Bangkok Matching – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 12 Jun 2024 07:06:32 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 คนโสดไทย “ล็อกสเปค” สาวโสดขอ ‘ขาว ตี๋ รายได้ 1 แสน’ ชายโสดขอ ‘ขาว หมวย หุ่นดี อายุน้อยกว่า’ https://positioningmag.com/1477695 Wed, 12 Jun 2024 07:01:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477695 จากการที่ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ว่า ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ระหว่างการเร่งผลักดันนโยบายส่งเสริมการมีลูก โดยมีเป้าหมายไปที่คนมีคู่ เพื่อแก้ปัญหาเด็กเกิดน้อย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน (SES) ปี 2566 กลับพบว่า คนไทยครองตัวเป็นโสดมากขึ้น คิดเป็น 23.9% และหากพิจารณาเฉพาะช่วงวัยเจริญพันธุ์ จะมีสัดส่วนมากถึง 40.5% สูงกว่าภาพรวมประเทศเกือบเท่าตัว และเพิ่มขึ้นจากปี พศ 2560 ที่ 35.7%

บริษัทจัดหาคู่ระดับไฮเอนด์ Bangkok Matching เปิดอินไซต์ปัจจัยที่ทำให้คนไทยครองตัวเป็นโสด นอกจากเหตุผลทางเศรษฐกิจ สังคม ที่ทำให้คนไม่อยากจะมีลูกแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งคือ คนโสดจำนวนมากที่อยากมีคู่ แต่หาคู่ไม่ได้ เพราะถ้าไม่ได้คนที่ถูกใจ ก็ไม่เอา ตามคติของคนโสดยุคปัจจุบัน ที่มีสโลแกนประจำใจคนโสดกันว่า “หากหาคู่ที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น ไม่ได้ ก็ไม่เอา ขออยู่คนเดียวดีกว่า”

เชื่อว่าทุกคนย่อมมีสเปคสาวๆ หรือหนุ่มๆ ในฝันเป็นของตัวเอง ซึ่งการล็อกสเปคก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ไม่มีคู่ หาคู่ยาก หาคนที่ถูกใจยาก หลายคนมองว่าถ้าหากไม่ได้อย่างที่ต้องการ ก็ขอเลือกเกาะคานต่อไป ซึ่งสเปคแน่นอนที่คนโสด ชายโสด หญิงโสดมักล็อกกันในปี 2567 นี้ ก็คือ

อายุ

  • 80% หญิงโสดชอบหาคู่อายุน้อยกว่าตน และเท่าๆ กับตน
  • 90% ชายโสดเปิดหาคู่อายุน้อยกว่าตนเองเท่านั้น

รูปลักษณ์

  • 95% หญิงโสดหาคู่ ต้องการชายโสดที่มีรูปร่าง สมส่วน – อวบ เท่านั้น
  • 95% ชายโสดหาคู่ ต้องการหญิงโสดที่มีรูปร่าง เพรียว – สมส่วน เท่านั้น
  • 98% ชายโสดหญิงโสด ต่างหาคนที่ดูแลรูปลักษณ์ตัวเอง ไม่เอาคนอ้วน
  • 85% หญิงโสดนิยมชายตี๋ ขาว ใส่แว่น ตี๋ เป็นแฟนในอุดมคติ
  • 95% ชายโสดนิยมหญิงผิวขาว หมวย หุ่นดี หน้าตาน่ารัก เป็นแฟนในอุดมคติ
  • 90% ชายโสดหญิงโสด ถึงคู่แมชมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ตนต้องการ แต่หน้าตาไม่ถูกใจ ก็ไม่สนใจ

ส่วนสูง

  • 98% หญิงโสดยังนิยมชายโสดสูง 175 เซนติเมตร เป็นต้นไป 2% ชอบชายโสดที่สูง 180 หรือ 185 เซนติเมตร ขั้นต่ำ เป็นส่วนสูงในอุดมคติ
  • 95% หญิงโสดรับไม่ได้เลย หากชายโสดสูงเท่ากับตน
  • 80% ชายโสดชอบหญิงโสดสูง 160 เซนติเมตรขั้นต่ำ 20% ชอบหญิงโสดสูงกว่า 160 เซนติเมตร เป็นส่วนสูงในอุดมคติ

สีผิว

  • 85% ชายโสด มักหาคู่เป็นหญิงผิวขาว
  • 15% ชายโสดรับคนผิวขาวเหลือง สองสีได้
  • 60% หญิงโสด มักนิยมคนผิวขาว เป็นสีผิวในอุดมคติ
  • 40% หญิงโสด รับคนผิวขาวเหลือง สองสีได้
  • 99% ชายโสดหญิงโสด ไม่ชอบคนผิวดำ

การศึกษา

  • 80% หญิงโสดโสดต่างต้องการให้คู่ของตน จบปริญญาตรีขั้นต่ำ 15% ต้องการคู่จบปริญญาโท หรือเอก หรือจบนอก 5% คือจบต่ำกว่าปริญญาตรีได้ ถ้าการงาน ฐานะมั่นคง
  • 90% หญิงโสดไม่รับคู่เดทที่การศึกษาน้อยกว่าตนเลย
  • 80% ชายโสดไทยต้องการให้คู่ของตน จบปริญญาตรีขั้นต่ำ 5% ต้องการคู่จบปริญญาโท หรือเอก 15% คือจบต่ำกว่าปริญญาตรีได้

รายได้ ฐานะ

  • 70% หญิงโสดนิยมหาคู่ที่มีรายได้ 1 แสนบาทต่อเดือน
  • 15% หาคู่รายได้มากกว่า 1 แสนบาทต่อเดือน
  • 15% หาคู่รายได้เท่าๆ กับตน
  • 50% ชายโสดนิยมหาคู่ที่มีรายได้ 3 หมื่นบาทบาทต่อเดือน
  • 30% ชายโสดไม่สนใจรายได้ของหญิงโสดเลย ขอแค่มีงานทำ
  • 10% ระบุรายได้มากกว่า 3 หมื่นบาทต่อเดือน
  • และประมาณ 40% ที่ไม่สนใจเลยว่าหญิงโสดจะมีรายได้เท่าใด ขอเพียงมีงานสุจริตทำ เลี้ยงตนเองได้ ก็เพียงพอแล้ว

