปี 2554 ของนักศึกษาปริญญาโท สาขาการตลาด (MK12A) มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า กลุ่มผู้หญิงที่เป็นโสดเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการศึกษาสูงขึ้นทำให้พวกเธอสามารถดูแลตัวเองได้ คาดการณ์กันว่า ในปี พ.ศ. 2557 เฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผู้หญิงจะมีอำนาจในการจับจ่ายสูงถึง 5.16 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 15 ล้านล้านบาททีเดียว สอดคล้องกับงานวิจัยจากนิตยสารผู้หญิงชื่อดัง  Marie Claire ที่ระบุว่าหญิงสาวกลุ่มนี้ทันสมัยและมีการศึกษา ด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้หญิงสาวที่วัยเลข 3 นำหน้าถือเป็นนักช้อปที่ชาญฉลาดและมองหาสิ่งมีคุณค่าเป็นพื้นฐานสำคัญ 74% แสวงหาความสำเร็จด้านหน้าที่การงาน ใช้สินค้าแบรนด์ตั้งแต่ระดับบนถึงล่าง แต่รู้จักนำมามิกซ์แอนด์แมตช์ให้เข้ากับตัวเอง 50% ของสาวกลุ่มนี้ติดตามข่าวสารด้านสุขภาพและออกกำลังกาย ด้วยพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้เป็นโอกาสของแบรนด์สินค้าแฟชั่น, สินค้าสุขภาพ หรือร้านอาหารที่มีสไตล์โดดเด่นจนเป็นสถานที่ให้พวกเธอชิลล์เอาต์ได้

]]>
14182
มากกว่า "ชุดชั้นใน" ตอบโจทย์ผู้หญิงยุคสวยไม่ยั้ง https://positioningmag.com/13777 Mon, 09 May 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=13777

มูลค่าตลาดกว่า 12,000 ล้านบาทต่อปี และเติบโตอีกไม่ต่ำกว่า 5-10% ของตลาด “ชุดชั้นใน” ถือว่ามหาศาล จนแต่ละแบรนด์ต้องลงแรงแข่งขันกันอย่างเต็มที่ และยิ่งสาวๆ ยุคนี้ไม่ได้มองแค่ว่าสวยอยู่ข้างในเท่านั้น แต่ชุดชั้นในก็เป็นแฟชั่นพอๆ กับเสื้อผ้าภายนอกที่ทำให้เธอเหล่านั้นสวยด้วยเช่นกัน ตลาดนี้จึงมีความเคลื่อนไหว และกลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจไม่น้อย

จากดีไซน์ของเสื้อผ้าสมัยนี้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นสัดส่วนของผู้สวมใส่มากขึ้น ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเห็นดีไซน์เสื้อชั้นในพยายามโชว์ฟังก์ชันหรือลูกเล่นต่างๆ เช่น โชว์ลูกไม้ด้านหน้า สายบ่าประดับเพชร/คริสตัล สายบ่าที่สามารถถอดสลับตำแหน่งได้ นอกเหนือจากเนื้อผ้าที่ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบาย ไม่อึดอัด และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้สาวๆ ให้ความสำคัญกับ “เสื้อชั้นใน” กันมากกว่าแต่ก่อนเพื่อให้สามารถสวมใส่เสื้อผ้าชั้นนอกได้สวยและมั่นใจยิ่งขึ้น

บริษัท ฟาร์อีสท์ ดีดีบี จึงได้สำรวจความคิดเห็นกับผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นกลุ่มตัวอย่างเพศหญิงล้วน ที่มีอายุระหว่าง 18 – 30 ปี จำนวนทั้งหมด 200 คน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อชุดชั้นใน โดยเป็นการทำการศึกษาผ่านทาง Insights Springboard ซึ่งเป็นเครื่องมือการศึกษาเบื้องลึกของผู้บริโภคที่สามารถทำให้เข้าใจเกี่ยวกับทัศนคติ และความต้องการของผู้บริโภคและสังคมแวดล้อมได้อย่างลึกซึ้ง

ทนทานและทะนุถนอม ใส่สวยได้นาน

ชุดชั้นใน เป็นชุดที่ต้องสะอาดสะอ้านที่สุด เพราะเป็นชุดที่อยู่ติดกับร่างกายของผู้หญิงมากที่สุด โดยเฉพาะในส่วนของเนื้อผ้า ฟองน้ำ และโครงเหล็กดันทรง ยิ่งเป็นส่วนที่ต้องการ การทะนุถนอม เพื่อให้เสื้อชั้นในยังคงคุณภาพเหมือนเดิมและอยู่กับเราให้นานที่สุดเพราะสนนราคาตัวๆ หนึ่ง ก็มิใช่น้อย

จากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างถึงวิธีในการดูแล และทำความสะอาดชุดชั้นในนั้นพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมเกี่ยวกับการดูแล และทำความสะอาดชุดชั้นใน หลักๆ ดังต่อไปนี้

พฤติกรรมเกี่ยวกับการทำความสะอาดชุดชั้นใน
ตากในที่ร่ม มีลมโกรก 63%
ใช้นํ้ายาซักผ้าสูตรอ่อนโยน หรือผลิตภัณท์ซักผ้าสำหรับเด็กในการทำความสะอาด 60%
ซักแต่เบามือ ไม่ขยี้ / ไม่ใช้แปรง 59%
ใช้ถุงผ้าสำหรับใส่ชุดชั้นในทุกครั้งที่ซักด้วยเครื่องซักผ้า 42%
ใช้แปรงขนนุ่มๆ ถูเบาๆในบริเวณที่มีคราบสกปรก 33%
ตากโดยการแขวนบนไม้แขวนเท่านั้น 31%
ตากโดยแขวนเป็นแนวราบเพื่อให้นํ้าหยดในแนวสมํ่าเสมอเท่ากันทั้งตัว 30%
สลัดนํ้าที่ค้างในเสื้อชั้นในออกมาให้มากที่สุดก่อนตากเสื้อชั้นใน และไม่บิดเสื้อชั้นใน 26%
ตอบได้มากกว่า 1 คำตอบ

กิจกรรมและสื่อสารให้โดนใจสาว ๆ
กิจกรรมส่งเสริมการตลาดก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ ที่นักการตลาดใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงจิตใจของผู้บริโภค ในขณะที่การประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแบรนด์ เช่น การรณรงค์ให้ความรู้ แสดงความห่วงใย และใส่ใจผู้บริโภค ก็เป็นอีกวิธี ที่จะซื้อใจผู้บริโภคได้เช่นกัน สำหรับสินค้าประเภทเสื้อชั้นในแล้ว การรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านมก็น่าจะเป็นอีกกลยุทธ์ที่ดีในการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแบรนด์
แต่ผลการวิจัยในครั้งนี้พบว่า 91% ของกลุ่มตัวอย่างกลับเห็นว่าบริษัทผู้ผลิตเสื้อชั้นใน ควรมีการรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านมให้มากกว่านี้ ซึ่งนี่น่าจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการจะทำการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแบรนด์ผ่านกิจกรรมดังกล่าวให้ทั่วถึงมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน (ถึงแม้ว่าหลายๆ แบรนด์จะได้ทำอยู่แล้วก็ตาม)

% ของกลุ่มตัวอย่างที่เห็นด้วยกับแต่ละข้อความ
ความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับชุดชั้นใน
ฉันคิดว่าผู้ผลิตเสื้อชั้นใน ควรมีการรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม ให้มากกว่านี้ 91%
เสื้อชั้นในที่ผลิตด้วยผ้า/ฟองนํ้า ที่สามารถระบายอากาศได้ดี และไม่ทำให้เกิดกลิ่นอับชื้นเป็นเสื้อชั้นในที่น่าสนใจอย่างมาก 86%
การซื้อเสื้อชั้นในให้เข้าชุดกับกางเกงใน ถือเป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่ง 77%
พนักงานที่สามารถให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ ทำให้ฉันอยากซื้อชุดชั้นในยี่ห้อนั้นมากยิ่งขึ้น 76%
ผู้ผลิตเสื้อชั้นในควรมีอุปกรณ์ประดับ/ตกแต่งเพิ่มเติม (accessories) ขายให้เข้าชุดกับเสื้อชั้นใน เช่น สายบ่าแฟชั่น (ติดเพชร/สายโซ่/มุก ฯลฯ) 65%
เสื้อชั้นในที่มีฟองนํ้าดันทรงหนาๆ ใส่แล้วดูไม่เป็นธรรมชาติ 64%
เว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิตชุดชั้นในยี่ห้อต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ดูค่อนข้างยุ่งยากในการใช้งาน และไม่ค่อยน่าสนใจ 51%
n = 200

Concept Test ข้อมูลส่วนตั๊ว ส่วนตัว
สร้างสัมพันธ์ สร้างความภักดี …

จากสภาพการแข่งขันทางการตลาดที่มีค่อนข้างสูงในปัจจุบัน คู่แข่งขันทางการตลาดก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงไปอยู่เรื่อยๆ จึงเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการ/นักการตลาด ที่ต้องสรรหาวิธี/กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อที่จะทำให้แบรนด์ของตนเข้าไปเป็นแบรนด์ในใจของผู้บริโภคให้ได้ โดยเฉพาะในด้านบริการ (นอกจากตัวสินค้า)

