acer – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 14 Dec 2021 05:40:02 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เมื่อตลาดไอทีติดหล่ม ‘เอเซอร์’ ขอลุยตลาด ‘Energy Drink’ ย้ำภาพไลฟ์สไตล์แบรนด์เต็มตัว https://positioningmag.com/1366669 Tue, 14 Dec 2021 05:00:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1366669 หากพูดถึงแบรนด์คอมพิวเตอร์-โน้ตบุ๊ก เชื่อว่าชื่อของ ‘เอเซอร์’ (Acer) เชื่อว่าน้อยคนที่จะไม่รู้จัก เพราะถือว่าเป็นเบอร์ 1 ในตลาดไทยมาอย่างยาวนาน แต่ถ้าบอกว่าเอเซอร์กำลังขาย Energy Drink หรือ เครื่องดื่มชูกำลัง หลายคนคงคิดว่าอ่านผิดแน่ ๆ แต่ใช่ครับ เอเซอร์กำลังขายเครื่องดื่มชูกำลังภายใต้แบรนด์ Predator Shot อะไรทำให้เอเซอร์ฉีกแนวจากสินค้าไอที ไปหาคำตอบกัน

ตลาดไอทีเติบโตแต่ติดหล่มซัพพลาย

ภาพรวมตลาดสินค้าไอทีไทยและทั่วโลกในช่วง 2 ปีที่เกิดการระบาดของ COVID-19 ถือว่าได้อานิสงส์จากเทรนด์การใช้งานดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการ Work from Home, Learn from Home ส่งผลให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% แต่ปัญหาที่หลาย ๆ คนรู้ก็คือ ซัพพลายเชน ไม่ว่าจะปัญหาขาดแคลนชิป, ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้สินค้าขาดตลาดไม่พอขาย แม้ปีหน้าคาดว่าปัญหาจะเริ่มดีขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลาดไอทีอยู่ในช่วงที่ไม่แน่นอน

“แม้สินค้าไอทีมีความต้องการสูง แต่ตอนนี้เรื่องจำนวนสินค้าเราควบคุมลำบากมาก จะเห็นว่ามีปัญหาเยอะและไทยเป็นปลายทางซัพพลายทั้งหมด ดังนั้น เราจึงต้องวางแผนโตเผื่ออนาคต ต้องมีสินค้าไลน์อัพอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แค่คอมพิวเตอร์มากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงให้โตอย่างยั่งยืน” นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าว

นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าว

เปิดตัว Predator Shot บุกตลาด Energy Drink

ย้อนไปเมื่อ 4-5 ปีก่อนเอเซอร์ต้องการบุกตลาดเกมมิ่งแต่เห็นข้อจำกัดของแบรนด์ เอเซอร์เลยแตกแบรนด์ พรีเดเตอร์ (Predator) โน้ตบุ๊กสำหรับเกมมิ่ง ซึ่งปัจจุบันก็ประสบความสำเร็จคอเกมเมอร์รู้จักแบรนด์ ขณะที่ตลาดเกมมิ่งไทยในปัจจุบันก็เติบโตเร็วมาก โดยคนไทยที่ออนไลน์กว่า 49 ล้านคน และ 27 ล้านคนเล่นเกม

ดังนั้น เอเซอร์จึงนำชื่อของแบรนด์ Predator มาต่อยอดเป็นแบรนด์ Predator Shot เครื่องดื่มชูกำลังสำหรับ Gamer โดยจุดเด่นของแบรนด์จะอยู่ที่สรรพคุณ โดยผสม วิตามิน A และวิตามิน B ที่ช่วยบำรุงสายตา ให้ความสดชื่น เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้เวลาอยู่กับคอมพิวเตอร์นาน ๆ โดยเฉพาะเกมเมอร์ ซึ่งในท้องตลาดยังไม่มีแบรนด์ไหนตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ชัดเจน

ทั้งนี้ ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังไทยมีมูลค่าถึง 30,000 ล้านบาท แต่สัดส่วนกว่า 90% เป็นกลุ่มเอนทรี ราคา 10-15 บาท ขณะที่ กลุ่มพรีเมียม ราคา 15-65 บาท มีสัดส่วน 5-10% เท่านั้น ซึ่งยังไม่มีผู้นำชัดเจน เน้นแข่งกันที่ภาพลักษณ์ และสรรพคุณ โดย Predator Shot เองจะเจาะกลุ่มพรีเมียมวางราคาไว้ที่ 20 บาท

เบื้องต้น Predator Shot จะวางจำหน่ายเฉพาะเซเว่น-อีเลฟเว่นก่อน ส่วนแคมเปญการตลาดจะมีทั้งการทำแคมเปญลุ้นรางวัลใต้ฝามูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท และใช้กิจกรรมการแข่งขันเกมต่าง ๆ ในการสื่อสารสร้างการรับรู้ รวมถึงมีแผนที่จะใช้ อินฟลูเอนเซอร์ด้านเกมและไลฟ์สไตล์ ในอนาคตอีกด้วย ซึ่งภายในปีแรกตั้งเป้ายอดขายที่ 1.5-2 ล้านกระป๋อง และเป็นฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน

“แม้จะฟังดูเป็นธุรกิจที่ไกลตัวเอเซอร์มาก แต่หากดูกลุ่มเป้าหมายนั้นไม่ได้ไกลจากลูกค้าเอเซอร์เลย ยังอยู่ในกลุ่มเป้าหมายหลักทั้งนั้น แน่นอนว่าอาจทำเงินได้น้อยกว่าคอร์บิสซิเนส แต่ถือเป็นการต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ที่เราเข้าไม่ถึง”

วางแผนเปิดตัวอีกหลายสูตร

สำหรับ Predator Shot ไม่ได้มีขายแค่ไทย แต่มีจำหน่ายในไต้หวันและยุโรป โดยแต่ละประเทศก็จะมีสูตรและขนาดที่แตกต่างกันไป อาทิ สูตรไม่มีน้ำตาลในยุโรป ดังนั้น ต่อไปไทยจะมี Predator Shot รสชาติใหม่ ๆ รวมทั้งสูตรไม่มีน้ำตาลเข้ามาทำตลาดแน่นอน นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะทำเครื่องดื่มที่เยาวชนดื่มได้อีกด้วย

“เราไม่ได้ทำ Predator Shot ไว้เป็นกิมมิกทางการตลาดแต่เราทำจริงจัง มีฐานการผลิตในไทย และในอนาคตอาจต่อยอดไปเป็นสินค้าอื่น ๆ อย่างขนมขบเคี้ยวก็เป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจ แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป”

มุ่งสู่ไลฟ์สไตล์แบรนด์เต็มตัว

เครื่องดื่มชูกำลังไม่ใช่แค่สินค้าเดียวที่เอเซอร์ทำนอกเหนือจากคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก แต่ที่ผ่านมามาแบรนด์อย่าง Pawbo ผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ Xplova ดีไวซ์สำหรับใช้กับจักรยาน acerpure เครื่องฟอกอากาศ Acer Halo smart speaker ลำโพงอัจฉริยะ ซึ่งในปีหน้าเอเซอร์ระบุว่าจะรุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมากขึ้นอีกเพื่อย้ำภาพการมุ่งสู่ไลฟ์สไตล์แบรนด์เต็มตัว โดยเอเซอร์ตั้งเป้าปรับเปลี่ยนสัดส่วนรายได้จากสินค้าไอทีเป็น 85% อีก 15% เป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ภายใน 5 ปีจากนี้

ถือเป็นอีกภาพสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ที่แบรนด์เองจะอยู่เฉย ๆ อีกต่อไปไม่ได้ ต้องปรับตัวเพื่อสร้างการเติบโต พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอน สำหรับใครที่เป็นสาวกเอเซอร์ก็รอดูได้เลยว่าจะมีไอเทมใหม่ ๆ อะไรมาดูดเงินในกระเป๋าอีกบ้าง

]]>
1366669
Acer ทรานส์ฟอร์มสู่ไลฟ์สไตล์ ขาย “เครื่องกรองอากาศ” ท้าชนเสี่ยวหมี่! https://positioningmag.com/1321770 Wed, 03 Mar 2021 13:25:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1321770 แม้ว่าช่วง COVID-19 ที่ผ่านมาจะทำให้เกิดความต้องการในตลาดไอที โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์-โน้ตบุ๊กเพื่อใช้ในการ Work และ Learn form Home แต่เพราะปัญหาด้านซัพพลายเชนที่ยังไม่ฟื้น ทำให้ตลาดในไทยยังติบลบราว -6% แบรนด์ที่ขายก็ต้องขนสต๊อกเก่ามาระบายไปก่อน และเพราะความไม่แน่นอนนี้ทำให้ ‘เอเซอร์’ ไม่หยุดอยู่แค่ธุรกิจพีซี โดยเลือกที่จะข้ามไปเป็น ‘ไลฟ์สไตล์แบรนด์’ ที่ขายยันเครื่องดื่มชูกำลัง!

ปักหมุดไลฟ์สไตล์แบรนด์

แม้ว่าในปีที่ผ่านมา เอเซอร์ประเทศไทยจะสามารถเติบโตได้ในระดับ 2 หลัก สูงกว่าภาพรวมโลกที่เติบโตแค่หลักเดียว แต่จริง ๆ แล้วสามารถเติบโตได้มากกว่านี้หากไม่มีปัญหาด้านซัพพลายเชน ซึ่งกว่าจะกลับสู่ภาวะปกติอาจต้องรอถึงไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม เอเซอร์มองว่าตลาดพีซีนั้นยังเติบโตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเกมมิ่งและโน้ตบุ๊กบางเบา แต่คงไม่ได้โตแบบก้าวกระโดด

