GC – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 05 Jul 2024 05:35:15 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 We are GEN S จาก GC บริษัทหนึ่งเดียวในไทย คว้ารางวัลแคมเปญประชาสัมพันธ์ยอดเยี่ยม จากเวที PR Awards Asia-Pacific 2024 https://positioningmag.com/1481440 Fri, 05 Jul 2024 09:44:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1481440

การทำแคมเปญการตลาดในยุคนี้ ไม่ใช่แค่ทำเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ต้องทำให้เกิดอิมแพ็คสำคัญต่อสังคม เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ต่อในอนาคต

ซึ่ง บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ทำถึงของจริง! ส่งแคมเปญสุดจึ้งอย่าง We are GEN S คว้ารางวัลแคมเปญประชาสัมพันธ์ยอดเยี่ยมแห่งปี ระดับ Bronze กลุ่ม Corporate Brand จากเวที PR Awards Asia-Pacific 2024 เรียกว่าเป็นตัวแทนบริษัทไทยหนึ่งเดียวที่คว้ารางวัลจากเวทีนี้

“We are GEN S” เป็นแคมเปญเอกลักษณ์สร้างแรงบันดาลใจ เชื่อมโยงความยั่งยืนให้เข้าใจง่ายและทำได้จริงด้วยหลากหลายไอเดียการใช้ชีวิตในแบบ Net Zero Lifestyles ปลุกไฟ “GEN S..Generation Sustainability คนเจนใหม่หัวใจยั่งยืน” ไม่จำกัดเพศ อาชีพและวัย มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกู้โลกเดือด ผ่านแพลตฟอร์มที่เข้าถึงได้ทั่วโลก (https://gcgens.com/) ด้วยแนวคิดหลักที่ไม่ใช่แค่ให้ความรู้ แต่เพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเป็นรูปธรรม เพิ่มการกระทำที่มีความรับผิดชอบต่อโลก โดยครอบคลุมการมองเห็นทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ กว่า 142 ล้านครั้ง ส่งผลให้เกิด GEN S คำมั่นสัญญาเพื่อโลกที่ดีขึ้น กว่า 1,800 ความมุ่งมั่น

ดร.ชญาน์ จันทวสุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานความยั่งยืนองค์กร GC กล่าวว่า

“พวกเรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลนี้ ที่ผ่านมา GC มุ่งดำเนินธุรกิจภายใต้การสร้างสมดุลของสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (Governance & Economic) (ESG) พร้อมมุ่งมั่นส่งเสริมความยั่งยืนให้เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ โดยขยายความร่วมมือไปยังทุกภาคส่วน ให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมทั้งในระดับประเทศและระดับโลก GC ตระหนักเสมอว่า บริษัทฯ มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการดูแล สร้างสมดุลที่ยั่งยืนให้กับทุกชีวิต เพื่อส่งต่อโลกใบนี้ที่ดีกว่าเดิมให้คนรุ่นต่อไป และเราเชื่อว่า โลกที่ยั่งยืนสามารถเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือกันของทุกคน”

แคมเปญ “We are GEN S” เริ่มเปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 จนถึงเดือนเมษายนที่ผ่านมา สามารถสร้างความสนใจและสร้างการมีส่วนร่วม ในการรับชมวิดีโอมากกว่า 9.7 ล้านครั้ง ผ่านการเล่าเรื่องด้วยตัวละครที่เป็นเด็กประถมคนหนึ่ง ซึ่งกำลังจะเป็นอนาคตของชาติในอนาคต พร้อมกับเล่าถึงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และกิจวัตรประจำวันที่ทุกคนสามารถช่วยกันทำได้ เช่น รับประทานอาหารให้หมด ลด Food Waste, ปิดน้ำ และถอดปลั๊กไฟเมื่อไม่ใช้, การใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก รวมไปถึงการใช้ทรัพยากรซ้ำ ใช้อย่างคุ้มค่า หรือ ช่วยคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี เป็นต้น

ความทุ่มเทที่ GC ดำเนินการนี้ เพื่อมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของ GC ในการสร้างโลกที่ยั่งยืน ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ และ “We are GEN S” ยังก่อเกิดการดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีแนวโน้มสนใจกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนเพิ่มอีก 62 ธุรกิจ ที่อาจสร้างความร่วมมือกันในอนาคต

