f4 – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 16 Mar 2019 10:31:50 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เถ้าแก่น้อย” ดึงไอดอลจีน F4 นั่งพรีเซนเตอร์ครั้งแรก ดันยอดตลาดจีนทำรายได้เท่าไทย https://positioningmag.com/1220097 Fri, 15 Mar 2019 13:54:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1220097 หลังใช้บริการไอดอล เกาหลี 2PM และ GOT7 มาเป็นพรีเซนเตอร์ สร้างแบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” ไต่ระดับสู่ “ริจินัล แบรนด์” ของเอเชียมาแล้ว ปีนี้ ถึงคิว “F4” ไอดอลจากจีน ที่นับเป็นครั้งแรกกับตำแหน่งพรีเซนเตอร์เถ้าแก่น้อยกับภารกิจดันตลาดสาหร่ายจีนเติบโต 10% พร้อมปั้น “บิ๊กโรล” ให้เป็นอีกโปรดักต์ ฮีโร่

อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าตัวเลขผลประกอบการในปีที่ผ่านมามียอดขาย 5,662 ล้านบาท เติบโต 10% มาจากตลาดไทย 40% ตลาดจีน 40% และตลาดส่งออกอื่นๆ อีก 20%

อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์

วันนี้ตลาดจีนสามารถทำยอดขายได้เท่าตลาดไทยและยังมีแนวโน้มโตต่อ

ปัจจุบันสแน็กสาหร่าย “เถ้าแก่น้อย” ส่งออกกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ตลาดหลักคือ เอเชีย โดย 5 ตลาดยอดขายส่งออกสูงสุด คือ จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไต้หวันและเวียดนาม

ดึงไอดอลจีน F4 นั่งพรีเซนเตอร์

กลยุทธ์การทำตลาดเถ้าแก่น้อยที่ใช้มาต่อเนื่องคือ “ไอดอล มาร์เก็ตติ้ง” ในโอกาสครบรอบ 10 ปี ส่งออกสินค้าทำตลาดจีนและวางเป้าหมายยอดขายปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จึงใช้งบการตลาด 40 ล้านบาท ดึง 4 หนุ่ม F4 ซุปตาร์ระดับเอเชีย ที่ประกอบด้วย ดีแลน หวัง (Dylan Wang) ดาร์เรน เฉิน (Darren Chen) ลีออน เหลียง (Leon Leong) และซีซาร์ อู๋ (Caesar Wu) มาเป็นพรีเซนเตอร์ใหม่

โดยถือเป็นครั้งแรกของ “ไอดอลจีน” กับแบรนด์เถ้าแก่น้อย เพื่อทำตลาดในช่วงซัมเมอร์นี้ เจาะฐานแฟนคลับทั้งจีนและไทย รวมทั้งเอเชีย โดย F4 โด่งดังจากซีรีส์รีเมค รักใสใสหัวใจ 4 ดวง” เวอร์ชั่น Meteor garden (F4 2018) ในประเทศจีน และกำลังจะมาออกอากาศทางทีวีในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

แฟนคลับ F4

การเลือกพรีเซ็นเตอร์ของเถ้าแก่น้อย จะดูจากกลุ่มเป้าหมายของสินค้าเป็นหลัก ที่ผ่านมามีทั้งไอดอล เกาหลีใต้และไทย กลยุทธ์ “ไอดอล มาร์เก็ตติ้ง” เป็นการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่แบรนด์ใช้สื่อสารกับกลุ่มแฟนคลับของไอดอล เพื่อให้ติดตามสินค้าที่ไอดอลเป็นพรีเซนเตอร์ ที่จะส่งผลต่อยอดขายในท้ายที่สุด

ปั้นตลาด “บิ๊กโรล”

สำหรับพรีเซนเตอร์ใหม่ 4 หนุ่ม F4 จะมีภาพยนต์โฆษณาชุดใหม่ภายใต้ธีม “Big Roll อร่อย…ม้วนเดียวไม่จบที่เน้นทำตลาดสาหร่ายประเภทย่างแบบม้วน “บิ๊กโรล” (Big roll) โดยมีการเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ Limited Edition ที่มีการนำภาพทั้ง 4 หนุ่มมาไว้บนบรรจุภัณฑ์เพื่อให้แฟนคลับได้สะสมอีกด้วย