ดังนั้น บริษัทจึงต้องหาทางทำเงินใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตให้มากกว่านี้ นี่จึงเป็นเหตุให้บริษัทจะผันตัวเป็น ‘ไลฟ์สไตล์แบรนด์’ เน้นตอบโจทย์ทั้งด้านการใช้ชีวิต การทำงาน การเรียน และการเล่น (Live, Work, Learn, Play) โดยเปลี่ยนรูปแบบสินค้าให้รองรับกับชีวิตและไลฟ์สไตล์วิถีใหม่ รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง 5G, VR หรือ IoT ที่กำลังมีบทบาทในไลฟ์สไตล์คนในปัจจุบัน

“โควิดมันเปลี่ยนพฤติกรรมคนทั่วโลกไปแล้ว ต่อให้ไม่มีโควิดแต่การทำงานที่บ้านยังอยู่ การเดินทางน้อยลง ดังนั้น ตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่เฉลี่ยปีละ 2 ล้านเครื่องน่าจะเติบโตขึ้น แต่ผู้เล่นยังไงก็มีเท่าเดิม คงไม่มีผู้เล่นใหม่เข้ามาทำตลาดได้แล้ว เพราะตลาดมันตันมาหลายปีแล้ว” อลัน เจียง กรรมการผุู้จัดการประจำประเทศไทย และภูมิภาคอินโดจีน บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าว

อลัน เจียง กรรมการผุู้จัดการประจำประเทศไทย และภูมิภาคอินโดจีน บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด (คนซ้าย) นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด (คนกลาง) สุพงศ์ ตั้งตรงเบญจศีล รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจค้าปลีก (คนขวา)

ขายยันเครื่องดื่มชูกำลัง

ที่ผ่านมา เอเซอร์ก็เริ่มจับตลาดไลฟ์สไตล์แล้วบ้าง แต่เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น แบรนด์ ‘Pawbo’ ผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ หรืออย่าง ‘Xplova’ ดีไวซ์สำหรับใช้กับจักรยาน ล่าสุด เพิ่มสายสินค้าสมาร์ทแกดเจ็ตเข้ามามากขึ้น อาทิ ‘acerpure เครื่องฟอกอากาศ’, ‘Acer Halo smart speaker ลำโพงอัจฉริยะ’ รวมถึงแกดเจ็ตต่าง ๆ ที่จะทยอยออกมาให้เห็นในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเมาส์, คีย์บอร์ด, ไวเลสชาร์จเจอร์ และหูฟังทรูไวเลส

และที่เป็นไฮไลต์คือ ‘Predator Shot’ เครื่องดื่มชูกำลังสำหรับเกมเมอร์ ที่ปัจจุบันวางจำหน่ายแล้วในไต้หวันและแถบยุโรป ส่วนประเทศไทยคาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศไทยได้ในพฤษภาคมนี้ โดยเอเซอร์ได้วางแผนว่าจะผลิตและจำหน่ายในไทยและภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ เอเซอร์ยังมีแพลตฟอร์มโซเชียลสำหรับเกมเมอร์ โดยมีจุดเด่นที่เกมเมอร์สามารถเก็บสถิติการเล่นได้ สามารถจัดตั้งลีกการแข่งขัน พร้อมหาโค้ชเพื่อพัฒนาฝีมือได้ด้วย โดยแพลตฟอร์มนี้ก็จะช่วยสร้างรายได้ให้เกมเมอร์และเอเซอร์ในอนาคต

“เราเริ่มจากของใกล้ตัวโดยยัง Base On ธุรกิจดั้งเดิม แต่ก็ไม่ลิมิตตัวเองแค่ฮาร์ดแวร์เท่านั้น และอีกจุดแข็งของเราคือ บริการหลังการขายที่ให้ On Side Service 1 ปี เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค”

ไม่ทิ้งตลาดองค์กร

ในส่วนตลาดองค์กร เอเซอร์ระบุว่าจะเน้น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ การศึกษา สุขภาพ และอุตสาหกรรม โดยมีโซลูชันที่ใช้ตอบโจทย์ ได้แก่ Desktop Service Platform และ STEAM Education สำหรับกลุ่มการศึกษา ส่วนกลุ่มเฮลท์แคร์มีโซลูชัน VeriSee DR ที่นำ AI Technology มาใช้กับการแพทย์ในการทำการวิเคราะห์ วิจัย ด้วย VeriSee DR AI Technology และ Smart Industries Solution โซลูชันเพื่ออุตสาหกรรมที่ช่วยยกระดับการบริหารจัดการ ทั้งเครื่องจักรในสายการผลิต รวมถึงระบบคุณภาพน้ำ การจัดการของเสีย การควบคุมการใช้ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี IoT

ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของเอเซอร์ราว 85% มาจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ที่เหลือเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ อย่างไรก็ตาม เอเซอร์ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนฝั่งไลฟ์สไตล์ให้เป็น 50-50 ภายใน 5-7 ปี