ดังนั้นนอกเหนือจากคำถามเกี่ยวกับความคิดเห็นโดยทั่วๆ ไปของสินค้าประเภทชุดชั้นในแล้ว ทางทีมวิจัยจึงได้ทดสอบแนวคิดสินค้า/บริการใหม่ๆ ในลักษณะ Concept Test เกี่ยวกับการบันทึกประวัติการซื้อชุดชั้นใน โดยแนวความคิดที่ใช้ทดสอบดังกล่าวคือ

บริษัทผู้ผลิตชุดชั้นในจะทำการบันทึกข้อมูลหรือประวัติการซื้อชุดชั้นในของคุณไว้ เช่น ขนาดคัพ/ดีไซน์/รุ่น/สี ฯลฯ ของชุดชั้นในที่คุณซื้อ เพื่อนำไปเป็นฐานข้อมูลในการซื้อชุดชั้นในครั้งต่อไปของคุณ และนำไปพัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

จากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างถึงแนวความคิดดังกล่าวพบว่า กลุ่มตัวอย่างเกินกว่าครึ่ง (63%) สนใจแนวความคิดดังกล่าว โดยเหตุผลหลักๆ ที่สนใจต่อแนวคิดดังกล่าวคือ สามารถที่จะนำ (ข้อมูลของลูกค้า) ไปพัฒนาให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค (41%) และเป็นข้อมูลในการซื้อครั้งต่อไปได้ (25%) นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างยังรู้สึกว่า ไม่ต้องลอง (สินค้า) เวลาซื้อ/พนักงานสามารถเลือกไซส์ที่เหมาะสมกับลูกค้าได้ (24%)

แต่สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่รู้สึกเฉยๆ หรือไม่สนใจต่อแนวคิดดังกล่าวมีเหตุผลที่น่าสนใจที่ผู้ประกอบการอาจจะต้องระมัดระวังในประเด็นต่างๆ ดังนี้ 49% ของกลุ่มตัวอย่างกลุ่มนี้บอกว่า ไม่อยากเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว 15% รู้สึกยุ่งยาก ไม่สะดวก/เสียเวลา และเหตุผลอื่นๆ ดังแสดงในภาพ (ดูรูปที่ 2 ประกอบ)

ของแถมต่างมิติ…
นอกจากนั้นเรายังให้กลุ่มตัวอย่าง (ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อ First Bra ของเด็กๆ ไม่มากก็น้อย) ลองเดาใจสาวๆ ที่มีอายุประมาณ 12-14 ปี ว่าถ้าจะต้องซื้อเสื้อชั้นใน(First Bra) แล้ว เด็กสาวเหล่านั้นอยากจะได้อะไรเป็นของแถม

ลองมาดูผลจากงานวิจัยในครั้งนี้ ว่าจะตรงใจคุณหรือไม่ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดว่า เด็กสาวที่มีอายุประมาณ 12-14 ปี คงจะชอบ กระเป๋าใส่ของกระจุกกระจิก 45% ส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไป 42% และอีก 39% คิดว่าเป็นบัตรดูหนัง/ดูคอนเสิร์ต ตามลำดับ

ของแถมที่กลุ่มตัวอย่างคิดว่าเด็กสาว (อายุประมาณ 12-14 ปี) ต้องการ เมื่อซื้อชุดชั้นใน First Bra
กระเป๋าใส่ของกระจุกกระจิก 45%
ส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไป 42%
บัตรดูหนัง/ดูคอนเสิร์ต 39%
กางเกงชั้นใน 36%
กระเป๋าใส่เสื้อชั้นในโดยเฉพาะ 31%
ผลิตภัณฑ์สำหรับซักชุดชั้นใน 28%
แฮนดี้ไดรฟ์/แฟลซไดรฟ์/ทัมบ์ไดรฟ์ 23%
แปรงขนนุ่ม (สำหรับทำความสะอาดเสื้อชั้นใน) 16%
อื่นๆ (เช่น ส่วนลดติว/โรงเรียนกวดวิชา, บัตรรถไฟฟ้า(BTS/MRT) ฯลฯ 37%
n = 200 ตอบได้มากกว่า 1 คำตอบ

ผลการวิจัยในครั้งนี้ พอทำให้เรามองเห็นมุมมองและทัศนคติที่มีต่อสินค้าประเภทชุดชั้นในได้พอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม สินค้าประเภทชุดชั้นในนี้ก็มีข้อจำกัด ที่ถือเป็นสินค้าประเภทที่เป็นของใช้ส่วนตัว และค่อนข้างละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก อีกทั้งมีแง่มุมอีกหลายแง่มุมที่ต้องการการศึกษาในเบื้องลึกต่อไป

