Affiliate Marketing – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 31 Oct 2024 06:18:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 5 คำแนะนำทำ ‘Affiliate Marketing’ ฉบับ ‘อาตี๋รีวิว’ ครีเอเตอร์ Live Commerce ที่กวาดยอดขาย ‘100 ล้าน’ ในเดือนเดียว https://positioningmag.com/1496757 Thu, 31 Oct 2024 06:02:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1496757 จะเห็นว่าเทรนด์ Affiliate Marketing ถือเป็นเทรนด์ที่มาแรงมาก ๆ อย่างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างก็มีโปรแกรม Affiliate ไม่ว่าจะ Shopee, Lazada และ TikTok หรือล่าสุด YouTube ก็เปิดฟีเจอร์ YouTube Shopping ให้ครีเอเตอร์ปักตะกร้าได้ รวมไปถึงร้านสะด้วยซื้ออย่าง 7-Eleven หรือแม้แต่บริษัทอสังหาฯ รายใหญ่อย่าง แสนสิริ ก็ทำ Affiliate Marketing

คำถามคือ Affiliate Marketing ดีอย่างไร? ซึ่ง ตี๋โอ วุฒิพงศ์ ลิขิตชีวัน หรือ อาตี๋รีวิว ครีเอเตอร์ Live Commerce ที่ทำยอดขายได้ 100 ล้านบาทใน 1 เดือน ได้อธิบายว่า Affiliate Marketing เป็นการตลาดที่ ต้นทุนต่ำแต่สามารถเพิ่ม ROI (Return of investment) ได้ชัดเจน เพราะจ่ายค่าคอมมิชชั่นตามผลลัพธ์จริง

อย่างไรก็ตาม การทำ Affiliate Marketing มักใช้กับอินฟลูเอนเซอร์ หรือเว็บไซต์เฉพาะกลุ่ม เพื่อที่จะได้กลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับสินค้า และเข้าถึงผู้บริโภคกว้างแต่เฉพาะเจาะจง ดังนั้น Affiliate Marketing จะเติบโตตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เสพโซเชียลเยอะ ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่มีทั้งแบรนด์และแพลตฟอร์มโซเชียล หันมาเปิดโปรแกรม Affiliate Marketing โดย ตี๋โอ ได้แนะนำ 5 ข้อ เบื้องต้นสำหรับแบรนด์ที่จะเริ่มทำ Affiliate

  1. เลือกกลุ่ม Influencers และแพลตฟอร์มให้ตรงกับแบรนด์: เพื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับแบรนด์ให้มากที่สุด ต้องเลือกช่องทางที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น Social media, TikTok หรือ website ต่าง ๆ และต้องใช้ Influencers ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายแบรนด์ด้วย
  2. ตั้งเป้าหมายและอย่าสับสน: ต้องตั้งเป้าหมายให้ชัด ซึ่ง Affiliate ทำเพื่อเพิ่มยอดขายเป็นหลักอยู่แล้ว ดังนั้น อย่าไปสนใจผลลัพธ์อื่น ๆ เช่น ยอดวิว ซึ่งไม่ใช่เป้าหมาย
  3. กำหนดค่าคอมมิชชั่นให้เหมมาะสม: โดยแบรนด์ต้องกำหนดให้สอดคล้องกับมูลค่าสินค้า และต้องดูคู่แข่งด้วยว่ากำหนดอย่างไร ซึ่งบางแพลตฟอร์ม เช่น TikTok Shop สามารถดูได้ว่าค่าคอมมิชชั่นในแต่ละหมวดหมู่อยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งแบรนด์สามารถนำมาอ้างอิงได้
  4. หมั่นตรวจสอบคอนเทนต์อยู่เสมอ: เพราะบางคอนเทนต์อาจมีการสื่อสารที่ผิดพลาด และอาจมีผลกระทบกับชื่อเสียงของแบรนด์ โดยเฉพาะข้อมูล Overclaim เป็นต้น
  5. วัดผล: ต้องคอยติดตามวัดผลแคมเปญอยู่เสมอ เพื่อนำไปปรับปรุงแคมเปญในอนาคต

โดย ตี๋โอ เชื่อว่า ในปีหน้าการทำ Affiliate Marketing จะคึกคักมากยิ่งขึ้น จากจำนวน นายหน้า หรือ อินฟลูฯ ที่ทำ Affiliate ที่มีมากขึ้นตามแพลตฟอร์มที่เปิดให้ทำ Affiliate Marketing มากขึ้น 

