บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ ไอคอนสยามและสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เสริมระบบนิเวศดิจิทัลให้แกร่งขึ้นไปอีกขั้น ผนึกพันธมิตรระดับโลก ZEPETO ที่มีฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่กว่า 300 ล้านคนทั่วโลก ขับเคลื่อนประสบการณ์ Metaverse บุกเบิกนำอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยก้าวล้ำนำเทรนด์ ไปสู่โลกเสมือนจริง ด้วยปรากฎการณ์ไลฟ์สไตล์สุดล้ำรูปแบบใหม่ในงาน Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2022 (BIFW 2022) ที่ลูกค้าสามารถเลือกช้อปคอลเลคชั่นล่าสุดจากรันเวย์ เพื่อสวมใส่จริง และใช้ไอเทมเดียวกันแต่งตัวอวตาร์บนโลก Metaverse ได้พร้อมกัน
ชนิสา แก้วเรือน Head of Corporate Strategy Group ผู้บริหารกลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ การมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้ลูกค้า คือกลยุทธ์หลักที่ขับเคลื่อนให้ศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ผู้คนทั่วโลกต่างปักหมุดให้เป็นสถานที่ที่ต้องมาเยือนจนมีฐานลูกค้าที่ทรงพลังทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แต่ด้วยทุกวันนี้ที่เทคโนโลยีก้าวล้ำและสามารถเชื่อมต่อผู้คนที่อยู่ในแต่ละมุมโลกสู่จุดหมายปลายทางในอีกมุมโลกอย่างง่ายได้ มุมมองของลูกค้ามีต่อคอมมูนิตี้ได้เปลี่ยนแปลงไปจากจากสถานที่จริง สู่พื้นที่คอมมูนิตี้บนโลกดิจิทัลมากขึ้น ดังนั้น สยามพิวรรธน์จึงได้สร้างสรรค์วิธีการใหม่ๆ ในการมอบประสบการณ์หลากมิติทั้งโลกจริงและโลกเสมือนให้กับลูกค้าทั่วโลก โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ได้สร้างระบบนิเวศดิจิทัล พร้อมกับการเปิดตัว ONESIAM SuperApp ให้เป็นศูนย์รวมจักรวาลแห่งประสบการณ์ไว้ในหนึ่งเดียว เชื่อมสู่ลูกค้าของเราให้สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา
สยามพิวรรธน์ ได้ต่อยอดความสำเร็จที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในการผลักดันและสนับสนุนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยสู่เวทีโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมอบโอกาสให้นักออกแบบดีไซเนอร์รุ่นใหม่ ได้มีเวทีในการนำเสนอพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ รวมไปถึงการบ่มเพาะด้านสายงานวิชาชีพ สร้างดีไซเนอร์รุ่นใหม่ๆ เข้าสู่วงการแฟชั่นไทยมาโดยตลอด ในฐานะศูนย์กลางแห่งแฟชั่นที่นำเสนอเทรนด์สุดล้ำในทุกยุคสมัยตลอดระยะเวลากว่า 48 ปี ของสยามเซ็นเตอร์ ในยุคสมัยใหม่ที่โลกดิจิตอลมีความสำคัญต่อทุกๆ อุตสหกรรม สยามพิวรรธน์ จึงร่วมมือกับ ZEPETO พันธมิตรด้านเมตาเวิร์สระดับโลก นำเสนอความแปลกใหม่และแตกต่างผ่านโลกของแฟชั่นซึ่งเป็นหนึ่งในความเชี่ยวชาญของสยามพิวรรธน์ ชูผลงานความสามารถของเยาวชนไทยในอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้ก้าวไปอีกขั้นให้ล้ำนำเทรนด์ไปสู่โลกเสมือนจริง พร้อมเปิดโอกาสให้เยาวชนมีส่วนร่วมได้เรียนรู้โลกแฟชั่นแห่งอนาคตไปด้วยกัน”