]]>
13777
หญิงยุคนี้อยากดูดีต้องมีตัวช่วย https://positioningmag.com/13519 Wed, 09 Mar 2011 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=13519

มีใครเคยได้ยินหรือไม่ ว่าร่างกายคนเราจะเริ่มมีการเสื่อมของอวัยวะตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางด้านร่างกายที่เสื่อมตามอายุและจิตใจมีการเปลี่ยนแปลงง่าย ขี้หงุดหงิด มีความวิตกกังวล เนื่องจากการเจ็บป่วยหรือจากการเสื่อมของระบบต่างๆ ในร่างกาย ดังนั้น การดูแลรักษาสุขภาพให้ดีและถูกสุขลักษณะตั้งแต่ต้น จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคหรือปัญหาทางสุขภาพต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้

การมีสุขภาพดียังช่วยให้ดูดีได้ในสายตาของผู้อื่น โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็ล้วนแล้วแต่อยากที่จะดูดีอยู่ตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบันผู้หญิงส่วนใหญ่เองก็ไม่ได้สนใจเพียงแค่การเสริมเติมแต่งให้ตนเองดูดีแค่ภายนอกเท่านั้น แต่เริ่มใส่ใจที่จะดูแลตนเองตั้งแต่เรื่องของสุขภาพร่ายกายจากภายในมากขึ้น เหมือนที่หลายคนบอกว่า “คนเราจะดูดีได้ ต้องดูดีจากภายในสู่ภายนอก” ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องของการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารและดื่มน้ำ และพักผ่อนอย่างเพียงพอ

แต่ในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลภาวะและการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ ทำให้ดูแลตัวเองได้ไม่เต็มที่ หลายคนจึงหันมาพึ่งพาบริการเสริมความงามและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆในการดูแลตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ดูจะเป็นที่นิยมและแพร่หลาย

ดังนั้น ทางทีมงานวิจัยของบริษัท ฟาร์อีสท์ ดีดีบี จึงได้สำรวจความคิดเห็นกับผู้ตอบแบบสอบถามเพศหญิงที่มีอายุระหว่าง 30-60 ปี จำนวนทั้งหมด 200 คน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อการใช้บริการและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในการดูแลตนเอง โดยเป็นการทำการศึกษาผ่านทาง Insights Springboard ซึ่งเป็นเครื่องมือการศึกษาเบื้องลึกของผู้บริโภคที่สามารถทำให้เข้าใจเกี่ยวกับทัศนคติ และความต้องการของผู้บริโภคและสังคมแวดล้อมได้อย่างลึกซึ้ง

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกับบทบาทที่เพิ่มขึ้น

ถึงแม้ว่าจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านที่ออกมายืนยันว่า หากเรารับประทานอาหารครบหมวดหมู่ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับอาหารเสริม ยกเว้นเมื่อร่างกายต้องการสารอาหารบางชนิดเพิ่มขึ้น เช่น หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ประสบปัญหาด้านสุขภาพเฉพาะโรคที่ขาดสารอาหารโดยตรงซึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสามารถช่วยได้ เพื่อให้ร่างกายเกิดความสมบูรณ์แข็งแรง แต่เนื่องด้วยวิถีชีวิตอันเคร่งเครียดท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลภาวะของคนส่วนใหญ่ จึงเป็นแรงผลักดันให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งโดยรวมแล้วกลุ่มตัวอย่างของการศึกษาในครั้งนี้กว่า 45% ก็เห็นด้วยว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 51-60 ปี จะเห็นด้วยกับประเด็นดังกล่างถึง 60% ซึ่งสูงกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุน้อยกว่า

จากการศึกษาในครั้งนี้ยังพบว่าความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้เริ่มเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นมีเพียงแค่ผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ผลการวิจัยพบว่า มีกลุ่มตัวอย่างเพียง 26% ที่เห็นด้วยว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหมาะสำหรับคนที่มีสุขภาพอ่อนแอเท่านั้น โดยที่ 64% ของกลุ่มตัวอย่างยังอยากที่จะรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงร่างกายและป้องกันโรคทั่วไปแม้ว่าจะมีสุขภาพที่แข็งแรงดีอยู่แล้วก็ตาม นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ยังเห็นด้วยกับประเด็นที่ว่า ยิ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นได้รับการรับรองจากสถาบันวิจัยด้วยแล้ว ก็จะยิ่งทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

% ของผู้ที่เห็นด้วยกับความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเด็นต่างๆ
73% ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีการรับรองจากสถาบันวิจัยทำให้สินค้าดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
66% บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อ
65% ฉันคิดว่าโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง
64% ฉันอยากจะรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงร่างกายและป้องกันโรคทั่วไป แม้ว่าสุขภาพของฉันจะแข็งแรงดีก็ตาม
38% ฉันคิดว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีส่วนช่วยให้เรามีอายุยืนยาวมากขึ้น
26% การทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหมาะกับคนที่มีสุขภาพอ่อนแอเท่านั้น

