ChatGPT – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 16 Oct 2025 06:57:06 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เตรียมพบ ‘ChatGPT’ เวอร์ชั่นคุยเรื่อง ’18+’ เริ่มธ.ค.นี้ เฉพาะผู้ใช้ที่ยืนยันอายุแล้วเท่านั้น! https://positioningmag.com/1543042 Thu, 16 Oct 2025 05:29:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1543042 แซม อัลต์แมน (Sam Altman) ซีอีโอของ OpenAI ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงนโยบายโดยให้ผู้ใช้ ChatGPT ที่เป็น ผู้ใหญ่ สามารถเข้าถึง ChatGPT ที่มีการเซ็นเซอร์น้อยลง ซึ่งจะรวมถึงเนื้อหาที่สื่อถึงเรื่อง 18+

“ในเดือนธันวาคมนี้ ขณะที่เรากำลังดำเนินการเปิดใช้งานการตรวจสอบอายุ (age-gating) อย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของหลักการปฏิบัติกับผู้ใช้ที่เป็นผู้ใหญ่เหมือนเป็นผู้ใหญ่ เราจะอนุญาตให้มีเนื้อหาที่มากขึ้นไปอีก เช่น เรื่อง 18+ สำหรับผู้ใช้ที่ได้รับการยืนยันตัวตนแล้ว”

แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าเนื้อหาใดที่จะเข้าข่ายเป็นสื่อเรื่องเพศที่ได้รับอนุญาต แต่การเคลื่อนไหวนี้ ถือเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในนโยบายของ OpenAI ซึ่งเดิมเคยห้ามเนื้อหาดังกล่าว

ที่ผ่านมา ChatGPT ถูกออกแบบให้ ค่อนข้างเข้มงวดกับเรื่อง 18+ เพื่อปกป้องผู้ใช้จากความเสี่ยงด้านสุขภาพจิต แต่กลายเป็นว่าแนวทางดังกล่าวทำให้ ChatGPT มีประโยชน์น้อยลง และ ไม่น่าเพลิดเพลิน สำหรับผู้ใช้จำนวนมากที่ไม่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต

นอกจากนี้ ChatGPT พึ่งเปิดตัวฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย และการควบคุมโดยผู้ปกครอง ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อแก้ไขข้อกังวลว่า ChatGPT จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้เยาวชน

“ตอนนี้ที่เราสามารถบรรเทาปัญหาสุขภาพจิตที่ร้ายแรงได้แล้ว และมีเครื่องมือใหม่ ๆ เราจะสามารถผ่อนคลายข้อจำกัดได้อย่างปลอดภัยในกรณีส่วนใหญ่” เขากล่าว

ทั้งนี้ OpenAI ได้เริ่มส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เมื่อมีการอัปเดตภาษาในหน้า “Model Spec” เพื่อ “เพิ่มเสรีภาพสูงสุด” ให้กับผู้ใช้ มีเพียงเนื้อหาทางเพศที่เกี่ยวข้องกับผู้เยาว์เท่านั้นที่ถูกห้าม ถึงอย่างนั้น สื่อเรื่องเพศก็ยังถือเป็น “เนื้อหาที่ละเอียดอ่อน” ที่จะถูกสร้างขึ้นในบริบทที่ได้รับอนุญาตบางอย่างเท่านั้น

นอกเหนือจากการเปิดตัวให้คุยเรื่อง 18+ ในเดือนธันวาคมแล้ว อัลต์แมนยังกล่าวอีกว่า ChatGPT เวอร์ชันใหม่จะเปิดตัวในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะช่วยให้แชตบอตสามารถปรับใช้บุคลิกที่แตกต่างกันมากขึ้น โดยต่อยอดจากการอัปเดตในเวอร์ชัน GPT-4o ล่าสุด

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงนโยบายของอัลต์แมนเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังเผชิญกับการตรวจสอบที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยของตน โดยในเดือนกันยายน คณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐ (Federal Trade Commission – FTC) ได้เริ่มการสอบสวนบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง รวมถึง OpenAI เกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กและวัยรุ่น

เรื่องนี้เกิดขึ้นตามมาด้วยคดีความจากคู่รักชาวแคลิฟอร์เนียที่กล่าวหาว่า ChatGPT มีส่วนทำให้ลูกชายวัย 16 ปีของพวกเขาฆ่าตัวตาย และเมื่อวันอังคาร OpenAI ยังได้ประกาศจัดตั้ง คณะมนตรีผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นอยู่ที่ดีและ AI (expert council on well-being and AI) จำนวน 8 คน เพื่อให้คำแนะนำแก่บริษัทว่าปัญญาประดิษฐ์ส่งผล กระทบต่อสุขภาพจิต อารมณ์ และแรงจูงใจของผู้ใช้อย่างไร

]]>
1543042
สรุปอินไซต์ ChatGPT คนที่ใช้เป็นใคร และส่วนใหญ่ใช้ทำอะไร ? https://positioningmag.com/1539061 Tue, 23 Sep 2025 03:55:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1539061 OpenAI ได้เปิดเผยถึงงานวิจัย How people are using ChatGPT ซึ่งเป็นการสำรวจพฤติกรรมการใช้งาน ChatGPT ของคนทั่วโลก โดยเก็บตัวอย่างบทสนทนากว่า 1.5 ล้านบทสนทนา พบอินไซต์น่าสนใจ ดังนี้