]]>
1496757
เจาะลึก ‘YouTube Shopping’ อีกฟีเจอร์สร้างรายได้ใหม่ให้ทั้ง ‘ยูทูบ’ และ ‘ครีเอเตอร์’ รับเทรนด์ ‘Affiliate Marketing’ https://positioningmag.com/1495443 Fri, 25 Oct 2024 05:37:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1495443 เปิดฟีเจอร์อย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ YouTube Shopping ฟีเจอร์ที่ให้ครีเอเตอร์ ปักตะกร้า ขายของที่ร่วมกับ ช้อปปี้ (Shopee) ที่แม้ว่า YouTube จะไม่ได้ขายของเอง แต่ที่แน่ ๆ ฟีเจอร์นี้จะกลายเป็นแหล่งรายได้ทางใหม่ให้กับแพลตฟอร์มแน่นอน

เป็นแหล่งช้อปปิ้งโดยไม่รู้ตัว

หากพูดถึงขนาด เศรษฐกิจดิจิทัล ไทยถือเป็นเบอร์ 2 รองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากอินโดนีเซีย และตลาด อีคอมเมิร์ซ ก็เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจดิจิทัลไทย เพราะคิดเป็นสัดส่วนถึง 61% และในปี 2568 คาดว่ามูลค่าของอีคอมเมิร์ซจะแตะ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 16% ด้วยความที่ตลาดมีใหญ่ขนาดนี้ มีหรือที่ ยูทูบ (YouTube) จะไม่สนใจ

ประกอบกับจุดแข็งของแพลตฟอร์มที่ปัจจุบันได้กลายเป็น เสิร์ชเอนจิ้นอันดับ 2 รองจาก Google ที่ผู้บริโภคมักเข้ามาหา รีวิว เพื่อใช้สร้างความมั่นใจก่อนจะตัดสินใจ ซื้อสินค้า จนปัจจุบันยูทูบมี คลิปเกี่ยวกับการช้อปปิ้ง เช่น การรีวิวสินค้ามากกว่า 350 ล้านคลิป มีการรับชมกว่า 3 หมื่นล้านชั่วโมง ซึ่งเติบโตขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ จากผลการสำรวจโดย Kantar ยังระบุว่า ผู้ชมถึง 87% เห็นด้วยว่า YouTube ช่วยพวกเขาในการตัดสินใจซื้อสินค้า และ 93% รู้สึกว่าข้อมูลบน YouTube ทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจในสินค้าที่ซื้อมากขึ้น ดังนั้น ถ้าให้ครีเอเตอร์มาปักตะกร้าสินค้า ทำไมจะขายไม่ได้? เพราะที่ผ่านมา ก็มีหลายช่องที่แปะลิงก์ซื้อสินค้าของสปอนเซอร์กันเป็นปกติอยู่แล้ว

Affiliate Marketing เทรนด์แรงไม่แผ่ว

ยิ่งปัจจุบัน เม็ดเงินโฆษณาก็ถูกแบ่งให้หลายแพลตฟอร์ม และหลายแบรนด์ก็รัดเข็มขัด ทำให้เทรนด์ Affiliate Marketing ยิ่งกลายเป็นเทรนด์แรง เพราะถือว่า Win-Win ทั้งแบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์ เพราะต้นทุนของแบรนด์เป็นการ แบ่งค่าคอมมิชชั่น ยิ่งขายได้เยอะอินฟลูฯ ก็ยิ่งมีรายได้เยอะ ส่วนแบรนด์ก็วัดผลเป็นยอดขายได้ทันที และถ้าขายไม่ได้แบรนด์ก็ ไม่ต้องเสียเงิน

ดังนั้น ไหน ๆ อีคอมเมิร์ซก็เป็นตลาดใหญ่ และครีเอเตอร์บางช่องก็มีการแปะลิงก์สินค้าแล้ว YouTube เลยจับกับ Shopee เปิดฟีเจอร์ YouTube Shopping ให้ปักตะกร้าขายของไปเลย โดยสามารถปักได้หมดไม่ว่าจะเป็นวิดีโอสั้น วิดีโอยาว หรือแม้แต่ไลฟ์สตรีมมิ่ง และผู้ชมเองก็จะได้รับความสะดวกมากขึ้น โดยช้อปได้โดยไม่ต้องออกจากวิดีโอ

