apple – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 17 Apr 2024 04:10:49 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘ทิม คุก’ ซีอีโอ Apple ประกาศเดินหน้าลงทุนใน ‘เวียดนาม’ เพื่อเดินหน้ากระจายซัพพลายเชนของบริษัทออกจากจีน https://positioningmag.com/1470181 Wed, 17 Apr 2024 03:57:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470181 นอกจากประเทศอินเดียแล้ว เวียดนาม ก็เป็นอีกประเทศที่มีความสำคัญต่อ Apple มากขึ้น เนื่องจากบริษัทพยายามที่จะกระจายซัพพลายเชนออกจากจีน โดยล่าสุด ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอของ Apple ก็ได้ไปเยือนเวียดนาม พร้อมประกาศว่าต้องการเพิ่มบทบาทของซัพพลายเชนเวียดนาม

เนื่องจากการหยุดชะงักของซัพพลายเชนในจีนช่วงที่ COVID-19 ระบาด รวมถึงความขัดแย้งกับรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ Apple เริ่มมองหาการย้ายการผลิตไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น อินเดีย และ เวียดนาม โดย Apple ได้เพิ่มการลงทุนในเวียดนามเป็น 2 เท่า นับตั้งแต่ปี 2019 คิดเป็นเงินลงทุนกว่า 16,000 ล้านดอลลาร์ ช่วยสร้างงานกว่า 2 แสนตำแหน่ง

นับตั้งแต่ปี 2022 Apple มีซัพพลายเออร์ 26 รายและมีโรงงาน 28 แห่งในเวียดนาม โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในจังหวัดทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับซัพพลายเชนที่มีอยู่ในจีนตอนใต้ได้อย่างง่ายดาย ปัจจุบัน เวียดนามตอนเหนือยังเป็นศูนย์กลางในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ล่าสุด Tim Cook ซีอีโอของ Apple ได้ไปเยือนเวียดนามเป็นเวลา 2 วัน โดย ตามรายงานของสื่อทางการ Voice of Vietnam ระบุว่า เขาได้หารือกับ ฝั่ม มิญ จิ๊ญ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และได้เปิดเผยว่า Apple ต้องการ เพิ่มบทบาทของซับพลายเชนในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยถึงรายระเอียดแผนการลงทุนว่าจะใช้เงินจำนวนเท่าไหร่และจะใช้หรือจะเน้นไปที่ส่วนใด

ทั้งนี้ การเดินทางเยือนเวียดนามของทิม คุก เกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามสนับสนุนการดำเนินบทบาทเป็นซัพพลายเชนระดับโลกของเวียดนาม เพื่อพยายามลดการพึ่งพาจากจีน

AP / VOV

]]>
1470181
Apple และบริษัทอื่นๆ ทั่วโลก เรียกร้องให้รัฐบาลอินโดนีเซียพิจารณามาตรการจำกัดการนำเข้าสินค้า เน้นผลิตในประเทศ https://positioningmag.com/1469253 Fri, 05 Apr 2024 08:43:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469253 บริษัทหลายแห่งทั่วโลก เรียกร้องให้รัฐบาลอินโดนีเซียพิจารณามาตรการจำกันการนำเข้าสินค้า 4,000 รายการ ซึ่งกระทบกับบริษัทต่างชาติไม่ว่าจะเป็น Apple คาดว่า MacBook Pro ที่วางจำหน่ายในอินโดนีเซียนั้นสินค้าจะหมดสต๊อกภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ หรือแม้แต่ผู้ผลิตยางรถยนต์อย่าง Michelin ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่าหลายบริษัททั่วโลกไม่ว่าจะเป็น Apple ไปจนถึง Michelin ได้เรียกร้องให้รัฐบาลอินโดนีเซียพิจารณามาตรการจำกันการนำเข้าสินค้า เนื่องจากเป้าหมายรัฐบาลต้องการให้มีการผลิตสินค้าในประเทศแทนการนำเข้า

รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกมาตรการห้ามนำเข้าสินค้า 4,000 รายการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมานั้นต้องการที่จะทำให้บริษัทต่างๆ มาตั้งฐานการผลิตในประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลมองว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศในระยะยาว

ถ้าหากบริษัทไหนต้องการที่จะนำเข้าสินค้าใน 4,000 รายการดังกล่าวจะต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ และในการขออนุญาตจะต้องส่งคาดการณ์เกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าเหล่านี้