จะอย่างไรผู้หญิงก็ยังไม่ทิ้งการดูแลจากภายนอก

อีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำคัญ ก็คงจะไม่พ้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลจากภายนอกอย่างเครื่องสำอาง ซึ่งผู้หญิงยุคใหม่ไม่ได้ต้องการเพียงแค่คุณสมบัติเดิมๆจากการใช้อย่างการแต่งแต้มสีสันให้ใครหลายๆ คนดูดีได้เท่านั้น แต่ยังต้องการคุณสมบัติอื่นๆ ทั้งการดูแลบำรุงผิวพรรณ หรือแม้แต่คุณสมบัติอย่างการให้ความรู้สึกผ่อนคลายจากการใช้ โดยกลุ่มตัวอย่างกว่า 63% ก็มีความเห็นว่าอยากจะลองใช้เครื่องสำอางที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างการผสมไข่ปลาคาเวียร์เพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอย และมีกลุ่มตัวอย่างถึง 69% ที่คิดว่าเครื่องสำอางที่ใช้แล้วผิวหน้ารู้สึกผ่อนคลายในสไตล์อโรมาเทอราพีเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอิทธิพลความนิยมในการใช้บริการสปาที่กำลังมาแรงสำหรับคนที่ต้องการดูแลตัวเองและผ่อนคลายความเครียด

นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่าง 56% จะมีความกล้าในการทดลองซื้อเครื่องสำอางที่มีดารานักร้อง หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นพรีเซ็นเตอร์

% ของผู้ที่เห็นด้วยกับความคิดเห็นต่อเครื่องสำอางในประเด็นต่างๆ
69% เครื่องสำอางที่ทำให้ผิวหน้ารู้สึกผ่อนคลายในสไตส์อโรมาเทอราพี (aromatherapy) หลังจากแต่งหน้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ
63% เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากไข่ปลาคาเวียร์ ซึ่งช่วยลดเลือนริ้วรอย เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ฉันอยากจะลองใช้
56% ยี่ห้อเครื่องสำอางที่มีดารา/นักร้องหรือบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นพรีเซ็นเตอร์ทำให้ฉันกล้ามากขึ้นที่จะลองใช้
48% ฉันชอบที่จะทดลองใช้เครื่องสำอางยี่ห้อใหม่ๆ อยู่เสมอ
44% ยี่ห้อเครื่องสำอางที่มีภาพลักษณ์ด้านช่วยเหลือสังคม เป็นปัจจัยหนึ่งที่ฉันจะใช้ในการพิจารณาเลือกซื้อ
40% ฉันคิดว่าเครื่องสำอางที่มีกลิ่นหอมของดอกไม้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ
32% เพื่อน/ญาติพี่น้อง มีส่วนสำคัญในการตัิดสินใจเลือกยี่ห้อเครื่องสำอางของฉัน

และเมื่อพูดถึงสปา จากการศึกษาในครั้งนี้พบว่า 51% ของกลุ่มตัวอย่างเห็นด้วยว่าร้านสปาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสาวออฟฟิศสมัยนี้ และกว่า 49% ยังเห็นด้วยว่าร้านสปาเหมาะสำหรับเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์หรือหาเพื่อนใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนอายุน้อยจะเห็นด้วยกับประเด็นนี้มากกว่ากลุ่มที่อายุมากกว่า

% ของผู้ที่เห็นด้วยกับประเด็นที่ว่า “ร้านสปาเป็นสถานที่สำหรับพบปะเพื่อนฝูงและหาเพื่อนใหม่ๆ”
30 – 40 ปี 58%
41 – 50 ปี 49%
51 – 60 ปี 28%

เพิ่มเติมสำหรับนักการตลาด

ข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการวิจัยเบื้องต้นเกี่ยวกับทัศนคติของผู้บริโภคที่มีต่อความสนใจในการใช้บริการหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลตนเอง และทางทีมวิจัยเองก็หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้นักการตลาดมองเห็นช่องทางที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับบริการหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อให้สอดคล้องกับทัศนคติและพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป

]]>
13519
มุมนี้สำหรับ “ผู้หญิง” https://positioningmag.com/13184 Wed, 27 Oct 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=13184

การมาถูกที่ ถูกเวลา คือโอกาสของสินค้าและบริการในการแจ้งเกิดได้ไม่ยาก เหมือนอย่างการขยับล่าสุดของ ”บานาน่าไอที” ในเครือ ”คอมเซเว่น” ที่ตอกย้ำ Positioning เป็นร้านไอทีที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าผู้หญิงผ่านสาขาต่างๆ ตั้งแต่ที่ ”ฟอร์จูน” จนมาถึงที่ใหม่ล่าสุด ”พาราไดซ์พาร์ค”

