Cullen HateBerry – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 20 Nov 2024 04:13:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘คัลแลน-พี่จอง’ เอฟเฟกต์! ทำแคมเปญไม่ถึงอาทิตย์ ดันยอดขาย ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ โต 1.5 เท่า มียอดสมาชิกเพิ่ม/วัน 50% https://positioningmag.com/1499761 Tue, 19 Nov 2024 11:17:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1499761 พลังเหล่าแฟนด้อมใจฟูเป็นเหตุ โดยหลังจากกาแฟพันธุ์ไทยคว้าคัลแลนพี่จองมาทำหน้าที่พรีเซ็นเตอร์คู่แรก และส่งแคมเปญการ์ดพันธุ์ไทยใจฟูการ์ดจุ่มของทั้งคู่ออกมาเมื่อวันที่ 15 ..ที่ผ่านมา ก็ทำให้ยอดขายของกาแฟพันธุ์ไทยโต 1.5 เท่า และเพิ่มยอดสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้น 50% ต่อวัน ซึ่งหลังจากนี้จะต่อยอดความสำเร็จด้วยการออกหนังโฆษณา ก่อนจะจัด Fan Meet ของทั้งคู่ช่วงต้นปีหน้า

เป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของกาแฟพันธุ์ไทยเมื่อประกาศใช้กลยุทธ์พรีเซ็นเตอร์เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งมา และเลือกสองหนุ่มยูทูปเปอร์คนดังอย่างคัลแลนพี่จองมารับหน้าที่นี้

อนันต์ รัตนมั่นคง’ Vice President of Food and Beverages Group บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย เล่าว่า

การดีลกับสองหนุ่มคนดังให้มารับหน้าที่พรีเซ็นเตอร์เกิดขึ้นเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมา ภายใต้โจทย์ทางธุรกิจ เพื่อสร้าง Brand Awareness และขยายฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่ในกลุ่มอายุ 30 ปีลงมา ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่และมีความน่าสนใจ จากเดิมลูกค้าหลักของกาแฟพันธุ์ไทยจะมีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยตั้งเป้าหมาย จะเพิ่มฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่จาก 20% เป็น 30% ในปีหน้า

เราทำรีเสิร์ชมาพบว่า ผู้บริโภคมองแบรนด์เราเป็นกาแฟปั๊ม ดูเก่าแก่ เราจึงอยากปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์เราเด็กลง ให้สามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น และคัลแลนกับพี่จองทำหน้าที่นี้ได้ดี ที่สำคัญทั้งคู่เป็นแฟนของกาแฟพันธุ์ไทย เป็น Real Customer ของเราจริง ๆ และชอบดื่มอเมริกาโน่อยู่แล้ว

คัลแลนพี่จองเอฟเฟกต์

ความร่วมมือระหว่างกาแฟพันธุ์ไทย กับคัลแลนพี่จอง เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2567 และไปจบเดือนเมษายน 2568 ประเดิมด้วยแคมเปญการ์ดพันธุ์ไทยใจฟู การออกการ์ดจุ่มของทั้งคู่ให้บรรดาแฟนด้อมได้สะสม โดยลูกค้าที่ซื้อเมนูไทยริกาโน 3 แก้วต่อใบเสร็จ จะได้รับการ์ดพันธุ์ไทยใจฟูแบบสุ่มจากคัลแลนและพี่จอง 1 ใบ มีให้เลือกสะสม 5 แบบ และ 1 แบบซีเคร็ท    

หลังจากเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 15 .. 2567 มาถึงตอนนี้ไม่ถึงอาทิตย์ปรากฏว่านอกจากในโซเชียลจะมีกระแสพูดถึงและเอนเกจเมนต์จำนวนมากทั้งกลุ่มแฟนของกาแฟพันธุ์ไทยเดิมและกลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้าแล้ว

