Chat & Shop – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 20 Sep 2022 03:03:03 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดเส้นทาง 3 ปี “เซ็นทรัล วิลเลจ” กับการสร้างแลนด์มาร์กลักชูรี่เอาท์เล็ตระดับโลกในไทย https://positioningmag.com/1400623 Tue, 20 Sep 2022 02:00:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1400623

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “เซ็นทรัลพัฒนา” เป็นผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในหลากหลายโครงการ ทั้งศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย และโรงแรม แต่อีกหนึ่งโครงการที่สร้างความปังไม่แพ้กันก็คือ “เซ็นทรัลวิลเลจ” ลักชูรี่เอาท์เล็ตแห่งใหญ่ในกรุงเทพฯ ในปีนี้ได้ฉลองครบรอบการเปิดให้บริการ 3 ปีแล้ว

เซ็นทรัล วิลเลจ ได้เปิดให้บริการเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ภายใต้คอนเซ็ปต์ Bangkok Luxury Outlet มีมูลค่าโครงการรวม 5,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 36,000 ตร.ม. มีที่จอดรถมากกว่า 2,000 คัน พร้อมกับได้พาร์ทเนอร์คนสำคัญอย่าง บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ไทยแลนด์) หนึ่งในบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บิ๊กอสังหาฯ ระดับโลก ที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาเอาท์เล็ตชื่อดังของเอเชีย

จุดเด่นที่สำคัญของเซ็นทรัล วิลเลจ นอกจากจะมีสินค้าแบรนด์เนมมากกว่า 300 แบรนด์ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์แล้ว แถมยังเดินทางสะดวกจากในเมือง Bangkok CBD เพียง 30 นาที และใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมกับมีบริการรถรับ-ส่ง Shuttle Bus จากเซ็นทรัลเวิลด์ และ Shuttle Van จากเซ็นทรัลพระราม 9 อีกด้วย

ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดของเซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า

“เซ็นทรัล วิลเลจ เป็นโครงการแรกที่พลิกโฉมวงการรีเทลไทยด้วยการนำลักชูรี่เอาท์เล็ตระดับโลกเข้ามาในประเทศไทยเป็นแห่งแรก มอบประสบการณ์การช้อปแบรนด์เนมระดับโลก โดยที่ผ่านมา เซ็นทรัล วิลเลจ ประสบความสำเร็จและได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักช้อปทั้งไทย, Expat และนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยกลยุทธ์สำคัญที่สร้างความแตกต่างคือ การสร้าง Omnichannel Platform ของตัวเอง ผ่าน Live Streaming, Chat & Shop ที่ทั้งสร้าง Engagement กับลูกค้าได้ทั่วประเทศเจาะกลุ่ม Top Spenders และ Quality Traffic ทั้งใน-นอก Catchmentและสร้างยอดขายให้แบรนด์พันธมิตรได้อย่างแท้จริง”

ตลอดเส้นทาง 3 ปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่าเซ็นทรัล วิลเลจ เป็นมากกว่าการช้อปปิ้งแบรนด์เนม แต่เป็น Luxury Lifestyle Destination ที่สมบูรณ์แบบที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ ไปโดยปริยาย

4 กลยุทธ์ปั้น “เซ็นทรัล วิลเลจ” สำเร็จยืนหนึ่งตลอดกาล ได้แก่


1.Shoppertainment Experience

ใครที่เคยเดินทางไปต่างประเทศอาจจะได้เคยสัมผัสเอาท์เล็ตที่ต่างประเทศกันมาบ้าง ที่เซ็นทรัล วิลเลจได้สร้างประสบการณ์พิเศษ เหมือนเดินช้อปในเอาท์เล็ตเมืองนอกเลยทีเดียว พลาดไม่ได้กับอีเว้นท์ และกิจกรรมสุดพิเศษฉลองครบรอบ 3 ปี ได้ Collaboration แบรนด์ระดับโลก Central Village Anniversary Merry Go Round with Marimekko Mini Installation เนรมิตม้าหมุนสีขาวดีไซน์คลาสสิคตระการตา เป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ที่ทุกคนต้องไม่พลาด! พร้อมกับสนุกกับ Mini Concert ศิลปินดัง ส้ม มารี, ไบร์ทนรภัทร และ Inflatable Playground สไลเดอร์และบ่อบอลขนาดยักษ์กว่าหมื่นลูก โดยปลายปีนี้ เตรียมพบเซอร์ไพรส์สุดยิ่งใหญ่กับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี พร้อมต้นคริสต์มาสยักษ์และการประดับไฟทั่วทั้งพื้นที่ สร้าง Festive Vibes ในบรรยากาศเอาท์เล็ตเมืองนอก