ลูกติด

  • 90% หญิงโสดชายโสด ไม่เคยแต่งงาน ไม่ต้องการคนที่มีลูกติด
  • 10% หญิงโสดชายโสด ไม่เคยแต่งงาน รับคนที่มีลูกติดได้ แต่ขอให้เด็กโตแล้ว หรือไม่ได้อยู่กับอีกฝ่าย

รอยสัก

  • 90% หญิงโสดไม่รับชายโสดที่มีรอยสัก
  • 65% ชายโสดไม่รับหญิงโสดที่มีรอยสัก

อื่นๆ

  • 95% หญิงโสดและชายโสดไม่รับคนสูบบุหรี่
  • 90% หญิงโสดและชายโสดต่างหาคู่คนที่มีเวลาให้แน่นอน ทำงานมีวันหยุดแน่นอน
]]>
1477695
เปิดสถิติ 5 ปีย้อนหลัง คนไทยจดทะเบียนสมรส 185,506 คู่ จดทะเบียนหย่า 42% คนกรุงครองแชมป์หย่ามากสุด! https://positioningmag.com/1460460 Sun, 28 Jan 2024 13:23:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1460460 บริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching เปิดอินไซต์ “รัก ๆ เลิก ๆ” ของชาวกรุง จากสถิติที่น่าสนใจจากกรมการปกครอง ที่เผยตัวเลขจำนวนการจดทะเบียนสมรสประจำปี พ.ศ. 2566 ที่ชี้ให้เห็นว่า จ.กรุงเทพมหานคร ครองแชมป์ทั้งด้านการจดทะเบียนสมรสที่สูงที่สุด และอัตราการจดทะเบียนหย่าที่ก็สูงเกินหน้าจังหวัดอื่นเช่นกัน

“ทำไมคนกรุงเทพฯ ถึงได้เป็นจังหวัดที่มีสถิติการสมรสสูงที่สุด และยังมีอัตราการหย่าที่สูงที่สุดในไทยทุกปีด้วยเช่นกัน” สาเหตุที่ซ่อนอยู่ภายใต้ตัวเลขสถิติเหล่านี้คืออะไร วันนี้แม่สื่อจะพาทุกท่านลงลึกไปสำรวจความคิดเห็นในประเด็นที่เกี่ยวข้อง และสาเหตุที่ก่อให้เกิดตัวเลขเหล่านี้ขึ้นมา พร้อมทั้งสำรวจตัวเองไปพร้อมๆ กันเกี่ยวกับแนวคิด และทัศนคติ ค่านิยมที่เปลี่ยนไปทำให้คนตัดสินใจหย่ากันง่ายขึ้นนั้นจริงหรือไม่

ปี 66 กรุงเทพฯ อัตราจดทะเบียนสมรสสูงสุดยืน 1

Bangkok Matching ได้ทำการสำรวจสถิติอัตราการจดทะเบียนสมรสของคนไทยที่เก็บโดยกรมการปกครอง พบว่าในปี 2566 จังหวัดกรุงเทพมหานครมีอัตราการจดทะเบียนสมรสที่สูงถึง 39,150 คู่ เรียกได้ว่าเป็นตัวเลขที่ดูดี และพาใจฟูอยู่ไม่น้อย รองลงมาคือจังหวัดชลบุรี จดทะเบียนสมรสอยู่ที่ 14,593 คู่ และอันดับสามได้แก่จังหวัดนครราชสีมา อยู่ที่ 10,568 คู่

โดยเขตที่คนกรุงเทพฯ นิยมไปจดทะเบียนสมรสก็เดาไม่ยาก เพราะมักจะเป็นเขตที่ได้รับความนิยมด้วยชื่อที่เป็นมงคลอย่าง เขตบางรัก และในช่วงวันวาเลนไทน์ปี 66 ที่ผ่านมา ก็ได้มีจำนวนคู่รักไปจดทะเบียนสมรสด้วยกันที่เขตนี้สูงถึง 640 คู่เลยทีเดียว

ซึ่งจังหวัดกรุงเทพฯ เองไม่ใช่เพิ่งจะมาเป็นแชมป์ยอดจดทะเบียนสมรสสูงในปีนี้นะคะ แต่กรุงเทพฯ เป็นแชมป์เก่าที่ครองตำแหน่งมานาน หากจะลองมองย้อนไปให้ลึกกว่านั้น หยิบยกเอาสถิติย้อนหลัง 5 ปี จากกรมการปกครองมาให้ทุกคนดูตัวเลขจำนวนการจดทะเบียนสมรส ที่แตะทะลุหลักหมื่นต่อเนื่อง ยืน 1 จังหวัดที่จดทะเบียนสมรสสูงสุดมายาวนาน ด้วยตัวเลขการจดทะเบียนสมรสดังนี้

  • พ.ศ. 2562 สถิติการจดทะเบียนสมรสของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 47,017 คู่
  • พ.ศ. 2563 สถิติการจดทะเบียนสมรสของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 35,969 คู่
  • พ.ศ. 2564 สถิติการจดทะเบียนสมรสของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 23,595 คู่
  • พ.ศ. 2565 สถิติการจดทะเบียนสมรสของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 39,775 คู่
  • พ.ศ. 2566 สถิติการจดทะเบียนสมรสของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 39,150 คู่

รวมแล้ว 5 ปีที่ผ่านมา คนกรุงเทพฯ ได้จดทะเบียนสมรสไปทั้งหมดอยู่ที่ 185,506 คู่ เลยทีเดียว

รักแรง เลิกแรง คนกรุงหย่า 17,000 คู่

ที่น่าตกใจก็คือตัวเลขจากสถิติการจดทะเบียนหย่าภายในช่วงระยะเวลาแค่ 1 ปี ที่ทำการเก็บข้อมูลคือปี พ.ศ. 2566 กลับพบว่าจังหวัดกรุงเทพมหานครก็นำโด่งครองแชมป์เป็นจังหวัดที่มีอัตราการหย่าสูงถึง 17,410 คู่ ภายในปีเดียว ! รองลงมาคือจังหวัดชลบุรี ที่มีการจดทะเบียนหย่าที่ 8,060 คู่ และอันดับสามคือจังหวัดนครราชสีมาอยู่ที่ 5,880 คู่

