Carbon Neutral – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 26 Nov 2025 06:15:38 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 CKPower รุกธุรกิจขาย RECs รองรับตลาดไทย และภูมิภาค ขานรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด https://positioningmag.com/1548728 Wed, 26 Nov 2025 09:56:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1548728

ในปัจจุบันที่ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมกลายเป็นหัวข้อหลักที่ทุกคนต่างให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะภาครัฐบาลที่ออกนโยบายที่กระตุ้น และส่งเสริมเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม ด้านบริษัทเอกชนก็มีทั้งนโยบาย และกลยุทธ์ทั้งภายใน และภายนอกองค์กร และยังมีการตั้งเป้าเรื่องการเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutral และ Net Zero กันมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต่างช่วยกันแก้ปัญหา เพื่อให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้น

ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนถือเป็นโอกาสสำคัญและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นตลาดที่มีความต้องการสูง หลายองค์กรมองเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้

โดยหนึ่งในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับพลังงานหมุนเวียนแห่งหนึ่งในไทย อย่าง บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower หนึ่งในผู้นำในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและมีคาร์บอนฟุตพรินต์ที่ต่ำที่สุดรายหนึ่ง โดยมีแผนในปี 2568-2573 ได้เดินหน้าขยายกำลังการผลิตจากโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ควบคู่ไปกับการขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (RECs)

ธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงโอกาสทางธุรกิจที่มีศักยภาพสูงในอนาคต โดยเฉพาะในบริบทของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับสากล โดยข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ในปี 2026 ความต้องการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมีทิศทางเพิ่มสูงขึ้นทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน โดยปริมาณไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ขายให้ภาครัฐคาดว่าจะอยู่ที่ 24,303 GWh และภาคเอกชนคาดว่าจะอยู่ที่ 4,249 GWh เพิ่มขึ้น 2.8% และ 8% ตามลำดับ


รู้จัก RECs คืออะไร สำคัญอย่างไรกับองค์กร

ใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates: RECs) คือเอกสารทางการตลาดที่ยืนยันว่าไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น ลม แสงอาทิตย์ หรือพลังน้ำ โดยในทุก 1 เมกะวัตต์-ชั่วโมง (MWh) ของไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน จะได้รับ 1 หน่วย RECs เพื่อแสดงที่มาของพลังงานสะอาดนั้น ซึ่ง RECs แยกออกจากไฟฟ้าทางกายภาพ ทำให้สามารถซื้อขายได้อย่างอิสระในตลาด โดยผู้ซื้อ RECs สามารถนำไปใช้ยืนยันว่า “ไฟฟ้าที่ใช้มาจากพลังงานหมุนเวียน” ตามจำนวน MWh ที่ถือครองใบรับรอง RECs นั้น ๆปัจจัยที่หลายองค์กรให้ความสำคัญ RECs อาทิ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Scope 2 emissions) โดยเฉพาะองค์กรที่ใช้ไฟฟ้าจากโครงข่ายไฟฟ้าหลัก (grid) ซึ่งอาจมีการผสมระหว่างไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลกับไฟฟ้าหมุนเวียน

การซื้อ RECs ยังถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการสนับสนุนการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน เนื่องจาก RECs เป็นรายได้เสริมให้กับผู้ผลิตไฟฟ้าหมุนเวียน ส่งผลให้โครงการเหล่านี้มีความคุ้มค่าและมีแรงจูงใจในการลงทุนและขยายโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาด

Carbon Neutral กับ RECs

ปัจจุบันหลายองค์กรมีการประกาศแผนด้านความยั่งยืน ทั้งในเรื่องของการเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutral และ Net Zero ล้วนส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ซึ่ง RECs สามารถช่วยให้องค์กรต่างๆ บรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้เร็วขึ้น

การบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การเป็นกลางทางคาร์บอน หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามมาตรฐาน Scope 2 ด้วยขั้นตอนการขาย RECs ดังนี้


การกำหนดเป้าหมายสิ่งแวดล้อมขององค์กร

  1. ขึ้นทะเบียนโครงการโดยต้องเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Solar, Wind, Hydro ฯลฯ) จากนั้นขึ้นทะเบียนกับระบบรับรองเช่น I-REC (International REC Standard) ผ่านหน่วยงานผู้ออก (Issuer) ในไทยปัจจุบันการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำหน้าที่เป็น I-REC Issuer
  2. การตรวจสอบและออกใบรับรองโดยจะต้องผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน→ส่งเข้าระบบ→ได้รับการตรวจสอบ (Verification) →ออกเป็น RECs (1 REC = 1 MWh)
  3. การซื้อขายในตลาดผู้ขาย: โรงไฟฟ้าที่มี RECs ในมือและผู้ซื้อ: บริษัทที่ต้องการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์หรือบรรลุเป้าหมาย Scope 2 โดยซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มหรือนายหน้าเช่น I-REC Registry