]]>
1321770
‘เอเซอร์’ มองตลาดไอทีครึ่งปีหลังไม่ ‘แข่งราคา’ เหตุของไม่พอขาย เพราะซัพพลายยังไม่ฟื้น https://positioningmag.com/1297106 Tue, 15 Sep 2020 10:49:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1297106 ช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ‘การ์ทเนอร์’ ได้ออกมาประเมินถึงภาพรวมการลงทุนด้านไอทีของไทยและทั่วโลก โดยคาดว่าจะติดลบเพราะพิษ COVID-19 ดังนั้นลองไปดูตลาดในมุมของแบรนด์อย่าง ‘เอเซอร์’ (Acer) กันบ้าง ว่าตลาดไอทีปีนี้จะเป็นอย่างไร เมื่อมีปัจจัยในฝั่งของผู้บริโภคทั่วไปเข้ามาเกี่ยวข้อง

ครึ่งปีแรกติดลบ แต่ได้ครึ่งปีหลังช่วยกลบ

ในปีที่ผ่านมาภาพรวมตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมียอดขายราว 2.3 ล้านเครื่อง เติบโตประมาณ 3% แต่ในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับเดิมไม่เติบโต เนื่องจากกลุ่มลูกค้าองค์กรหรือ B2B ทั้งภาครัฐและเอกชนอาจติดปัญหาเรื่องจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงชะลอการลงทุน ส่งผลให้ครึ่งปีแรกตลาดติดลบ -7% แต่ด้วยอานิสงส์ของเทรนด์ Work from Home การเรียนออนไลน์ และเกมมิ่ง ที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเห็นสัญญาณการลงทุนจากภาคการศึกษา ดังนั้นเชื่อว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะช่วยทดแทนส่วนที่หายไปในช่วงครึ่งปีแรกได้

“เอเซอร์เองคงไม่ได้จะสามารถเติบโตไปกว่าตลาดได้ เพราะแม้ว่าเราจะเห็นความต้องการ แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องซัพพลายมีปัญหา โดยในช่วง COVID-19 ระบาดใหม่ ๆ ซัพพลายลดเหลือ 25% และแม้ปัจจุบันจะฟื้นในระดับ 80% แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ” นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าว

นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด

ไม่มีสงคราม ราคา แน่นอน

เนื่องจากซัพพลายที่ยังไม่พร้อม 100% แต่ตลาดยังมีความต้องการ ดังนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องมาตัดราคากัน สงครามราคาจึงไม่เกิดขึ้นแน่นอน ขณะที่ราคาเฉลี่ยของสินค้าในปีนี้ก็อยู่ที่ 22,000 บาท สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อยราว 1,000 บาท เนื่องจากลูกค้าเลือกสินค้าที่ตรงตามการใช้งาน ซึ่งจุดแข็งของเอเซอร์ คือ มีสินค้าตอบโจทย์ในทุก segment ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป, กลุ่มบางเบา, เกมมิ่งแบบเริ่มต้น, เกมมิ่งแบบฮาร์ดคอร์ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากเครื่องทั่วไป 25% กลุ่มบางเบา 50% และเกมมิ่ง 25% ซึ่งเกมมิ่งสามารถเติบโตกว่า 50% ในช่วง COVID-19

“บางบ้านปกติจะมีคอมพิวเตอร์กลางไว้แบ่งกันใช้งาน แต่พอต้องอยู่บ้านพร้อมกัน คอมฯ เครื่องเดียวก็ไม่พอ ดังนั้นเขาจึงต้องซื้อเพิ่มโดยเลือกใช้จากความต้องการของแต่ละคน ดังนั้นพนักงานเราจะถามทุกครั้งว่าต้องการซื้อไปใช้งานด้านไหน”

เกาะกระแส Work from Home ผุดแคมเปญ Work Anywhere

ต้องยอมรับว่าเพราะ COVID-19 ทำให้บริษัทต้องลดงบทำการตลาดลง 15% แต่ล่าสุดได้ออกแคมเปญใหม่ ‘Work Anywhere, Travel Together’ ซึ่งเป็นแคมเปญระดับโลก โดยเอเซอร์จับมือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้โครงการ Amazing Thailand โดยชวนคนไทยออกเที่ยวทั่วไทย วันไหนก็เที่ยวได้ ทำงานได้ในทุกที่ ทุกเวลาในแบบดิจิทัลไลฟ์สไตล์ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างสีสันให้แก่การท่องเที่ยวไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยลง ส่งผลให้ GDP ลดลงอีก 0.5%