ประเด็นดังกล่าวนั้นยังรวมถึงรัฐบาลอินโดนีเซียไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว ทำให้เกิดความสับสน กับบริษัทต่างๆ ทั่วโลกถึงมาตรการดังกล่าว เนื่องจากบริษัทต่างชาติจะต้องมีการวางแผนในด้านธุรกิจตลอดเวลา

และมาตรการดังกล่าวยังสวนทางกับนโยบายของอดีตประธานาธิบดี โจโก วีโดโด ซึ่งพยายามที่จะเป็นมิตรต่อบริษัทต่างชาติ และต้องการให้บริษัทจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน ซึ่งเขาได้ชักชวนบริษัทดังๆ เช่น Tesla และ SpaceX ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายแห่ง หรือแม้แต่บริษัทอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สินค้าที่รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกมาตรการจำกัดการนำเข้าที่หลายบริษัทต่างชาติได้รับผลกระทบถ้วนหน้ามีตั้งแต่ การห้ามนำเข้า Laptop ซึ่งกระทบกับ Apple และบริษัทรายอื่น โดยคาดว่า MacBook Pro ที่วางจำหน่ายในอินโดนีเซียนั้นสินค้าจะหมดสต๊อกภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้

ขณะที่สินค้าประเภทเคมีภัณฑ์กระทบกับ Michelin ผู้ผลิตยางรถยนต์นั้นวัสดุเคมีภัณฑ์ที่นำเข้าจากทวีปยุโรปในช่วงเดือนมีนาคมนั้นคาดว่าวัสดุดังกล่าวจะหมดสต๊อกภายในระยะเวลา 2-3 เดือนหลังจากนี้

ความเคลื่อนไหวล่าสุดนั้น Michelin ได้ทำงานร่วมกับบริษัทต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวเพื่อจะแก้ปัญหา และมองโลกในแง่ดีว่ารัฐบาลอินโดนีเซียจะแก้ปัญหานี้ได้ และหลายบริษัทเตรียมพูดคุยกับตัวแทนของรัฐบาลอินโดนีเซียในปัญหาดังกล่าวแล้ว

]]>
1469253
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ฟ้อง Apple ข้อหาผูกขาดตลาดมือถือ คุกคามตลาดเสรี ใช้เล่ห์เหลี่ยมกีดกันคู่แข่ง https://positioningmag.com/1466881 Thu, 21 Mar 2024 17:53:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466881 แอปเปิล (Apple) ได้ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ รวมถึงอัยการของ 16 รัฐ ได้ฟ้องในข้อหาผูกขาดตลาดโทรศัพท์มือถือ และยังใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไม่ให้ลูกค้าย้ายไปใช้ผลิตภัณฑ์คู่แข่ง ไปจนถึงการไม่ให้เข้าถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ ขณะที่ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิต iPhone นั้นกล่าวว่าพร้อมที่จะต่อสู้เรื่องดังกล่าว

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ รวมถึงอัยการของรัฐต่างๆ รวมกัน 16 รัฐ ได้ยื่นฟ้อง Apple ในข้อหาผูกขาดตลาดโทรศัพท์มือถือ และใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆ เพื่อที่จะกีดกันคู่แข่งไม่ให้เข้าถึงบริการต่างๆ ของบริษัท หรือแม้แต่ข้อหาทำให้ผู้บริโภคหรือแม้แต่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น

ในการยื่นฟ้องต่อ Apple มีหลากหลายข้อกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็น การกีดกันข้อความสั้นของ Android การเก็บค่าคอมมิชชั่นภายใน App Store 30% การห้ามเข้าถึงระบบ Wallet หรือแม้แต่การกีดกันไม่ให้คู่แข่งสามารถเข้าถึง Apple Watch หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้ เป็นต้น

พฤติกรรมดังกล่าวของ Apple หลายปีที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ รวมถึงอัยการของรัฐต่างๆ รวมกัน 16 รัฐ สั่งฟ้อง Apple โดยชี้ว่ายักษ์ใหญ่รายดังกล่าวได้ทำให้การแข่งขันนั้นย่ำแย่ลง และยังชี้ว่าคำกล่าวอ้างของคดีนี้นั้นจะทำลายความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้บริโภคนั้นไม่เป็นความจริง

Merrick Garland อัยการสูงสุดของสหรัฐได้ชี้ว่า Apple รักษาอำนาจ (ในการผูกขาด) ไว้ไม่ใช่เพราะความเหนือกว่า (ผู้เล่นรายอื่น) แต่เป็นเพราะพฤติกรรมกีดกัน ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังชี้ว่า การผูกขาดในกรณีของ Apple ได้คุกคามตลาดเสรี ซึ่งเป็นรากฐานของเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา

ข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยังชี้ว่า ส่วนแบ่งของ Apple ในตลาดสมาร์ทโฟนในสหรัฐฯ นั้นเกิน 70% และส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกของบริษัทเกิน 65% อีกด้วย

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Apple ได้ถูกสหภาพยุโรปปรับเงินบริษัทมากถึง 1,800 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยเกือบๆ 70,000 ล้านบาท (ในช่วงเวลานั้น) จากข้อหาที่ผูกขาด App Store และขัดขวางไม่ให้คู่แข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการ Music Streaming รายอื่นสามารถแจ้งผู้ใช้งานได้ว่าสามารถจ่ายเงินค่าบริการจากนอกแพลตฟอร์มได้

ทางฝั่งของ Apple ได้ให้คำมั่นว่าจะต่อสู้กับคดีนี้อย่างจริงจัง และปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยมองว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้นทำลายเรื่องของนวัตกรรมด้วยซ้ำ

ที่มา – The Verge, CNN, NBC News

]]>
1466881
สื่อนอกรายงาน “Apple” ซุ่มดีล “Gemini” เครื่องมือ AI ของ “Google” มาเป็นฟีเจอร์บน “iOS” https://positioningmag.com/1466683 Mon, 18 Mar 2024 11:15:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466683 สำนักข่าว Bloomberg รายงานจากแหล่งข่าววงในว่า “Apple” กำลังเจรจาดีลกับ “Google” เพื่อดึง “Gemini” มาเป็นฟีเจอร์เครื่องมือ AI ในระบบ “iOS” ของ iPhone คาดระบบ AI ของบริษัทเองพัฒนาไม่ทันตลาด

แหล่งข่าววงในกล่าวกับทาง Bloomberg ว่า Apple กำลังขอลิขสิทธิ์เทคโนโลยี AI ของ Google เพื่อมาใช้อัปเดตบน iOS ภายในปีนี้ นอกจากนี้ Apple ยังมีการเจรจากับทาง OpenAI ด้วยอีกทางหนึ่งเพื่อนำโมเดล GPT มาใช้บน iOS เช่นกัน

ที่ผ่านมา Apple ได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่าจะต้องลงทุนและออกฟีเจอร์ด้าน AI ให้ทันกับตลาด ท่ามกลางบริษัทเทคมากมายที่มีการพัฒนาด้าน AI ไปแล้ว เช่น OpenAI, Microsoft, Anthropic และ Google จนกระทั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา “ทิม คุก” ซีอีโอของ Apple ต้องเอ่ยปากว่าบริษัทจะมีฟีเจอร์ Gen AI ภายในปีนี้

จากการดูประกาศรับสมัครงานของบริษัท Apple ตั้งแต่ปี 2023 จะเห็นได้ว่า Apple มีการทำงานทั้งกับเครื่องมือ Gen AI ภายนอกและเครื่องมือภายในที่พัฒนาเอง อย่างไรก็ตาม การเข้าเจรจากับบริษัทภายนอก (third-party) เพื่อนำเทคโนโลยี AI มาใช้งาน สะท้อนให้เห็นว่า Apple อาจจะไม่ได้พัฒนาด้าน AI ของตัวเองได้เร็วอย่างที่คาดหวังไว้

โมเดล AI ของ Apple เองอาจจะนำมาใช้ในฟีเจอร์บางอย่างสำหรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ “iOS 18” ที่มักจะประกาศเป็นประจำทุกเดือนมิถุนายนของทุกปีที่งาน Worldwide Developer Conference (WWDC) อย่างไรก็ตาม การหาพันธมิตรภายนอกสำหรับโมเดล Gen AI คาดว่าอาจจะนำมาใช้ในฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับการสร้างภาพขึ้นมาใหม่และการช่วยในการเขียนของผู้ใช้

ฟากเครื่องมือ “Gemini” ของ Google เองก็ยังมีปัญหาในการใช้งาน การประมวลผลออกมายังทำได้ไม่ถูกต้อง และเมื่อสัปดาห์ก่อน Google ประกาศว่าบริษัทได้ ‘บล็อก’ การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทุกหัวข้อบน Gemini ทั่วโลกแล้ว อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว TechCrunch สำรวจพบว่าผู้ใช้ก็ยังหาทางเลี่ยงการควบคุมนี้ด้วยการป้อนรูปแบบคำถามให้เลี่ยงข้อบังคับพวกนี้ได้อยู่