 

ผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นใคร

 

– ChatGPT มีผู้ใช้งานกว่า 700 ล้านบัญชีต่อสัปดาห์

– ข้อมูล ณ เดือน ก.ค. 2025 พบว่า ผู้หญิงเป็นผู้ใช้งานส่วนใหญ่อยู่ที่ 52% แตกต่างจากช่วงแรกที่ ChatGPT ซึ่งผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย

– 46% ของผู้ใช้งานมีอายุ 18-25 ปี

 

เรื่องหลัก ๆ ใช้งาน ChatGPT เพื่ออะไร

 

– 49% ใช้เพื่อ ‘การถาม’ (Asking) เช่น การถามข้อมูลต่าง ๆ  เช่น เรื่องเรียน เรื่องงาน หรือการใช้ชีวิตสำหรับนำไปประกอบการตัดสินใจอะไรบางอย่าง

– 40% ใช้เพื่อ ‘ช่วยทำงาน’ (Doing) เช่น ร่างอีเมล สรุปรายงาน ดึงข้อมูลต่าง ๆ ฯลฯ

– 11% ใช้เพื่อ ‘พูดคุย แสดงความรู้สึกและความคิดเห็นของตัวเอง’ (Expressing)

.

คนใช้งาน ChatGPT ทำอะไรมากที่สุด

 

– อันดับที่หนึ่ง 28.3% ใช้เพื่อช่วยให้คำแนะนำ (Practical Guidance)

– อันดับที่สอง 28.1% ใช้ช่วยเขียน (Writing)

– อันดับที่สาม 21.3% ใช้เพื่อค้นหาข้อมูล (Seeking Information)

– อันดับที่สี่ 7.5% ใช้ช่วยด้าน Technical เช่น เขียนโปรแกรม วิเคราะห์ข้อมูล ฯลฯ

– อันดับที่ห้า 4.3% ใช้เป็นช่องทางในการแสดงออกทางอารมณ์และความคิดเห็น

]]>
1539061
‘Gemini’ พลิกแซง ‘ChatGPT’ แอปฟรีฯ คนโหลดมากที่สุด ด้วยโมเดล ‘Nano Banana’ ที่คนใช้เจนรูปเต็มโซเชียลฯ https://positioningmag.com/1539044 Tue, 23 Sep 2025 03:42:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1539044 ช่วงเดือนที่ผ่านมา น่าจะเห็นรูปเพื่อน ๆ บนโซเชียลฯ ที่กลายเป็นโมเดลบ้าง หรือถ่ายรูปคู่กับเซเลบคนดัง หรือไม่ก็ถ่ายคู่กับคนที่รักในครอบครัวที่อาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว และเครื่องมือสร้างภาพเหล่านั้นก็มาจาก Gemini AI ตัวเก่งจาก Google ที่ได้เปิดตัวโมเดล Nano Banana จนสามารถแซง ChatGPT

Gemini กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้ใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เปิดตัวโมเดลแก้ไขภาพ Nano Banana ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยโมเดลนี้ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากผู้ใช้ เนื่องจากมันสามารถแก้ไขภาพที่ซับซ้อนและสร้างสรรค์ภาพที่สมจริงได้ง่ายขึ้น

Josh Woodward รองประธานของ Google Gemini และ Google Labs ได้โพสต์ข้อมูลผ่าน X ว่า หลังจากเปิดตัว Nano Banana ส่งผลให้ Gemini มีผู้ใช้งานใหม่เพิ่มขึ้น 23 ล้านคน และผู้ใช้ได้แชร์รูปภาพที่สร้างจากแอปฯ ไปแล้วกว่า 500 ล้านภาพ

โดยจากข้อมูลของ Appfigures บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลแอปพลิเคชัน ระบุว่า Gemini มียอดดาวน์โหลดในช่วงครึ่งแรกของเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นถึง +45% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยมียอดดาวน์โหลดถึง 12.6 ล้านครั้ง ซึ่งสูงกว่ายอดดาวน์โหลดรวมทั้งเดือนสิงหาคมที่ 8.7 ล้านครั้ง

ซึ่งหลังจากที่ Gemini เปิดตัวโมเดล Nano Banana ไม่นานก็สามารถทะยานขึ้นสู่ อันดับ 2 ใน App Store ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 8 กันยายน และขึ้นสู่อันดับ 1 ในวันที่ 12 กันยายน ซึ่งสามารถ แซงหน้า ChatGPT ของ OpenAI ได้สำเร็จ นอกจากนี้ ข้อมูลยังชี้ว่า Gemini ยังติดอันดับแอปฯ iPhone 5 อันดับแรกใน 108 ประเทศ  ทั่วโลก

ด้านการไต่อันดับใน Google Play ถือว่าก้าวกระโดดอย่างมาก จากเดิมที่เมื่อวันที่ 8 กันยายนอยู่ในอันดับที่ 26 ในสหรัฐฯ แต่ก็สามารถขึ้นสู่อันดับ 2 ในสัปดาห์ต่อมา ถึงแม้จะยังตามหลัง ChatGPT อยู่ก็ตาม

ทั้งนี้ จากข้อมูลในส่วนของระบบปฏิบัติการ iOS พบว่า ในปีนี้ Gemini สร้างรายได้รวม 6.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียวทำรายได้ไป 1.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง +1,291% เมื่อเทียบกับรายได้เดือนมกราคมที่ทำได้เพียง 115,000 ดอลลาร์