ทั้งนี้ สำหรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Scope 2 emissions) ในองค์กรนั้น การซื้อ RECs ช่วยให้สามารถอ้างว่าได้ “ใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาด” เทียบเท่ากับจำนวน MWh ที่ซื้อ RECs ไป ฉะนั้นแล้วองค์กรที่ต้องการก้าวสู่การเป็นกลางทางคาร์บอนจะมองหา RECs เพื่อรับรองการการดำเนินธุรกิจสีเขียว


CKPower เดินหน้าขาย RECs รองรับความต้องการตลาด

ข้อมูล ณ (มกราคม 2025) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ภายใต้บริษัท บางเขนชัย จำกัด (BKC) ขึ้นทะเบียนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเข้าสู่ธุรกิจซื้อขาย RECs ตั้งแต่ปี 2022 จนถึงปัจจุบัน โดยตลอดการดำเนินงานที่ผ่านมาได้มีการส่งมอบ RECs แล้วจำนวน 39,660.46 RECs

สำหรับทิศทางของตลาด จากรายงานของ Data Intelligence ในหัวข้อ “Thailand Renewable Energy Certificate Market Size, Share Analysis, Growth Insights and Forecast 2025–2032” ระบุไว้ว่า ตลาดใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (REC) ของประเทศไทย มีมูลค่า 11.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และคาดว่าจะเติบโตถึง 25.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2032 ขยายตัวในอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 9.7% ระหว่างปี 2025–2032

การดำเนินงานดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ์ ซี เค พี (C-K-P) ในด้านความยืดหยุ่นของการดำเนินธุรกิจ (Partnership for Life) ซึ่งตั้งเป้าการขยายโอกาสในด้านพลังงานหมุนเวียน เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงขยายตลาดและความร่วมมือในธุรกิจการผลิตไฟฟ้า

ทั้งนี้ การขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: RECs) นอกจากเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้เพิ่มเติม กระบวนการนี้ไม่เพียงช่วยสนับสนุนการลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของผู้ซื้อ แต่ยังตอกย้ำการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท เสริมภาพลักษณ์องค์กรที่มุ่งมั่นด้านความยั่งยืน และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนทั้งในระดับองค์กรและระดับประเทศ

]]>
1548728
วิถีสยามพิวรรธน์ สร้างเมืองแห่งชีวิต สู่โลกที่เติบโตอย่างยั่งยืน https://positioningmag.com/1523979 Fri, 30 May 2025 13:36:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1523979

ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี สยามพิวรรธน์ได้สร้างจุดหมายปลายทางสัญลักษณ์ของเมือง ที่เต็มไปด้วยสีสัน ความมีชีวิตชีวา และการมีส่วนร่วมของผู้คนจากทุกภาคส่วน ก้าวสู่การเป็นผู้บุกเบิกที่ยกระดับมาตรฐานของวงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกไทย สร้างต้นแบบแห่งการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม


จากสยามเซ็นเตอร์ สู่สยามพารากอน สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม ทุกโครงการไม่ได้เป็นเพียงแลนด์มาร์กระดับประเทศ หากแต่เป็นพลังขับเคลื่อนเมืองในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ที่มุ่งมั่นใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ด้วยแนวคิดเติบโตเคียงคู่สิ่งแวดล้อมเพื่อโลกที่ดีขึ้น “วิถีสยามพิวรรธน์” จึงเป็นพันธกิจที่หล่อหลอมเข้าสู่ทุกกระบวนการทางธุรกิจอย่างเป็นระบบ พร้อมเป้าหมายชัดเจนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ในขอบเขตที่ 1 และ 2 ภายในปี 2050  โดยมีพันธกิจหลัก ดังนี้


Carbon Neutral – วัดผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและทำการชดเชย 100% 

สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นศูนย์การค้าแห่งแรกของไทยที่ ได้รับการรับรองเครื่องหมายการชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset & Carbon Neutral) ในกิจกรรมชดเชยคาร์บอนประเภทองค์กร (Carbon Neutral of CFO) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. โดยทำการชดเชยคาร์บอน 100% จากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรปี 2023 ในขอบเขตที่ 1 และ 2 รวมทั้งสิ้น 23,092 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้มากถึง 2,430,736 ต้น ทั้งนี้ สยามพิวรรธน์ยังเดินหน้าพัฒนาระบบบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

Zero Waste to Landfill จัดการขยะครบวงจร Siam Piwat 360° Waste Journey to Zero Waste