แม้ว่าจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ Google ก็ยังได้เปรียบในตลาดในการออกฟีเจอร์ใช้งานของกลุ่มสมาร์ทโฟน เมื่อต้นปีนี้เอง บริษัทเพิ่งจะร่วมเป็นพันธมิตรกับ Samsung เพื่อนำ Gemini ไปใช้เป็นฟีเจอร์ของสมาร์ทโฟนซีรีส์ Galaxy S24 เช่น ถอดเทปจากการบันทึกเสียงและสรุปเป็นข้อความสั้นๆ (มีประโยชน์ในการจดโน้ตการประชุม), ปรับแต่งภาพ ลบวัตถุ เติมส่วนของภาพที่ขาดหาย, ลากวงกลมรอบสิ่งของบนภาพเพื่อให้ AI ค้นหาข้อมูลให้ ทั้งนี้ ฟีเจอร์เหล่านี้ Google เองมีการนำไปใช้กับมือถือ Pixel ของบริษัทด้วยเช่นกัน

Source

]]>
1466683
Apple เริ่มทดสอบ AI ผ่านระบบลงโฆษณาบน App Store กับผู้ใช้บางกลุ่มแล้ว อาจเห็นเทคโนโลยีดังกล่าวเพิ่มขึ้นบนสินค้าของบริษัท https://positioningmag.com/1465978 Tue, 12 Mar 2024 03:03:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1465978 แอปเปิล (Apple) ได้เริ่มนำเทคโนโลยี AI มาใช้มากขึ้น โดยเริ่มทดสอบผ่านระบบแคมเปญโฆษณาบน App Store กับผู้ใช้บางกลุ่มแล้ว โดยคาดว่าบริษัทเตรียมนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้งานในส่วนอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นหลังจากนี้

Business Insider รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า Apple บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มนำเทคโนโลยี AI มาทดสอบแล้ว โดยทดลองกับระบบแคมเปญโฆษณาบน App Store กับผู้ใช้งานกลุ่มเล็กๆ บ้างแล้ว

ลักษณะเทคโนโลยี AI ที่นำมาใช้กับแคมเปญโฆษณานั้นจะคล้ายคลึงกับ Advantage+ ของ Meta และ Performance Max ของ Google โดยเทคโนโลยี AI ที่ Apple นำมาใช้จะช่วยให้ผู้ใช้งานที่นำโฆษณามาลงนั้นจะหาพื้นที่ในการโฆษณาที่ดีที่สุดให้

แหล่งข่าวของสื่อรายดังกล่าวยังได้รายงานว่า Apple ได้กล่าวกับผู้ที่ลงโฆษณาว่า การทดสอบของบริษัทเพื่อเรียนรู้วิธีปรับปรุงประสิทธิภาพของ Apple Search Ads และคาดว่าบริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Apple ได้ยกเลิกโครงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอัตโนมัติ และหันมาโฟกัสกับเทคโนโลยี AI เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปี 2023 ที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มทดสอบเทคโนโลยี AI บ้างแล้ว เช่น การทดสอบระบบแชทบอท AI เพื่อช่วยบริการลูกค้า

อย่างไรก็ดีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า Apple มีความระมัดระวังในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งาน ซึ่งจะเห็นได้จากท่าทีของ Tim Cook ซึ่งเป็น CEO ของบริษัท พยายามที่จะผลักดันให้มีกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับ AI ให้กว้างขวางขึ้น รวมถึงความกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานซึ่ง Apple ชูเป็นจุดขายมาโดยตลอด

อ้างอิงข้อมูลจาก Omdia ธุรกิจโฆษณาของ Apple คาดว่าจะสร้างรายได้ถึง 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 นี้ เพิ่มขึ้น 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐจากปี 2023 โดยรายได้ส่วนใหญ่ของธุรกิจโฆษณาบริษัทคือมาจากโฆษณาบนการค้นหาของ App Store

แม้ว่าเทคโนโลยี AI อันใหม่ของ Apple เหมือนว่าจะจำกัดอยู่ใน App Store แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการโฆษณาบนมือถือกล่าวกับสื่อรายดังกล่าวว่าในที่สุด Apple จะขยายไปยังคุณสมบัติอื่นๆ ไปยังแอปหรือการใช้งานในส่วนอื่นได้หลังจากนี้