นับตั้งแต่ที่ Gemini เปิดตัวให้ดาวน์โหลดตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ปัจจุบัน Gemini มียอดดาวน์โหลดรวมทั้งหมด 185.4 ล้านครั้ง โดยมียอดดาวน์โหลดในปีนี้ (ยังไม่ครบปี) สูงถึง 103.7 ล้านครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถของ Gemini ในการดึงดูดผู้ใช้งานจำนวนมาก และกลายเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชัน AI ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดได้อย่างรวดเร็ว

Source

]]>
1539044
เอานะ! ‘OpenAI’ พร้อมซื้อ ‘Chrome’ ของ ‘Google’ หากหน่วยงานต่อต้านการผูกขาด ‘บังคับขาย’ https://positioningmag.com/1519513 Fri, 25 Apr 2025 04:35:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1519513 หลังจากที่ ศาลสหรัฐฯ มีคำตัดสินให้ Google มีความผิดในคดี ผูกขาดธุรกิจโฆษณาออนไลน์ (Ad Tech) หลังจากก่อนหน้านี้เคยแพ้คดีการ ผูกขาดตลาด Search Engine ไปแล้วครั้งหนึ่ง ส่งผลให้รัฐบาลกลางจะพิจารณาบังคับให้ Google ขายเบราว์เซอร์ Chrome บางส่วน และเปิดเผยข้อมูลบางส่วนให้กับคู่แข่ง

แน่นอนว่า Google ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ โดยมีแผนจะ ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินเรื่องการผูกขาด อย่างไรก็ตาม หากหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดสามารถบังคับให้ Alphabet ขายเบราว์เซอร์ Chrome นี้ ก็มีคนจ้องจะซื้อแล้วก็คือ OpenAI เจ้าของ ChatGPT เพราะการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ของ Google จะช่วยให้ OpenAI สร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น และเร็วขึ้น

โดยทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่ต้องการให้ Google ขาย Chrome ก็เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการฟื้นฟูการแข่งขันในตลาด Search engine เนื่องจากอัยการแสดงความกังวล ว่า การผูกขาดของ Google ในการตลาด Search engine อาจทำให้บริษัทได้เปรียบในการแข่งขันด้าน AI เพราะ Google อาจใช้ AI เป็นอีกช่องทางในการนำผู้ใช้กลับไปที่เครื่องมือค้นหาของตัวเอง

นอกจากนี้ ในส่วนข้อเสนอที่ต้องการให้ Google แบ่งปันข้อมูลการค้นหากับคู่แข่ง ก็จะช่วยเร่งการพัฒนา ChatGPT ให้ดีขึ้นได้ โดย Nick Turley หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ ChatGPT ได้ระบุว่า การค้นหาเป็นองค์ประกอบสำคัญของ ChatGPT ในการตอบคำถามของผู้ใช้ให้เป็นปัจจุบัน และแม่นยำ ทั้งนี้ ChatGPT ยังห่างไกลจากเป้าหมายที่จะสามารถใช้เทคโนโลยีการค้นหาของตนเองตอบคำถามได้ถึง 80%

โดย Nick Turley ได้ให้การในศาลว่า Google ได้ ปฏิเสธข้อเสนอของ OpenAI ที่ต้องการใช้เทคโนโลยีค้นหาของ Google ใน ChatGPT โดย Google ให้เหตุผลว่า การให้สิทธิ์นั้นจะเกี่ยวข้องกับคู่แข่งจำนวนมากเกินไป

“เรามองว่าการมีพันธมิตรหลายราย โดยเฉพาะการใช้ API ของ Google จะช่วยให้เราสามารถมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าให้แก่ผู้ใช้ได้” Nick Turley กล่าว

ย้อนไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2024 ผู้พิพากษาเขต Amit Mehta ตัดสินว่า Google ปกป้องสถานะการผูกขาดของตนผ่านการทำข้อตกลงแบบผูกขาดกับบริษัทต่าง ๆ เช่น Samsung Electronics และผู้ผลิตสมาร์ทโฟน Android อื่น ๆ เพื่อให้ติดตั้งเครื่องมือค้นหาของ Google เป็นค่าเริ่มต้นในอุปกรณ์ใหม่ รวมถึงแอป Gemini AI และเบราว์เซอร์ Chrome ด้วย

อย่างไรก็ตาม แทนที่จะทำข้อตกลงแบบผูกขาดเพิ่มเติม Google ได้ผ่อนปรนข้อตกลงล่าสุดกับ Samsung, Motorola รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่าย AT&T และ Verizon โดยอนุญาตให้ติดตั้งเครื่องมือค้นหาคู่แข่งในอุปกรณ์ได้ นอกจากนี้ Google ยังส่งจดหมายยืนยันว่า ข้อตกลงของบริษัทไม่ได้ห้ามบริษัทเหล่านั้นติดตั้งผลิตภัณฑ์ AI  อื่น ๆ บนอุปกรณ์ใหม่