ซึ่งถ้าพิจารณาจากจังหวัด Top 3 จังหวัดที่มีอัตราการจดทะเบียนสมรสสูงอย่าง กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี และนครราชสีมา ก็คือ 3 จังหวัดเดียวกันกับที่มีอัตราการจดทะเบียนหย่าสูงสุดเช่นกัน ! เรียกได้ว่ายิ่งแต่งเยอะเท่าไหร่ อัตราการไปกันไม่รอดก็ยิ่งพุ่งสูง จนทำให้อัตราการหย่านั้นกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของอัตราการจดทะเบียนสมรสก็ว่าได้ ซึ่งถ้าหากเราลองกางสถิติการหย่าย้อนหลัง 5 ปีที่ผ่านมาของคนกรุงเทพฯ ออกมาดูกัน ก็จะพบว่า

  • พ.ศ. 2562 สถิติการจดทะเบียนหย่าของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 17,266 คู่
  • พ.ศ. 2563 สถิติการจดทะเบียนหย่าของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 15,567 คู่
  • พ.ศ. 2564 สถิติการจดทะเบียนหย่าของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 10,258 คู่
  • พ.ศ. 2565 สถิติการจดทะเบียนหย่าของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 17,635 คู่
  • พ.ศ. 2566 สถิติการจดทะเบียนหย่าของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 17,410 คู่

จากสถิติจะพบว่า อัตราการหย่าของคนไทยเฉพาะแค่ที่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร ในช่วง 5 ปีให้หลังมานี้ มีจำนวนตัวเลขการหย่าร้างสูงทะลุ 78,136 คู่ ! คิดเป็น 42% ของอัตราการจดทะเบียนสมรส หรือเกือบครึ่งหนึ่งของคู่ที่ทำการจดทะเบียนสมรสเลยก็ว่าได้

4 สาเหตุการหย่าร้างที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง?

สำหรับการหย่าร้างนั้นถ้าหากว่าคนสองคนยังรักกันดีอยู่ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นถูกไหมคะ ดังนั้นแล้วการที่จะหย่าร้างนั้นก็ต้องมีสาเหตุปัจจัยที่ทำให้คนสองคนที่ตัดสินใจแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันมานั้นต้องจบความสัมพันธ์ลงด้วยการ “หย่าร้าง” ซึ่งจากการค้นคว้า จนพบว่าการหย่าร้างมักจะเกิดขึ้นจาก 4 สาเหตุสำคัญ อ้างอิงตามสถิติจากสำนักข่าวไทยรัฐ

การทะเลาะ การใช้ความรุนแรง

ปัญหาอันดับ 1 ที่ทำให้เกิดการหย่าร้างขึ้นคือการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างสามี-ภรรยา ลามไปจนถึงการใช้ความรุนแรงในครอบครัว อ้างอิงจากชุดข้อมูลสถิติความรุนแรงในครอบครัว 76 จังหวัด และกรุงเทพฯ ประจำปี 2565 โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว จะพบว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมามีรายงานการใช้ความรุนแรงในครอบครัวสูงถึง 2,347 ราย ซึ่งกรุงเทพฯ ก็นำโด่งอันดับ 1 ด้านพื้นที่เกิดความรุนแรงในครอบครัว จำนวน 142 ราย โดย 82% บอกว่าเป็นการเกิดเหตุภายในบ้านตนเอง และฝ่ายที่ถูกทำร้ายมักจะเป็นฝ่ายหญิง จำนวน 82.78%

การนอกใจ ไม่ซื่อสัตย์

เป็นสาเหตุที่ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะประเทศไทยเพิ่งติดอันดับอัตราการนอกใจสูงสุด 61% ในระดับโลก โดยอยู่ในอันดับที่ 4 จากผลสำรวจอัตราการนอกใจคู่รักคู่สมรสจากทั่วโลกเมื่อปีที่ผ่านมา จึงไม่เซอร์ไพรส์สักเท่าไหร่ใช่ไหมคะที่สาเหตุ “นอกใจ” จะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอัตราการจดทะเบียนหย่าสูงขึ้นในประเทศไทย ซึ่งผลสำรวจเดียวกันจาก World population reviews ได้บอกไว้ว่าการนอกใจมักมาจากสาเหตุของการสนใจความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย อยากลอง One Night Stand รวมถึงการเข้ามาของแอปหาคู่ เว็บไซต์หาคู่ ที่มีส่วนหนุนอัตราการนอกใจในรูปแบบเดทออนไลน์ให้พุ่งสูงขึ้นไปด้วย

ขาดการรับผิดชอบ

เพราะการสร้างครอบครัวนั้นไม่สามารถสร้างด้วยใครคนใดคนหนึ่ง แต่คนสองคนจะต้องช่วยกันประคับประคองให้ไปจนถึงฝั่ง ซึ่งถ้าหากในขณะนั้นใครบางคนปล่อยมือไป ไม่ช่วยเหลือ ไม่สนับสนุนกันและกัน ทำให้อีกคนรู้สึกเป็นฝ่ายถูกทอดทิ้งในความสัมพันธ์ก็จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์นั้นเจือจางจนหมดไปในที่สุด โดยการขาดความรับผิดชอบนั้นสะท้อนได้ทั้งด้านการงาน การเงิน และการใช้ชีวิต ซึ่งถ้าหากทัศนคติและเป้าหมายในการใช้ชีวิตไม่ตรงกันก็ทำให้เกิดการหย่าร้างตามมา

ปัญหายาเสพติด

ปัญหาด้านการใช้ยาเสพติดนั้นคือสาเหตุอันดับ 1 ที่ทำให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว สถิติปี 2565 จากกรมกิจการสตรีและครอบครัวเผยว่าปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการทำร้ายร่างกายในครอบครัว ได้แก่

  • ยาเสพติด 19.5%
  • สุรา 11.8%
  • หึงหวง 10.08%
  • สุรา+บันดาลโทสะ 9.9%
  • บันดาลโทสะ 8.6%
  • รู้สึกว่าตนเองมีอำนาจมากกว่า 8.1%

จึงทำให้ปัญหายาเสพติดนอกจากเป็นปัญหาของสังคมโดยรวมแล้ว ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการหย่าร้างในครัวเรือน และเป็นปัจจัยหนุนหลาย ๆ ด้าน เรียกว่าทั้งสร้างปัญหาสังคมและยังทำให้ความสัมพันธ์ครอบครัวแตกแยกอีกด้วย

การหย่าร้างคือทางออกที่แฟร์ต่อกัน หรือเป็นการหนีปัญหา ?