2. ยกทัพมากกว่า 300 แบรนด์ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์

ในเอาท์เล็ตบางแห่งอาจจะมีสินค้าแค่บางกลุ่ม หรือเป็นสินค้าลักชูรี่เพียงอย่างเดียว แต่เซ็นทรัล วิลเลจได้ขนแบรนด์ชั้นนำ ครบครัน ทุกไลฟ์สไตล์ตั้งแต่ลักชูรี่, แฟชั่น, กีฬา, เครื่องสำอาง เรียกว่าตอบโจทย์ความต้องการของทุกกลุ่มลูกค้า ทำให้ปัจจุบันเมื่อรวม 2 เฟส มีแบรนด์ชั้นนำ 300 แบรนด์ อาทิ Salvatore Ferragamo, Coach, Ermenegildo Zegna, Kate Spade, Kenzo, Marimekko, Max & Co, MCQ, Michael Kors, Moschino, Outlet by Club21, Polo Ralph Lauren, Valentino, Vivienne Westwood, Bath & Body Works, Coccinelle และJim Thompson


3. ยอดขายพุ่ง ผสาน Omnichannel

ถึงแม้ว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจค้าปลีกจะโดนผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่หลังจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ และเริ่มเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้เซ็นทรัล วิลเลจมียอดทราฟฟิกเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า/เดือน มียอดการซื้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 44% (เปรียบเทียบปี 2021 กับ 2022) อีกหนึ่งจุดแข็งคือ การทำ Live Streaming ที่ประสบความสำเร็จ เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการทำ Omnichannel ช่วยสร้างยอดขายให้กับร้านค้าเพิ่มขึ้น โดยที่ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เข้ามาช้อปปิ้งในศูนย์ฯ 3 อันดับแรก ได้แก่ อินเดีย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์


4.ฐานลูกค้ากำลังซื้อสูง

เซ็นทรัล วิลเลจมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ผนวกกับกลยุทธ์ในการสร้างคอมมูนิตี้ใหม่ๆ ยิ่งทำให้เกิดการดึงลูกค้าที่มีกำลังซื้อจากศูนย์การค้าสาขาอื่นที่มีอยู่ทั่วประเทศมาต่อยอดทำ CRM Marketing โดยล่าสุด ได้ร่วมกับเซ็นทรัล เชียงใหม่ ดึงกลุ่ม Top spender จัดทริปช้อปปิ้งที่ศูนย์ฯ อีกทั้ง เจาะกลุ่มไลฟ์สไตล์หลากหลาย ทั้งครอบครัว กลุ่มสปอร์ต ที่ลงลึกทุกประเภทกีฬา, จัดกิจกรรม Supercar meeting, งาน Wine Testing ที่จับกลุ่มคนมีกำลังซื้อสูงของศูนย์การค้าเซ็นทรัลสาขาอื่นๆ ทั่วประเทศ

สำหรับแคมเปญ Central Village 3rd Anniversary Celebration ฉลองครบรอบ 3 ปี แฮปปี้ช้อปเดย์ ผนึกกำลังพาทเนอร์และแบรนด์ชั้นนำพิเศษเฉพาะที่เซ็นทรัล วิลเลจเท่านั้น ลดสูงสุด 90%* อาทิ  Adidas ลดสูงสุด 70%, Coach ลดสูงสุด 70%, Michael Kors ลดสูงสุด 70% และลดเพิ่ม 15% เมื่อช้อปสินค้าที่ร่วมรายการ 2 ชิ้นขึ้นไป, Kate Spade ลดสูงสุด 80%, Polo Ralph Lauren ลดสูงสุด 70% Outlet by Club21 ลดสูงสุด 90%, Coccinelle ลดสูงสุด 80% และลดเพิ่ม 10% เมื่อช้อปสินค้าที่ร่วมรายการครบ 2 ชิ้น, Marimekko ลดสูงสุด 60% รับฟรี Unikko Cushion Cover* เมื่อซื้อสินค้า 12,000 บาท ขึ้นไป, Runway Eighty ลดสูงสุด 80% และลดเพิ่ม 20% เมื่อช้อปครบ 4 ชิ้นขึ้นไป เป็นต้น เริ่มตั้งแต่วันนี้ – 2 ต.ค. 2565 โดยคาดว่าแคมเปญนี้จะช่วยเพิ่มยอดทราฟฟิกสูงขึ้นกว่า 80% (เทียบปี 2021-2022)

