Germany – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 27 Jun 2024 14:35:16 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ลือ! Bosch สนใจซื้อกิจการ Whirlpool รุกเข้าสู่ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพิ่มมากขึ้น https://positioningmag.com/1479945 Thu, 27 Jun 2024 07:17:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1479945 บ๊อช (Bosch) ผู้ผลิตเครื่องมือไฟฟ้าและอะไหล่รถยนต์จากเยอรมนี สนใจที่จะซื้อกิจการของ เวิร์ลพูล (Whirlpool) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ภายในบ้านรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา โดยปัจจัยสำคัญคือการรุกเข้าตลาดผลิตภัณฑ์ภายในบ้านเพิ่มมากขึ้น นอกจากการผลิตอะไหล่รถยนต์ที่เป็นรายได้สำคัญของบริษัท

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ว่า Bosch ผู้ผลิตเครื่องมือไฟฟ้าและอะไหล่รถยนต์จากเยอรมนี สนใจที่จะซื้อกิจการ Whirlpool ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งแบรนด์ดังกล่าวมีชื่อเสียงโดยเฉพาะเครื่องซักผ้า

ความเคลื่อนไหวล่าสุด Bosch ได้พูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อที่จะเสนอซื้อกิจการของ Whirlpool คาดว่ามูลค่าในการซื้อกิจการนั้นจะไม่น้อยกว่า 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 177,000 ล้านบาท

การซื้อกิจการของ Whirlpool ยังช่วยให้ Bosch เข้าถึงตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าได้มากขึ้น ซึ่งปกติบริษัทผลิตเครื่องมือไฟฟ้าและอะไหล่รถยนต์ให้กับบริษัทยานยนต์ ซึ่งบริษัทมีลูกค้าหลายราย BMW และ Volkswagen อย่างไรก็ดีสถานการณ์ดังกล่าวนั้นไม่สู้ดีนักจากยอดขายที่ชะลอตัวลง

นอกจากนี้เหตุผลในการซื้อกิจการของ Whirlpool ของ Bosch คือ การเข้ามาของผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีนที่มีจำนวนมากขึ้น จึงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้บริษัทสนใจซื้อกิจการผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าจากสหรัฐอเมริกา เพื่อที่จะปกป้องส่วนแบ่งตลาดของบริษัท

Stefan Hartung ซึ่งเป็น CEO ของ Bosch เคยกล่าวว่าบริษัทต้องการที่จะเติบโตในตลาดสหรัฐอเมริกา และหนึ่งในการเติบโตคือการเข้าซื้อกิจการนั่นเอง

อย่างไรก็ดีแหล่งข่าวของสื่อรายดังกล่าวชี้ว่าดีลดังกล่าวอาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ และตัวแทนบริษัทของ Whirlpool และ Bosch กล่าวว่าไม่ขอให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องข่าวลือแต่อย่างใด

]]>
1479945
Adidas เตรียมผลิตรองเท้ารุ่นยอดนิยม แต่มีราคาถูกลง CEO ให้เหตุผลเพื่อผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายขึ้น https://positioningmag.com/1474221 Sun, 19 May 2024 10:03:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1474221 อาดิดาส (Adidas) เตรียมที่จะผลิตรองเท้ารุ่นนิยม แต่มีราคาถูกลงกว่าเดิม โดย CEO ของบริษัทได้ให้เหตุผลเพื่อผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็คาดว่าเป็นการเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มแมส เพื่อที่จะหารายได้เพิ่มเติม หลังปี 2023 ที่ผ่านมาบริษัทประสบปัญหาขาดทุนครั้งแรกในรอบ 30 ปี

Adidas ผู้ผลิตรองเท้ารวมถึงเสื้อกีฬา มีแผนที่จะผลิตรองเท้ารุ่นนิยมหลายรุ่นในราคาที่ถูกลงมา เช่น ในรุ่น Samba โดย CEO ของบริษัทได้ให้เหตุผลว่าเพื่อต้องการที่จะให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งเทรนด์การใส่รองเท้าของบริษัทบางรุ่นยังได้รับความนิยมเรื่อยๆ จนทำให้บริษัทปรับกลยุทธ์

Bjorn Gulden ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทกล่าวในการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทว่า “สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ทุกคนสามารถซื้อรองเท้าราคา 120 หรือ 150 ดอลลาร์สหรัฐได้ แต่ทุกคนต้องการมีส่วนร่วมในเทรนด์เดียวกัน”

เขายังกล่าวเสริมว่า รองเท้าที่มีราคาแพงมากกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ บริษัทจะผลิตรุ่นที่มีราคาถูกลงมา คาดว่า Adidas จะผลิตรองเท้าราคาอยู่ที่ราวๆ 60-80 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรองเท้ารุ่นราคาถูกนี้จะมีวางขายตามร้านรองเท้าทั่วไปๆ ในทวีปยุโรป