นอกจากนี้ยังร่วมกับอินเทล จัดโปรโมชันลุ้นโชคสำหรับผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ Acer, Predator หรือ ConceptD ที่มี Intel Processor และลงทะเบียนสินค้าผ่าน Inbox Facebook : Acer Thailand สามารถรับสิทธิลุ้นรางวัลแพ็กเกจตั๋วเครื่องบินไป-กลับ พร้อมที่พัก 3 วัน 2 คืน ณ DEVASOM Sky Villa จ.พังงา พร้อมดินเนอร์สุดหรู (สำหรับ 4 ท่าน) จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 120,000 บาท รางวัลรองลงมาเป็น Acer Swift 3 โน้ตบุ๊ก จำนวน 20 รางวัลๆ ละ 23,990 บาท และรางวัลบัตรกำนัล Voucher ที่พักรถบ้าน (สำหรับ 2 ท่าน) จำนวน 100 รางวัลๆ ละ 6,000 บาท

“นี่ไม่ใช่แคมเปญ CSR เป็นแคมเปญการตลาด ซึ่งเราก็หวังผลและมองว่าคนไทยปรับตัวได้ดีกับเทรนด์ Work from Home ดังนั้นเชื่อว่า Workcation ทำได้จริง แต่ขึ้นอยู่กับองค์กรจะปรับตัวแค่ไหน และสุดท้าย ถ้าเฟืองไม่หมุน คนไม่มีกำลังซื้อทุกส่วนก็กระทบหมด ดังนั้นต้องช่วยกันกระตุ้น”

ทั้งนี้ กำหนดจับรางวัล วันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์บริการเอเซอร์ ศูนย์การค้าเซียร์รังสิต ประกาศผลทาง www.acerthailand.com ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2563 ตั้งแต่เวลา 10.00 น

]]>
1297106
‘เอเซอร์’ ประเมินตลาดไอทีอาจไม่ ‘ติดลบ’ เพราะอานิสงส์ New Normal และ ‘Gaming’ https://positioningmag.com/1284975 Wed, 24 Jun 2020 09:21:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1284975 ในปีที่ผ่านมาภาพรวมตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมียอดขายราว 2.3 ล้านเครื่อง เติบโตประมาณ 3% และแม้ปีนี้จะเจอพิษ Covid-19 เข้าไปอย่างจัง แต่ ‘เอเซอร์’ (Acer) เบอร์ 1 ในตลาดยังมองว่า ไม่ติดลบ เพราะด้วยอานิสงส์ของการ Work from Home การเรียนออนไลน์ และที่สำคัญ เกมมิ่ง ซึ่งเป็น 3 ปัจจัย New Normal ช่วยประคองตลาดอยู่

นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์คอมพิวเตอร์ จำกัด

นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าในไตรมาส 2 ของปี เอเซอร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีการเติบโต 2 หลัก รวมถึงในประเทศญี่ปุ่นและฮ่องกง แต่โดยรวมในช่วงครึ่งปีแรกติดลบไป -10% เนื่องจากผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถออกมาจับจ่ายได้ตามปกติ แต่หลังจากคลายล็อกดาวน์ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะผู้บริโภคมีความต้องการทั้งจากการ Work from Home, การเรียนออนไลน์ ที่เป็นพฤติกรรม New Normal ใหม่รวมถึงเกมมิ่งที่เติบโตอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดประเทศไทย แม้จะเห็นความต้องการเพิ่มมากขึ้นหลังจากคลายล็อกดาวน์ แต่มองว่าภาพรวมทั้งปีทั้งตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไทยและเอเซอร์ทั้งปีอาจทำได้เพียง ‘ทรงตัว’ ยังจะไม่เติบโต เพราะเศรษฐกิจยังไม่ดี ดังนั้นอาจจะมีผู้บริโภคบางส่วนที่ยังไม่มีกำลังซื้อ

“ในไทยช่วงไตรมาส 1 ต่อไตรมาส 2 ยอดขายดร็อปลงเพราะห้างปิด แต่หลังจากห้างเปิดเราเห็นความต้องการที่พุ่งขึ้น แต่อาจจะพูดไม่ได้ว่าตลาดจะเติบโต เพราะเศรษฐกิจยังไม่ดี เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวและเกษตรไทยยังไม่ฟื้น แต่ถือว่าเป็นโชคดีของธุรกิจไอทีที่ยังทรงตัวได้ไม่ติดลบ”

ทั้งนี้ เอเซอร์ได้มีการปรับกลยุทธ์หลายอย่างในช่วง Covd-19 ที่ผ่านมา โดยในไตรมาสแรกได้เพิ่มช่องทางออนไลน์ เอเซอร์ อีสโตร์ (Acer EStore) และเพิ่มธุรกิจใหม่ ไฮพอยท์ เซอร์วิส เน็ตเวิร์ค (Highpoint Service Network) ที่เป็นด้านธุรกิจด้านเซอร์วิสให้กับแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า Mobile Phone โดยสร้างมาเพื่อซัพพอร์ตองค์กรที่มีสินค้าหลายแบรนด์และใกล้หมดการรับประกัน ปัจจุบันเอเซอร์มีลูกค้าประมาณ 20-30 แบรนด์

“เราเคยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากบริการจะเป็น 15% แต่จาก Covid-19 ทำให้บางองค์กรชะลอการใช้จ่าย ดังนั้นเรามารปรับเป้าใหม่ โดยมองว่าใน 3-5 ปี ส่วนของบริการจะมีสัดส่วน 15-20% ของรายได้รวมเอเซอร์”

สำหรับการตลาดหลังจากนี้ เอเซอร์จะเน้นทำการตลาดออนไลน์เป็นหลัก อาทิ ทำโปรโมชั่นร่วมกับ E-Marketplace อย่างลาซาด้า ช้อปปี้ และมีแคมเปญ Back To School ในเดือนหน้า ขณะที่ส่วนของห้างสรรพสินค้าไม่ต้องทำอะไรมา หลังจากเห็นถึงดีมานด์ที่กลับมา เพราะแม้ผู้บริโภคอาจไปห้างน้อย แต่เลือกที่จะไปซื้อสินค้าจริง ๆ

ในส่วนของตลาดองค์กร เอเซอร์ยังคงโฟกัสไปที่ ตลาดการศึกษา แม้ว่าในช่วงที่มีการเลื่อนการเรียนการสอนจะทำให้ทีมต้องหยุดทำตลาด แต่หลังจากมีเรื่องการเรียนออนไลน์ทำให้เห็นความต้องการของตลาด โดยเอเซอร์สามารถซัพพอร์ตได้ทุกรูปแบบที่สถานศึกษาต้องการ ไม่ว่าจะซื้อเหมาให้นักเรียนเช่า ซื้อไปขายนักเรียนต่อ อีกทั้งยังมีพาร์ตเนอร์ในส่วนของเน็ตเวิร์กโซลูชั่น พร้อมรองรับการเรียนการสอนออนไลน์

“ตอนนี้ปัจจัยการเลือกสินค้าไม่ใช่ตัวโปรดักต์ แต่มีเรื่องของบริการ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้เปรียบ และตอนนี้ตลาดที่ยังเติบโตได้ดีคือเกมมิ่ง เพราะช่วง Covid-19 คนเล่นเกมเยอะ เมื่อเปิดเทอมหรือต้องซื้อเครื่องใหม่ก็จะเบนเข็มไปที่เกมมิ่ง ซึ่งเรามองว่ามันไม่ใช่ดีมานด์เทียมแน่นอน ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายของเอเซอร์สำหรับโน้ตบุ๊กทั่วไปอยู่ที่ 40% บางเบา 30% และเกมมิ่ง 30%”

]]>
1284975
เจาะกลยุทธ์ “เอเซอร์” ปี 2020 เติบโตอย่างไร เมื่อกระแสเกมมิ่งเริ่มแผ่ว https://positioningmag.com/1255604 Mon, 02 Dec 2019 15:11:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1255604 แม้ตลาดไอทีจะไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจมากนัก เพราะตลาดถูกขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะ “เกม” ที่เป็นปัจจัยหลักที่ดันให้ตลาดไอทีกลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่ในปีนี้แม้การเติบโตของสินค้ากลุ่มเกมมิ่งยังมี แต่กระแสกลับแผ่วลง ดังนั้น “เอเซอร์” จึงต้องหันมาหาตลาดใหม่ เพื่อรักษาตำแหน่งเบอร์ 1 ในตลาดไอทีไทยให้ได้

ลุยตลาดบางเบาจับชดเชยตลาดเกมมิ่ง

นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไทยในปีนี้คาดว่าปิดที่ 2.35 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นโน้ตบุ๊ก 1.2 ล้านเครื่อง ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบปีที่ผ่านมา ขณะที่มูลค่าคาดว่าเติบโตขึ้น เนื่องจากตลาดเกมมิ่งและตลาดบางเบา (thin&light) เป็นกลุ่มที่มีราคาสูงยังสามารถทำตลาดได้ดี ปัจจุบันกลุ่มบางเบาเริ่มต้นที่ 18,000-50,000 บาท มีสัดส่วนประมาณ 35% ของตลาด ส่วนเกมมิ่งเริ่มต้นที่ 18,000 บาทจนถึงหลักแสน มีสัดส่วนประมาณ 30-40%

สำหรับเอเซอร์ยังคงเป็นเบอร์ 1 ในตลาด ทั้งด้านจำนวนเครื่องและมูลค่าตลาด โดย 3 ไตรมาสที่ผ่านมาเอเซอร์มีส่วนแบ่งตลาด 21% และส่วนแบ่ง 28% ในตลาดโน้ตบุ๊ก โดยมีสัดส่วนยอดขายจากกลุ่มบางเบา 30% กลุ่มเกมมิ่ง 30% และสินค้าทั่วไป 40% โดยปีหน้าเอเซอร์จะเน้นหนักที่กลุ่มบางเบา โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกลุ่มบางเบาเป็น 40% โดยจะลดสัดส่วนกลุ่มทั่วไปให้เหลือราว 20-30%