เหตุผลหลักที่ทำให้ GC ได้รับรางวัลนี้ไม่ได้มาจากการทำหนังโฆษณาดีอย่างเดียว เพื่อสร้างการรับรู้  แต่จุดประสงค์หลักคือการเปลี่ยนพฤติกรรมของคน ทำให้เกิดวินัยใหม่ๆ ในแบบคน GEN S ล้วนแล้วเป็นกิจวัตรประจำวันที่ใกล้ตัวทั้งสิ้น แต่หลายคนละเลยไป เป็นการสร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับสังคม เกิด Call to Action ที่ทำได้จริง

นับเป็นหนึ่งในรางวัลเชิดชูเกียรติระดับเอเชียสำหรับแคมเปญประชาสัมพันธ์ที่โดดเด่น สะท้อนความทุ่มเทของ GC ในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยวิสัยทัศน์การดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี พ.ศ. 2593

สำหรับงาน PR Awards Asia-Pacific 2024 ครั้งที่ 23 จัดขึ้น ณ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง จัดขึ้นโดย Campaign Asia-Pacific นิตยสารชั้นนำด้านการตลาด และการโฆษณาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นับเป็นเวทีรางวัลด้านการสื่อสารที่ดำเนินงานมากว่า 20 ปี โดยมีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านการประชาสัมพันธ์ กว่า 72 คน ทั่วโลกเป็นผู้ตัดสิน เพื่อมอบรางวัลให้กับองค์กรในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีกลยุทธ์การสื่อสารประชาสัมพันธ์ที่โดดเด่นในภูมิภาค โดยคัดเลือกเฉพาะผู้ที่มีกลยุทธ์การสื่อสารที่โปร่งใสและมีผลกระทบที่สำคัญต่อประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม รางวัลนี้จึงเน้นย้ำถึงความสามารถของ GC ในการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนและนวัตกรรมสอดคล้องกับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593


]]>
1481440
ผู้นำ 5 องค์กรธุรกิจชั้นนำเปิดมุมมองทางรอดสู่ความยั่งยืนผ่านธุรกิจ บนเวที SX2022 https://positioningmag.com/1402886 Tue, 04 Oct 2022 04:00:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1402886

ในขณะที่โลกของเรากำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่รุนแรงมากขึ้น ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมในสังคม ภาคธุรกิจไม่เพียงมีความรับผิดชอบต่อสังคมเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยเปลี่ยนอนาคตเพื่อความยั่งยืนของทุกคนบนโลกนี้ด้วย

นอกจากผนึกกำลังกันจัดงานมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน Sustainability Expo 2022 แล้ว ซีอีโอจากทั้ง 5ของบริษัทชั้นนำ ได้แก่ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้มารวมตัวกันบนเวทีเสวนาในหัวข้อ Leading Sustainable Business เพื่อเปิดกลยุทธ์องค์กรด้านความยั่งยืน พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนมุมมองด้านความท้าทาย และเส้นทางเพื่อความอยู่รอดของโลกทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด หรือ ซีพี กล่าวว่า “การที่องค์กรจะดำเนินกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนได้ ต้องเริ่มจากผู้นำองค์กรไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ที่จะต้องตระหนักรู้ว่า ขณะนี้ทุกคนกำลังเผชิญกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนจริง ๆ และเป็นปัญหาของโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นในอัตราเร่ง เพราะการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ นำไปสู่การบริโภคที่ดึงทรัพยากรของโลกและก่อให้เกิดมลภาวะ เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือปัญหาขยะจำนวนมหาศาล

“ทุกวันนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนมีการพัฒนาเศรษฐกิจกันอย่างเต็มที่ และถูกขับเคลื่อนออกมาในเชิงบริโภคนิยม โดยไม่ตระหนักว่าของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิต และทำลายทรัพยากรจากการบริโภคนั้นสร้างผลกระทบในวงกว้างขนาดไหน ฉะนั้นถ้าหากทุกคนมีแต่เป้าหมายในชีวิตของตัวเอง มีแต่เป้าหมายขององค์กร แต่ไม่เคยตั้งเป้าหมายความรับผิดชอบต่อความยั่งยืนของโลกและต่อตัวเราเอง โลกก็จะไม่ยั่งยืน องค์กรจึงควรมีการตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัดการดำเนินงานด้านความยั่งยืน สร้างการมีส่วนร่วมของผู้บริหาร พนักงาน รวมไปถึงคู่ค้าตลอดห่วงโซ่อุปทาน มีการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนขององค์กร มีการส่งเสริม ให้การยอมรับ และมอบผลตอบแทนแก่พนักงานรวมทั้งครอบครัวของพนักงานทุกคนที่ทำงานเพื่อความยั่งยืนอย่างจริงจัง รวมถึงการให้ทุนสนับสนุนการดำเนินโครงการที่ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวก สร้างนวัตกรรม และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร

“ซีพี ตั้งเป้าไว้ว่าภายใน 10 ปีบริษัทจะผงาดอยู่ใน 20 อันดับแรกของโลกในด้านธุรกิจ ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็น 1 ใน 10 ของโลกด้านความยั่งยืนด้วย เพราะผมเชื่อมั่นว่าบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยการมีวัตถุประสงค์ที่ดีต่อส่วนรวมจะเป็นองค์กรที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง”

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในอดีต ตนเองเคยคิดเพียงว่าจัดการปัญหาภายในองค์กรได้ก็ถือว่าทำสำเร็จแล้ว แต่ในความเป็นจริงสิ่งที่องค์กรไม่แสวงหากำไรและคู่ค้าธุรกิจอยากเห็น คือบริษัทมีการดูแลปัญหาไปจนถึงซับพลายเชน ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ดังนั้นไทยยูเนี่ยนต้องทำงานใกล้ชิดกับทั้งฝ่ายรัฐบาล คู้ค้าที่ขายวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นเรือประมงทั้งหลาย เกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งในฟาร์ม รวมไปถึงการจัดหาจัดจ้างแรงงานโดยตรงจากต่างประเทศด้วยไม่เพียงแต่แรงงานภายในองค์กรเท่านั้น ไทยยูเนี่ยนยังมีจรรยาบรรณทางธุรกิจที่กำหนดให้คู่ค้าทุกรายในระบบต้องปฏิบัติต่อแรงงานทุกคนอย่างถูกต้องตามหลักมนุษยธรรม มีมาตรการในการจัดซื้อวัตถุดิบที่คำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Responsible Sourcing) โดยมีการตรวจสอบการจัดการเรือประมงทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงการบริหารจัดการฟาร์มที่เป็นคู่ค้าของบริษัทด้วย

นายธีรพงศ์ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจของไทยยูเนี่ยน การดำเนินการด้านความยั่งยืนถือเป็นใบอนุญาตในการทำงาน เพราะเป็นความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้น นักลงทุน คู่ค้าทุกส่วน ที่ต้องการเห็นการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเกิดขึ้นอย่างจริงจัง ทุกวันนี้คู่ค้าธุรกิจต้องการค้าขายกับบริษัทที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ฉะนั้นบริษัทที่ไม่ใส่ใจด้านนี้ ก็จะไม่สามารถทำธุรกิจได้”

“สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจโดยเฉพาะในประเทศไทย ผมอยากให้มองว่าเรื่องความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว การทำเรื่องนี้ไม่ใช่ทำเพื่อความอยู่รอดของโลกเท่านั้น แต่เป็นความอยู่รอดของตัวเราเองและของธุรกิจเราด้วย ผมเชื่อว่าการทำเรื่องความยั่งยืนจะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน และจะนำไปสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ได้ในอนาคต”

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “การดำเนินการเรื่องความยั่งยืนโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องที่มีความไม่แน่นอนสูง เพราะสภาวะการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก และต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน การดำเนินธุรกิจเพื่อลดโลกร้อนจึงควรเริ่มที่คำถามว่า “ทำไม” และสร้างแนวทางที่ส่งผลกระทบด้านบวกให้มากที่สุด เพื่อสร้างแนวทางแก้ปัญหาที่ตรงจุด ทำได้จริงและยั่งยืน อีกความท้าทายหนึ่งของโลก คือการทำให้ได้อย่างที่พูด จึงจะสามารถแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนได้อย่างจริงจัง แม้จะมีพันธกิจร่วมกันของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก แต่สิ่งที่ทุกคนหวั่นใจคือไม่ได้ลงมือทำตามที่พูดไว้ สุดท้ายแล้วแผนการต่าง ๆ ที่ตกลงมาก็ไร้ประโยชน์”