การใช้พรีเซนเตอร์ F4 โฟกัสไปที่ตัวผลิตภัณฑ์ “บิ๊กโรล” เพราะปี 2561 สาหร่ายประเภทย่าง เติบโต 24.5% เป็นอัตราสูงสุดเมื่อเทียบกับภาพรวมตลาดสาหร่ายในประเทศไทยปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่า 3,032 ล้านบาท เติบโต 5.2% ประกอบไปด้วยสาหร่ายประเภททอด อบ ย่างและเทมปุระ

4 หนุ่ม F4 ไอดอลจีน

สาหร่ายประเภทย่างปีที่ผ่านมา บิ๊กโรล สาหร่ายม้วนย่าง ถือเป็นผู้ขับเคลื่อนตลาดให้เติบโตสูง เพราะมีมาร์เก็ตแชร์สูงสุดเกือบ 50% และเติบโต 35% “บิ๊กโรล” จึงเป็นหนึ่งในแบรนด์สำคัญที่สร้างการเติบโตให้กับเถ้าแก่น้อย

กลยุทธ์การทำตลาดปีนี้ จึงมุ่งสร้างแบรนด์ บิ๊กโรล ขยายสู่กลุ่มนักเรียน วัยรุ่น นักศึกษา คนรุ่นใหม่ ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้แก่ รสกิมจิ ที่มีความเข้มข้นแบบเกาหลี เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคนอกจากรสคลาสสิคและสไปซี่

ปัจจุบันบิ๊กโรล มียอดขายรวม 300 ล้านบาท จากการรุกตลาดต่อเนื่องบริษัทตั้งเป้าที่จะผลักดันให้มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านบาท ภายใน 3 ปี ขณะที่ภาพรวมตลาดสาหร่ายในประเทศไทยปี 2561 มีมูลค่า 3,032 ล้านบาท เถ้าแก่น้อย เป็นผู้นำ มีส่วนแบ่งตลาด 69% ปีนี้เชื่อว่าจะเติบโตได้อีก 10%

ยอดขายจีนเท่าไทย    

ในตลาดส่งออกกว่า 50 ประเทศ “จีน” ถือเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของเถ้าแก่น้อย ปีที่ผ่านมามียอดขาย 2,195 ล้านบาท เป็นมูลค่าเท่ากับตลาดไทย โดย “บิ๊กโรล” ถือเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดในประเทศจีน มีสัดส่วนกว่า 60% และอีก 40% ประเภททอด อบและเทมปุระ

ปัจจุบันตลาดสแน็กสาหร่ายในจีนมีมูลค่า 15,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นสาหร่ายนำเข้า 40% โดยเถ้าแก่น้อยเป็นผู้นำตลาด โดยมีตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีน 3 ราย ครอบคลุมหัวเมืองหลัก เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เถ้าแก่น้อย ได้เปิดแฟลกชิปสโตร์ ในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ TMall ซึ่งจะทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในเมืองรองที่สามารถสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์

แนวโน้มตลาดจีนยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง 2-3 ปีจากนี้ยังเติบโตได้ 10% ทุกปี และยอดขายจะแตะ 3,000 ล้านบาทได้แน่นอน

นอกจากตลาดส่งออกจีนที่เติบโตแล้ว นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวไทย  ยังเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่ซื้อสาหร่ายเถ้าแก่น้อย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 20% ของยอดขายตลาดไทย

ลุยตลาดยุโรป-สหรัฐ

หลังจากบุกตลาดเอเชีย จนก้าวสู่ ริจินัล แบรนด์ ปีนี้เถ้าแก่น้อยจะออกไปทำตลาดในยุโรป ที่อังกฤษ เยอรมนี และสหรัฐ มากขึ้น โดยต้องสร้างวัฒนธรรมการรับประทานสแน็กสาหร่ายในตลาดดังกล่าว

โดยไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมาได้เปิดตัว แบรนด์ใหม่ชื่อ “NORA” (โนระ) ในสหรัฐ เนื่องจากชื่อ เถ้าแก่น้อย ออกเสียงได้ลำบาก จึงต้องสร้างแบรนด์ใหม่ ซึ่งได้รับผลการตอบรับดี โดยแบรนด์เถ้าแก่น้อย มีจำหน่ายใน grocery store ของชาวเอเชียในสหรัฐด้วยเช่นกัน

การดำเนินงานของเถ้าแก่น้อยในตลาดต่างประเทศ ยังเป็นไปตามเป้าหมายปี 2024 ที่จะก้าวสู่ “โกลบอล แบรนด์” โดยต้องมียอดขาย 10,000 ล้านบาท และสัดสัวนยอดขาย 50% มาจากตลาดส่งออก วันนี้ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผน ปัจจุบันมีผู้บริโภคสาหร่ายเถ้าแก่น้อยทั้งตลาดไทยและต่างประเทศวันละ 1 ล้านคน