Source

]]>
1519513
เจนภาพสไตล์ ‘Studio Ghibli’ ฟีเวอร์! ดันยอดการใช้ ‘ChatGPT’ พุ่งสูงสุดทะลุ 150 ล้านครั้ง แม้จะเกิดคำถามเกี่ยวกับการ ‘ละเมิดลิขสิทธิ์’ https://positioningmag.com/1516924 Wed, 02 Apr 2025 04:34:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516924 ในยุคของ GenAI ที่เราสามารถ สร้างรูปภาพด้วย AI ได้ และหนึ่งในกระแสที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็คือ การใช้ ChatGPT สร้างภาพในสไตล์ จิบลิ (Studio Ghibli) ผู้ผลิตอนิเมชั่นชื่อดังของญี่ปุ่นที่มีลายเส้นเป็นเอกลักษณ์ จนดันให้ผู้ใช้งาน ChatGPT พุ่งสูงสุดในปีนี้

กลายเป็นกระแสบนโลกโซเชียล ที่ใคร ๆ ก็กลายเป็นตัวการ์ตูนในลายเส้นของสตูอนิเมชั่นชื่อดัง สตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) ที่ ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) ผู้กํากับชื่อดังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง โดยสตูดิโอดังกล่าวเป็นเจ้าของภาพยนตร์อนิเมชั่นชื่อดังอย่าง Spirited Away และ My Neighbor Totoro

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ใคร ๆ ก็กลายเป็นตัวการ์ตูนสไตล์สตูดิโอจิบลิก็มาจาก GPT-4o Image Generation ของ ChatGPT ที่มาพร้อมความสามารถในการเจนรูปภาพตามคำสั่ง (Prompt) ของผู้ใช้งานได้แบบละเอียด และซับซ้อนมากขึ้น ทำให้แม้แต่การเปลี่ยนรูปถ่ายปกติให้กลายเป็นการ์ตูนสไตล์ Ghibli ก็ทำได้ ส่งผลให้สัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ใช้งาน ChatGPT ทะลุ 150 ล้านครั้ง เป็นครั้งแรกในปีนี้ จนทําให้เซิร์ฟเวอร์ทำงานหนักเกินไป จนต้องจํากัดการใช้งานฟีเจอร์ชั่วคราว

“เราเห็นผู้ใช้เพิ่มขึ้นหนึ่งล้านคนในชั่วโมง จากในตอนที่เปิดตัว เราใช้เวลา 5 วันหลังเปิดตัวจนมีผู้ใช้ถึง 1 ล้านคน” แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI กล่าว

โดยจากข้อมูลโดย SensorTower พบว่า ทั้งจำนวนผู้ใช้ที่แอคทีฟ รายได้จากการสมัครสมาชิก และยอดการดาวน์โหลด ChatGPT เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยการดาวน์โหลดทั่วโลกเพิ่มขึ้น +11 และผู้ใช้ที่ใช้งานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น +5% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ในขณะที่รายได้จากการซื้อในแอปเพิ่มขึ้น +6%

อย่างไรก็ตาม จากการที่ AI สามารถ Gen ภาพโดยเลียนแบบลายเส้นของสตูดิโอจิบลิ ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงเส้นแบ่งระหว่าง แรงบันดาลใจ กับ การลอกเลียนแบบ อย่างไรก็ตาม ทางสตูดิโอจิบลิยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นใด ๆ กับสื่อ เช่นเดียวกันกับ OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ที่ไม่ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับข้อมูลที่ใช้ในการฝึกอบรมโมเดล AI และความถูกต้องตามกฎหมายเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่นี้

ทั้งนี้ ฮายาโอะ มิยาซากิ ขึ้นชื่อเรื่องการสร้างงานโดยใช้เทคนิคดั้งเดิม มากกว่าใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และในปี 2016 เขาเคยแสดงความเห็นเกี่ยวกับอนิเมชั่นที่สร้างโดย AI ว่า เขาไม่เห็นด้วย และ ไม่มีวันเอาเทคโนโลยีแบบนี้มาใช้ในงานของเขาเด็ดขาด เพราะคิดว่านี่มันเป็นการดูถูกชีวิตอย่างแท้จริง

Reuters

]]>
1516924
เปิดลิสต์ผู้เล่น ‘GenAI’ ระหว่างยักษ์เทคสหรัฐฯ และจีน ในสงครามตลาดแสนล้าน https://positioningmag.com/1513951 Fri, 07 Mar 2025 08:01:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1513951 ตั้งแต่การมาของ ChatGPT ก็ได้เขย่าให้โลกเทคโนโลยีตื่นตัวกับ GenAI นำไปสู่ สงคราม AI ของบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ซึ่งสงครามไม่ได้อยู่แค่บริษัทสหรัฐฯ แต่ จีน ก็แสดงให้เห็นว่าจะมองข้ามไม่ได้ ดังนั้นไปดูกัน ว่าในตลาดตอนนี้มี AI จากบิ๊กเทคกี่รายกันบ้าง ทั้งจากสหรัฐฯ และจีน