หลายครั้งที่เคยได้ยิน และพบเห็นประโยคว่า “การหย่าร้างคือทางออกของคนที่หนีปัญหา” หรือ “สมัยนี้หย่าร้างกันง่ายเพราะมีสิ่งเร้ารอบตัวเยอะกว่าสมัยก่อน” ซึ่งถ้าหากเป็นเมื่อก่อนคำนี้อาจจะทรงพลังและทำให้คนที่รู้สึกอยากหย่าร้างนั้นต้องกลับไปทบทวนความคิดตัวเองใหม่ ว่าตัวเองกำลังเลือกหนีปัญหาอยู่จริงหรือไม่ หรือเราสามารถกลับไปแก้ไขปัญหารอยร้าวในครอบครัวได้หรือไม่

แต่สำหรับปัจจุบันนี้การหย่าก็เหมือนกับการตัดสินใจที่จะจบเกม พาตัวเองออกมาจากเกมที่รู้ดีว่าเล่นไปยังไงก็คงจะวนอยู่ที่ด่านเดิม ๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รังแต่จะทำให้เสียเวลา เสียใจ และเสียคุณค่าความเป็นตัวเองไปอย่างไม่รู้จักจบสิ้น โดยสำนักข่าว The Momentum ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์เกี่ยวกับแนวคิดที่ว่า “การหย่าคือการหนีปัญหาจริงหรือไม่?” ซึ่งคอลัมนิสต์ผู้ให้คำตอบก็ได้ให้ความเห็นไว้ว่า “การหย่าไม่ใช่การหนีปัญหา แต่คือการรู้ตัวเอง รู้ถึงปัญหาที่พบ ไม่ต้องกังวลเหมือนกับคนสมัยก่อนที่กลัวคำครหา กลัวลูกมีปัญหา กลัวเสียสถานะในสังคมต่าง ๆ และกล้าก้าวออกมาจากจุดนั้น” โดยได้ให้ความเห็นไว้ว่า “การหย่าคือการหาทางออก แต่การทนอยู่คือการหนีปัญหามากกว่า”

และนี่คือความต่างของค่านิยม ทัศนคติที่เปลี่ยนไปในแต่ละยุคสมัย

หรือหากมองในด้านกฎหมายการฟ้องหย่ากันบ้าง ผลงานวิจัยเรื่อง “เหตุหย่าเพราะครอบครัวแตกร้าว: ศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายต่างประเทศ” ได้ให้บทสรุปไว้ว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยมีอัตราการหย่าร้างที่สูง เป็นเพราะว่าการหย่าในประเทศไทยนั้นสามารถทำได้ง่าย เพียงแค่คู่สมรสทั้ง 2 ฝ่ายมีความสมัครใจยินยอมก็สามารถหย่าขาดจากกันได้ทันที หรือถ้าหากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอมก็สามารถฟ้องหย่าหรือยื่นหย่าต่อศาลได้ ต่างจากกฎหมายต่างประเทศที่จะมีข้อกำหนดและเงื่อนไขในการฟ้องหย่าที่ยากกว่า เช่น ในประเทศออสเตรเลีย คู่รักที่จะมาฟ้องหย่าต่อกันได้นั้นจะต้องเป็นคู่สมรสกันมาไม่น้อยกว่า 2 ปี เว้นแต่จะมีคำรับรองให้คู่สมรสสามารถฟ้องหย่าก่อนครบกำหนดได้ เป็นต้นค่ะ

คู่สมรสยุคใหม่ ถ้าหากรู้สึกว่าไม่ใช่ก็จะไม่ทนและเสียเวลา

ดังนั้นจากผลการสำรวจและสถิติต่าง ๆ ที่ Bangkok Matching ได้หยิบยกมาวิเคราะห์และนำเสนอให้เห็นตัวเลขที่เรียกได้ว่าหักล้างกันดุเดือดสุด ๆ สำหรับชาวกรุงเทพมหานคร ที่จดทะเบียนสมรสว่าสูงแล้ว แต่อัตราการจดทะเบียนหย่าก็สูงจนเกือบจถึง 50% ของอัตราการจดทะเบียนสมรส เรียกได้ว่า “ครึ่งหนึ่งรอด อีกครึ่งหนึ่งร่วง” ก็ไม่เกินจริงเลย รวมถึงทัศนคติค่านิยมของคนยุคนี้ก็ไม่เหมือนสมัยก่อนที่มองว่าการหย่าคือการหนีปัญหา แต่ถือว่าเป็นการหาทางออกให้ปัญหาแบบซึ่งหน้ามากกว่า เพราะคิดว่าถ้าไม่ใช่ ก็ไม่จำเป็นต้องทน

]]>
1460460
COVID-19 เล่นกล! ทำสถิติ “การหย่า” ในไทยลดลง 6% แต่แต่งงานก็ลดลง 17% https://positioningmag.com/1317096 Sat, 06 Feb 2021 14:54:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1317096 จากเหตุการณ์โรคระบาด COVID-19 ทั่วโลกในปี 2563 บริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching ได้ติดตามสภาวการณ์การหาคู่ การหย่าร้าง การสมรส ทั้งในไทยและในต่างประเทศ และพบว่าในประเทศไทยช่วง COVID-19 จากตัวเลขสถิติจากกรมการปกครอง ภาพรวมของสถิติการหย่าของทั้งประเทศลดลงราว 6% และสถิติการสมรสของทั้งประเทศก็ลดลงถึง 17% เมื่อเทียบกับปีก่อน

แต่เมื่อมาดูเฉพาะจังหวัดกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่มีประชากรมากสุดถึงประมาณ 5.6 ล้านคน เมืองที่มีคนแต่งงาน และหย่ามากที่สุดในประเทศไทยแล้ว พบว่า สถิติการหย่าในกรุงเทพมหานคร ในปี 2563 ลดลงราว 10% และสถิติการสมรสก็ลดลงถึง 22% เมื่อเทียบกับปี 2562 เลยทีเดียว

ซึ่งจากการวิเคราะห์ของ Bangkok Matching คิดว่า ตัวเลขสถิติการหย่าที่ลดลงนั้น จริงๆ แล้วส่วนหนึ่งอาจไม่ได้หมายความว่า คู่ชีวิตไม่ได้มีปัญหา แต่มันอาจเป็นไปได้ว่า ด้วยสภาวะ COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบในด้านต่างๆ รวมถึงการเงิน และการต้องหาที่พักอาศัยใหม่ ทำให้คู่รักอาจเลือกที่จะอดทนในชีวิตสมรสต่อไปก่อน ยังไม่พร้อมจะแยกบ้าน และยังไม่พร้อมที่จะเริ่มทำเรื่องหย่า ณ ตอนนี้