ความลงตัวของเวลาคือผู้หญิงกับสินค้าไอทีเริ่มขยับใกล้กันมากขึ้น เพราะสินค้าไอทีกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ทุกคน แม้การซื้อจะยังน้อยครั้งและมูลค่าน้อยกว่าผู้ชาย แต่แนวโน้มก็เพิ่มขึ้น จากการที่สินค้าไอทีออกแบบมาเพื่อกลุ่ม “ผู้หญิง” ทั้งสีสันสดใสกว่าเดิมและรูปแบบการใช้งานที่ซับซ้อนน้อยลง

และเมื่อได้ความลงตัวของสถานที่ล่าสุดที่ “พาราไดซ์พาร์ค” ของกลุ่มสยามพิวรรธน์และมาบุญครองทุ่มที่ลงทุนให้เป็นห้างใหญ่ในฝั่งตะวันออก ตอบสนองกลุ่มเป้าหมายด้วยสินค้าหลากหลาย แบรนด์เนม และร้านอาหาร โดยเฉพาะสินค้าสุขภาพและความงาม ที่มีผู้หญิง 30% มาใช้บริการด้านนี้ไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละครั้ง

เมื่อเป็นแหล่งที่ผู้หญิงมาบ่อย “บานาน่าไอที” จึงเต็มที่กับสาขานี้ให้เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดใน 140 สาขา โดยจัดมุมสินค้าไอทีสำหรับผู้หญิงไว้ 20% จากพื้นที่ทั้งหมด 650 ตารางเมตร และยังมีการหมุนเวียนดิสเพลย์หน้าร้านในจุด To be seen ที่ให้น้ำหนักธีม IT for lady ด้วยพื้นที่ 1×4 เมตร ง่ายต่อการพบเห็นพร้อมทั้งตกแต่งหน้าร้านด้วยสีสันที่ “ผู้หญิง” ชื่นชอบในโทนสีชมพู สีฟ้า ซึ่งจะช่วยกระตุ้น “อีโมชั่นแนล” ให้เข้ามาชมสินค้าภายในร้านได้

“กฤชวัฒน์ วรวานิช” รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท คอมเซเว่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บอกว่า หากพาราไดซ์พาร์คมีจำนวนลูกค้ามาใช้บริการถึงวันละ 1 แสนคนตามที่ผู้บริหารตั้งเป้าไว้ ร้าน “บานาน่าไอที” ก็จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทต่อเดือน ในมุมสินค้าสำหรับกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงจะมีสินค้าประเภทแกดเจ็ทที่มีดีไซน์เป็นแฟชั่นเป็นหลัก พร้อมการให้บริการให้คำปรึกษาเรื่องการซื้อสินค้า ตรวจเช็กเครื่อง และตรวจสอบไวรัสฟรี

สำหรับพฤติกรรมผู้บริโภคหญิงที่หันมาสนใจเรื่องสินค้าไอทีนั้น บานาน่าไอทีเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้เมื่อ 2 ปีก่อนที่จากเดิมมีอัตราลูกค้า “ผู้หญิง” เข้ามาซื้อสินค้าในร้านเพียง 20% และค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนปีนี้มีสัดส่วนกว่า 40% และคาดว่าอีกไม่นานจะมีสัดส่วนเท่ากับ “ผู้ชาย”

“พฤติกรรมการซื้อของผู้หญิงนอกจากจะเน้นเรื่องการใช้งานแล้วเรื่องอีโมชั่นแนลก็มีส่วนมากกว่าผู้ชายเพราะต้องพกพาตลอดเวลาต้องสวยงามโดดเด่น สะท้อนถึงบุคลิกของตัวเอง เป็นแบบ You are what you carry หรือ You are what you use เมื่อเจอสินค้าที่ชอบก็จะตัดสินใจซื้อง่ายกว่า และมักจะติดตามเทรนด์แฟชั่นไอทีเพื่ออัพเดทอยู่เสมอ ขณะที่ผู้ชายจะมีเรื่องการใช้งานเป็นเกณฑ์ตัดสินใจซื้อมากกว่าผู้หญิง

    5 อันดับการตัดสินใจซื้อสินค้าไอทีระหว่าง “ผู้ชาย” และ “ผู้หญิง”