สยามพิวรรธน์เดินหน้าสู่เป้าหมาย “ขยะฝังกลบเป็นศูนย์” (Zero Waste to Landfill) ภายในปี 2040 ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรนำนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้ในหลายโครงการ อาทิ นวัตกรรม Waste to Value ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร นำขยะเศษอาหารไปแปรสภาพเป็นอาหารสัตว์ หรือการร่วมมือกับพันธมิตรนำขยะในศูนย์การค้าไปรีไซเคิลและอัพไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ วางจำหน่ายในพื้นที่ ECOTOPIA พร้อมขยายแนวคิดสู่ผู้เช่า ลูกค้า และชุมชน และโครงการ Waste to Energy ร่วมมือกับ กทม. และวงษ์พาณิชย์ นำขยะไปรีไซเคิลและผลิตเป็นพลังงาน

นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในการลดปัญหา Food Waste เพื่อให้เหลือขยะอาหารน้อยที่สุด โดย สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยามเป็นศูนย์การค้าแรกที่เข้าร่วมโครงการ “ร้านนี้ไม่เทรวม” กับกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างต้นแบบให้อุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่มใน 4 ศูนย์การค้าเข้าร่วม 100% รวมทั้งการส่งเสริมจิตสำนักสิ่งแวดล้อมในชุมชน เช่น โครงการขยะเติมสุข รักษ์คลองที่คลองสาน การแจกชุดถังขยะส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง การอบรมให้ความรู้แก่ผู้เช่า พนักงาน โรงเรียน และชุมชน รวมทั้งสนับสนุนการแข่งขัน SPOGOMI WORLD CUP การแข่งขันเก็บขยะระดับโลก


พลังงานทดแทน: เร่งเปลี่ยนสู่พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2030

สยามพิวรรธน์ตั้งเป้าการใช้พลังงานหมุนเวียน 30% ภายในปี 2026 และ 100% ภายในปี 2030 สำหรับพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการทั้งหมด ปัจจุบันได้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปที่ ICONSIAM และ Siam Premium Outlets Bangkok รวมกว่า 18,000 ตารางเมตร ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ 5,024 เมกะวัตต์-ชั่วโมง/ปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 2,512 ตัน CO₂e หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 264,000 ต้น และในปีนี้จะมีติดเพิ่มเติมที่สยามพารากอนอีก 3,500 ตารางเมตร ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 1,044 เมกะวัตต์-ชั่วโมง/ปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 438 ตัน CO₂e หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 49,500 ต้น

บริษัทเดินหน้าศึกษาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง ผ่านการใช้ไฟฟ้าสีเขียวโครงการ Utility Green Tariff (UGT) โดยได้สมัครเข้าร่วมโครงการของภาครัฐ พร้อมขยายการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปที่สยามพารากอน และพัฒนาระบบปรับอากาศอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน


พื้นที่สีเขียว: เติมเต็มเมืองด้วยพื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองที่มีชีวิต

จากแนวคิดที่ว่าเมืองจะเติบโตได้ต้องเติบโตอย่างสมดุล สยามพิวรรธน์เดินหน้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างจริงจัง รวมกว่า 38,400 ตารางเมตรในทุกศูนย์การค้า และบนดาดฟ้าของอาคารจอดรถสยามมีศูนย์อนุบาลต้นไม้ฟาร์มออร์แกนิกขนาด 4,000 ตารางเมตร ใช้แนวทางธรรมชาติ 100% ปราศจากการใช้ปุ๋ยและสารเคมี รวมทั้งมีการจัดการขยะอินทรีย์แบบครบวงจร  ด้วยการใช้สารปรับปรุงดิน จากขยะอินทรีย์และปุ๋ยหมักจากเศษใบไม้ การนำกากกาแฟมาผลิตเป็นปุ๋ยธรรมชาติ และการผลิต น้ำหมักชีวภาพจากเปลือกผลไม้เพื่ออนุบาลและบำรุงต้นไม้

นอกจากนี้ ยังได้ทำงานร่วมกับ บริษัท ไบร์ท แมเนจเม้นท์ คอนซัลติ้ง จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน เพื่อวางแผน Net Zero Roadmap ที่รัดกุมและท้าทาย แผนการนี้จะนำทางเราไปสู่เป้าหมายสำคัญ คือการ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

*ในขอบเขตที่ 1 และ 2

ทั้งหมดนี้คือการสานต่อพันธกิจของ “วิถีสยามพิวรรธน์” ที่มุ่งมั่นในการสร้างเมืองให้กลายเป็นพื้นที่ของชีวิตที่เติบโตอย่างสมดุล ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

]]>
1523979