Win-Win ทั้ง ครีเอเตอร์, YouTube และ Shopee

ซึ่งฟีเจอร์นี้ ถือว่า Win-Win กันทุกฝ่าย เพราะฝั่งของครีเอเตอร์เองก็สามารถหารายได้เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากรายได้จากโฆษณา, รายได้จาก YouTube Premium, การเป็นสมาชิกของช่อง, และรายได้จากแฟน ๆ ไม่ว่าจะเป็น Super Thanks, Super Chat และ Super Stickers

ด้าน YouTube ก็แน่นอนว่าจะ มีรายได้จากส่วนแบ่งคอมมิชชั่นนี้ด้วย แม้ว่าในช่วง 6 เดือนแรกที่เปิดตัว ครีเอเตอร์จะยังได้คอมมิชชั่นเต็มก็ตาม และอีกประโยชน์ที่ได้ทางอ้อมก็คือ ผู้ใช้สามารถช้อปอยู่บนแพลตฟอร์มโดยไม่ต้องออกไปไหน

ส่วน Shopee เองก็เพิ่มโอกาสการขายของร้านค้าบนแพลตฟอร์ม รวมถึงยังขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ได้อีกด้วย เพราะปัจจุบัน คอนเทนต์คอมเมิร์ซ ถือว่ามีบทบาทสำคัญมากกับแพลตฟอร์ม โดยฟีเจอร์อย่าง Shopee Live และ Shopee Video ก็ส่งผลต่อยอดขายของผู้ขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยังช่วยให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ ต่างจังหวัด มากขึ้นด้วย

มุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ YouTube ประเทศไทย และ การัน อำบานี ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ ช้อปปี้ (ประเทศไทย)

อยากปักตะกร้าต้องเป็น YPP 1 หมื่นซับ

สำหรับประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ 4 ของโลกที่เปิดตัว YouTube Shopping ต่อจากประเทศสหรัฐอเมริกา, เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย โดยไทยยังถือเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อย่างไรก็ตาม สำหรับครีเอเตอร์ที่จะปักตะกร้าได้ต้องเป็นครีเอเตอร์ที่เข้าร่วมในโปรแกรม Youtube Partner Program (YPP) แล้ว และมีผู้ติดตามช่องมากกว่า 10,000 คนขึ้นไป โดยรายได้จะเข้าในบัญชี Google AdSense ภายใน 30 – 120 วัน

จะเห็นว่า YouTube ไม่ได้ทำแอปขายสินค้าเพิ่ม ไม่ได้ขายของเอง แต่เป็นแค่พื้นที่ให้ครีเอเตอร์นำสินค้าจาก Shopee มาขาย และสร้างรายได้จากยอดขายนั้น เรียกได้ว่าไม่ต้องพยายามเป็นอย่างอื่น แค่ใช้จุดแข็งของตัวเองก็พอ ใครที่เคยช้อปด้วย YouTube Shopping ลองคอมเมนต์มาหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง 

]]>
1495443
มองเทรนด์ ‘Affiliate Marketing’ ที่อาจหมดพลังในเร็ววัน เพราะแบรนด์ได้ยอด แต่ ‘อินฟลูฯ’ อาจหมดความน่าเชื่อถือ https://positioningmag.com/1471006 Wed, 24 Apr 2024 12:07:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1471006 ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์ Affiliate Marketing ที่เปิดให้คนทั่วไปสามารถแปะลิงก์สินค้าจะมาแรงในช่วงนี้ เพราะถือเป็นกลยุทธ์ที่ Win-Win กับทั้งคนแปะลิงก์และแบรนด์ เพราะใช้ต้นทุนไม่มาก เพราะจ่ายเมื่อมียอดขาย ส่วนคนแปะลิงก์ก็ได้ส่วนแบ่งไม่ต้องลงทุนอะไร ยิ่งเป็น Influencers ที่มีผู้ติดตามมาก ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการขายไปอีก

KOLs + Affiliate = Full Funnel

ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีนัก แบรนด์ต่าง ๆ ก็ต้องยิ่งแข่งขันกันหนักหน่วง ดังนั้น ทุกคนต่างก็ต้องการยอดขาย และหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตอบโจทย์ตั้งแต่ต้นจนจบก็คือ การใช้ KOLs/ Influencers กับ Affiliate Marketing เพราะใช้ได้ตั้งแต่การ ป้ายยา ไปจนถึงสามารถ ปิดการขาย ด้วยตัวเอง ยิ่งขายได้เยอะอินฟลูฯ ก็ยิ่งได้ค่าคอมมิชชั่น แบรนด์ก็วัดผลเป็นยอดขายได้ทันที และต้นทุนก็มีเพียงค่าคอมมิชชั่น ถ้าขายไม่ได้แบรนด์ก็ไม่ต้องเสียเงิน