แฮปปี้ช้อปเดย์ สุขสันต์วันช้อปกับโปรโมชั่นพิเศษ 3 ต่ออาทิ ต่อที่ 1 ทุกยอดใช้จ่ายตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป ลุ้นรับแพคเกจห้องพักพร้อมดินเนอร์สุดหรู จากโรงแรม Banyan Tree กรุงเทพ มูลค่า 20,000 บาท จำนวน 2 รางวัล, ชุดเครื่องนอน New Collection Space Diamond จาก Pasaya มูลค่า 11,130 บาท จำนวน 1 รางวัล  Hermès NEOBAIN CASE จาก SF Brandnameมูลค่า 10,950 บาท จำนวน 1 รางวัล และรางวัลสุดพิเศษอีกมากมายกว่า 300 รางวัล ต่อที่ 2 ช้อปครบรับทันที Gift Voucher สูงสุด 1,500 บาท ช้อป 20,000บาท รับ Gift Voucher 300 บาท ช้อป 50,000 บาท รับ Gift Voucher 1,500 บาท และต่อที่ 3 โปรโมชั่นเครดิตเงินคืนสูงสุด 24% จากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ

เซ็นทรัล วิลเลจ พร้อมมอบเอาท์เล็ตดีลที่ดีที่สุด ช้อปแบรนด์เนมคุณภาพดีในราคาคุ้มค่า ลดสูงสุด 35-70% ช่วงแคมเปญพิเศษลดถึง 90% เปิดให้บริการทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 11.00 – 21.00 น. เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00 – 22.00 น.

ติดตามรายละเอียดอื่นๆ http://www.centralvillagebangkok.com, LINE: @centralvillage, Facebook: Central Village, Instagram: centralvillagebangkok

 

 

]]>
1400623
สยามพิวรรธน์ เปิดกลยุทธ์ดิจิทัล “โลกคู่ขนาน” สร้างไลฟ์สไตล์เชื่อมออฟไลน์ – ออนไลน์ ปฏิวัติประสบการณ์ค้าปลีกแห่งอนาคต https://positioningmag.com/1361485 Fri, 19 Nov 2021 10:00:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1361485
  •  สยามพิวรรธน์ ตอกย้ำจุดยืนผู้นำแห่งวิสัยทัศน์ “The Visionary Icon” เปิดยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัล เชื่อมโลกคู่ขนานออฟไลน์ – ออนไลน์ที่ไร้พรมแดน นำธุรกิจร้านค้า คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เข้าสู่การสร้างประสบการณ์ที่เงินซื้อไม่ได้บนโลกดิจิทัล ตอบสนองความต้องการของ Global Citizen
  •  ผนึกศักยภาพร่วมกับพันธมิตรทุกกลุ่ม ผู้นำนวัตกรรมระดับแนวหน้าของธุรกิจดิจิทัล เพื่อสร้างระบบนิเวศค้าปลีกแห่งอนาคตร่วมกัน
  •  ครั้งแรกกับปรากฏการณ์การสร้างคอมมูนิตี้บนความสนใจของลูกค้าบนออนไลน์แพลตฟอร์มที่ผสานการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าแบบบูรณาการ (Loyalty Program) เตรียมเริ่มใช้ VIZ Coins ที่ลูกค้าสามารถนำมาจับจ่ายใช้สอย เพื่อยกระดับประสบการณ์และสิทธิพิเศษที่เงินซื้อไม่ได้ พร้อมพัฒนาสู่ ฟินเทคในอนาคต
  •  เสริมทัพคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวเข้ามาเป็นผู้นำทีม ให้ได้แสดงศักยภาพ และท้าทายความสามารถของตนเอง มีโอกาสทำงานร่วมกับพันธมิตรองค์กรใหญ่ แบรนด์ดังระดับโลก และร่วมสร้างผลงานที่จะเป็น Talk of the world

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้า สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ตอกย้ำจุดยืนผู้นำแห่งวิสัยทัศน์ “The Visionary Icon” สร้างปรากฏการณ์เขย่าวงการรีเทลอีกครั้ง เปิดกลยุทธ์ด้านดิจิทัลเตรียมรุกไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 พร้อมดึงพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ร่วมพัฒนานวัตกรรมเชื่อมประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟบนโลกออฟไลน์ที่เงินซื้อไม่ได้ สู่แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้คุณค่ามากกว่าแค่การจับจ่ายใช้สอย สร้างอีโคซิสเต็ม (Ecosystem) ออฟไลน์ – ออนไลน์ใหม่ ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คน และเชื่อมธุรกิจ รีเทลบนโลกคู่ขนานแห่งอนาคต