]]>
1465978
พี่ใหญ่กลับมาแล้ว! ยอดขาย iPhone ในจีนลดลง 24% หลัง Huawei ฟื้นคืนชีพ ยอดขายพุ่ง 64% https://positioningmag.com/1465288 Wed, 06 Mar 2024 03:00:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1465288 ดูเหมือนว่าการกลับมาของ หัวเว่ย (Huawei) จะมีผลกับตลาดสมาร์ทโฟนของจีนอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกับ iPhone ของ Apple ที่นับตั้งแต่เปิดปี 2024 มา 6 สัปดาห์ ยอดขายของ iPhone ก็ร่วงถึง 24%   

ตามรายงานของ Counterpoint Research พบว่า ในช่วง 6 สัปดาห์แรกของปี 2024 ยอดขายของ iPhone ลดลง 24% เนื่องจาก Apple เผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากบริษัทสมาร์ทโฟนของจีน ไม่ว่าจะเป็น Huawei, Oppo, Vivo และ Xiaomi โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงกดดันจาก Huawei ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน ที่กำลังฟื้นตัวหลังจากเปิดตัวสมาร์ทโฟน Mate 60

อย่างไรก็ตาม ตลาดสมาร์ทโฟนโดยรวมในจีนหดตัวลง 7% ซึ่งไม่ใช่แค่ยอดขาย iPhone ที่ลดลง แต่บริษัทสมาร์ทโฟนคู่แข่งหลายรายในจีนก็มียอดขายลดลงเช่นกัน เพียงแต่การลดลงดังกล่าวมีความชัดเจนน้อยกว่าของ Apple อาทิ Vivo และ Xiaomi ลดลง 15% และ 7% ตามลำดับ ยกเว้น Oppo ที่ลดลงมากถึง 29%

สำหรับแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในช่วง 6 สัปดาห์แรก ได้แก่ Huawei และ Honor อดีตแบรนด์ลูกของ Huawei ที่แยกออกมาในปี 2020 อันเป็นผลมาจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ โดยการจัดส่งสมาร์ทโฟน Huawei เพิ่มขึ้น +64% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงหกสัปดาห์แรกของปี 2024 ส่วน Honor เพิ่มขึ้น +2%

ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนในจีนของ Apple ลดลงเหลือ 15.7% ทำให้ตกมาอยู่อันดับ 4 จากเดิมอยู่ที่อันดับ 2 ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ซึ่งเคยครองส่วนแบ่งตลาดที่ 19% ส่วน Huawei ไต่ขึ้นมาอยู่อันดับ 2 โดยส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 16.5% จากเดิม 9.4% ในปีก่อนหน้า ปัจจุบัน แบรนด์ที่มีส่วนแบ่งตลาดในจีน 5 อันดับแรก ได้แก่ Vivo, Huawei, Hornor, Apple และ Xiaomi

ต้องยอมรับว่าครั้งหนึ่ง Huawei เคยเป็นผู้เล่นสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดในโลก หากวัดจากปริมาณการขาย และ Huawei เป็นผู้เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนจากจีนเพียงรายเดียวที่สามารถงัดกับ Apple ได้ในตลาดระดับไฮเอนด์ แต่จากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ทำให้ Huawei สูญเสียความสามารถในการแข่งขันเนื่องจากขาด 5G และไม่มีเซมิคอนดักเตอร์ที่ล้ำสมัย แต่ในปีที่ผ่านมา Huawei ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนชื่อ Mate 60 ซึ่งสามารถเชื่อมต่อ 5G ได้ ส่งผลให้แบรนด์ Huawei เริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

“Huawei กำลังกลับมาอีกครั้งโดยพยายามที่จะดึงลูกค้าที่ 2-3 ปีก่อนได้ย้ายค่ายไปใช้ iPhone และไม่ใช่แค่ Apple แต่แบรนด์จีนอื่น ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความร้อนแรงของ Huawei ในกลุ่มพรีเมียม” Neil Shah นักวิเคราะห์จาก Counterpoint Research กล่าว

Source

]]>
1465288
Apple โดนสหภาพยุโรปปรับเป็นเงินก้อนใหญ่เกือบ 70,000 ล้านบาท จากประเด็นผูกขาด App Store https://positioningmag.com/1465072 Tue, 05 Mar 2024 03:45:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1465072 สหภาพยุโรปปรับเงิน Apple มากถึง 1,800 ล้านยูโร จากประเด็นผูกขาด App Store หลังจากที่ Spotify ได้ร้องเรียนการขัดขวางไม่ให้แจ้งผู้ใช้งานว่าสามารถจ่ายเงินค่าบริการจากนอกแพลตฟอร์มได้ ซึ่งเม็ดเงินค่าปรับดังกล่าวสูงกว่าที่คาดไว้