ทั้งนี้ สยามพิวรรธน์ ผนึกกำลังกับพันธมิตรระดับโลก ZEPETO ผู้นำแพลตฟอร์มสร้าง Avatar คาแรกเตอร์ เสมือนจริงแบบ 3D สุดฮอต ที่มีสมาชิกผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก โดยตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 สยามพิวรรธน์เป็นองค์กรในประเทศไทยที่ได้ร่วมทำโปรเจค ONESIAM x ZEPETO Metaverse Songkran Festival ส่งมอบความสุขและความหรรษาฉลองประเพณีไทยและสาดน้ำสงกรานต์พร้อมกันทั่วโลก ซึ่งได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก และยังคงร่วมกันเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสบการณ์คู่ขนานให้ออกมาสมบูรณ์แบบ โดยล่าสุดได้สร้างปรากฏการณ์ไลฟ์สไตล์สุดล้ำรูปแบบใหม่ในงานแฟชั่นระดับโลก Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2022 หรือ BIFW 2022 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 25 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา โดยนำเสนอแฟชั่นทั้งบนรันเวย์จริงและในโลกเสมือนจริง ที่ลูกค้าสามารถสัมผัสประสบการณ์และซื้อสินค้าได้บนโลกทั้งสองใบ
Mr. Heesuk Ricky Kang, the Head of Business, ZEPETO กล่าวว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับผู้บุกเบิกในวงการรีเทลระดับโลกอย่างสยามพิวรรธน์ เราได้ร่วมกันเชื่อมต่อแฟชั่นโลกเสมือนและแฟชั่นโลกจริงเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ผมหวังว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการนำประสบการณ์หลากหลายในโลกเสมือนจริงสู่โลกออฟไลน์ ที่ ZEPETO และสยามพิวรรธน์จะร่วมมือกันพัฒนาต่อไปอีกในอนาคต”
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้เป็นความตั้งใจสร้างคอมมูนิตี้สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ Gen Z ซึ่งภายในงาน BIFW นอกเหนือจากแกรนด์รันเวย์ที่นำเสนอแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ชั้นนำแล้ว ไฮไลท์สำคัญของงาน คือ การเชื่อมโลกแฟชั่นของโลกจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกัน โดยได้เชิญชวนนักออกแบบดีไซน์ ออกแบบชุดสำหรับ Avatar ในแพลตฟอร์ม ZEPETO โดยผลงานที่ได้รับการคัดเลือก นอกจากจะจำหน่ายใน Metaverse แล้ว ยังได้รับการออกแบบตัดเย็บเป็นชุดจริง และได้ร่วมโชว์บนรันเวย์ BIFW 2022 ในโชว์ของ Absolute Siam Presented by Zepeto: Sculpture Studio x Waterandother x Fill in the Bag
ขณะเดียวกันได้นำชุดจากแฟชั่นโชว์ Absolute Siam ที่ร่วมเดินในรันเวย์มาแปลงเป็นชุดสำหรับ Avatar บน ZEPETO ซึ่งผู้ร่วมเล่นสามารถเลือกซื้อชุดแล้วแต่งอวตาร์ในคอลเลคชั่นล่าสุดของ Absolute Siam ได้เช่นเดียวกับบนโลกจริง นอกจากนี้ วันสยาม และ ZEPETO ยังได้นำ KOL ที่มีแฟนคลับบนโลกจริง เข้าสู่โลกเสมือน โดยมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เล่นร่วมกับ KOL อย่างใกล้ชิด ทั้งหมดนี้คือปรากฏการณ์แฟชั่นโชว์ที่ตั้งใจนำเสนอทั้งแฟชั่นโชว์ที่สัมผัสได้จริงบนรันเวย์ที่ยิ่งใหญ่ ไปพร้อมกับการจัดแฟชั่นโชว์ใน Metaverse ที่มีผู้ร่วมชมจากทั่วโลก