]]>
1220097
ปังพอมั้ย “ไอคอนสยาม” เทงบพันล้านจัดงานเปิดตัว ใช้ 6 ออแกไนซ์ดัง ดึงชีวอน, คิม ดงจุน, F4 ร่วม https://positioningmag.com/1195031 Tue, 30 Oct 2018 10:14:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1195031 เรื่อง : Thanatkit

รอคอยมานานกว่า 5 ปี กับเม็ดเงินลงทุน ที่เรียกได้ว่า สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์และรีเทลเมืองไทยกว่า 54,000 ล้านบาท ในที่สุด ไอคอนสยามก็ได้เวลาเปิดตัว

“ไอคอนสยาม” พัฒนาโดยกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย 3 กลุ่ม คือ “สยามพิวรรธน์” เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้า สยามเซ็นเตอร์ สยามพารากอน และสยามดิสคัฟเวอรี่, “แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC)” เจ้าของและผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและโครงการมิกซ์ยู และ “เครือเจริญโภคภัณฑ์”ตัวโครงการบนที่ดิน 55 ไร่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มีพื้นที่ติดริมแม่น้ำยาว 400 เมตรและพื้นที่ภายในอาคารกว่า 750,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยศูนย์การค้าที่หรูหรา 2 อาคาร คือ ไอคอนสยาม กับ ไอคอนลักซ์

และคอนโดมิเนียมสุดหรูริมฝั่งแม่น้ำ 2 อาคาร ได้แก่ “แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนเซส แอท ไอคอนสยาม” ความสูง 317.95 เมตร ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง กับ “เดอะ เรสซิเดนเซส แมนดาริน โอเรียนเต็ล แบงค็อก แอท ไอคอนสยาม” ความสูง 272.20 เมตรไอคอนสยาม วางฤกษ์งามยามดี 9 พฤศจิกายน 2018 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และเป็นรอบสื่อมวลชน ส่วนประชาชนทั่วไปจะเปิดให้เข้าได้ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2018 เป็นต้นไป

งานเปิดตัวครั้งนี้ไม่ได้จัดเล่นๆ แต่เล่นใหญ่ เทเงินกว่า 1,000 ล้านสำหรับจัดงาน โดย 70% จะถูกใช้ในช่วงวันที่ 9-11 พฤศจิกายน ส่วนที่เหลืออีก 30% จะใช้สำหรับการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นและดึงดูดลูกค้า

เฉพาะการจัดงานช่วง 9-11 พฤศจิกายน แค่ 3 วัน ก็ใช้ออแกไนซ์มือฉมังของเมืองไทยถึง 6 บริษัท บวกกับอีกหนึ่งบริษัทที่ดูแลเรื่องโดรน ได้แก่ บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน), ซีเอ็มโอ กรุ๊ป, บริษัท แม็กซ์ อิมเมจ จำกัด, บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด, บริษัท ตือ จำกัด, บริษัท เอ็มคิวดีซี ไบรท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมกับ อินเทล ที่รับผิดชอบทางด้านการใชโดรนเพื่อการแสดง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “มหาปรากฏการณ์งานเปิดเมืองไอคอนสยาม”

โดยไฮไลต์สำคัญอย่างหนึ่งคือการใช้โดรนที่มากกว่า 1,500 ตัว ในการใช้เปิดการแสดงสร้างสีสันริมแม่น้ำเจ้าพระยาครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในไทย และไทยถือเป็นประเทศที่ 18 ในโลกที่ใช้โดรนแบบนี้ ซึ่งถือว่ามากกว่าการเปิดโอลิมปิกที่อินเทลเคยทำมาในต่างประเทศที่ใช้เพียง 1,300 ตัวเท่านั้น

ใช้นักแสดงกว่า 1,000 คน ภายใต้ธีม ‘Legendary Party’ กิจกรรมการแสดงต่างๆ ครอบคลุมพื้นที่ทุกชั้นของไอคอนสยาม

นอกจากนี้ บริเวณ River Park ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บนเวทีขนาดใหญ่ออกแบบโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ มี “เรือสำเภาศรีมหาสมุทร” เรือสำเภาโบราณให้กลับมาล่องบนแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้ง ใช้เทคโนโลยี Intel ออกแบบภาพด้วยขบวนโดรนจำนวนกว่า 1,500 ลำ