Apple ถูกสหภาพยุโรปปรับเป็นเงินมากถึง 1,800 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยเกือบ 70,000 ล้านบาท จากข้อหาที่ผูกขาด App Store และขัดขวางไม่ให้คู่แข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการ Music Streaming รายอื่นสามารถแจ้งผู้ใช้งานได้ว่าสามารถจ่ายเงินค่าบริการจากนอกแพลตฟอร์มได้

ปัจจุบัน Apple ห้ามแอปประเภท Music Streaming แจ้งผู้ใช้งาน iOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับ iPhone และ iPad ว่าสามารถสมัครสมาชิกด้านนอกแอปที่มีราคาถูกกว่าการสมัครผ่านแอปใน iOS ได้ ซึ่งถ้าหากมีการสมัครผ่านแอปโดยตรงนั้นจะโดน Apple หักค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก 30% ทำให้ผู้พัฒนาแอปหลายรายไม่พอใจ

ขณะเดียวกันค่าปรับดังกล่าวยังสูงกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ ซึ่งในตอนแรกคาดว่าจะอยู่ที่ราวๆ 500 ล้านยูโรเท่านั้น

คำตัดสินดังกล่าวมาจากข้อกล่าวหาที่ Spotify ได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการยุโรปถึงพฤติกรรมของ Apple ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เช่น การขวางไม่ให้อัปเดตตัวแอป เนื่องจากบริษัทให้ผู้ใช้งานรายใหม่สมัครสมาชิกนอกแอปฯ ของตัวเองจะได้ฟังเพลงฟรี 3 เดือนในราคา 0.99 เหรียญเท่านั้น

Margrethe Vestager กรรมาธิการการแข่งขันของคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า Apple ใช้ตำแหน่งที่โดดเด่นในทางที่ผิดมานานนับ 10 ปี หลังจากนี้ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จะต้องยกเลิกข้อจำกัดที่มีอยู่ทั้งหมด

รายได้จาก App Store นั้นถือว่าเป็นรายได้สำคัญของ Apple ปัจจุบันรายได้ในส่วนดังกล่าวนั้นมีสัดส่วนมากกว่า 20% ของรายได้รวมของบริษัทแล้ว

ไม่ใช่แค่สหภาพยุโรปเท่านั้นที่มองถึงเรื่องการผูกขาด App Store แต่หน่วยงานกำกับดูแลหลายประเทศเองเริ่มบีบ Apple หรือแม้แต่ Google ให้เปิดเสรีมากขึ้น เนื่องจากมองว่าผู้เล่นรายอื่นควรที่จะเข้ามาแข่งขันได้ เช่น ในกรณีของญี่ปุ่น เป็นต้น

ทางฝั่งของ Apple กล่าวว่าจะอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว และมองว่าผลการตัดสินนั้นผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือฝั่งของ Spotify ซึ่งได้เข้าพบกับคณะกรรมาธิการยุโรปมากถึง 65 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา และมองว่าบริษัทไม่ได้ผูกขาดบริการ Music Streaming เนื่องจาก Spotify มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง 56% ในทวีปยุโรป

ที่มา – BBC, CNN, The Guardian

]]>
1465072
ไม่ได้ไปต่อ! ‘Apple’ ยกเลิกการพัฒนา ‘รถยนต์ไฟฟ้าอัตโนมัติ’ https://positioningmag.com/1464178 Wed, 28 Feb 2024 03:59:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1464178 ในปีที่ผ่านมา ภาพรวมตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ทั่วโลกมีการเติบโตขึ้นอย่างมาก อ้างอิงจากตลาดประเทศไทยที่มียอดจดทะเบียนในปี 2023 ก็มีสูงถึง 76,314 คัน เติบโตขึ้นถึง +684.4% ทำให้แม้แต่บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนหลายรายก็หันมาจับตลาดนี้

ย้อนไปปี 2014 หนึ่งในบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Apple ก็มีข่าวว่าได้ซุ่มพัฒนา รถยนต์ไฟฟ้าอัตโนมัติ เพื่อแข่งขันกับ เทสล่า (Tesla) อดีตค่ายรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก โดยข่าวลือดังกล่าวเกิดจากการที่ Apple ได้ก่อตั้ง โปรเจกต์ไททัน (Project Titan) ซึ่งมีการจ้างพนักงานหลายพันคน โดยเฉพาะวิศวกรยานยนต์และผู้มีความสามารถอื่น ๆ จากบริษัทรถยนต์