รวมถึงบางส่วนอาจจะมาจากวัฒนธรรมการอดทน อดกลั้นในชีวิตคู่ และสำหรับยอดคู่แต่งงานที่ลดลง ก็อาจเป็นไปได้ว่า ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะคู่รักจำนวนมากได้เลื่อนงานแต่งงานออกไป หรือยกเลิกไปก่อนนั่นเอง อีกทั้งคนโสดบางส่วน อาจจะถูกชะลอการศึกษา ทำความรู้จักกันไปบ้าง จาก COVID-19 ทำให้จำนวนที่จะพัฒนาไปถึงขั้นแต่งงานในปี 2563 ลดลง ก็เป็นไปได้เช่นกัน

แต่งงาน
Photo : Pixabay

สถานการณ์หย่าร้าง สมรสทั่วโลก

ประเทศอเมริกา Bloomberg รายงานว่า ในครึ่งปีแรกของปี 2563 ช่วงโควิด 19 ระบาดใหม่ๆ ในประเทศอเมริกา ดูเหมือนยอดการหย่าในประเทศอเมริกามีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น แต่พอปลายปีกลับพบว่ายอดรวมการหย่ากลับลดลง รวมถึงยอดคู่แต่งงานก็ลดลงด้วยเช่นกัน

ซึ่งสถาบันวิจัยด้านประชากร และครอบครัว Bowling Green State University’s Center สำรวจ และพบว่า ยอดการหย่าที่ลดลงในปี 2563 ไม่ได้แปลว่าคู่ชีวิตในอเมริกาไม่ได้มีปัญหา มันอาจเป็นไปได้ว่า ด้วยสภาวะ COVID-19 ส่งผลกระทบในด้านต่างๆ รวมถึงการเงิน และการหาที่พักอาศัยใหม่ ทำให้คู่รักเลือกที่จะอดทนในชีวิตสมรสต่อไปก่อน และยอดคู่แต่งงานที่ลดลง ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะคู่รักจำนวนมากได้เลื่อนงานแต่งงานออกไป หรือยกเลิกไปก่อนนั่นเอง

ประเทศจีน อังกฤษ และสวีเดน BBC รายงานว่าจากสภาวะกดดันจาก COVID-19 การล็อกดาวน์ทำให้ต้องคู่ชีวิตต้องใช้เวลาด้วยกันแทบจะตลอดเวลา สภาพการเงินที่ถูกผลกระทบ ส่งผลให้สถานการณ์การหย่าพุ่งสูงในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศอังกฤษ จีน และสวีเดน

Photo : Shutterstock

สำนักงานทนายด้านการหย่าร้างในอังกฤษแจ้งว่า ได้มีผู้สนใจติดต่อเข้ามาสอบถามเรื่องขั้นตอนการหย่าร้างเพิ่มขึ้นถึง 122% ในเดือนกรกฎาคม และตุลาคม ปี 2563 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา องค์กรการกุศลในประเทศอเมริกาที่ให้คำแนะนำด้านการจบความสัมพันธ์ การหย่าร้างทางออนไลน์ ก็ได้รับการติดต่อสอบถามพุ่งสูงขึ้นมากด้วยเช่นกัน แม้กระทั่งเว็บไซด์ออนไลน์ ขายแบบฟอร์มสัญญาข้อตกลงการหย่าร้าง ก็แจ้งว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 34%

ประเทศออสเตรเลีย พบว่าอัตราการสมรสลดลงถึง 30% ในครึ่งปีแรกของปี 2563 และคาดการณ์ว่าอัตราการหย่าก็น่าจะพุ่งสูงขึ้น ดูจากการค้นหาคำว่า “หย่าร้าง” (divorce) บน Google ในประเทศออสเตรเลีย ได้พุ่งสูงเป็นอย่างมาก

ประเทศเกาหลีใต้ พบว่ายอดการหย่าของคนเกาหลีใต้ช่วง มกราคม – กรกฎาคม 2563 เพิ่มขึ้น 3.1% และยอดแต่งงานลดลง 9.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน

ประเทศญี่ปุ่น และประเทศที่ชายเป็นใหญ่ในครอบครัวอย่าง ฮ่องกง และเกาหลีใต้ มีรายงานการร้องเรียนการใช้กำลังในบ้านของสามีและภรรยา ในช่วงล็อกดาวน์พุ่งสูงมาก ในประเทศญี่ปุ่นเอง ได้รับการร้องเรียนมากเป็นกว่าเท่าตัว แค่ในเดือนเมษายน 2563 เท่านั้น แต่กลับพบว่า สถิติการหย่าในญี่ปุ่นระหว่างเดือน มกราคม – มิถุนายน 2563 กลับลดลงราว 9.8%

Photo : Pixabay

ในกรณีประเทศญี่ปุ่น และประเทศแถบเอเชียที่ชายเป็นใหญ่ในบ้านนี้ Bangkok Matching วิเคราะห์ว่า อัตราการหย่าที่ลดลง หรือเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีนัยสำคัญ ส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ทำให้การเลิกกัน หย่าขาดจากกัน เป็นไปได้โดยลำบาก และอีกส่วนหนึ่ง น่าจะมาจากวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของหญิงในประเทศนั้นเอง ที่อาจจะถือหลักอดทน อดกลั้น ตามวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ปลูกฝังกันมาของตน

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามไปคือ COVID-19 คงไม่ได้ส่งผลร้ายต่อความสัมพันธ์แง่เดียว ในทางกลับกันคู่ที่รอดจากความกดดันต่างๆ ในช่วงนี้มาได้นี้ ก็น่าจะมีแนวโน้มว่าความสัมพันธ์จะแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม รักกันมากกว่าเดิม ผูกพันกันมากกว่าเดิม จากการใช้เวลาด้วยกัน เป็นกำลังใจให้กันและกันผ่านวิกฤต COVID-19 นี้

อ้างอิง

]]>
1317096
เตรียมแพ็กกระเป๋า! กางโผ 10 จังหวัดแห่งความรัก มีอัตราการแต่งงานสูงสุดของไทย https://positioningmag.com/1317091 Mon, 01 Feb 2021 14:15:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1317091 Bangkok Matching เปิดผลสำรวจ 10 จังหวัดในประเทศไทย ที่มีอัตราการแต่งงานสูงที่สุด โดยกรุงเทพฯ เข้าวินมาเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือชลบุรี และนครราชสีมา