แคมเปญดังกล่าวยังสามารถทำให้ยอดขายของกาแฟพันธุ์ไทยเติบโตขึ้น 1.5 เท่า และมียอดสมัครสมาชิก MAX Card บัตรสมาชิกที่ใช้สะสมแต้ม เพื่อสร้างลอยัลตี้ โปรแกรมกับลูกค้าในเครือ PTG เพิ่มขึ้น 50% ต่อวัน

ความสำเร็จที่เกิดขึ้น อนันต์บอกว่าเกินคาด และเตรียมต่อยอดความสำเร็จจากพรีเซ็นเตอร์คู่นี้ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย อย่างในระยะอันใกล้นี้ได้เตรียมปล่อยหนังโฆษณาชุดใหม่ของกาแฟพันธุ์ไทยที่มีคัลแลนกับพี่จองร่วมแสดงออกมา และจะมีการจัด Fan Meet ของทั้งคู่ประมาณช่วงต้นปีหน้า

หลายคนถามว่า แฟนด้อมที่ไม่ดื่มกาแฟ แต่มาซื้อพันธุ์ไทยเพราะอยากได้การ์ด เมื่อหมดแคมแปญอาจทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้จะหายไป และการเติบโตของเราจะไม่ยั่งยืน แต่เรามั่นใจในรสชาติและคุณภาพของกาแฟเรา บวกกับการทำมาร์เก็ตติ้งที่ได้มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากบัตรสมาชิก เราเชื่อมั่นจะดึงพวกเขากลับมาเป็นลูกค้าได้อย่างแน่นอน

เดินหน้าลบภาพกาแฟในปั้ม

นอกจากจะใช้พลังแฟนด้อมใจฟูมาลบภาพกาแฟในปั๊ม ที่ดูเก่าแก่ และแบรนด์มีอายุ เพื่อพิชิตใจลูกค้าคนรุ่นใหม่แล้ว กาแฟพันธุ์ไทยยังมีการวางกลยุทธ์เพื่อขยายฐานลูกค้าดังกล่าวสำหรับสร้างการเติบโตไว้ 

1. การเร่งขยายสาขาในตัวเมือง โดยเฉพาะเขต CBD (Central Business District) รวมไปถึงโลเคชั่นในสถานศึกษาและตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ซึ่งตามแผนกาแฟพันธุ์ไทยตั้งเป้าจะมีสาขารวมในปี 2567 อยู่ที่ 1,282-1,300 แห่ง และครบ 2,000 แห่งในปี 2568 จากปัจจุบันมีสาขากว่า 1,200 แห่ง ก่อนจะเพิ่มเป็น 5,000 สาขาในปี 2570

2. การเพิ่มโปรดักส์ในกลุ่ม Specialty Coffee เพื่อให้ภาพของกาแฟพันธุ์ไทยมีวาไรตี้และจับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย รวมถึงสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบและนิยมดื่มกาแฟประเภทนี้มากขึ้น อย่างล่าสุดได้เปิดตัวกาแฟดริปคอลเลกชั่นใหม่ที่ได้ร่วมมือกับ 10 นักสร้างสรรค์กาแฟไทย ภายใต้โจทย์ดริปสร้างชีวิตไม่รู้จบ

3. ขยายโปรดักส์ในกลุ่ม Non coffee ไม่ว่าจะเป็นชาไทยโกโก้และเมนูอื่นๆ ที่ไม่มีส่วนผสมของกาแฟให้มากขึ้นเพื่อสร้างความรู้จักและกระตุ้นให้เกิดการทดลองดื่มจากกลุ่มลูกค้าที่ไม่ดื่มกาแฟ