สยามพิวรรธน์ ในฐานะผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างและเป็นครั้งแรก เป็นเจ้าแห่งการสร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้ทุกศูนย์การค้าในเครือเสมอมา ในวันนี้พร้อมแล้วที่จะสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้เกิดขึ้นบนโลกดิจิทัล โดยได้พัฒนานวัตกรรมแห่งโลกอนาคตที่จะเชื่อมโยงทุกความปรารถนาของลูกค้าเข้ากับการสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ สร้างรายได้ และส่งเสริมแบรนด์ของบรรดาคู่ค้า และพันธมิตรของสยามพิวรรธน์ ให้เป็นระบบนิเวศแห่งความสำเร็จที่ยั่งยืน (Sustainable Ecosystem) และสมบูรณ์แบบที่สุด ผ่านแพลตฟอร์มเชื่อมสองโลกคู่ขนานออฟไลน์ – ออนไลน์ รูปแบบใหม่ที่จะสร้างประโยชน์และคุณค่าให้แก่ทุกฝ่ายครอบคลุมในทุกมิติ ไม่ใช่เพียงแค่ในเชิงการขายสินค้า แต่เป็นการบริหารความพึงพอใจ ที่เชิญชวนให้ลูกค้าเข้าร่วมสร้าง Digital Community ที่หลากหลาย อันเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เลือกได้ตามความสนใจ ตรงตามประสบการณ์เฉพาะตัว (Personalized Benefit & Experiences) อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

นายอริยะ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ก่อตั้งบริษัท Transformational และทำหน้าที่ในฐานะประธานบริหารสายงานนวัตกรรม บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า

“ผมเชื่อว่าสยามพิวรรธน์จะเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทยและไม่กี่รายในโลกที่ลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อรองรับคู่ค้าและมอบประสบการณ์ที่คัดสรรมาโดยเฉพาะให้แก่ลูกค้า เราต้องการออกแบบประสบการณ์ที่เป็นมากกว่าแค่การจับจ่ายออนไลน์ที่ขับเคลื่อนด้วยส่วนลด ความมุ่งมั่นของสยามพิวรรธน์คือการเนรมิตประสบการณ์ที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใคร เพื่อสอดรับความต้องการของลูกค้าคนสำคัญรวมทั้งลูกค้าที่มีกำลังใช้จ่ายสูงและกำลังมองหาประสบการณ์ที่ตรงใจมากกว่าที่เคย ไปพร้อม ๆ กับการตอบรับความต้องการของคู่ค้าให้ดียิ่งขึ้น เรามุ่งหมายที่จะรังสรรค์แพลตฟอร์มใหม่ที่เน้นคอนเทนต์รายวันที่มีความน่าสนใจ ซึ่งเข้ากับความชื่นชอบของผู้บริโภค พาลูกค้าเปิดโลกไปกับเทรนด์ใหม่ แบรนด์ใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงกิจกรรมใหม่ตลอดทั้งปี รวมทั้งมอบสิทธิประโยชน์และประสบการณ์ที่คัดสรรมาเฉพาะเพื่อลูกค้าแต่ละราย”

“จากสถานการณ์โควิด-19 ผนวกกับความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ที่ตอบโจทย์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผลักดันให้กระแสอีคอมเมิร์ซทะยานถึงขีดสุด อย่างไรก็ตามหลังจากที่ไม่ได้ออกไปไหนและต้องทำงานที่บ้านมาเกือบสองปี ลูกค้าต่างให้การตอบรับกันเป็นอย่างดี เมื่อศูนย์การค้ากลับมาเปิดให้บริการในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โควิด-19 ทำให้เราคิดถึงความสุขของการเลือกซื้อสินค้าในโลกออฟไลน์ ในฐานะลูกค้า เราต่างใช้ชีวิตอยู่ในโลกทั้งสองใบนี้ไปพร้อม ๆ กัน จึงเรียกได้ว่า การเชื่อมช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ที่เป็นดั่ง “โลกคู่ขนาน” ได้หยั่งรากลึกลงในกลยุทธ์และแนวคิดของสยามพิวรรธน์ในทุกวันนี้” นายอริยะ กล่าวเสริม

แพลตฟอร์มใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวภายใต้กลยุทธ์โลกคู่ขนาน มี 4 องค์ประกอบที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน ดังนี้

