COVID19USA – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 30 Dec 2021 03:29:43 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ผลวิจัยใหม่พบ ผู้ติดเชื้อ ‘โอมิครอน’ อาจมีภูมิคุ้มกันสายพันธุ์ ‘เดลตา’ https://positioningmag.com/1369067 Wed, 29 Dec 2021 02:26:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1369067 เหมือนจะเป็นข่าวดีในข่าวร้าย เมื่อมีการวิจัยพบว่า ผู้ที่ติดเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) จะมีภูมิคุ้มกันสายพันธุ์เดลตา (Delta) ด้วย

จากผลการศึกษาที่ตีพิมพ์โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวแอฟริกาใต้พบว่า ผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน อาจมีภูมิคุ้มกันสายพันธุ์เดลตาด้วย โดยการค้นพบอาจมีนัยสำคัญต่อประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ที่การติดเชื้อโอมิครอนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างของสายพันธุ์โอมิครอนกับเดลตาคือ อาการป่วยรุนแรงน้อยกว่า

“การติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันชนิดลบล้างฤทธิ์ (Neutralizing Antibody) ที่สามารถต้านไวรัสสายพันธุ์เดลตา เนื่องจากโอมิครอนสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้การติดเชื้อซ้ำกับเดลตามีโอกาสน้อยลง” ทีมนักวิทยาศาสตร์นำโดย Khadija Khan จากสถาบันวิจัยสุขภาพแอฟริกาเขียนไว้ในผลการวิจัยของพวกเขา

ในการวิจัยเกิดจากการติดตามผู้ติดเชื้อจำนวน 13 คน โดย 11 คนในนั้นติดเชื้อด้วยตัวแปรโอมิครอน โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวน 7 รายที่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยได้ทั้งวัคซีนของ Pfizer, BioNTech และ johnson & johnson

โดยการตอบสนองของแอนติบอดีของผู้ที่ติดเชื้อโอมิครอนดูเหมือนจะเพิ่มการป้องกันตัวแปรเดลตาได้มากกว่า 4 เท่าในสองสัปดาห์หลังจากที่ผู้เข้าร่วมลงทะเบียนในการศึกษา โดยผู้เข้าร่วมยังแสดงให้เห็นว่าความสามารถของแอนติบอดีในการสกัดกั้นการติดเชื้อโอมิครอนได้เพิ่มขึ้น 14 เท่า

ดังนั้น หากสายพันธุ์โอมิครอนแทนที่เดลตาและไม่รุนแรงกว่าสายพันธุ์ในอดีต ความร้ายแรงของ COVID-19 จะลดลงและการติดเชื้ออาจเปลี่ยนไปรบกวนบุคคลและสังคมน้อยลง อย่างไรก็ตาม การศึกษายังไม่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ในสาขานี้ และยังไม่ชัดเจนว่าการป้องกันที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดจากแอนติบอดีที่มาจากโอมิครอน, การฉีดวัคซีน หรือภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อครั้งก่อนหรือไม่ แต่บุคคลที่ได้รับการฉีดวัคซีนแสดงให้เห็นถึงการป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาจากแอฟริกาใต้และสหราชอาณาจักรพบว่า ผู้ที่ติดเชื้อโอมิครอนจะมีอาการป่วยที่ไม่รุนแรง โดยผู้ติดเชื้อโอมิครอนมีโอกาสเกิดโรคร้ายแรงน้อยกว่า 70% เมื่อเทียบกับเดลตา แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า “เป็นข้อมูลเบื้องต้นและมีความไม่แน่นอนสูง” เนื่องจากโอไมครอนยังไม่แพร่กระจายอย่างกว้างขวางในกลุ่มอายุสูงอายุและกลุ่มอายุที่มีความเสี่ยงมากขึ้น

แต่นักระบาดวิทยาเตือนว่า แม้โอมิครอนจะรุนแรงน้อยกว่าเดลตา แต่ก็ยังสามารถสร้างภาระให้โรงพยาบาลได้ง่าย ๆ ด้วยการแพร่กระจายเร็วกว่าเดลตามาก โดยองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า โอมิครอนกำลังแพร่กระจายเร็วกว่าเชื้อโควิดรุ่นก่อน ๆ การศึกษาจากฮ่องกงพบว่าโอมิครอนแพร่กระจายได้เร็วกว่า 70 เท่าในทางเดินหายใจของมนุษย์ แต่การติดเชื้อในปอดนั้นรุนแรงน้อยกว่า

Source

]]>
1369067
อัตราผู้ติดเชื้อในทุกรัฐของสหรัฐฯ ลดกว่า 5% หลังประชากร 47.5% ฉีดวัคซีนแล้ว https://positioningmag.com/1332842 Wed, 19 May 2021 06:49:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1332842 สถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 เริ่มผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ได้อนุญาตให้ผู้ฉีดวัคซีน COVID-19 ครบโดส ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในร่ม กลางแจ้ง หรือสถานที่มีผู้คนหนาแน่นอีกต่อไปแล้ว โดยปัจจุบันพบว่าจำนวนผู้ป่วย COVID-19 ลดลง 5% หรือมากกว่านั้นในเกือบทุกรัฐของสหรัฐฯ หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนกว่า 47.5%

จากการวิเคราะห์ข้อมูลของ CNBC ที่รวบรวมโดยมหาวิทยาลัย Johns Hopkins แสดงให้เห็นว่าระดับการติดเชื้อและการเสียชีวิตทั่วประเทศในสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง หลังจากที่สัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีการฉีดวัคซีนโดยเฉลี่ยประมาณ 1.8 ล้านครั้งในแต่ละวัน ตามข้อมูลของรัฐบาลกลาง โดย 47.5% ของประชากรได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 ครั้ง และประมาณ 37% ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน

ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อรายวันโดยเฉลี่ยประมาณ 32,000 ราย ลดลงอย่างมากจากระดับกลางเดือนเมษายนที่มีมากกว่า 71,000 รายต่อวัน และถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน โดยจำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ยต่อวันลดลง 5% หรือมากกว่าใน 42 รัฐ

บรรยากาศการต่อคิวเข้ารับวัคซีน COVID-19 ในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ

โดยข้อมูลอัตราการเสียชีวิตจากเชื้อ COVID-19 ในสหรัฐฯ ในรอบ 7 วันเฉลี่ยที่ 587 ราย ลดลง 8% จากผู้เสียชีวิตมากกว่า 586,000 รายนับตั้งแต่เริ่มระบาด

ปัจจุบัน ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเกือบ 60% ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งครั้ง โดยโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐตั้งเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 ครั้งให้ครอบคลุม 70% ของประชากรผู้ใหญ่ภายในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้

Source

]]>
1332842