นายรุ่งโรจน์ เสนอแนะว่าสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การดำเนินกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนควรตั้งต้นจากลูกค้าว่า ลูกค้ามีความต้องการอะไรที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสินค้า การใช้งาน หรือการรีไซเคิล เมื่อนำข้อมูลที่ได้จากลูกค้ามาบวกกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นแนวทางดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนได้อย่างชัดเจนขึ้น ซึ่งจะทำให้มีกรณีของความสำเร็จที่สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนกันภายในองค์กร และทำให้เกิดการขยายวงกว้างขึ้นได้

ขณะที่ นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ให้ทรรศนะว่าความวุ่นวายของโลกเกิดจากการบริโภคนิยม (Consumerism) ที่ทำให้ภาคธุรกิจพยายามตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะมีพันธกิจทั้งระดับองค์กร ระดับประเทศ และระดับโลก ที่มุ่งไปสู่เป้าหมายการพัฒนาความยั่งยืน หรือ SDGs (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ ในปี 2030 พร้อมทั้งเป้าหมายสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน และเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ แต่ทุกคนต้องกลับมาถามตัวเองก่อนว่า เราสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้มากน้อยแค่ไหน

“ผมอยากให้ตั้งคำถามร่วมกันว่า หลังจากปี 2030 องค์การสหประชาชาติจะใช้หัวข้ออะไรในอีก 15 ปีถัดไป หรือปี 2545 ผมเชื่อว่าการคิดเรื่องความยั่งยืนจะกลับมาที่ปัจเจกบุคคล โดยการน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ในทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม”

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า “GC ได้นำแผนการพัฒนาความยั่งยืนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์องค์กรเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ภายใต้แนวคิด Chemistry for Better Living ซึ่งหมายถึง การผลิตสินค้าที่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น และมีสุขอนามัยดีขึ้น แต่สำคัญกว่านั้นคือ กระบวนที่จะให้ได้มาซึ่งสินค้าก็ต้องดีด้วย นั่นคือ การใช้ทรัพยากรน้อยลง ดีต่อโลก บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีหลายรูปแบบ นอกจากไบโอพลาสติก หรือบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ หรือรีไซเคิล การใช้นวัตกรรมและการออกแบบให้บรรจุภัณฑ์มีความคงทนมากขึ้น ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยทำให้มีการใช้น้อยลง สิ่งที่ GC ทำจะต้องไม่เป็นภาระแก่คนรุ่นหลัง ดังนั้น GC จึงวางแผนการลงทุนระยะยาว 30 ปีข้างหน้าเพื่อลดคาร์บอนในกระบวนการผลิต”

นายคงกระพัน กล่าวอีกว่า “การสร้างสมดุลระหว่าง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ได้นั้น อยู่ที่ความเข้าใจขององค์กรตนเอง เพราะแต่ละองค์กรมีบริบทที่แตกต่างกัน”

นายฐาปน ยังกล่าวอีกว่าหลังยุคมิลเลนเนียมปี 2000 เกิดความร่วมมือกันของประเภทธุรกิจที่อยู่บนกระดานเดียวกัน (industry collaboration) เพื่อสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งและเติบโต แต่หลังวิกฤตการณ์โควิด-19 จะเป็นยุคของความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรม (cross-industry collaboration) ซึ่งจะเห็นได้จากงาน SX 2022 ที่เกิดจากการรวมพลังของเครื่องข่าย Thailand Supply Chain Network และสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งทุกคน ซึ่งถือเป็นพลังร่วมที่สำคัญและเป็นมิติใหม่ที่จะหาคำตอบว่า ทุกคนจะอยู่กันอย่างไรต่อไป และจะช่วยกันรักษาโลกใบนี้ได้อย่างไร

SX2022 #GoodBalance #BetterWorld #BetterMe #BetterLiving #BetterCommunity

#SustainabilityExpo #SustainabilityExpo2022 #Sustainablity #สมดุลที่ดีเพื่อโลกที่ดีกว่า