“ผู้บริโภคเลือกซื้อที่ประสิทธิภาพมากกว่าราคา โดยดูจากการใช้งานเป็นหลัก ดังนั้นปีหน้าสินค้าจะยิ่งแบ่งกลุ่มชัด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการมากขึ้น เราเองก็ต้องพยายามหาสินค้าที่ตอบโจทย์เฉพาะทางมากขึ้น เช่น กลุ่มบางเบาเป็นที่ต้องการมากขึ้นในกลุ่มครีเอเตอร์ ส่วนกระแสเกมมิ่งปีนี้เริ่มแผ่วลง แต่ก็ยังเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนตลาด”

ช่วงสิ้นปีนี้ เอเซอร์เปิดตัวสินค้า 5 รุ่น เพื่อเจาะตลาดบางเบา ได้แก่ Swift 1 ราคาเริ่มต้น 12,990 บาท เน้นเจาะกลุ่มนักศึกษา Swift 3 ราคาเริ่มต้น 13,990 บาท เจาะกลุ่ม Frist Jobber ส่วน Swift 5 เริ่มต้นที่ 26,900 บาท และ Swift 7 เริ่มต้นที่ 49,900 บาท จะเน้นที่กลุ่มพรีเมียม ต้องการความสวยงามเป็นหลัก

แค่ที่ 1 ในใจ Gen Y ไม่พอ ต้องครองใจ Gen Z ด้วย

ทิศทางการทำตลาดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาของเอเซอร์ พยายามจะทำให้แบรนด์ดูเด็กลง โดยใช้ “อีสปอร์ต” จนปัจจุบันเอเซอร์แข็งแรงในกลุ่ม Gen Y โดยได้รับการจัดอันดับเป็นแบรนด์ไอทีอันดับ 1 ที่ Gen Y เลือก แต่ยังไม่เพียงพอ เอเซอร์ต้องการเข้าถึงลูกค้า Gen Z ให้มากขึ้น ดังนั้นทิศทางการตลาดในปีหน้าจะเน้นเจาะ Gen Z โดยจะเน้นจะทำตลาดในสถานศึกษามากขึ้น รวมทั้งทำดีไซน์โปรดักต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการ 

ดึงพันธมิตรจับกระแสรักษ์โลก

นอกจากการตลาดในอีสปอร์ต เอเซอร์ได้แคมเปญ “Together We Change” เพื่องดใช้ถุงพลาสติก โดยเน้นทำความเข้าใจผ่านตัวแทนค้าปลีกไอทีทั่วประเทศ ให้ช่วยในการส่งเสริมและเชิญชวนให้ลูกค้าร่วมลดใช้ถุงอย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันพันธมิตรที่ร่วมกับเอเซอร์ต่างก็รณรงค์เรื่องการงดใช้ถุงพลาสติก อาทิ แอดไวซ์ ที่งดให้ถุงพลาสติกทุกวันที่ 1 และ 15 ของเดือน ส่วนคอมเซเว่น งดแจกทุกวันอังคาร ไอที ซิตี้ มีบริการส่งสินค้าถึงรถ และเจไอบี แจกถุงผ้าแทน

“ที่เราทำแคมเปญ ไม่ใช่เพราะต้องการเอาใจคนรุ่นใหม่ แต่ต้องการแอคชั่นที่เป็นรูปธรรม เนื่องจากประเทศไทยใช้ถุงพลาสติก 45,000 ล้านใบ/ปี โดย 13,500 ล้านชิ้นมาจากร้านค้า และแบ่งเป็นสินค้าไอทีราว 12 ล้านใบ/ปี โดยเราตั้งเป้างดใช้พลาสติกให้ได้ 30% หรือ 3.6 ล้านใบภายใน 1 ปี และมีแผนนำต้นทุนที่ลดลงจากการงดใช้พลาสติกให้กับองค์กรที่ดูแลสิ่งแวดล้อม”

เสริมแกร่งอีคอมเมิร์ซให้คู่ค้า

แม้เอเซอร์เองจะไม่ได้เน้นตลาดออนไลน์มาก เพราะไม่ต้องการขายแข่งกับคู่ค้า แต่ภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยกำลังเติบโต โดยปัจจันคิดเป็นสัดส่วน 10% ของตลาดค้าปลีก ดังนั้นภายในไตรมาส 1 ปีหน้า เอเซอร์มีแผนจะทำหลังบ้านที่จะช่วยเสริมช่องทางออนไลน์ให้กับคู่ค้าสามารถขายสินค้าออนไลน์ของเอเซอร์ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเอเซอร์คำนึงถึงข้อจำกัดของหน้าร้านที่ไม่สามารถวางจำหน่ายสินค้าเอเซอร์ได้ครบ แต่ช่องทางออนไลน์สามารถทำได้ ดังนั้นส่วนของออนไลน์จะช่วยสร้างการเติบโตของเอเซอร์อีกทาง 