ในเทศกาลวันแห่งความรัก ที่กำลังจะมาถึงบริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching จะมาเพิ่มโอกาสให้ได้มีโอกาสพบคู่มากขึ้นให้มีโอกาสได้แต่งงานมากขึ้น หากเราพาตัวเองไปอยู่สถานที่ถูกที่ ถูกทาง เพราะ Bangkok Matching จะมาเผยความลับอย่างหนึ่ง ที่คนโสดหาคู่ทุกคนควรทราบ นั่นก็คือ

สิ่งที่น่าสนใจคือ

  • จังหวัดระยอง เป็นจังหวัดที่มีจำนวนประชากรเป็นอันดับที่ 33 ของประเทศ แต่อัตราการสมรสสูงเป็นอันดับ 6 เลยทีเดียว จึงเป็นจังหวัดที่มีการแต่งงานสูงมากที่สุด หากวัดจากสัดส่วนจำนวนประชากรทั้งหมด
  • จังหวัดปทุมธานี ที่มีจำนวนประชากรทั้งหมดในอันดับ 18 แต่อัตราการสมรสอยู่ในอันดับ 8
  • จังหวัดนนทบุรี จำนวนประชากรทั้งหมดในอันดับ 16 แต่อัตราการสมรสอยู่ในอันดับ 10
  • จังหวัดสมุทรปราการ จำนวนประชากรทั้งหมดในอันดับ 13 แต่อัตราการสมรสอยู่ในอันดับ 4
  • จังหวัดชลบุรี จำนวนประชากรทั้งหมดในอันดับ 9 แต่อัตราการสมรสอยู่ในอันดับ 2
แต่งงาน
Photo : Pixabay

ซึ่งนั่นแปลว่า ในจังหวัด 10 อันดับ อัตราการสมรสสูงแล้ว หากคุณยังเจาะต่อ และเลือกที่จะไปอยู่ในจังหวัดที่มีจำนวนประชากรน้อยกว่า แต่อัตราการสมรสสูง นั่นแปลว่าคุณจะมีคู่แข่งขันน้อยลง อัตราการได้คู่แต่งงานของคุณก็จะมากขึ้นด้วย

สำหรับจังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นจังหวัดอันดับ 1 ในทุกๆ ด้าน เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ว่าในกรณีนี้อัตราการสมรสสูงเป็นอันดับ 1 ก็จริง แต่หากเทียบกับจำนวนประชากรเกือบ 6 ล้านคนแล้ว ถือว่าอัตราการแต่งงานของหนุ่มสาวชาวกรุง กลายเป็นอัตราส่วนเล็กน้อยไปเลย เมื่อเทียบกับจังหวัดชลบุรี อันดับ 2 ที่มีประชากรชายหญิงรวมเพียง 1.6 ล้านคน

จากการที่ Bangkok Matching ได้สัมภาษณ์หนุ่มโสด สาวโสดจากจังหวัดต่างๆ ทั่วไทย จึงขอสรุปเรื่องนี้ได้ว่า การมีตัวเลือกเยอะๆ (ในที่นี้ คือจำนวนประชากรเยอะๆ) ไม่ได้แปลว่าคุณจะมีโอกาสการแต่งงานสูงขึ้น ตามที่เห็นได้จากจังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวนประชากรมากกว่าจังหวัด Top 10 อัตราการแต่งงานสูงสุดในประเทศไทยกว่า 500% แต่มีอัตราการแต่งงานมากกว่าจังหวัดอันดับ 2 ชลบุรี เพียง 2 เท่าเท่านั้น

Photo : Pixabay

เมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ เมืองที่ต้องดิ้นรน แข่งขัน และใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ การจราจรที่ติดขัด ผังเมือง รวมถึงสภาพอากาศที่ไม่ส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ในสังคม ทำให้คนโสดชายหญิงต่างวุ่นวาย ภารกิจรัดตัว หรือไม่ก็เหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะใช้พลังงานหาแฟน รวมถึงสภาพเศรษฐกิจ ที่ทำให้คนโสดเหนื่อยหน่ายกับการสร้างครอบครัว มีลูก เพิ่มภาระ อยู่ตัวคนเดียว ปากท้องเดียวให้รับผิดชอบ อิสรเสรีมากกว่า ใช้ชีวิตตะลอนไปร้านกาแฟ ถ่ายรูปลงโซเชียล เลี้ยงหมาแมวก็พอแล้ว

อีกทั้งสังคมนิยมวัตถุที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การเลือกสรรในตัวคู่ครองมากขึ้น อย่างที่คนโสดชอบพูดกันโดยทั่วไปว่า “หากได้คู่ที่ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้น ก็ขออยู่คนเดียวดีกว่า”

หากเปรียบเทียบกับชีวิตในจังหวัดที่เล็กกว่า อย่างชลบุรี นครราชสีมา ชีวิตก็จะไม่กดดันเท่า เร่งรีบเท่าคนโสดในเมืองใหญ่ อารมณ์ก็เลยแจ่มใสกว่า สดชื่นกว่า มีเวลาพบปะสังสรรค์เพศตรงข้ามมากกว่า จึงมีอัตราการแต่งงานสูง

]]>
1317091
COVID-19 ทำให้คนเห็นความ “ไม่แน่นอนในชีวิต” ดันบริการหาคู่ยังโต แม้คลายล็อกดาวน์แล้ว https://positioningmag.com/1295674 Sun, 06 Sep 2020 13:34:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1295674 สรุปสถานการณ์บริการหาคู่ในช่วงไตรมาส 2 ของปี ผ่านพ้นช่วงล็อกดาวน์ กักตัวช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 มาแล้ว พบว่าคนไทยยังใช้บริการหาคู่มากขึ้น ไม่แพ้ตอนล็อกดาวน์ คนโสดโปรไฟล์ดียังมากสุด แต่ระดับล่างลดลง

ช่วงล็อกดาวน์ หาคู่โต 300%

เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2563 บริษัทจัดหาคู่พรีเมียม Bangkok Matching ได้ทำสรุปสถานการณ์ COVID-19 กับคนโสดหาคู่ ในไตรมาสแรกของปี 2563 ว่ายังหาคู่กันอยู่หรือไม่ อย่างไร และในบทความนี้เป็นภาคต่อสรุปสถานการณ์ COVID-19 กับการหาคู่ในไทยในไตรมาส 2