#FrasersProperty #GC #SCG #ThaiBev #ThaiUnion #SXfoodFestival

]]>
1402886
ไทยเบฟ-ไทยยูเนียน-GC สร้างปรากฎการณ์ของ “พลังร่วม” ด้านความยั่งยืนแห่งปี คนร่วมงานคึกคักใน“Thailand Sustainability Expo 2020” https://positioningmag.com/1300002 Tue, 06 Oct 2020 04:00:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1300002

เรียกว่าเป็นการร่วมพลังสร้างปรากฎการณ์งานด้านความยั่งยืนแห่งปีที่ได้รับความสนใจ และมีผู้ร่วมกันกันอย่างคึกคักตลอดทั้ง 4 วัน สำหรับงาน Thailand Sustainability Expo 2020 (TSX) ที่จัดขึ้นครั้งแรกของประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก”

จากความร่วมมือของ 3 องค์กรผู้นำด้านความยั่งยืนที่นำโดย ภายใต้การนำของ 3 บิ๊ก คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณธีรพงศ์ จันศิริ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที  โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยองค์กรภาคีเครือข่ายด้านความยั่งยืนที่มาช่วยกันขับเคลื่อนให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนในครั้งนี้ ที่ได้รับเกียรติจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา มาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมกล่าวย้ำให้ความสำคัญเรื่องหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากและง่ายต่อความเข้าใจ ขอเพียงเราใส่ใจแล้วนำมาใช้ในชีวิตจริง พร้อมทั้งกล่าวว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ได้เห็นภาคเอกชนได้มารวมตัวกันขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืน และดีใจที่ได้เห็นคนรุ่นใหม่มาสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนตระหนักในเรื่องนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของความร่วมมือกันทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศไทย

โดยมีผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำต่าง ๆ เข้าร่วม อาทิ คุณมีชัย วีระไวทยะ ประธานมูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ คุณนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเอสซีจี คุณวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองผู้จัดการอาวุโส CPF คุณวีระศักดิ์ สุตัณฑบูลย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  ดร. ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ คุณสาโรช ชยาวิวัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล รศ.ดร. กฤษติกา คงสมพงศ์ อาจารย์ประจำสถาบันศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) Mr. Renaud Meyer ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNDP) พร้อมด้วย คุณอาทิวราห์ คงมาลัย หนึ่งในบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจเรื่องความยั่งยืน ร่วมด้วยเครือข่าย Thailand Supply Chain Network (TSNC) และบริษัทที่มีแนวคิดด้านความยั่งยืนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

โดยภายในงานจัดเต็มกับกิจกรรมมากมาย แบ่งเป็น 5 โซนหลัก  ดังนี้

  1. โซน Main Exhibition เป็นการจัดแสดงแนวทางการจัดการปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม การบริหารโครงการด้านความยั่งยืนและการลดผลกระทบที่เกิดแก่สังคมในวงกว้างจากเครือข่ายองค์กรภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ รวมไปถึงมูลนิธิขนาดใหญ่ในประเทศไทย จัดบริเวณชั้น 5
  1. โซน Win Win WAR Village เป็นการแสดงไอเดียธุรกิจเพื่อสังคมจาก 12 นักธุรกิจแบ่งปันจากรายการ Win Win WAR Thailand ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของการทำธุรกิจที่สร้างผลกระทบด้านดีให้กับสังคม จัดบริเวณชั้น 5
  2.  โซน Sustainable Lifestyle เป็นการให้ความรู้และจัดแสดงแนวคิดการนำหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาใช้ในการทำธุรกิจ พร้อมกันนี้มีการจัดแสดงภาพถ่ายที่ได้รับรางวัลจากโครงการ Sustainability Action Hero Photo Contest จัดบริเวณชั้น 3
  1. โซน Food and Drinks for Sustainability เป็นการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมกันนี้ได้มีการให้ความรู้เรื่องการผลิตอาหารให้มีระบบที่ยั่งยืน เพื่อลดปัญหาเรื่องอาหารขาดแคลนในอนาคตด้วยการนำเรื่องระบบนิเวศมาเชื่อมโยงเข้ากับการทำเกษตรของมนุษย์ จัดบริเวณชั้น G
  2. 5. โซน Design for Sustainability เป็นการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าประเภทของใช้ พร้อมกันนี้ได้มีการให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องการทำ Sustainable Design หรือการออกแบบสินค้าที่ลดปริมาณการใช้ทรัพยากร การนำกลับมาใช้ใหม่ รวมไปถึงการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อโลกให้น้อยที่สุด จัดบริเวณชั้น G    