แต่ดูเหมือน Apple จะพับโครงการนี้เสียแล้ว เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างในโปรเจกต์ดังกล่าวหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงการเลิกจ้างในปี 2019 และมีข่าวว่าพนักงานราว 2,000 คนในโครงการนี้อาจถูกย้ายไปยังส่วนต่าง ๆ ของบริษัท เช่น ทีม generative AI หรืออาจจะถูกเลิกจ้างได้

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีโครงการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ รวมถึงซอฟต์แวร์ Infotainment CarPlay ซึ่ง Apple ระบุว่าได้รับการติดตั้งในรถยนต์ใหม่ 80%

ไม่ใช่แค่ Apple ที่มีความคิดจะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังมีบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและบริษัทเทคโนโลยีอีกหลายรายที่มีแผนจะพัฒนารถอีวี อาทิ Xiaomi บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนของจีน, Sony ที่ร่วมกับ Honda หรือแม้แต่ Foxconn ซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนนการผลิตสินค้าของ Apple ก็มีแผนจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม Tim Cook CEO ของ Apple ก็ไม่เคยยอมรับโครงการพัฒนารถยนต์นี้ แต่เรียกโครงการนี้ว่าเป็นงานเกี่ยวกับ ระบบอัตโนมัติ และ Apple ก็ไม่เคยระบุว่าใช้งบในการพัฒนาด้านยานยนต์ไปแล้วมากน้อยแค่ไหน แต่โดยรวมแล้ว ในปี 2023 บริษัทใช้เงินประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อนหน้า

Source

]]>
1464178
Tim Cook ยังมองจีนแง่ดี แม้ว่ายอดขายสินค้าของ Apple ในแดนมังกรลดลงถึง 13% ก็ตาม https://positioningmag.com/1461289 Fri, 02 Feb 2024 11:41:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1461289 แอปเปิล (Apple) ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด โดยยอดขายสินค้าของ Apple นั้นเติบโตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยเฉพาะตลาดในประเทศจีนที่ยอดขายลดลง 13% แต่ Tim Cook ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทได้กล่าวว่าเขาเองยังมองจีนแง่ดี

Apple รายงานผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด (สิ้นสุดปลายเดือนธันวาคม) รายได้ของบริษัทในการขายอุปกรณ์นั้นกลับเติบโตได้เพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้จากประเทศจีนที่ลดลงมากถึง 13% ตรงข้ามกับบริการอื่นๆ ของบริษัทนั้นรายได้ยังคงเติบโตดี

ผู้ผลิต iPhone มีรายได้รวมสิ้นสุดปลายเดือนธันวาคม 119,575 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยรายได้จากการขายอุปกรณ์ของบริษัทอยู่ที่ 96,458 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตเล็กน้อยกว่าปีที่ผ่านมาแค่ 70 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ขณะที่รายได้จากบริการอื่นๆ ของบริษัทอยู่ที่ 23,117 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตกว่าปีที่ผ่านมา 2,351 ล้านเหรียญสหรัฐ

สาเหตุสำคัญคือ Apple มียอดขายในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดสำคัญของบริษัทที่ใหญ่อันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา มียอดขายลดลง 13% สวนทางกับยอดขายในทวีปยุโรป หรือแม้แต่ญี่ปุ่น กลับมียอดขายที่ยังเติบโต ซึ่งอุดช่องว่างในส่วนรายได้ที่หายไปได้บ้าง

ในช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ยอดขายผลิตภัณฑ์ของ Apple ในประเทศจีนไม่สู้ดีนัก เนื่องจากปัญหาสภาวะเศรษฐกิจหรือแม้แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังรวมถึงการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือของ Huawei อย่าง Mate 60 Pro ที่ดึงดูดลูกค้าชาวจีนไปไม่น้อย

นอกจากนี้ยังรวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่ส่งผลทำให้เรื่องความมั่นคงกลายเป็นประเด็นสำคัญมากขึ้น จะเห็นได้จากความเคลื่อนไหวที่หน่วยงานรัฐบาลจีนบางแห่งเริ่มห้ามเจ้าหน้าที่นำ iPhone เข้าที่ทำงาน ให้พกอุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศแทน ซึ่งส่งผลต่อยอดขายของ Apple ด้วย

Tim Cook ได้กล่าวว่ารายได้รวมของบริษัทได้เติบโตผ่านระดับ 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และตัวเลขดังกล่าวยังถือเป็นสถิติใหม่ของบริษัท แต่หัวเรือใหญ่ของ Apple เองก็มองโลกในแง่ดีกับตลาดในประเทศจีนในระยะยาว แม้ว่าตัวเลขยอดขายจะลดลงก็ตาม