AI จากสหรัฐอเมริกา

  • ChatGPT – พัฒนาโดย OpenAI ที่ Microsoft ลงทุนไปแล้วกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ปัจจุบันถือว่าเป็นผู้นำในตลาด LLM โดยมีความสามารถในการสร้างข้อความที่หลากหลาย สามารถตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • Gemini – พัฒนาโดย Google จุดเด่นที่การสนทนาแบบมีปฏิสัมพันธ์และการค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเพื่อให้ข้อมูลที่ทันสมัยและแม่นยำ มีความสามารถในการผสานรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Google
  • Copilot – พัฒนาโดย Microsoft เป็นการผสานรวม LLM เข้ากับผลิตภัณฑ์ของ Microsoft เช่น Bing และ Microsoft 365 ทำให้มีความสามารถในการช่วยผู้ใช้ในการเขียนโค้ด สร้างเนื้อหา และทำงานต่าง ๆ
  • Claude พัฒนาโดย Anthropic บริษัทที่มีทีมงานจาก OpenAI โดยจุดเด่นที่ความสามารถในการสร้างข้อความที่มีความยาวและซับซ้อน ได้รับความนิยมในกลุ่มธุรกิจที่ต้องการ AI ที่มีความปลอดภัยสูง
  • Grok พัฒนาโดย xAI ของ Elon Musk มีจุดเด่นที่สามารถตอบคำถามที่ได้แหวกแนว โดยเติมอารมณ์ขันและความเฉลียวฉลาดเข้าไปในคำตอบ นอกจากนี้ Grok ยังสามารถสร้างการสนทนาแบบแยกส่วน ซึ่งผู้ใช้สามารถเปลี่ยนหัวข้อต่าง ๆ ได้ ซึ่งต่างจากแชทบอท AI อื่น ๆ
  • Meta AI – พัฒนาโดย Meta ของ มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ที่ออกแบบมาเพื่อผสานรวมเข้ากับแอปพลิเคชันยอดนิยมของ Meta เช่น Facebook, Instagram, Messenger และ WhatsApp แต่ล่าสุด บริษัทกำลังจะออกแอปฯ สแตนด์อะโลนออกมา
ภาพจาก Shutterstock

AI จากจีน

  • DeepSeek – AI น้องใหม่จากแดนมังกรที่มาสร้างความฮือฮาให้กับตลาด เนื่องจากการใช้ต้นทุนพัฒนาน้อยมาก ๆ โดย DeepSeek ใช้โมเดล AI ที่สามารถเข้าใจและตอบสนองในหลายรูปแบบ ทั้งการพูดคุยแบบธรรมดาและการแปลความหมายเชิงลึกในเชิงธุรกิจหรือความต้องการเฉพาะของผู้ใช้ได้
  • Ernie Bot  – พัฒนาโดย Baidu บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน โดย Ernie Bot ใช้โมเดลภาษา Ernie และถูกออกแบบมาให้สามารถทำการสนทนาและให้ข้อมูลในหลาย ๆ รูปแบบ แต่จะเน้นการให้บริการทางการค้าและเชื่อมโยงกับบริการต่าง ๆ ของ Baidu เช่น การค้นหาข้อมูลและการให้บริการแผนที่
  • Tongyi Qianwen – พัฒนาโดย Alibaba โดยโมเดลนี้ถูกใช้ในหลายแอปพลิเคชันของ Alibaba เช่น DingTalk แพลตฟอร์มการสื่อสารและการทำงานร่วมกันขององค์กร และ Aliyun คลาวด์คอมพิวติ้งของ Alibaba โดย Tongyi Qianwen สามารถทำงานหลายด้านเช่นการสนทนา, การให้คำแนะนำทางธุรกิจ, การประมวลผลข้อความ และการสร้างเนื้อหาภาษา
  • Hunyuan Turbo S  – โมเดลเอไอตัวล่าสุดของ Tencent ที่มีความสามารถเทียบเท่ากับ DeepSeek-V3 แต่มีจุดแข็งในเรื่องความเร็ว ที่สามารถตอบคำถามได้ภายใน 1 วินาที
2578762835

จะเห็นว่าทางฝั่งจีนอาจจะยังเทียบกับฝั่งสหรัฐฯ ไม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการควบคุมและข้อจำกัดของรัฐบาลจีน ที่ส่งผลต่อการพัฒนา AI ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเข้าถึงข้อมูล หรือการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ รวมยังอาจยังไม่ได้รับความไว้วางใจ ในเรื่องของความปลอดภัยและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น การใช้งานส่วนใหญ่จึงเน้นไปที่ ภายในประเทศจีนเป็นหลัก

คงต้องจับตาดูว่าในอนาคต ทั้งจีนและสหรัฐฯ จะมีผู้เล่นใหม่ ๆ ที่มาเขย่าตลาดได้เหมือนกับ DeepSeek อีกหรือไม่ เพราะตลาด AI ทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยอ้างอิงจาก Fortune Business Insights ได้มีการคาดการณ์ว่า ตลาดอาจมีมูลค่าสูงถึง 9 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2026 เลยทีเดียว

]]>
1513951
สรุปบรรดา ‘บิ๊กเทค’ วางงบลงทุน ‘AI’ เท่าไหร่ในวันที่ ‘DeepSeek’ แสดงให้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องใช้เงินมหาศาล https://positioningmag.com/1510100 Mon, 10 Feb 2025 05:45:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1510100 ในวันที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ทุ่มเงินมหาศาลในการพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model – LLM) เพื่อใช้เป็นโมเดลพื้นฐานการประมวลผลของ Generative AI แต่การมาของ DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI จากจีน ที่เหมือนมาตบหน้าบิ๊กเทค เพราะใช้เงินลงทุนน้อยกว่า ดังนั้น ไปดูกันว่าบริษัทบิ๊กเทค วางแผนทุ่มเงินเท่าไหร่ แม้ว่า DeepSeek จะแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องใช้เงินเยอะก็ตาม