Highlight แต่ละวันไม่ธรรมดา อาทิ

  • CEO Panel Discussion “Decade of Sustainability Actions” โดย 3 CEO หัวเรือหลักของการจัดงานครั้งนี้ ไทยเบฟ ไทย ยูเนี่ยน และ GC ที่ดำเนินรายการโดย คุณสุทธิชัย หยุ่น ที่มาร่วมแบ่งปันแนวความคิด งานด้านความยั่งยืน และประสบการณ์ในการช่วยเหลือสังคมในแง่มุมต่าง ๆ
  • กิจกรรม Talk โดยอเล็กซ์ เรนเดล ผู้ก่อตั้ง “ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา” (EEC Thailand) ขึ้นเวทีทอล์ค​เรื่อง​ศูนย์​การเรียนรู้​และกิจกรรม​ที่​ ทำกับเยาวชน​ เช่น​ เห็น​การเปลี่ยนแปลง​อย่างไรบ้าง​จากตลอด​เวลา​ที่ทำงานด้านนี้มา​ รวมไปถึงการปลูกฝังจิตสำนึกสิ่งแวดล้อม​ด้วย​กิจกรรม​นอกห้องเรียน​ ส่งผลต่อการเรียนรู้​อย่างไร​
  • กิจกรรม Policy Talk หัวข้อ “The Global Scale: Global Scorecard & Way Forward”
    โดย Renaud Meyer, UNDP Resident Representative to Thailand ในหัวข้อ “ความก้าวหน้าของไทยในการอนุวัติเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” โดยกรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
  • เปิดตัวรายการ Win Win WAR Special Online Edition การกลับมาอีกครั้งของรายการแข่งขันเฟ้นหาและบ่มเพาะผู้ประกอบการเพื่อสังคมหนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่สร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับการทำ “ธุรกิจแบ่งปัน” (Social business) ในสังคมวงกว้าง
  • กิจกรรมอนุรักษ์ด้านความยั่งยืน งานศิลปะเพื่อสื่อสารและสร้างแรงบันดาลใจ งานสังคมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อนร่วมสังคม มาร่วมรับฟังแนวคิดเปลี่ยนโลก อาทิ ศิลปะและความยั่งยืน โดย ม.ล. จิราธร จิระประวัติ , การเสวนา “การพัฒนารูปแบบวัสดุสำหรับการฟื้นฟูปะการัง” โดย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ เอสซีจี , การเสวนา “ทะเลไทยในยุคหลังโควิด-19” โดย ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ฯลฯ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
  • Trash to Treasure workshop: กิจกรรมเวิร์คช็อปสร้างสรรค์สิ่งของ/ ของเล่น จากเศษวัสดุเหลือใช้ ซึ่งสามารถนำไปตกแต่งบ้านหรือสร้างรายได้จริงกับผู้เข้าร่วมงาน และลดปัญหาด้านขยะที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน
  • ประกวดสุนทรพจน์เยาวชนอาเซียนรอบชิงชนะเลิศ “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (ASEAN Youth Speech Contest “Sufficiency for Sustainability”) เวทีที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้แบ่งปันมุมมองและชี้ให้เห็นความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้งแสดงความคิดเห็นและเสนอวิธีแก้ปัญหาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
  • พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาหลักสูตรและครูฝึกสอนด้านการขับขี่ยานพาหนะอย่างปลอดภัยและโอกาสการทำธุรกิจร่วมกัน ระหว่าง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ โลจิสติก จำกัด และ บริษัท เอสซีจี สกิลล์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

เรียกได้ว่าเป็น Big Event ด้านความยั่งยืนแห่งปีที่เป็นการรวมตัวขององค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนของประเทศไทยที่จะมาร่วมกันสร้างพลังร่วมในครั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนอย่างแท้จริง

]]>
1300002