การร่วมมือกับ ZEPETO พันธมิตรระดับโลก สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักของสยามพิวรรธน์ คือ
1) ส่งมอบจักรวาลแห่งประสบการณ์ที่ไม่สิ้นสุด สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าที่มีอยู่ทั่วโลกทุกที่ทุกเวลา ซึ่งกิจกรรมที่คัดสรรมาต้องเติมเต็มไลฟ์สไตล์ สร้างปฏิสัมพันธ์ เสริมความสนุก ทำให้ทุกคนได้โลดแล่นไปกับประสบการณ์ที่แตกต่าง ในรูปแบบใหม่ๆ ช่วยยกระดับความพึงพอใจสูงสุด และครองความเป็นหนึ่งในใจลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ
2) ขยายฐานและเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ Generation Z โดยเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบ Gamification
3) สร้างรายได้จากระบบนิเวศในรูปแบบใหม่ๆ ยกระดับการแข่งขันกับแพลตฟอร์มต่างๆที่มีอยู่ทั่วโลกได้ และทำให้สยามพิวรรธน์ก้าวไปได้ไกลกว่าโมเดลธุรกิจหลักเป็นอีกก้าวสำคัญของสยามพิวรรธน์ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งระบบนิเวศดิจิทัล และ นำอัตลักษณ์ไทยพิชิตใจคนทั้งโลก (Win The World for Thailand) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชั่น ONESIAM SuperApp และ ZEPETO
]]>จากข้อมูลของ IDC แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของชุดแว่น VR ทั่วโลกที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 241.6% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว และ Quest 2 ของ Meta ก็ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ของตลาด และในเดือนตุลาคมนี้ Mark Zuckerberg ก็เปิดเผยว่าจะเปิดตัวแว่น VR รุ่นใหม่
โดยแว่นรุ่นดังกล่าวจะมีฟีเจอร์ใหม่ที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น โดยมีระบบตรวจจับใบหน้าและดวงตา ซึ่งเมื่อ ผู้สวมใส่ยิ้มหรือขมวดคิ้ว อวตารในโลก Metaverse ของพวกเขาจะทำตามแบบเรียลไทม์
“การสื่อสารไม่ได้มีแค่การพูดคุยหรือการเขียน แต่มันมีภาษากาย ที่ผู้คนใช้สื่อสารกัน ดังนั้น ฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยให้อวตารสามารถดึงดูดและโต้ตอบได้ดีกว่า” Zuckerberg กล่าว
แม้ว่า Zuckerberg จะยังไม่ได้เปิดเผยถึง ชื่อ ของแว่น VR รุ่นใหม่นี้ แต่มีการคาดการณ์ว่าชุดแว่น VR ที่กำลังจะเปิดตัว ปัจจุบันถูกขนานนามว่า Project Cambria และคาดว่าจะมีราคาอย่างน้อย 800 ดอลลาร์ (ราว 29,000 บาท) แพงกว่าชุดหูฟัง Quest 2 VR ที่มีราคา 399 ดอลลาร์ (ราว 15,000 บาท) และรุ่นเรือธง 499 ดอลลาร์ (ราว 18,000 บาท)