4. การมุ่งทำมาร์เก็ตติ้งในรูปแบบต่าง ๆ โดยในส่วนนี้จะใช้ข้อมูลจาก MAX Card ที่ปัจจุบันมีฐานสมาชิกราว ๆ ล้านใบ วิเคราะห์เจาะลึก Customer Journey ของลูกค้าตั้งแต่เพศ อายุ การใช้จ่าย พฤติกรรมและความชอบ เพื่อนำมากำหนดกลยุทธ์ตลอดจนแคมเปญการตลาดให้เหมาะสมและตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทางผู้บริหารกาแฟพันธุ์ไทยเชื่อมั่นว่า จากการกลยุทธ์ทั้งหมดเมื่อจบปี 2567 กาแฟพันธุ์ไทยจะมีรายได้กว่า 2,000 ล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมของตลาดกาแฟในไทยประเมินไว้ว่า จะมีการเติบโตประมาณ 10% คิดเป็นมูลค่าตลาดกว่า 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดกาแฟในบ้าน 33,000 ล้านบาท และตลาดกาแฟนอกบ้านกว่า 27,000 ล้านบาท

]]>
1499761
ย้อนรอยอินฟลูเกาหลีผู้ตกด้อมไทยสายเปย์ ตั้งแต่ “คิวเทอปป้า-พี่จอง คัลแลน” จนถึง “กามิน” https://positioningmag.com/1489630 Wed, 11 Sep 2024 07:27:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1489630 ในหลายปีมานี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลกับผู้คนมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เห็นได้ว่าเกิดอาชีพออนไลน์ขึ้นมามากมาย โดยเฉพาะยูทูบเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ หรือบล็อกเกอร์สายต่างๆ ซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มาจากไหน ก็สามารถทำอาชีพเหล่านี้ได้ และเมื่อกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ก็จะกลายเป็นคนที่ทรงอิทธิพลต่อคนหมู่มากบนโลกโซเชียลมีเดียได้เช่นกัน

ยุคเฟื้องฟูของอินฟลูต่างชาติ

ในประเทศไทยเอง การเป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ได้กลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพยอดนิยมไปแล้ว เพราะสามารถสร้างทั้งชื่อเสียง และรายได้ในคราวเดียว เป็นใบเบิกทางสู่การทำธุรกิจได้อีกด้วย บางคนยังก้าวไปอีกขั้นสู่การเป็นอินฟลูเอนเซอร์ 

ข้อมูลจาก Tellscore พบว่า ประเทศไทยคาดว่ามีคอนเทนต์ ครีเอเตอร์มากถึง 9 ล้านคน ครอบคลุมตั้งแต่ในระดับ Nano – Macro – Mega Creator ทั้งที่เป็น Full-time และ Part time ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียและการใช้เวลาท่องโลกออนไลน์ของคนไทยที่มีอัตราสูงในอันดับต้นๆ ของโลก โดยจากข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) พบว่าประชากรไทยมีการอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ประมาณ 89.5% และมีช่องทางโซเชียลมีเดียมากถึง 50 ล้านคน คิดเป็น 71.5% ของประชากรทั้งหมด 

แน่นอนว่าการเป็นครีเอเตอร์ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับเทคโนโลยี ซึ่งการที่แต่ละคนมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนยิ่งทำให้เกิดการจดจำมากขึ้น นำไปสู่การหารายได้เป้นกอบเป็นกำ

อย่างในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราได้เห็นกระแสความนิยมของอิฟลูเอนเซอร์ หรือครีเอเตอร์เกาหลีจำนวนมาก หลายคนประสบความสำเร็จในไทย มีรายได้มหาศาล หนึ่งสิ่งที่อธิบายความนิยมของคนไทยได้มากที่สุดคือ “ความเอ็นดู” คนไทยหลายคนรู้สึกปลื้มใจที่เห็นชาวต่างชาติหัดพูดภาษาไทย แม้จะทำกิจกรรมเงอะๆ งะๆ ก็ยังมองว่าน่ารักอยู่ดี ซึ่งลองนึกภาพว่าถ้าเป็นครีเอเตอร์คนไทยทำกิจกรรมเดียวกัน คงให้ความสนใจต่างกัน