  • ผู้ชาย
    • มีฟังก์ชันการใช้งานตามที่ต้องการ
    • รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ
    • ราคาเหมาะสมกับคุณภาพ
    • น้ำหนักเบาพกพาสะดวก
    • ดีไซน์เรียบๆ ไม่หวือหวา
  • ผู้หญิง
    • ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน
    • ดีไซน์สวยเข้ากับแฟชั่นและบุคลิก
    • น้ำหนักเบาพกพาสะดวก
    • ราคาไม่สูงจนเกินไป
    • เชื่อมต่อโซเชี่ยล เน็ตเวิร์คได้
]]>
13184
24 ชั่วโมงสาวทำงานมะกัน https://positioningmag.com/12769 Tue, 20 Jul 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=12769

ผู้หญิงกำลังเป็นเทรนด์ของโลก มีหลักฐานแล้วที่อเมริกาที่พลังของผู้หญิงกำลังมาแรง โดยเฉพาะวัยทำงานที่มีอยู่ถึง 72 ล้านคน เป็นแกนนำคนสำคัญที่ไม่เพียงขับเคลื่อนการใช้จ่ายของครอบครัวเท่านั้น แต่ยังทำงานหารายได้จำนวนมหาศาล จนเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และแน่นอน รายได้มาก ใช้จ่ายมากจึงเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่สินค้าและบริการต่างต้องการคว้ากลุ่มเป้าหมายนี้มาไว้ครอบครอง

สำหรับผู้ที่อยากมีสาววัยทำงานของอเมริกา เป็นลูกค้า เบื้องต้นลองมาทำความรู้จักกับพฤติกรรมหลักๆ ของพวกเธอ จากส่วนหนึ่งจากรายงานของ Adage Insights สรุปว่าหญิงวัยทำงานตั้งแต่ 18-65 ปี พวกเธอทำงานเฉลี่ย 4.9 วันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึงบ่าบ 3 โมง 50 นาที พวกเธอยังมีภาระเตรียมอาหารเย็นสัปดาห์ละ 3.5 วัน ไปดินเนอร์ข้างนอก 1.2 ครั้ง และพักร้อน 2.5 สัปดาห์ต่อปี

ส่วนการเข้าถึงสื่อต่างๆ นั้น ดูทีวีเฉลี่ย 2 ชั่วโมง12 นาที ต่อวัน อ่านหนังสือพิมพ์ 24 นาที อินเทอร์เน็ต 2 ชั่วโมง คุยโทรศัพท์ 84 นาที อ่านหนังสือและออกกำลังกายวันละ 48 นาที ช้อปปิ้ง 42 นาที

หากจะแบ่งกลุ่มสาวๆ เป็น 3 กลุ่มตามอายุแล้ว ต่างมีพฤติกรรมต่างกันดังนี้

สาวทำงานกับการใช้เวลา (โดยประมาณ) ทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวันของสาว 3 วัย (หน่วย : นาที)
กิจกรรม
ดูทีวี BOOMERS(46-65 ปี) 170 GEN XERS(33-45ปี) 130 MILLENNIALS(33-45ปี) 130
อ่านหนังสือ BOOMERS(46-65 ปี) 30 GEN XERS(33-45ปี) 20 MILLENNIALS(33-45ปี) 45
เข้าเน็ต BOOMERS(46-65 ปี) 100 GEN XERS(33-45ปี) 130 MILLENNIALS(33-45ปี) 135
ฟังMP3 BOOMERS(46-65 ปี) 15 GEN XERS(33-45ปี) 30 MILLENNIALS(33-45ปี) 70
คุยโทรศัพท์ BOOMERS(46-65 ปี) 30 GEN XERS(33-45ปี) 45 MILLENNIALS(33-45ปี) 75
อยู่กับเพื่อน BOOMERS(46-65 ปี) 45 GEN XERS(33-45ปี) 45 MILLENNIALS(33-45ปี) 60
อยู่กับครอบครัว BOOMERS(46-65 ปี) 100 GEN XERS(33-45ปี) 130 MILLENNIALS(33-45ปี) 100

บทสรุปเบื้องต้นจากพฤติกรรมเหล่านี้ คือหากอยากเข้าถึงพวกเธอ ก็ต้องพยายามมองหาช่องทางที่เธอให้เวลามากที่สุด เช่น ถ้าอยากได้กลุ่ม Baby Boomers ก็ยังคงต้องใช้สื่อทีวีเป็นหลัก และชัดเจนถ้าอยากได้วัยรุ่น วัยทำงานหนุ่มสาว ก็ต้องสื่ออินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก เพราะเวลาของเธอเหล่านี้มีค่า และชีวิตเธอก็ยุ่งไม่น้อยจริงๆ

]]>
12769
ผู้หญิงแผลงฤทธิ์ https://positioningmag.com/11412 Fri, 05 Dec 2008 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=11412