อย่างไรก็ดีนักลงทุนกลับไม่ได้มองมุมเดียวกับ CEO รายดังกล่าว หลังจากการรายงานผลประกอบการราคาหุ้นของ Apple กลับปรับตัวลดลงมา 3% แทน

ที่มา – CNN, Sky News, Yahoo Finance

]]>
1461289
Spotify โวย Apple เตรียมโขกค่าคอมมิชชั่นถึง 27% หลังศาลสั่งให้เปิดเสรี App Store หรือบริการเก็บเงินจากเจ้าอื่นก็ตาม https://positioningmag.com/1459630 Sun, 21 Jan 2024 14:35:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1459630 ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งเพลงอย่าง Spotify ได้โวยที่ Apple เตรียมโขกค่าคอมมิชชั่นถึง 27% แม้ผู้ใช้งานจะใช้ Store หรือบริการเก็บเงินจากผู้ให้บริการอื่นก็ตาม โดยผู้ผลิต iPhone ได้ให้เหตุผลถึงนักพัฒนาจะได้ประโยชน์จากบริการของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาด หรือแม้แต่การดูแลความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน

Spotify บริการสตรีมมิ่งเพลงรายใหญ่ ได้โวยกรณีที่ Apple เรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นสูงถึง 27% แม้ว่า Apple จะไฟเขียวให้แอปพลิเคชันอื่นสามารถใช้ผู้บริการเก็บเงิน หรือแม้แต่ผ่าน App Store ของผู้พัฒนารายอื่นก็ตาม และต้องการที่จะให้รัฐบาลอังกฤษขวาง Apple ในกรณีดังกล่าว

บริการสตรีมมิ่งเพลงรายนี้ได้กล่าวว่าพฤติกรรมดังกล่าวของ Apple ถือว่า ‘อุกอาจ’ และเน้นปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง โดย Spotify เตรียมเรียกร้องให้รัฐบาลของอังกฤษจัดการในเรื่องนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ยักษ์ใหญ่รายดังกล่าวเรียกเก็บค่าค่าคอมมิชชั่นกับผู้พัฒนาโปรแกรมรายอื่นเช่นกัน

Apple ได้เริ่มให้ผู้พัฒนาโปรแกรมใช้บริการ App Store หรือแม้แต่ผู้ให้บริการเก็บเงินรายอื่น หลังจากที่ Epic Games ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเกม Fortnite ได้ฟ้องร้องถึงการไม่อนุญาตให้ผู้พัฒนาลงโปรแกรมผ่าน App Store ของผู้พัฒนารายอื่น รวมถึงยังเก็บเงินค่าธรรมเนียมมากถึง 30%

ต่อมา Apple ได้ปรับปรุงเงื่อนไขโดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากนักพัฒนารายใหญ่ๆ มากถึง 30% บน App Store ขณะที่นักพัฒนารายเล็กจะจ่ายค่าธรรมเนียมประมาณ 15% และนักพัฒนารายย่อยซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 85% ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ เลยให้กับบริษัท

แต่หลังจากการพิจารณาคดีของศาลระหว่าง Apple กับ Epic Games ศาลได้สั่งให้ Apple ห้ามจำกัดตัวเลือกในการชำระเงิน ขณะเดียวกัน Apple เองได้แก้เกมในกรณีดังกล่าวในสหรัฐอเมริกาและบางประเทศ โดยเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% โดยให้เหตุผลว่านักพัฒนาจะได้ประโยชน์จากบริการของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาด หรือแม้แต่การดูแลความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน

ก่อนหน้านี้หน่วยงานกำกับดูแลหลายประเทศเองเริ่มบีบ Apple หรือแม้แต่ Google ในบริการในส่วนของ App Store หรือแม้แต่บริการจ่ายเงิน เนื่องจากมองว่าผู้เล่นรายอื่นควรที่จะเข้ามาแข่งขันได้ โดยประเทศที่เริ่มเข้ามาสนใจในกรณีดังกล่าว เช่น ญี่ปุ่น หรือ สหภาพยุโรป

และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Spotify ได้โวยยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี ในเดือนตุลาคมปี 2023 ที่ผ่านมาผู้ให้บริการสตรีมมิ่งเพลงรายนี้ได้กล่าวถึงบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Apple และ Google ว่าพยายามเป็นหน้าด่านของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 4,000 ล้านคนทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมกักขังโลกอินเตอร์เน็ตในระดับ ‘บ้าคลั่ง’ มาแล้ว

ที่มา – BBC News

]]>
1459630