ครีเอเตอร์เกาหลีจึงเบ่งบานในไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ไล่เรียงจาก “คิวเท” ยูทูบเบอร์ชาวเกาหลีเบอร์ต้นๆ ที่คนไทยรู้จัก เจ้าของช่อง Kyutae Oppa คิวเทเป็นชาวเกาหลีแท้ๆ ที่เกิด และเติบโตในไทย คิวเทเริ่มทำคลิปวิดีโอแรกตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ ม. 6 เป็นคลิป “เกาหลีเต้นสายย่อ” และแจ้งเกิดได้จากคลิป “เกาหลีดูหนังผีไทยคนเดียว” ซึ่งเป็นการรีแอคชั่นขณะดูภาพยนตร์ “ชัตเตอร์กดติดวิญญาณ”

เพียงชั่วระยะเวลา 3 ปีเศษๆ ช่องยูทูบของเขา ก็สามารถมียอดผู้ติดตามสูงถึงเกือบ 8 ล้านคน บวกกับยอดผู้ติดตามในเฟซบุ๊ก อีกกว่า 1 ล้านคน มาพร้อมกับงานโฆษณา งานรีวิวสินค้า แถมปีก่อนยังได้เปิดร้าน SPACE ZOO ร้านไก่ทอดเกาหลี เป็นการร่วมทุนกับ “เบียร์ ใบหยก” อีกด้วย

ในตอนนี้ต้องยกให้เป็นปีทองของ “พี่จอง คัลแลน” สร้างปรากฏการณ์ “ใจฟู” ดังไปทั่วประเทศ คู่หูดูโอจากช่อง Cullen HateBerry ที่ทำคลิปเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศไทย เป็นการเที่ยวในที่แปลกๆ ที่คนไทยบางคนยังไม่เคยไปด้วยซ้ำ เป็นการท่องเที่ยวสไตล์ง่ายๆ เจอร้านอาหารข้างทางก็แวะ เจอน้องหมาน้องแมวก็ให้ขนม ในคลิปมีการพูดภาษาไทยกันตลอด แม้ทั้งคู่จะเป็นชาวเกาหลีด้วยกัน พูดผิดๆ ถูกๆ แต่ก็สร้างความเอ็นดูให้กับด้อมไทย เกิดกระแสไวรัลไปทั่ว

ส่งผลให้พี่จอง คัลแลน มีงานพรีเซ็นเตอร์เข้ามากมาย ทั้ง AIS, Samsung, La Roche Posay (ครีมกันแดด), Jerhigh (อาหารสุนัข) และ M-150 รวมไปถึงหลายแบรนด์จ้องที่จะร่วมงานในการส่งสินค้าไปไทอินในคลิป หรือส่งสินค้าไปรีวิว แต่ทางช่องมีการคัดเลือกที่เข้มงวด เนื่องจากไม่อยากให้กระทบเนื้อหา จึงไม่ได้รับงานรีวิวเท่าไหร่นัก  

รวมไปถึง “พี่ฮง” ​​เจ้าของยูทูบช่อง Oppa Hong หนุ่มเกาหลีอารมณ์ดี ที่ล่าสุดหลายคนก็เชียร์กับกระแสจิ้นกับน้องรถไถ ก็เป็นหนึ่งในอินฟลูเกาหลีที่คนไทยให้ความสนใจด้วยเช่นกัน 

มหากาพย์ “กามิน” สาวเกาหลีสะเทือนวงการอินฟลู

นอกจากเหล่าอปป้าเกาหลีที่บรรดาด้อมไทยพร้อมเปย์ใจให้แล้ว ล่าสุดยังมี “กามิน” หรือจีกามิน TikToker สาวชาวเกาหลีที่มีกระแส “ชาลี-กามิน” มหากาพย์นี้ได้เริ่มต้นจาก “แน็ก ชาลี” ที่เห็นไลฟ์ของสาวกามินที่เล่าเรื่องราวของตนเองว่าต้องหาเงินเรียนหนังสือ ต้องกินซีเรียล และบะหมี่ซอง ทำให้ชาลีต้องการยื่นมือช่วยเหลือ 