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายแบรนด์หันมาใช้ Affiliate Marketing ไม่ว่าจะเป็น 7-Eleven หรือแม้แต่ แสนสิริ ที่ให้ค่าคอมมิชชั่นสูงสุดถึง 1 ล้านบาท! ล่าสุด เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ แห่ง อาร์เอส กรุ๊ป ก็ดึงศิลปิน-ดาราในสังกัดกว่า 120 ชีวิต ที่มียอดผู้ติดตามมากกว่า 20 ล้านบัญชี ทำ Affiliate Marketing

“เมื่อก่อนแบรนด์ใหญ่มีเงินใช้ทีวี ใช้สื่อหลัก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว สื่อพวกนี้ไม่มีพลังแล้ว” ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด กล่าว

Affiliate ยิ่งสร้าง Influencers

ปัจจุบัน แบรนด์ใช้เม็ดเงินโฆษณาไปกับ Influencers ประมาณ 20-25% ของงบการตลาด และ Affiliate Marketing กลายเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของจำนวน KOLs/ Influencers โดย ภวัต คาดว่าปัจจุบัน จำนวนของ KOLs/ Influencers ในไทยมีมากกว่า 2 ล้านราย และยังเติบโตได้อีก เนื่องจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีมากขึ้น และหลายคนก็ต้องการสร้างตัวตนบนโลกโซเชียลมากขึ้น และ Affiliate Marketing ก็เป็นอีกตัวช่วยในการหารายได้เสริม

เนื่องจากความนิยมและความร้อนแรงอย่างต่อเนื่องของ Influencers ที่นักการตลาด และผู้ประกอบการนิยมใช้งานมากขึ้น ทำให้กลายเป็นปัจจัยหลักที่ดันให้ เม็ดเงินสื่อดิจิทัลเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่แล้วเติบโต +14% และคาดการณ์โตต่อเนื่อง +8% ในปี 2024 นี้ (ข้อมูลจาก DAAT)

Affiliate เป็นดาบ 2 คมของ Influencers

แม้ว่าตอนนี้การทำ Affiliate Marketing ตอนนี้จะทวีความนิยม แต่เนื่องจากแบรนด์ที่ทำมากขึ้น เหล่า KOLs/ Influencers  มีการแปะลิงก์มากขึ้น อาจทำให้ผู้บริโภค ชินหรือเบื่อ นอกจากนี้ การแปะลิงก์ขายสินค้าของยังทำให้ KOLs/ Influencers สูญเสียความน่าเชื่อถือ และสักวัน Affiliate Marketing ก็จะเริ่มหมดพลังไป

“การทำ Affiliate Marketing มันไม่ส่งผลกับภาพแบรนด์ เพราะเขามองว่ามันก็เหมือนโฆษณาแบบหนึ่ง แต่ตัว Influencers จะได้รับผลกระทบ เพราะถูกมองว่าเสียตัวตนไปแล้ว เพราะบทบาทของ Influencers ที่ผู้บริโภคมองคือ ตัวช่วยตัดสินใจ ดังนั้น กระแส Affiliate ปีหน้าอาจจะเสื่อมความนิยมลง”

รู้จัก KOLs/ Influencers 5 กลุ่ม ได้แก่

  • Mega – Celeb : > 1,000,000 followers ค่าตัว 200,000 – 1,00,000+ บาท
  • Macro : 500,000-1,000,000 followers ค่าตัว 80,000 – 200,000 บาท
  • Mid tier : 100,000-500,000 followers ค่าตัว 30,000 – 150,000 บาท
  • Micro : 10,000-100,000 followers ค่าตัว 10,000 – 30,000 บาท
  • Nano : 1,000-10,000 followers ค่าตัว 3,000 – 15,000 บาท

โดย Influencer พบว่าแบรนด์ส่วนใหญ่นิยมใช้มากที่สุดคือ กลุ่ม Micro และ Nano เนื่องจากผู้บริโภคมองว่า น่าเชื่อถือมากกว่า

]]>
1471006