เฉพาะ 4 ยักษ์ใหญ่ลงทุนเพิ่มรวมเกือบ 1 แสนล้านดอลลาร์

นับตั้งแต่โลกรู้จักกับ ChatGPT ในปี 2022 บริษัทยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีหลายรายต่างทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในโครงการ AI โดยมุ่งขยายศูนย์ข้อมูลด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของ Nvidia จำนวนมาก และพัฒนาโมเดลต่าง ๆ ของตนเอง

แต่การมาของ DeepSeek ก็มาทำให้เกิดคำถามว่า บริษัทยักษ์ใหญ่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาลขนาดนั้นไหม เพราะ DeepSeek ใช้เงินลงทุนเพียง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้หุ้นของผู้ผลิตชิป AI อย่าง Nvidia และ Broadcom ลดลงรวมกัน 800,000 ล้านดอลลาร์ ในวันเดียว

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนการมาของ DeepSeek จะไม่ได้ทำให้การลงทุนด้าน AI ของเหล่าบิ๊กเทคนั้นลดลง โดยเมื่อรวมเม็ดเงินการลงทุนของ Meta, Amazon, Alphabet และ Microsoft มีมูลค่าสูงถึง 320,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่ผ่านมา หรือมากกว่าปีก่อนถึงเกือบ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Amazon: 100,000 ล้านดอลลาร์

สำหรับ Amazon บริษัทเทคโนโลยีและอีคอมเมิร์ซของสหรัฐฯ ประกาศว่าปีนี้จะลงทุน มากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2024 ที่ใช้เงินลงทุน 83,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Andy Jassy ซีอีโอ กล่าวว่า เงินส่วนใหญ่จะใช้กับ AI ในส่วนของ Amazon Web Services

Microsoft: 80,000 ล้านดอลลาร์

เมื่อเดือนที่แล้ว Microsoft เปิดเผยว่าจะจัดสรรเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2025 สำหรับการก่อสร้างศูนย์ข้อมูลที่สามารถรองรับการประมวลผล AI โดย แบรด สมิธ ซีอีโอ กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายมากกว่าครึ่งหนึ่งจะเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา

ภาพจาก Shutterstock

Alphabet: 75,000 ล้านดอลลาร์

Alphabet ตั้งเป้าการใช้ลงทุนด้าน AI ปีนี้ที่ 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าจะมีการใช้จ่าย 16,000 – 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสแรก โดย Anat Ashkenazi หัวหน้าฝ่ายการเงินกล่าวในการรายงานผลประกอบการว่า การใช้จ่ายส่วนใหญ่จะใช้กับ โครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิค โดยส่วนใหญ่จะใช้กับเซิร์ฟเวอร์ รองลงมาคือ ศูนย์ข้อมูลและระบบเครือข่าย

Meta: 65,000 ล้านดอลลาร์

ส่วน มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ได้กำหนดงบประมาณด้านการลงทุนด้าน AI ของบริษัทไว้ที่ 60,000 – 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับระบุว่า ปี 2025 จะเป็นปีแห่งการกำหนดทิศทางของ AI และการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะช่วย ปลดล็อกนวัตกรรมทางประวัติศาสตร์และขยายความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของอเมริกา

ภาพจาก Shutterstock

Apple: เน้นร่วมมือกับพันธมิตร

สำหรับ Apple อาจจะประเมินได้ค่อนข้างยากว่ามีการใช้งบลงทุนด้าน AI มากน้อยแค่ไหน เพราะงบส่วนใหญ่จะปรากฏในค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เนื่องจากบริษัท ใช้ความสามารถในการฝึกอบรมจากผู้ให้บริการระบบคลาวด์ เช่น โมเดลที่รองรับปัญญาประดิษฐ์ของ Apple นั้นได้รับการฝึกฝนจาก Google Cloud นอกจากนี้ Apple ยังใช้ความสามารถในการฝึกอบรมระบบคลาวด์จาก AWS และ Azure อีกด้วย

ขณะเดียวกัน Tim Cook ซีอีโอ กล่าวว่า Apple ใช้แนวทางแบบผสมผสานในการลงทุน โดยมีสิ่งที่พัฒนาภายใน แต่ก็มีพันธมิตรบางรายที่ทำธุรกิจด้วยภายนอก ซึ่งการลงทุนนั้นจะปรากฏอยู่ในธุรกิจของพวกเขา

Tesla: 5,000 ล้านดอลลาร์

ด้าน Tesla ได้เคยเปิดเผยในปี 2024 ว่า ค่าใช้จ่ายด้านทุนที่เกี่ยวข้องกับ AI อยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และบริษัทคาดว่าค่าใช้จ่ายด้าน AI จะคงที่เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยปัจจุบัน Tesla ได้สร้างคลัสเตอร์การฝึกอบรมที่เรียกว่า Cortex ในโรงงานในรัฐเท็กซัส เพื่อใช้สำหรับการฝึกอบรมโมเดลเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ของบริษัทที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา

จะเห็นว่าแต่ละบริษัทอัดงบลงทุนกับ AI มหาศาล แต่นั่นก็ไม่ใช่การตำน้ำพริกละลายแม่น้ำอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะอย่าง Amazon, Google และ Microsoft ที่แม้จะลงทุนเยอะ แต่จะยิ่งส่งผลดีอย่างมากต่อธุรกิจคลาวด์ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ต่างก็ต้องการเครื่องมือประมวลผล AI เพิ่มเติม และพวกเขาวางแผนที่จะรันเวิร์กโหลดที่ใหญ่ขึ้นในคลาวด์