ในช่วงที่ผ่านมารองเท้าของบริษัทในหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น Samba และ Gazelle หรือแม้แต่รุ่น Spezial นั้นมีความต้องการจากผู้บริโภคอย่างแข็งแกร่ง และความต้องการยังเติบโตตลอดเวลา ซึ่งรองเท้าบางรุ่นที่บริษัทนั้นมีวางขายมามากกว่า 10 ปีด้วยซ้ำ

ปี 2023 ที่ผ่านมาบริษัทประกาศผลประกอบการขาดทุนครั้งแรกในรอบ 30 ปี โดยสาเหตุสำคัญมาจากตลาดสำคัญของบริษัทอย่างสหรัฐอเมริกาประสบปัญหายอดขายลดลง จากสภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน ขณะเดียวกันบริษัทยังคาดไว้ว่าในปี 2024 นี้ยอดขายในตลาดแดนมะกันก็จะประสบปัญหาลดลง 4%

นอกจากนี้ Adidas เองยังมีปัญหาสินค้าคงคลังจำนวนมากอย่าง Yeezy ที่เป็นรองเท้ารุ่นความร่วมมือกับ Kanye West (หรือ Ye ซึ่งเป็นชื่อในปัจจุบัน) นักร้องชื่อดัง แต่กลับมีปัญหาเรื่องการเหยียดเชื้อชาติจนทำให้บริษัทต้องยกเลิกสัญญา ส่งผลทำให้บริษัทต้องเคลียร์ขายสินค้าออกมาทั้งหมด ซึ่งกระทบกับผลดำเนินงานอย่างหนัก

แผนการดังกล่าวของ Adidas คาดเดาได้ว่าบริษัทต้องการที่จะขยายตลาดกลุ่มลูกค้ามากขึ้น เพื่อที่จะเพิ่มรายได้ของบริษัทกลับมาอีกครั้งในปีนี้

ที่มา – Fox Business, Reuters

]]>
1474221
เยอรมนีแซงญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลก หลังแดนซามูไรเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอย https://positioningmag.com/1462940 Fri, 16 Feb 2024 02:44:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1462940 เยอรมนีได้กลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลกแล้ว หลังขนาดเศรษฐกิจได้แซงหน้าญี่ปุ่น เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของแดนซามูไรนั้นเกิดสภาวะถดถอยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 นอกจากนี้ยังรวมถึงค่าเงินเยนที่อ่อนค่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาด้วย

เยอรมนีได้กลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลกแล้ว หลังขนาดเศรษฐกิจได้แซงหน้าญี่ปุ่น เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของแดนซามูไรนั้นเกิดสภาวะถดถอยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 ที่ผ่านมาอย่างไม่คาดคิด

ตัวเลขล่าสุดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่เป็นตัวเงิน (Nominal GDP) ของเยอรมนีอยู่ที่ 4.46 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แซงหน้าญี่ปุ่นซึ่งอยู่ที่ 4.21 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ขนาดเศรษฐกิจเยอรมนีแซงหน้าคือการรายงานตัวเลข GDP ในไตรมาส 4 ของญี่ปุ่นนั้นถดถอยอยู่ที่ 0.4% จากผลของสภาวะเศรษฐกิจโลกเนื่องจากเศรษฐกิจจีนอ่อนแอ การบริโภคภายในประเทศที่ซบเซา หรือแม้แต่การหยุดหน่วยผลิตของ Toyota ก็ส่งผลต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นเช่นกัน

เศรษฐกิจแดนซามูไรนั้นถือว่าถดถอยมาเป็นระยะเวลา 2 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว

Yoshiki Shinke นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Dai-ichi Life Research Institute กล่าวว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่น ไม่มีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญในตอนนี้ ซึ่งส่งผลทำให้เศรษฐกิจยังขาดแรงผลักดันในการเติบโต

ความคล้ายคลึงกันของทั้งเศรษฐกิจเยอรมนีและเศรษฐกิจญี่ปุ่นคือทั้ง 2 ประเทศพึ่งพาการส่งออกสินค้าเป็นหลัก โดยญี่ปุ่นคู่ค้าหลักคือประเทศจีน ขณะที่เยอรมันนั้นคือสหรัฐอเมริกา (และจีนอยู่ในอันดับ 3) ไม่เพียงเท่านี้ในช่วงที่ผ่านมา 2 ประเทศต่างประสบปัญหาราคาพลังงานสูงขึ้น จนส่งผลต่อเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ปัญหาด้านโครงสร้างประชากรทั้งเยอรมนีและญี่ปุ่นที่ต้องต่างพบเจอเช่นกันในช่วงเวลานี้คือ สังคมผู้สูงอายุ และการลดลงของจำนวนประชากร

อย่างไรก็ดี Brian Coulton นักเศรษฐศาสตร์จาก Fitch Ratings ได้กล่าวว่า “การแซงหน้าของขนาดเศรษฐกิจในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐของเยอรมนี เป็นผลมาจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าอย่างหนักเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่ง GDP ที่แท้จริงของญี่ปุ่นนั้นเหนือกว่าเยอรมนีมาตั้งแต่ปี 2019”

ที่มา – CNA, The Guardian, Euronews

]]>
1462940