ชาลีค่อนข้างมีฐานแฟนคลับ เมื่อนำเรื่องราวมาเล่าก็ทำให้ยอดผู้ติดตามของกามินเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนเกิดเป็นกระแสจิ้น และนำไปสู่เส้นทางความรัก พร้อมกับการเดินทางมาทำงานที่ประเทศไทย ทั้งรับงานพรีเซ็นเตอร์ ออกอีเวนต์ รวมถึงไลฟ์สดขายของร่วมกัน ก็สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว

ซึ่งรายได้ที่กามินได้จากการมาทำงานในประเทศไทยถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว เผลอๆ อาจเทียบเท่าดาราเบอร์ใหญ่ๆ เลยทีเดียว โดยข้อมูลจากผู้จัดการออนไลน์ บอกว่ากามินโกยรายได้ถึง 100 ล้านบาท แน็ก ชาลีเองก็เคยเปิดเผยในไลฟ์สดว่ารายได้ที่กามินหาได้สามารถใช้ได้จนถึงอายุ 50 เลยด้วยซ้ำ แม้จะเป็นการพูดเปรียบเปรยประชดประชัน แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นเม็ดเงินมหาศาล 

สรุปสิ่งที่กามินได้หลังจากการทำงานในไทย 

– ไลฟ์สดขายของ ไลฟ์งานคู่งานละ 3-4 ล้านบาท โดยไม่คอมเฟิร์มยอดขาย เน้นคนมาร่วมชมไลฟ์สด 

– งานอีเวนต์ค่าตัวรวมกันหลักล้าน งานพรีเซ็นเตอร์หลัก 10 ล้าน 

– เป็นโฮสใน PK TikTok ที่กามินอยู่ใต้สังกัดเอเจนซี่ มียอดติดตาม และยอดเปย์ถล่มถลาย ยืน 1 ของเกาหลี และติด Top 3 ระดับโลก 

– สร้างสถิติท็อปฟอร์มอันดับ 1 บนชาร์ตกิจกรรม TikTok Live เป็นสถิติที่ไม่มีคนเกาหลีคนไหนทำได้มาก่อน 

– กามินเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ TikTok เกาหลีที่ทำเงินได้ตลอดสัปดาห์เกิน 20 ล้าน รางวัลสำหรับที่ 1 คือ 1. ได้ขึ้นป้ายโฆษณาโปรโมตที่สถานีรถไฟใต้ดินที่เกาหลี ซึ่งรัฐบาลเกาหลีก็พร้อมซัพพอร์ตกามินให้ได้มีภาพบิลบอร์ดติดที่บริเวณสถานีกังนัม ที่มีแต่คนดังเท่านั้นที่ได้ขึ้นบิลบอร์ดในย่านนี้ อาทิ ไช กังนัมสไตล์ แบล็กพิงก์ 2. ได้โล่ทองกิจกรรมพร้อมสลักชื่อ MVP 3. ได้เงินรางวัลประจำสัปดาห์ แบบยังไม่หักรายจ่าย 4. ได้รับเชิญไปงานอีเวนต์ของ TikTok Live เกาหลีที่จะประกาศในอนาคต กิจกรรมเหล่านี้เพิ่มความนิยมให้คนเกาหลีรู้จักกามินมากขึ้น

ต้องบอกว่าความสำเร็จของกามินมาจากฐานแฟนคลับคนไทยทั้งสิ้น ฐานแฟนคลับของชาลี ที่ต้องการช่วยเหลือ รวมไปถึงการเปย์เพื่อแลกกับความสุขทางใจ แลกกับความบันเทิงที่ทั้งสองทำคอนเทนต์ร่วมกัน จากกามินที่เป็นสาวเกาหลีธรรมดา มีคนดูไลฟ์เพียงแค่ 5 คน ตอนนี้มีเงินเป็นกอบเป็นกำ