ในช่วงมีนาคม–พฤษภาคม คนส่วนใหญ่ทำงานจากบ้าน เป็นที่น่าประหลาดใจที่ในช่วง COVID-19 ที่เป็นที่วิตกกังวลไปทั่วโลก รวมถึงไทยมีการกักตัว ทำงานจากบ้านกันเป็นส่วนใหญ่ การเลิกกิจการ เลิกจ้างพนักงาน รวมถึงการเคอร์ฟิว ทำให้ธุรกิจต้องหยุดประกอบการกันเป็นจำนวนมาก

Photo : Shutterstock

แต่ปรากฏว่าบริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching กลับได้รับการติดต่อสนใจใช้บริการจัดหาคู่มากขึ้นถึงราว 300% เทียบกับช่วงเวลาปกติ แต่ผู้สนใจติดต่อใช้บริการจัดหาคู่เข้ามาในช่วงนี้ กลับมีแต่กลุ่มคนโสดโปรไฟล์ดี ฐานะดี มากขึ้นเป็นหลัก และคนโสดที่ทำงานระดับล่าง แทบจะเรียกว่าหายไปเลยก็ว่าได้ ไม่เหมือนกับช่วงปกติ ที่คนโสดที่ทำงานระดับล่างลงไป จะติดต่อเข้ามาสอบถามบริการมากกว่านี้มาก (เช่นกลุ่มหญิงชายอีสานที่ต้องการหาคู่ต่างชาติ) คือ คนโสดที่ทำงานระดับล่างลงไป หายไปแบบมีนัยสำคัญ

สรุปสถานการณ์หาคู่ไตรมาส 2

ในช่วงไตรมาสที่ 2 ตั้งแต่เดือนมิถุนายน–ต้นกรกฏาคม เริ่มเข้าสู่การคลายล็อกดาวน์แล้ว เพระาสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มดีขึ้น บริษัทหลายแห่งเริ่มให้กลับเข้าทำงานที่ออฟฟิศ แต่ก็ได้เห็นการให้ออกจากงาน การปิดกิจการอย่างต่อเนื่อง

Bangkok Matching ได้เก็บสถิติของคนโสดที่ติดต่อเข้ามา สนใจใช้บริการจัดหาคู่ในไตรมาส 2 ของปี 2563 ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 และพบว่า

1. คนโสดโปรไฟล์ดีในไทย ที่มีฐานะ และมีความมั่นคงจำนวนมาก ยังคงติดต่อเข้ามาใช้บริการจัดหาคู่ ของบริษัทฯ ในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาส 1

Photo : Pixabay

2. ในไตรมาส 2 กลุ่มคนที่อยู่นอกกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มที่รายได้น้อย การศึกษาน้อยกว่าปริญญาตรี ที่ตั้งใจหาแฟนต่างชาติ หรือแฟนรวยๆ เป็นหลัก เป็นต้น ประมาณ 20% เริ่มกลับมาติดต่อ Bangkok Matching เพิ่มมากกว่าไตรมาส 1 ที่กลุ่มนี้แทบจะหายไปเลยทั้งหมด คาดว่าน่าจะเริ่มปรับตัว ปรับใจได้ เลยเริ่มติดต่อสอบถามเรื่องการหาคู่

3. คนโสดชายต่างชาติที่ไม่ได้ทำงานในไทย เริ่มติดต่อสนใจเข้าใช้บริการจัดหาคู่เข้ามาราว 30% จากไตรมาสแรก ที่แทบจะหายไปเลย แต่ชายต่างชาติเหล่านี้บางส่วนยังชะลอการสมัคร เพราะต้องการให้ช่วง COVID-19 ดีขึ้น ประเทศไทยเปิดให้เข้าประเทศก่อน จึงจะสมัครใช้บริการตอนนี้ เพียงต้องการสอบถามไว้ก่อน

4. คนโสดโปรไฟล์ดีที่ติดต่อเข้ามาใช้บริการ เริ่มไม่พูดถึงเรื่องความวิตกกังวลว่าจะเดตอย่างไรในช่วง COVID-19 ไม่เหมือนในไตรมาสแรก ที่คนโสดมักสอบถามว่าจะมีคนสมัครหรือ จะมีคนมีอารมณ์อยากออกเดตหรือ คาดว่าคนโสดหาคู่ปรับตัว ปรับใจ จนชินแล้ว คลายวิตกในจุดนี้แล้ว

5. Bangkok Matching ได้เพิ่มช่องทางการสมัคร ให้สมัครได้ทางออนไลน์ และการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ได้ด้วย และสำหรับการทำความรู้จักกัน จากเดิมที่จะมีเพียงการออกเดต พบตัวกันจริงๆ ในครั้งแรก บริษัทได้เพิ่มช่องทาง ให้มีการแลกเปลี่ยนเบอร์โทร ไลน์ หรืออีเมล ให้คู่เดตก่อนด้วย แทนการนัดพบกันเลย สำหรับสมาชิกที่ไม่รู้สึกสบายใจในการไปที่สาธารณะในช่วงโควิด หรือสำหรับสมาชิกที่อยู่ต่างประเทศ

Cheerful Vietnamese couple discussing business idea

6. คนโสดที่เลือกพบตัวกันในเดตแรก มักเลือกเป็นร้านอาหาร หรือร้านกาแฟเงียบๆ แทนร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าที่พลุกพล่าน ซึ่งต่างจากช่วงปกติ

7. เป็นไปได้ว่าการล็อกดาวน์ทำให้ความรู้สึกของความไม่แน่นอนของชีวิต เพราะ COVID-19 ยิ่งช่วยกระตุ้นให้คนรู้สึกต้องการความมั่นคงในชีวิต กระตุ้นให้คนโสดหาคู่มากขึ้น สอดคล้องกับธุรกิจประเภทเดียวกันในต่างประเทศ บริษัทจัดหาคู่ทั้งในญี่ปุ่น และอเมริกา ก็มียอดผู้สมัครใช้บริการจัดหาคู่เพิ่มขึ้นเช่นกัน 

8. บริษัทจัดหาคู่ออนไลน์ในญี่ปุ่นได้แจ้งว่า ในเดือนกรกฎาคม 2563 ยอดรายได้โตขึ้นระหว่างล็อกดาวน์ บริษัทจัดหาคู่ใน Manhattan New York ให้สัมภาษณ์ว่า คนโสดสมัครใช้บริการจัดหาคู่เพิ่มมากขึ้นในช่วง COVID-19 เนื่องจากเห็นความไม่แน่นอนในชีวิต และต้นเดือนสิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา Match แจ้งรายได้โตขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 ส่งผลให้หุ้นของบริษัทสูงขึ้นเกือบ 12%