ที่ผ่านมา Meta ลงทุนอย่างหนักใน VR และเทคโนโลยีในอีโคซิสเต็มส์ เพื่อเพิ่มความสมจริง ภายใต้หน่วยธุรกิจ Reality Labs โดยในปี 2021 หน่วยธุรกิจดังกล่าวขาดทุนสุทธิ 1.019 หมื่นล้านดอลลาร์ จากรายรับ 2.27 พันล้านดอลลาร์
มีการคาดการณ์ว่า ตลาดแว่น VR คาดว่าจะเติบโตในปี 2022 โดยคาดว่าจะถึง 13.9 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 26.6% จากปีที่แล้ว แน่นอนว่าคู่แข่งก็มีมากขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะ Apple ก็คาดว่าจะเปิดตัวชุดแว่น VR ของตัวเองด้วยเช่นกัน
]]>อย่างที่หลายคนรู้ ว่าเทรนด์การสร้างอวาตาร์นี่ไม่ใช่อะไรที่ใหม่เลย เพราะหากย้อนไปเมื่อปี 2018 ที่เป็นช่วงเริ่มต้นของยุคทองแห่งแอปพลิเคชันจดจำใบหน้าด้วยเทคโนโลยี AI ส่งผลให้สมาร์ทโฟนตัว Top ก็มีฟีเจอร์ให้สร้างอวาตาร์ได้ อย่าง Samsung Galaxy S9 และ S9+ ที่มีฟีเจอร์สร้าง ‘AR Emoji’ ไว้ใช้งานได้ด้วยตัวเอง หรืออย่างฝั่ง iOS ที่สามารถให้ผู้ใช้สร้าง ‘Memoji’ ได้เช่นกัน (ตั้งแต่ iOS 12 ขึ้นไป) แน่นอนว่าฟีเจอร์ดังกล่าวสามารถสร้างความ ‘ว้าว’ ให้กับสินค้าได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
จากนั้นในปีเดียวกัน ก็มีแอปพลิเคชันอย่าง ‘ZEPETO’ (เซ็ปเพ็ตโต้) แอปสัญชาติเกาหลีที่ใช้สร้างอวาตาร์ไว้เล่นกับเพื่อน แต่ไม่ใช่แค่สร้างมาเป็นสติกเกอร์ไว้เอามาแชร์บน Social เท่านั้น แต่เพราะสามารถทำวิดีโอภาพเคลื่อนไหวได้ สามารถใช้อวาตาร์สร้างปฏิสัมพันธ์ พบปะผู้คนที่เข้ามาเล่นด้วยกันกับเพื่อนได้ เช่น ถ่ายภาพร่วมกัน และมีเกมให้เล่นเพื่อเก็บเหรียญเพื่อซื้อชุดต่าง ๆ ส่งผลให้ในขณะนั้น ZEPETO มียอดดาวน์โหลดมากที่สุดในจีนและไทยเลยทีเดียว
นอกจากนี้ก็มี Bitmoji ของ Snapchat ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน จากความฮิตดังกล่าว ส่งผลให้เจ้าพ่อ Social Media อย่าง Facebook ก็หันมาเพิ่มฟีเจอร์อวาตาร์อย่างที่เรา ๆ กำลังเล่นกันอยู่ โดยเปิดตัวครั้งแรกเมื่อกลางปี 2019 โดยเริ่มที่สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย ก่อนจะมาเปิดตัวที่ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และอีกหลายประเทศไปเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา และล่าสุดก็มาถึงคิวของ ‘LINE’ ที่เพิ่มฟีเจอร์อวาตาร์ให้ได้เล่นกัน โดยสามารถนำอวาตาร์มาทำเป็นภาพนิ่งหรือวิดีโอได้ แถมสามารถเอาตัวอวาตาร์ไปถ่ายภาพแบบ AR ได้ด้วย
จะเห็นว่าฟีเจอร์อวาตาร์ไม่ใช่อะไรที่ ‘ใหม่’ แต่ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ออกมาสร้างสีสันบนโลก Social ได้ดี แถมมีโอกาสสร้างรายได้ในอนาคต เช่น ซื้อชุดหรือสกินเสริม อย่างไรก็ตาม เพราะไม่ได้มีการต่อยอดอะไรเหมือนกับ ‘เกม’ ที่จะทำให้ผู้ใช้ยอมจ่าย แต่ใช้แค่สร้างอวาตาร์ของตัวเองไว้เป็นสติกเกอร์เพื่อสร้างสีสันเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่กระแสการสร้างอวาตาร์จะมาไวและไปไว (มาก) ไม่ว่าจะมาในยุคไหนสมัยไหนก็ตาม
]]>