1. ผนึกร้านค้า คู่ค้า พันธมิตรและแบรนด์ที่หลากหลาย : คือ ดีเอ็นเอและหัวใจความสำเร็จที่สามารถดึงดูดลูกค้าที่มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยและสร้างความแตกต่างให้กับสยามพิวรรธน์ ซึ่งนับตั้งแต่การเปิดตัว Ultimate Chat & Shop เมื่อเดือนเมษายน 2564 ซึ่งเป็นช่วงโควิด-19 ระลอก 4 ทำให้เราพบว่า ลูกค้ามียอดใช้จ่ายออนไลน์สูงกว่ายอดซื้อปกติในประเทศไทยโดยเฉลี่ยถึง 9-10 เท่า โดยในอนาคตอันใกล้ สยามพิวรรธน์มีแผนจะดึงแบรนด์และคู่ค้าระดับพรีเมียมและลักชัวรีอีกมากมายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว

2. ชูธงสร้างคอมมูนิตี้ที่คัดสรรความพิเศษมาให้โดยเฉพาะ : สยามพิวรรธน์จะสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกอีกครั้ง ผ่านการนำเสนอคอนเทนต์มากกว่า 3,000 คอนเทนต์ในแต่ละเดือน ในคอมมูนิตี้ออนไลน์แพลตฟอร์มที่สร้างบนความสนใจของลูกค้าให้ได้รู้ก่อนใคร ผสานการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าแบบบูรณาการ (Loyalty Program) เชื่อมออฟไลน์ – ออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด สยามพิวรรธน์เชื่อในการสร้างคอนเทนต์ สร้างความผูกพันกับลูกค้าเพื่อให้มาจับจ่ายกับแบรนด์ต่าง ๆ ในศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ ไม่ใช่เพราะส่วนลด แต่เป็นเพราะแบรนด์เหล่านี้เป็นแบรนด์โปรด หรือแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจ เช่น ลูกค้าต้องการอะไร เทรนด์ มิกซ์แอนด์แมตช์ หรือการดูแลตัวเองอย่างไร ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เกี่ยวโยงและขึ้นอยู่กับคอมมูนิตี้เป็นสำคัญ

3. เชื่อมประสบการณ์โลกคู่ขนาน : ลูกค้าที่มีกำลังย่อมมองหาประสบการณ์ที่ถูกคัดสรรมาแล้วอย่างพิถีพิถัน ดังนั้น การเข้าไปอยู่ในใจลูกค้ากลุ่มนี้จึงไม่ใช่การมีสินค้านับหมื่นรายการ แต่ต้องมีสินค้าที่พวกเขาต้องการ ซึ่งอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ นั่นคือต้องอาศัยศิลปะในการสื่อสารและนำเสนอสินค้าที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ และอาศัยนวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อนำเสนอคอนเทนต์และสินค้าเฉพาะบุคคล แพลตฟอร์มที่กำลังจะเปิดตัวนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ลูกค้าค้นพบแบรนด์ สินค้า และประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเชื่อมต่อโลกออฟไลน์สู่โลกออนไลน์ไว้ในมือคุณ ทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แตกต่างและเงินซื้อไม่ได้ ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยสยามพิวรรธน์มีแผนเตรียมขยายศักยภาพของการเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนจริงด้วย Metaverse ในอนาคต

4. นำเสนอระบบรีวอร์ดที่ไร้ขีดจำกัด : สยามพิวรรธน์ยกระดับ Loyalty Program พร้อมเริ่มใช้ VIZ Coins เพื่อยกระดับประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้า ณ ร้านค้าที่เข้าร่วมรายการภายในศูนย์การค้า บนช่องทางออนไลน์ และเป็นทางเลือกให้ลูกค้าเปลี่ยนคะแนนในบัตรเครดิต เพื่อเพลิดเพลินไปกับสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม

แพลตฟอร์มใหม่นี้พัฒนาจากความร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

• พัฒนาร่วมกับคู่ค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ตรงกับจุดยืนของแบรนด์

• พัฒนาร่วมกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยี เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของแพลตฟอร์ม ข้อมูล และโปรแกรมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า

• พัฒนาร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังต่าง ๆ เพื่อสร้างคอนเทนต์สำหรับแต่ละคอมมูนิตี้

นายอักเซล วินเทอร์ ประธานบริหารสายงานดิจิทัล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวเสริมว่า