เชิญนักร้องจากต่างประเทศมาร่วมงาน เช่น “ชเว ชีวอน, คิม ดงจุน, F4” ซึ่งเฉพาะ F4 จะมีสเปเชียลโชว์ในวันที่ 10 พฤศจิกายน เปิดให้เหล่าแฟนคลับเข้าชมฟรี ยังไม่นับรวมดาราระดับแม่เหล็กของไทยอีก เช่น พัชราภา ไชยเชื้อ, แอน ทองประสม และ เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข เป็นต้น

ชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า ช่วงเปิดตัวจะมีพื้นที่เปิดให้บริการทั้งหมด 90% เหลือ 2 ชั้นบนสุดซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ไอคอนสยาม เฮอร์ริเทจ มิวเซียม” พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาไทย กับศูนย์ประชุมและโรงมหรสพอเนกประสงค์ ทรู ไอคอน ฮอลล์” (ร่วมทุนกับทรู คอร์ปอเรชั่น) ซึ่งจะเปิดเดือนกรกฎาคม ปี 2019

ส่วนร้านค้าเช่ากว่า 500 ร้าน จะมีประมาณ 80-90% จะเปิดได้ในวันที่ 9 พฤศจิกายน ส่วนที่เหลือจะทยอยเปิดไปถึงสิ้นปี โดยในจำนวนร้านค้าทั้งหมดมีร้านกว่า 20% ที่ไม่เคยเปิดตัวมาก่อน เช่น “ห้างสรรพสินค้าสยามทาคาชิมาย่า” สาขาแรกในประเทศไทย พื้นที่ 36,000 ตารางเมตร

“แอปเปิลสโตร์” สาขาแรกในประเทศไทย, “ไอคอน บาย ฟิตเนสเฟิรส์ท” พื้นที่ 4,000 ตารางเมตร และ เจดี สปอร์ตส์ ร้านเสื้อผ้าเปิดแฟลกชิพสโตร์’ พื้นที่กว่า 990 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนชั้น 2 และชั้น 3

ในช่วงแรกของการเปิดให้บริการ คาดว่าลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ย 150,000 คนต่อวัน แบ่งเป็นชาวไทย 65-70%

บริเวณฝั่งธนบุรีมีฐานลูกค้ากว่า 2.4 ล้านราย และชาวต่างชาติ 30-35% ส่วนในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างเช่นปลายปี สัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเพิ่มเป็น 40-45% หลักๆ จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย โดยเฉพาะชาวจีน ที่เหลือจะมาจากยุโรปและอเมริกา

ไอคอนสยาม เตรียมเรือไว้รับส่งยังท่าสำคัญๆ เช่น ท่าเรือสาทร มีเรือรับส่งทุก 5 นาที โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้ช่องทางนี้ทั้งหมด 50,000 – 60,000 คนต่อวัน และในจำนวนเท่ากันจะมาจากรถไฟฟ้าสายสีทอง ที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการปีหน้า ส่วนรถยนต์คาดว่าจะมีประมาณ 20,000 – 30,000 คนต่อวัน

นักท่องเที่ยวไม่ได้ลดลง

ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวลดลงในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มนี้ถือเป็นเป้าหมายหลักของไอคอนสยามด้วย ชฎาทิพบอกว่าจากข้อมูลนักท่องเที่ยวในสยามเซ็นเตอร์ สยามพารากอน และสยามดิสคัฟเวอรี่ ไม่ได้จำนวนที่ลดลง สิ่งที่สวนทางคือยอดใช้จ่ายต่อคนของนักท่องเที่ยวสูงขึ้นกว่า 13% อีกทั้งยังมีสัดส่วน 35-38% จากจำนวนผู้ที่เข้าศูนย์ทั้งหมด

“นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงชอบมาริมแม่น้ำ เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะบริเวณศูนย์การค้ามีทั้งแหล่งท่องเที่ยว และโรงแรม 5 ดาวจำนวนมาก”

ชฎาทิพ ทิ้งท้ายว่า ฝั่งธนบุรีมีการเจริญเติบโตอย่างมั่นคงแข็งแรงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ต่อจากนี้ก็เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งทำเลที่ต้องจับตา เผลอๆ จะมีตัวเลขเติบโตมากกว่าฝั่งกรุงเทพฯ ด้วยซ้ำ เนื่องจากรัฐบาลกำลังลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในฝั่งธนบุรี ทั้งเรื่องการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายต่างๆ การทำถนน เป็นต้น รวมไปถึงการเติบโตของผู้อยู่อาศัย ที่จะมาจากโครงการอสังหาริมทรัพย์และโรงแรม

 

 

]]>
1195031