แต่กามินเองก็โดนกระแสแบน กระแสตีกลับ คนไทยแห่อันฟอลโลว์ในทุกช่องทางจนผู้ติดตามหล่นฮวบอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาทั้งในด้านของอินฟลูเอง และแฟนคลับสายเปย์

เข้าใจเรื่อง “ภาษี” ได้เยอะ ก็ต้องเสียเยอะ

อินฟลูเอนเซอร์เป็นหนึ่งอาชีพที่หารายได้ได้เยอะ มาจากทั้งรีวิวสินค้า งานอีเวนต์ งานไลฟ์ต่างๆ สิ่งที่เกิดปัญหาบ่อยครั้งคือหลายคนยังไม่เข้าใจในระบบภาษี บางคนยื่นผิดแบบ ทำให้เจอภาษีย้อนหลังกันอ่วม และเรื่องภาษีนี่เองก็เป็นหนึ่งในรอยร้าวของชาลี กามิน ซึ่งทางฝ่ายหญิงไม่เข้าใจในระบบภาษีของไทยที่เก็บแบบอัตราภาษีก้าวหน้า นั่นคือได้เยอะ ก็ต้องเสียเยอะ สูงสุดที่ 35% 

อัตราภาษีก้าวหน้า คือ การเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นตามระดับรายได้สุทธิ ยิ่งรายได้สูง อัตราภาษีที่ต้องจ่ายก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย โดยระบบนี้จะแบ่งรายได้ออกเป็นขั้นบันได และคำนวณภาษีตามอัตราที่กำหนดในแต่ละขั้น ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 8 ขั้น โดยเริ่มจาก 0% จนถึง 35% ตามระดับรายได้สุทธิที่แตกต่างกัน

  1. รายได้ไม่เกิน 150,000 บาท: ได้รับการยกเว้นภาษี
  2. รายได้ 150,001 – 300,000 บาท: อัตราภาษี 5%
  3. รายได้ 300,001 – 500,000 บาท: อัตราภาษี 10%
  4. รายได้ 500,001 – 750,000 บาท: อัตราภาษี 15%
  5. รายได้ 750,001 – 1,000,000 บาท: อัตราภาษี 20%
  6. รายได้ 1,000,001 – 2,000,000 บาท: อัตราภาษี 25%
  7. รายได้ 2,000,001 – 5,000,000 บาท: อัตราภาษี 30%
  8. รายได้มากกว่า 5,000,000 บาทขึ้นไป: อัตราภาษี 35%

สำหรับอัตราภาษีก้าวหน้าของเกาหลีใต้ สำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้นแบ่งออกเป็นหลายช่วง ซึ่งอัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นตามระดับรายได้สุทธิของผู้เสียภาษี

  1. รายได้ไม่เกิน 12 ล้านวอน: อัตราภาษี 6%
  2. รายได้ 12 – 46 ล้านวอน: อัตราภาษี 15%
  3. รายได้ 46 – 88 ล้านวอน: อัตราภาษี 24%
  4. รายได้ 88 – 150 ล้านวอน: อัตราภาษี 35%
  5. รายได้ 150 – 300 ล้านวอน: อัตราภาษี 38%
  6. รายได้ 300 – 500 ล้านวอน: อัตราภาษี 40%
  7. รายได้ 500 – 1,000 ล้านวอน: อัตราภาษี 42%
  8. รายได้มากกว่า 1,000 ล้านวอน: อัตราภาษี 45%

เกาหลีใต้ ยังมีระบบการเก็บภาษีเพิ่มเติมที่เป็นส่วนท้องถิ่น (Local income tax) ซึ่งคิดอัตราเพิ่มเติมที่ 10% ของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ต้องจ่ายด้วย​​

]]>
1489630