]]>
1510100
OpenAI ผู้ผลิต ChatGPT เตรียมเปิดสํานักงานในสิงคโปร์ ภายในสิ้นปี 2024 https://positioningmag.com/1494130 Fri, 11 Oct 2024 11:19:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1494130 OpenAI ผู้พัฒนาแชทบอทอัจฉริยะ (AI) อย่าง ChatGPT ประกาศจะจัดตั้งสำนักงานในสิงคโปร์ภายในสิ้นปี 2024 ถือเป็นสํานักงานแห่งที่ 2 ใน APAC หลังจากเข้าไปเปิดสำนักงานในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยในการเปิดสำนักงานที่ญี่ปุ่น OpenAI ได้มอบสิทธิ์การเข้าถึงและใช้งานโมเดล GPT-4 ที่ปรับให้รองรับภาษาญี่ปุ่นและตอบสนองความต้องการสำหรับธุรกิจหรือบริการในญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ซึ่งโมเดล GPT-4 ที่เปิดให้ใช้ในญี่ปุ่นมีจุดเด่นคือ การแปลภาษา และการสรุปเนื้อหาในภาษาญี่ปุ่น ที่เร็วกว่าเวอร์ชันก่อนหน้าถึง 3 เท่า  จากตัวอย่างการทดสอบ ระบุว่า เมืองโยโกซูกะ มีการนำ ChatGPT มาช่วยในการทำงานของเจ้าหน้าที่ พบว่า ได้ประสิทธิภาพงานเพิ่มขึ้น 80% ซึ่งเมืองโยโกซูกะจะร่วมมือกับอีก 21 เมือง รวมทั้งเมืองหลักอย่างโตเกียวและโกเบ เพื่อถ่ายทอดแนวทางการนำ ChatGPT มาใช้กับหน่วยงาน เป็นต้น ส่วนการเปิดสำนักงานที่สิงคโปร์นั้น Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ระบุว่า สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการเป็นผู้นำเรื่อง AI จึงมีการร่วมมือกับ AI Singapore สถาบันวิจัยที่เกิดจากการสนับสนุนของภาครัฐ ที่รวบรวมงานวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ผลักดันความก้าวหน้าของ AI ให้คนเอเชียสามารถเข้าถึงในวงกว้างได้ยิ่งขึ้ง และจากข้อมูลที่บริษัทฯ รวบรวมไว้พบว่า ชาวสิงคโปร์เป็นหนึ่งประเทศที่มีผู้ใช้งาน ChatGPT ต่อหัวสูงสุดทั่วโลก โดยมีจํานวนผู้ใช้ที่ใช้งานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ วางแผนที่จะทำการสํารวจพื้นที่สํานักงานและจ้างพนักงาน 5-10 คน ภายในสิ้นปีนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่การจ้างงานสําหรับตําแหน่งเฉพาะในสิงคโปร์ นอกจากนั้น OpenAI ยังเตรียมเงินลงทุนไว้ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับส่งเสริมการพัฒนาโมเดล AI ให้ตอบโจทย์ภาษาและวัฒนธรรมที่หลากหลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ทั้งนี้ มีผู้คนมากกว่า 250 ล้านคนทั่วโลก มีอัตราการใช้ ChatGPT ในทุกสัปดาห์ อีกทั้ง OpenAI ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในปี 2022 เนื่องจากการเปิดตัวแชทบอท ซึ่งดึงดูดความสนใจของสาธารณชนและนักลงทุนในเทคโนโลยี AI ที่สร้างได้อย่างรวดเร็ว  ที่มา : The Business Times , OpenAI , CNA , Bloomberg

]]>
1494130
สะเทือน Google! หลัง ‘OpenAI’ เปิดตัว ‘SearchGPT’ ช่วยหาข้อมูลแบบเรียลไทม์ ฉุดหุ้น Alphabet ร่วง 3% https://positioningmag.com/1484344 Fri, 26 Jul 2024 10:21:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1484344 นับตั้งแต่ที่ ChatGPT เอไอสุดล้ำของ OpenAI ออกมาสู่สายตาชาวโลกในช่วงปี 2022 ก็มาเขย่ายักษ์ใหญ่ไอทีหลายราย โดยเฉพาะ Google เสิร์ชเอนจินที่คนทั่วโลกแทบขาดไม่ได้ และ OpenAI ก็เขย่าบัลลังก์ Google อีกรอบด้วย SearchGPT

OpenAI ได้ประกาศเปิดตัวต้นแบบของเครื่องมือค้นหาที่เรียกว่า SearchGPT โดยมีจุดเด่นที่จะช่วยให้ผู้ใช้ หาคำตอบได้รวดเร็ว และได้ข้อมูลที่อัปเดตแบบ เรียลไทม์ อีกทั้งยังมีความสามารถในการ ถามต่อยอดจากคำถามก่อนหน้า ซึ่งระบบเสิร์ชเอนจินในปัจจุบันทำไม่ได้ นอกจากนี้ SearchGPT ยังระบุแหล่งที่มาของข้อมูลได้อีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม SearchGPT ยังเปิดให้ใช้งานแค่ผู้ทดลองกลุ่มเล็ก ๆ แต่ OpenAI เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะรวมเครื่องมือดังกล่าวเข้ากับ ChatGPT