เกมมิ่งเกียร์ ตัวช่วยโตพร้อมตลาดดีไอวาย

สำหรับตลาดดีไอวายหรือคอมพิวเตอร์ประกอบ เป็นตลาดที่แข็งแรงมากคิดเป็น 70% ของตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ซึ่งแบรนด์ไม่สามารถไปเจาะได้ ดังนั้นเอเซอร์จึงหาแนวทางที่จะเติบโตไปพร้อมตลาดดีไอวาย โดยใช้สินค้าประเภทอุปกรณ์เสริม อาทิ จอภาพ ที่ปัจจุบันเอเซอร์เป็นที่ 1 มีส่วนแบ่งตลาด 30% และมองว่ามีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะจอภาพเกมมิ่ง เนื่องจากราคาเริ่มลดลงจากหลักหมื่นเหลือ 5,900 บาท นอกจากนี้เอเซอร์จะให้ความสำคัญสินค้าเกมมิ่งเกียร์มากขึ้นในปีหน้า โดยจะแทรกซึมไปกับสินค้าหลักของเอเซอร์

“ดีไอวายเป็นตลาดที่แบรนด์ไม่สามารถเจาะเข้าไปได้ เพราะคอมประกอบเป็นความต้องการของลูกค้าจริงๆ ดังนั้นเราหาทางเข้าไปร่วมในตลาดดีกว่า อย่างจอเป็นสิ่งที่เขาต้องมี รวมทั้งเมาส์ คีย์บอร์ด”

]]>
1255604
อยากต่างต้องแตก..เอเซอร์ แตก 3 แบรนด์ย่อยเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม https://positioningmag.com/1109167 Fri, 25 Nov 2016 02:52:01 +0000 http://positioningmag.com/?p=1109167 เอเซอร์ ประเมินว่าลูกค้ามีความต้องการที่แตกต่างและรู้ความต้องการของตนเอง ทำให้เอเซอร์ แตกแบรนด์ย่อยเพิ่มอีก 3 แบรนด์ เพื่อเจาะกลุ่มตลาดที่ต่างกัน
  • ตั้งแต่ไตรมาสสามปีนี้ เอเซอร์ ทั่วโลกได้เพิ่มแบรนด์ย่อยของผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊ก อีก 3 แบรนด์ จากเดิมที่มีเพียงแบรนด์เดียวคือ Aspire คือ 1.Switch โน้ตบุ๊กถอดได้ 2.Swift โน้ตบุ๊กบางเบา ราคาเริ่มต้นไม่สูง และ 3. Spin โน้ตบุ๊ก สามารถหมุนและพับได้ ขณะที่ Aspire ยังคงเป็นแบรนด์สำหรับกลุ่มเอ็นทรี
  • เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มมองหาโน้ตบุ๊กเครื่องที่สองและสามมาใช้งาน และส่วนใหญ่รู้ว่าต้องการได้โน้ตบุ๊กแบบไหนที่ตรงกับความต้องการของตนเอง
  • ภาพรวมของตลาดโน้ตบุ๊ก บาง และ เบา เติบโตขึ้นถึง 15% ในปีนี้ แต่ในตลาดกลับมีแต่ผู้เล่นที่นำเสนอราคาสูง
  • เมื่อก่อนเอเซอร์ไม่สามารถทำได้ ด้วยเทคโนโลยีที่ยังแพงอยู่ แต่พอเทคโนโลยีถูกลง เอเซอร์จึงพร้อมรุกตลาดอย่างเต็มที่ด้วยราคาที่ไม่แพงเหมือนเจ้าที่มีอยู่ในตลาด

1_acer

  • ภาพรวมตลาดคอมพิวเตอร์ปี 2559 เอเซอร์คาดว่าจะมีจำนวนอยู่ที่ 2.4 ล้านเครื่อง ลดลงจากปีที่แล้ว 3-4% ซึ่งมีขนาดตลาดอยู่ที่ 2.5 ล้านเครื่อง
  • ราคาเฉลี่ยในการซื้อโน้ตบุ๊กยังคงที่อยู่ที่ประมาณ 18,000 บาทต่อคนต่อเครื่อง
  • ไอดีซีระบุว่าไตรมาสสามปีนี้ เอเซอร์ยังคงเป็นผู้นำทั้งตลาดโน้ตบุ๊กด้วยส่วนแบ่งตลาด 29% และ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 20%
  • เพื่อรองรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคหาข้อมูลทางออนไลน์มากขึ้น ปีหน้าเอเซอร์จะใช้งบการตลาดกับช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น 
  • เน้นรุกตลาดองค์กรมากขึ้นด้วยจุดเด่นด้านโซลูชั่น เช่น คลาวด์ เพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาดและรักษาส่วนแบ่งตลาดเดิมไว้ เนื่องจากภาพรวมของตลาดจะยังคงไม่เติบโตมาก
]]>
1109167