“เป้าหมายหลักของสยามพิวรรธน์คือการเป็น ผู้นำตลาดในการบุกเบิกโมเดลธุรกิจใหม่ สร้าง “ระบบนิเวศดิจิทัล” เพื่อขยายตลาดให้เข้าถึงลูกค้าใหม่ที่มีความหลากหลาย เร่งการเติบโตแบบก้าวกระโดด และครองความเป็นหนึ่งในใจลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ สยามพิวรรธน์ ได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ซึ่งล่าสุดได้จับมือ ZIPMEX ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล เปิดให้ลูกค้าสามารถใช้ ZIPMEX Token เป็นเครื่องมือในการแลกเป็นสินค้าหรือบริการที่จับต้องและสัมผัสได้จริง พร้อมเดินหน้าสร้างโปรแกรมเชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านการมอบประสบการณ์ที่เสริมคุณค่าและอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต รวมทั้งได้ร่วมมือกับ KX ในการเปิดตัว Coral แพลตฟอร์ม NFT Marketplace ที่จะร่วมกันสร้างนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอด ทั้งในด้านศิลปะ วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ และสร้างสุดยอดประสบการณ์ให้กับลูกค้าทั้งคนไทยและต่างประเทศ โดยใช้พื้นที่ของสยามพารากอน และไอคอนสยาม ในการจัดทำ NFT Innovation Digital Wall ให้ผู้ที่มาเยือนศูนย์การค้าได้เข้าชม NFT Art ได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น สยามพิวรรธน์ ยังได้จับมือกับ Perx Technologies ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ เพื่อร่วมกันพัฒนาสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่บนโลกดิจิทัลที่จะขยายฐานลูกค้าของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศให้กว้างไกลยิ่งขึ้นทั่วโลก ผ่านกลุ่มพันธมิตรร้านค้าและคู่ค้า (Global Partners) ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าจะได้รับประโยชน์เต็มอิ่ม กับสิทธิประโยชน์เหนือระดับภายใต้ Loyalty Program ที่ Personalized เป็นเสมือนเพื่อนที่รู้ใจ พร้อมเสริมความสนุกเร้าใจกับ การจับจ่ายใช้สอยผ่านเกมมิฟิเคชัน (Gamification) ที่จะทำให้ทุกคนได้โลดแล่นไปกับประสบการณ์ที่แตกต่างและเงินซื้อไม่ได้ เรายังเตรียมประกาศเปิดตัวพันธมิตรใหม่ พร้อมทัพคนดิจิทัลที่จะมาร่วมสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง และน่าตื่นตาตื่นใจให้กับลูกค้าอย่างแน่นอน”

“การขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ปัจจัยสำคัญ คือการสร้างทัพทีมงานที่แข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง และเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับคุณอริยะ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญระดับโลกหลายบริษัท ที่มาช่วยสยามพิวรรธน์ขับเคลื่อนแผนงานดิจิทัล และนวัตกรรม สยามพิวรรธน์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนและเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำทีมในช่วงเปลี่ยนผ่านของธุรกิจ ได้แสดงศักยภาพ และท้าทายความสามารถของตนเองในแบบที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ผ่านการทำงานในรูปแบบโครงการธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ ที่ผู้ร่วมงานสามารถบริหารจัดการได้อย่างคล่องตัว และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว (Self-Directed Team) พร้อมทั้งได้เรียนรู้และลงมือทำงานที่แปลกใหม่ในทุก ๆ วัน ได้ใกล้ชิดกับพันธมิตรองค์กรใหญ่ แบรนด์ดังระดับโลก และผู้เชี่ยวชาญจากทุกสาขา เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ และมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลก การได้เข้าร่วมงานกับสยามพิวรรธน์จะเป็นเวทีให้คนรุ่นใหม่ที่อยากเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้ทำในสิ่งที่พิเศษแบบครั้งหนึ่งในชีวิต และร่วมสร้างผลงานที่จะเป็น Talk of the World พร้อมเปิดรับประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างไปจากที่อื่น”  นายอักเซล กล่าวปิดท้าย

ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวของโลกที่ผู้คนกำลังปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ สยามพิวรรธน์เชื่อมั่นว่าคุณค่าและประสบการณ์บนโลกออฟไลน์ยังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหาและขาดไม่ได้ การนำเสนอนวัตกรรมใหม่ในรูปแบบ สยามพิวรรธน์ จึงเป็นการเชื่อมโลกออฟไลน์สู่ออนไลน์อย่างไร้รอยต่อ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนอย่างครบวงจร ทั้งในเรื่องความสะดวกสบายและการสร้างคุณค่า ซึ่งจะช่วยเติมเต็มชีวิตยุคใหม่แห่งโลกอนาคตได้อย่างแท้จริง เตรียมพบกับการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ต้นเดือนธันวาคมนี้ ที่ชูธงด้านการสร้างคอมมูนิตี้ผสานการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าแบบบูรณาการ (Loyalty Program) ด้านโซเชียลและอีคอมเมิร์ซ (Social and E-Commerce) และต่อยอดสู่ฟินเทคในอนาคต