“เราคิดว่าตลาดเสิร์ชเอนจินยังมีช่องว่างที่ทำให้การค้นหาข้อมูลดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI โพสต์บน X

แน่นอนว่าตั้งแต่การมาของ ChatGPT ช่วงปลายปี 2022 ส่งผลกระทบต่อ Google ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเสิร์ชเอนจินซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เพราะหลายคนมองว่า ChatGPT จะมา แย่งส่วนแบ่งการตลาดจาก Google ในการค้นหาข้อมูลออนไลน์ และการมาของบริการ SearchGPT ก็ยิ่งตอกย้ำถึงความกังวลดังกล่าวส่งผลให้ หุ้นของ Alphabet ร่วงมากกว่า 3%

ทั้งนี้ ย้อนไปเมื่อในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Google ได้เปิดตัว AI Overview ซึ่ง Sundar Pichai ซีอีโอ มองว่าเป็น การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในแวดวงการค้นหาในรอบ 25 ปี โดยเครื่องมือดังกล่าวจะมี AI เป็นตัวช่วยค้นหาข้อมูลและสรุปคำตอบให้กับผู้ใช้งาน คล้ายกับความสามารถของ SearchGPT อย่างไรก็ตาม เครื่องมือดังกล่าวยังเปิดให้ใช้แบบจำกัด และเคยถูกวิจารณ์ถึงผลลัพธ์การค้นหาที่แสดงคำตอบที่เป็นเท็จ

Source

]]>
1484344
แอปเปิล ชูเทคโนโลยี AI ภายใต้ชื่อ ‘Apple Intelligence’ และเตรียมนำ ChatGPT เข้ามาผนวกบนระบบปฏิบัติการของบริษัท https://positioningmag.com/1477447 Tue, 11 Jun 2024 03:37:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477447 แอปเปิล (Apple) เปิดตัว Apple Intelligence หรือเรียกสั้นๆ ว่า AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของบริษัท โดยเน้นไปยังการช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานได้สะดวก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทก็ยังชูในเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัว

เมื่อคืนที่ผ่านมา Apple ได้จัดงาน Worldwide Developers Conference หรือ WWDC โดยในปีนี้ผู้ผลิตสินค้าชื่อดังอย่าง iPhone และ iPad นั้นได้ชูจุดเด่นในเรื่องการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาผนวกกับการใช้งานสินค้าของบริษัท

ภายในงาน WWDC นั้น Apple ได้เปิดตัว Apple Intelligence (AI) โดยได้นำเสนอเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานหรือช่วยเหลือผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังรวมถึง Siri ที่มีความสามารถในการทำงานที่มากกว่าเดิม

ฟังก์ชันที่น่าสนใจของ Apple Intelligence เช่น

  • Apple Intelligence จะเป็นพื้นฐานของการทำงาน แต่ผู้ใช้งานจะต้องเปิดใช้งานเอง
  • Safari และ Mail สามารถใช้ Apple Intelligence สรุปเนื้อหาข้อความแบบกระชับได้
  • สามารถสรุปเนื้อหาจากคลิปการอัดเสียงได้
  • ช่วยการทำงานเวลาผู้ใช้งานต้องการที่จะเขียนหรือพิมพ์ข้อความ
  • ระบบสามารถสร้างภาพ หรือสร้าง Emoji ขึ้นมาได้ตามที่ผู้ใช้งานสั่ง

สำหรับการประมวลผลระบบปัญญาประดิษฐ์นั้น Apple ได้กล่าวว่าจะมีการประมวลผลข้อมูลจากบนอุปกรณ์ก่อน และถ้าหากอุปกรณ์ไม่สามารถประมวลผลข้อมูลดังกล่าวได้ ก็จะนำข้อมูลส่งขึ้นไปยังระบบคลาวด์ของบริษัทเพื่อที่จะให้ประมวลผลข้อมูล และส่งผลกลับมาที่อุปกรณ์ผู้ใช้งาน

ไม่เพียงเท่านี้ Apple ได้ประกาศความร่วมมือกับ OpenAI เจ้าของบริการแชตบอทอย่าง ChatGPT โดยเตรียมนำระบบดังกล่าวเข้ามาผนวกในระบบปฏิบัติการของบริษัท ไม่ว่าจะเป็น iOS และ iPadOS รวมถึง MacOS เป็นต้น แต่บริษัทยังคงยืนยันถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน

Apple ยังกล่าวว่า บริษัทได้เตรียมนำ Siri เข้ามาผนวกกับการทำงานของ ChatGPT เพิ่มด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าบริษัทได้เตรียมยกเครื่องระบบการทำงานใหม่ยกชุด เพื่อที่จะทำให้ความสามารถนั้นทัดเทียมกับบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นๆ ที่เร่งพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์

อย่างไรก็ดี Apple เองยังคงยืนยันถึงเรื่องของความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทได้ยึดถือมาโดยตลอด

นอกจากนี้ผู้ผลิต iPhone ยังเตรียมที่จะนำเทคโนโลยี AI จากบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นเข้ามาผนวกการทำงานให้กับผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น แต่สำหรับผู้ใช้งาน iPhone นั้น Apple Intelligence จะรองรับตั้งแต่ iPhone 15 Pro ขึ้นไปเท่านั้น

ที่มา – Apple

]]>
1477447