Female Empowerment เป็นเทรนด์ชัดเจนยิ่งขึ้นทุกวัน ด้วยเหตุผลที่ว่า อัตราการทำงานนอกบ้านของผู้หญิงไทยสมัยใหม่ใกล้เคียงกับผู้ชายมากขึ้น โดยอยู่ที่ 77.7% ขณะที่ผู้ชายอยู่ที่ 89.7% อันเป็นผลสำรวจของ Asain Development Bank (ADB)

ทุกวันนี้ผู้หญิงก้าวขึ้นมาเป็น Middle Management, Board of Director, CIO, COO, CMO และแม้กระทั่ง CEO, Chairman และ President ที่สำคัญพวกเธอส่วนหนึ่ง “โสด” และ “ร่ำรวย” มีอำนาจภายในบ้านมากขึ้น นอกเหนือจากการใช้จ่ายเพื่อไลฟ์สไตล์ส่วนตัวแล้ว พวกเธอยังมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทุกอย่างในครอบครัว หรือแม้กระทั่งเป็นผู้ชี้ขาด หรือว่ามีอำนาจในการตัดสินใจซื้อของชิ้นใหญ่ๆ มากยิ่งขึ้น เช่น บ้าน แนวทางการตกแต่งที่อยู่อาศัย รถยนต์ ซึ่งอดีตอำนาจจะอยู่ที่ผู้ชายซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวเป็นส่วนใหญ่

ดังนั้น สินค้าและบริการจำนวนมากที่เคยสื่อสารเฉพาะกับกลุ่มผู้ชาย หันมาให้ความสนใจกับกลุ่มผู้หญิงทรงพลังเหล่านี้มากขึ้น ทั้งรถยนต์และอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์แนว Outdoor และ Adventure ต่างๆ

โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ คือตัวอย่างของการปรับเปลี่ยนทิศธุรกิจหาตลาดใหม่นอกเหนือจากกลุ่มลูกค้าเดิม การเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์คนล่าสุด แอฟ ทักษอร ต่อจากแพนเค้ก เขมนิจ เป็นสิ่งยืนยันที่เป็นรูปธรรมที่สุด กับการเคลื่อนเข้าหากลุ่มลูกค้าผู้หญิงซึ่งมีทั้งเงินมีทั้งไลฟ์สไตล์ที่สมบุกสมบันไม่แพ้ผู้ชายมากขึ้น

บริษัทอสังหาริมทรัพย์บางแห่งถึงกับสร้างคอนโดมิเนียมเพื่อตอบสนองเป็นลูกค้าผู้หญิงโสด ไม่แต่งงาน ทำงานอยู่ในระดับผู้บริหาร เพราะประเมินแล้วว่า เป็นลูกค้ามีกำลังซื้อระดับบีขึ้นไป และมีจำนวนมาก

เอส.บี. เฟอร์นิเจอร์ เจาะใจลูกค้าผู้หญิง

กรณีของเอส.บี. เฟอร์นิเจอร์ เป็นอีกกรณีศึกษาที่มาจากผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค พบว่าอิทธิพลการซื้อสินค้าของผู้หญิงมีมากกว่าสูงกว่าผู้ชาย ผู้หญิงยุคนี้ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ มีอาชีพการงานที่ดี ชื่นชอบการแต่งตัว และมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เป็นแบบฉบับของตัวเอง เป็นที่มาของการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “เอส.บี. พาโน ซีรีส์” เป็น Walk-in-Closet เฟอร์นิเจอร์ไร้ผนัง หรือเสากั้นกลาง ที่เอส.บี.นำออกมาทำตลาด เป็นสินค้าที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม มีรสนิยม โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิงที่ชื่นชอบการแต่งตัวผู้ที่ต้องออกงานสังคมเป็นประจำ

เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิง เอส.บี. ได้เลือก แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ นักแสดงสาวรุ่นใหม่ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเฟอร์นิเจอร์รุ่นดังกล่าวของเอส.บี.

ผลการวิจัยของเอส.บี.

จากการวิจัยกลุ่มเป้าหมาย พบว่า ผู้ที่เป็นคนตัดสินใจซื้อ Walk-in-Closet นั้นเป็นในกลุ่มผู้หญิง (ร้อยละ 84 ของกลุ่มเป้าหมาย) ทั้งในช่วงอายุตั้ง 30-39 ปี และ 40-49 ปี ซึ่งให้ความสำคัญในเรื่องของดีไซน์เป็นสำคัญ

ในขณะที่ผู้ชายให้ความสนใจเพียงเล็กน้อย มีแค่ 16% และยังกล่าวเสริมว่า แฟน (ฝ่ายหญิง) นั้นสนใจอยากจะมี (3 ราย) แต่ตนเองนั้นไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ จะเป็นผู้ที่ช่วยดูในเรื่องของประโยชน์ใช้สอย

]]>
11412