]]>
1361485
“เซ็นทรัล วิลเลจ” จับกลยุทธ์ Intensive Omnichannel ฝ่าวิกฤต COVID-19 ยอดออนไลน์พุ่ง 145% https://positioningmag.com/1339122 Sat, 26 Jun 2021 08:00:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1339122

“เซ็นทรัล วิลเลจ” จับกลยุทธ์ Intensive Omnichannel สู้วิกฤต COVID-19 เปิดไลฟ์สตรีมมิ่งขายออนไลน์ยอดผู้ชมทะลุ 2 ล้านคน ยอดขายทะยาน 145% พ่วงจุดแข็งสาขาเซ็นทรัลทั่วประเทศ โดยเฉพาะจุดใกล้ชายแดน ตอบสนองลูกค้า CLMV และมาเลเซีย พร้อมปั้นพื้นที่ เซ็นทรัล วิลเลจ เป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ ดึงกลุ่มนักสเก็ต ซูเปอร์คาร์ ถ่ายภาพ จนทราฟฟิกเพิ่ม 20% ย้ำเบอร์หนึ่ง “Brandname Shopping Destination” จัดมหกรรมลดราคาสูงสุด 90%

ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 ที่ท้าทายต่อธุรกิจรีเทลและเอาท์เลต “เซ็นทรัล วิลเลจ” ยังคงยืนหยัดสร้างรายได้ได้ต่อเนื่องผ่านการปรับกลยุทธ์ที่เหมาะสม รักษาตำแหน่งผู้นำ Luxury Outlet ของเมืองไทย ที่มีแบรนด์ชั้นนำระดับโลกกว่า 220 แบรนด์วางจำหน่าย

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกลยุทธ์ที่เซ็นทรัล วิลเลจเป็น First Mover และใช้จุดแข็งของบริษัทฝ่าวิกฤตเคียงคู่ไปกับร้านค้าพันธมิตรสำเร็จ 4 ข้อ ดังนี้

1.ดันยอดขาย Online Shopping Platform – เป็นเอาท์เลตรายแรกที่ทำ Live Streaming จนประสบความสำเร็จ โดยมีดีลพิเศษเฉพาะสำหรับช่วง Live ทำให้ผู้บริโภครอคอยเป็นจำนวนมาก สร้างปรากฏการณ์มียอดผู้ชมรวม 2 ล้านคน (เดือนก.พ.-มิ.ย.64)

รวมถึงเซ็นทรัล วิลเลจยังมีช่องทางอำนวยความสะดวกผ่านระบบ Chat & Shop และการจัดส่งสินค้าที่สะดวก เลือกได้ทั้งเดลิเวอรี่และไดรฟ์ทรู ทำให้เข้าถึงลูกค้านอก Catchment area ของศูนย์การค้าด้วย

ผลของกลยุทธ์นี้ทำให้ยอดขายออนไลน์เติบโตขึ้น 145% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 4/2563 และสัดส่วนผู้ซื้อจะเห็นได้ว่ามีชาวกรุงเทพฯ 70% และต่างจังหวัด/อื่นๆ 30% ช่วยชดเชยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปได้อย่างดี

2.ศูนย์การค้าเซ็นทรัลมีสาขาทั่วประเทศ เป็นจุดแข็งที่เหนือกว่า – ด้วยสาขาที่มีถึง 33 สาขาทั่วไทย ทำให้มีจุดส่งต่อสินค้าโดยเฉพาะสาขาที่อยู่ใกล้กับชายแดน เช่น หาดใหญ่ อุดรธานี ทำให้ เซ็นทรัล วิลเลจ สามารถส่งสินค้าข้ามชายแดนไปเจาะกลุ่มลูกค้า CLMV ได้ นอกจากนี้ยังร่วมมือกับพันธมิตร บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย บริษัทในเครืออสังหาฯ ระดับโลก เพื่อเจาะกลุ่ม Expats เพิ่มได้อีกด้วย­­

3.เป็นมากกว่าจุดหมายของการช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม – โดยเซ็นทรัล วิลเลจจับข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าในด้านไลฟ์สไตล์ เพื่อเสริมแกร่งตามคอนเซ็ปต์ ‘Center of Life’ ของเซ็นทรัล ดึงกลุ่มลูกค้าหลากหลายเข้ามาในศูนย์การค้า เช่น