แม้แต่ธุรกิจ Sex Toy ของจีน ก็ยังมียอดขายพุ่งกว่า 50% ในช่วงล็อกดาวน์ COVID-19 เช่นกัน

ที่มา : NY1, Bloomberg, Marketwatch, Washingtonpost

]]>
1295674
กักตัวมันเหงา! COVID-19 ดันยอดบริการจัดหาคู่ในไทยเพิ่ม 300% “คนโสดโปรไฟล์ดี” มากสุด https://positioningmag.com/1276102 Wed, 29 Apr 2020 15:21:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1276102 บริษัทจัดหาคู่พรีเมียม Bangkok Matching เปิดข้อมูลการใช้บริการจัดหาคู่ของคนไทยในช่วงกักตัวสถานการณ์ COVID-19 พบว่ามีการเติบโตขึ้น 300% กลุ่มคนโสดโปรไฟล์ดีใช้บริการมากสุด

กี่มรสุม คนไทยก็อยากมีคู่

Bangkok Matching ได้เปิดทำการมากว่า 15 ปี ได้ผ่านเหตุการณ์ไม่ปกติหลายครั้ง ทั้งในช่วงที่บ้านเมืองไม่สงบทางการเมืองหลายครั้ง ช่วงน้ำท่วมกรุงเทพฯ และหลายส่วนทั่วไทย จนมาถึงปัจจุบัน คือ สถานการณ์ COVID-19 ตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 จนถึงปลายเดือน เมษายน 2020 ณ ปัจจุบัน

เป็นที่น่าประหลาดใจ กระทั่งสำหรับ Bangkok Matching เองว่า แม้ในช่วง COVID-19 ที่เป็นที่วิตกกังวลไปทั่วโลก รวมถึงไทยมีการกักตัว ทำงานจากบ้านกันเป็นส่วนใหญ่ การเลิกกิจการ เลิกจ้างพนักงาน รวมถึงการเคอร์ฟิว ทำให้ธุรกิจต้องหยุดประกอบการกันเป็นจำนวนมาก

ปรากฏว่า Bangkok Matching กลับได้รับการติดต่อสนใจใช้บริการจัดหาคู่มากขึ้นถึงราว 300% เทียบกับช่วงเวลาปกติ

 

ผู้สนใจติดต่อใช้บริการจัดหาคู่ของ Bangkok Matching เข้ามาในช่วงนี้ กลับมีแต่กลุ่มคนโสดโปรไฟล์ดี ฐานะดี มากขึ้นเป็นหลัก และคนโสดที่ทำงานระดับล่าง แทบจะเรียกว่าหายไปเลยก็ว่าได้ ไม่เหมือนกับช่วงปกติ ที่คนโสดที่ทำงานระดับล่างลงไป จะติดต่อเข้ามาสอบถามบริการมากกว่านี้มาก (เช่นกลุ่มหญิงชายอีสานที่ต้องการหาคู่ต่างชาติ) คือ คนโสดที่ทำงานระดับล่างลงไป หายไปแบบมีนัยสำคัญ

คนโสดโปรไฟล์ดีมากสุด

Bangkok Matching จึงได้วิเคราะห์ดู และสรุปได้ว่า การติดต่อสนใจใช้บริการจัดหาคู่ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากของกลุ่มคนโสดโปรไฟล์ดี ฐานะดีนี้ น่าจะมาจากหลายองค์ประกอบด้วยกัน คือ

1.   คนโสดโปรไฟล์ดีส่วนมาก ยังทำงาน แต่ทำงาน WFH เลยว่างขึ้น มีเวลาและมีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น จึงติดต่อเข้ามาได้ง่ายขึ้น

2.   เหงา เบื่อ หรือรู้สึกท้อแท้ จากการที่สภาวะการณ์ไม่ปกติ ทำให้รู้สึกว่า มีคู่น่าจะดีกว่าการอยู่ตัวคนเดียว ผจญเหตุการณ์ไม่แน่นอนคนเดียว

3.   กลุ่มคนทำงานระดับล่างลงไป คงจะโดนผลกระทบเศรษฐกิจเยอะ จึงหายไปกันแทบจะทั้งหมด คือหมดแรง หมดอารมณ์ ปากท้องมาก่อน

Young Couple Taking Selfie Photo Holding Hands In Kitchen, Asian Woman Leading Hispanic Man Modern Apartment With Big Windows Interior

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โควิด ก็ทำให้ผู้สนใจใช้บริการบางส่วน (แต่ไม่มากนัก) ชะลอการตัดสินใจ เนื่องจากรู้สึกว่าสถานการณ์ยังไม่แน่นอน ต้องการให้สถานการณ์นิ่งกว่านี้ก่อน

ต่างประเทศก็หาคู่มากขึ้น

จากเหตุการณ์ไม่ปกติหลายครั้ง จึงสรุปได้ว่า ความรักเป็นสิ่งที่คนต้องการใช้ยึดเหนี่ยวในยามที่สภาพบ้านเมืองไม่ปกติ ส่งผลให้จิตใจอ่อนไหว

ซึ่งจากเว็บไซด์ออนไลน์เดทติ้งของต่างประเทศ ก็ต่างออกมาประกาศว่า แต่ละเว็บไซด์มียอดการส่งข้อความติดต่อกัน เพิ่มขึ้นราว 20 – 30% รวมถึงเวลาที่คุยกันก็ยาวขึ้นอีกด้วย และจำนวนผู้สมัครเป็นสมาชิกแบบจ่ายเงินใช้บริการ มีเพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนมากในช่วง COVID-19 นี้

ยกเว้นในเมือง New York หรือประเทศอิตาลี และสเปน ที่มียอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก Match.com บริษัทจัดหาคู่ใหญ่ในอเมริกาแจ้งว่า ยอดในเมืองดังกล่าวจะตกลงไปในหลักสิบ แต่สำหรับเมืองอื่นๆ ในอเมริกา และประเทศอื่นๆ ยอดการสมัครเป็นสมาชิกจ่ายเงินพุ่งสูงขึ้นอย่างเป็นนัยสำคัญเลยทีเดียว

อ้างอิง Cnbc, Market Watch, The Street

]]>
1276102