  • กลุ่มผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้านระดับกลาง-ไฮเอนด์ (Affluent Family) นักเรียนรร.นานาชาติที่อยู่ในรัศมี 15 กม. ด้วย การมี Tops Supermarket อำนวยความสะดวก
  • กลุ่มไลฟ์สไตล์กีฬา อาทิ สเก็ตบอร์ด เซิร์ฟสเก็ต โรลเลอร์เบลด (Urban Sports) โดยเปิดพื้นที่ให้เล่นกีฬา ทำให้มีกลุ่มคนออกกำลังกายเข้ามาเป็นประจำ 6,000 คนต่อเดือน
  • กลุ่มไลฟ์สไตล์ระดับลักชูรี่ อาทิ กลุ่มผู้ใช้รถซูเปอร์คาร์ กลุ่มรักการถ่ายรูป (Luxury Lifestyle) โดยศูนย์ฯ ดึงดูดด้วยมุมถ่ายรูปที่ให้อารมณ์เหมือนเอาท์เลตเมืองนอก เหมาะกับการลง Instagram ซึ่งช่วยเพิ่มทราฟฟิกได้ 20% ในช่วงเดือนมี.ค.64

4. แคมเปญโปรโมชั่น Super Brand Grand Sale 2021 ลดสูงสุด 90% – การกลับมาอีกครั้งของแคมเปญที่ดีที่สุด ช่วยกระตุ้นการช้อป ระบายสินค้าให้กับร้านค้าพันธมิตร พร้อมโปรโมชั่น on top ที่พลาดไม่ได้ เชื่อว่าจะเร่งทราฟฟิกขึ้น 20% ทั้งนี้ เซ็นทรัลยังคงมาตรการ ‘เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ’ เพื่อความปลอดภัยทางสุขอนามัย (เช็กโปรโมชั่นเพิ่มเติมที่ >> https://www.facebook.com/CENTRALVILLAGEfanpage/photos/pcb.784824672400411/784819409067604/)

“เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ทั่วโลกรวมทั้งภายในประเทศกำลังมีแนวโน้มดีขึ้น จากปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเร่งกระจายวัคซีนแก่ประชาชน, การตั้งเป้าเปิดประเทศใน 120 วัน และการเริ่มทยอยผ่อนคลายมาตรการในธุรกิจต่างๆ ของภาครัฐ เป็นต้น” ดร. ณัฐกิตติ์ กล่าว

โดยแคมเปญ Super Brand Grand Sale 2021” ช้อปชาร์จความสุขประหยัดสูงสุด 90% พร้อมสินค้า Weekly WOW Price ราคาสุดพิเศษทุกสัปดาห์ จากแบรนด์ที่ร่วมรายการ อาทิ Polo Ralph Lauren, Calvin Klein, Tommy Hilfiger, Coccinelle, Kate Spade, Coach, Outlet by Club21, Michael Kors, Geox, Keds, Ripcurl และ Jim Thompson เป็นต้น เริ่มตั้งแต่ 18 มิ.ย. – 31 ก.ค. 2564 

แคมเปญนี้มีสิทธิพิเศษ on-top สำหรับสมาชิก The 1 มากมาย อาทิ รับ cash voucher มูลค่า 500 บาท เมื่อช้อปครบ 20,000บาท (*จำนวนรวม 350 สิทธ์ตลอดแคมเปญ), รับ cash voucher มูลค่า 1,500 บาท เมื่อช้อปครบ 50,000บาท (*จำนวนรวม 100 สิทธ์ตลอดแคมเปญ), Top Spender Promotion รับฟรี! Cash Voucher มูลค่า 4,000 บาท เมื่อช้อปครบ 100,000 บาท (*ลูกค้า 10 ท่านแรกตลอดแคมเปญ), VIPs Exclusive Offers สำหรับสมาชิก The 1 TOP 20 และ VIP Members ที่ได้รับการเชิญผ่าน SMS รับฟรี Luxury Brands E-Vouchers, Chat & Shop Special Promotion รับฟรี! E-Voucher มูลค่า 100 บาท เมื่อ ช้อปครบ 9,000 บาท ผ่านช่องทาง Chat & Shop (*จำนวนรวม 100 สิทธิ์) และรับ Premium Redemption เมื่อ ช้อปครบ 3,000 บาทขึ้นไป แลกซื้อสินค้าจากแบรนด์ Jurlique และ Ruen Rom (Karmart) ในราคาพิเศษ เป็นต้น

เซ็นทรัล วิลเลจ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Bangkok Luxury Outlet เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ เวลา 11.00-21.00 น. Starbucks เปิดให้บริการ 09.00-21.00น. Tops Market เปิดให้บริการ 08.00-21.00น. และสามารถติดตามรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์: http://www.centralvillagebangkok.com, LINE: @centralvillage, Facebook: Central Village, Instagram: centralvillagebangkok

]]>
1339122