Gulf – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 11 Jun 2024 09:08:39 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 AIS ผนึก GULF และ สวพส. เดินหน้าติดตั้งไฟฟ้า-เครือข่ายสัญญาณดิจิทัล ปักเป้า 30 พื้นที่ใน 5 ปี https://positioningmag.com/1477189 Sat, 08 Jun 2024 03:12:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477189 ปฏิเสธไม่ได้ว่าโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในยุคปัจจุบันนี้ก็คือ ระบบสื่อสาร และในไทยเองก็ยังมีพื้นที่ห่างไกลที่ไฟฟ้าและสัญญาณอินเทอร์เน็ตยังเข้าไม่ถึง ซึ่ง GULF และ AIS ได้ผนึกกำลัง พร้อมร่วมกับ สวพส. เพื่อนำโครงสร้างพื้นฐานเข้าไปสู่พื้นที่ห่างไกล เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

แค่ไฟฟ้าไม่พอ

หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เป็นอย่างดี เพราะถือเป็นองค์กรชั้นนำด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานยั่งยืนในระดับภูมิภาค แต่ที่หลายคนอาจไม่รู้ก็คือ GULF ได้ทำโครงการ CSR มากว่า 30 ปี และหนึ่งในโครงการที่ทำอยู่ก็คือ การติดตั้งไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ในพื้นที่ทุรกันดาร โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2566 ใน 3 พื้นที่ ได้แก่ บ้านห้วยน้ำไซ อ.นครไทย จ.พิษณุโลกเกาะทุ่งนางดำ อ.คุระบุรี จ.พังงา และบ้านดอกไม้สด อ.ท่าสองยาง จ.ตาก

หลังจากที่ไปติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ GULF ก็เห็นปัญหาว่าในหลายพื้นที่ที่ไปนั้น ไม่มีเสาสัญญาณดิจิทัล ดังนั้น เพื่อจะให้พื้นที่นั้น ๆ เข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน GULF จึงได้ร่วมกับ AIS ทำโครงการ Green Energy Green Network for THAIs เพื่อผนึกกำลังขยายสัญญาณสื่อสาร มอบโอกาสในการเข้าถึงพลังงานและเทคโนโลยีดิจิทัล มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสทางการศึกษา การพัฒนาอาชีพ และการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข

“ที่ที่เราไปถนนก็ไม่มี สายไฟไม่มี และเพราะเป็นพื้นที่ห่างไกลมีคนไม่หนาแน่น อาจไม่คุ้มกับการลงทุนของรัฐ ทำให้ระบบสาธารณูปโภคไม่เพียงพอ ซึ่งเมื่อก่อนเราทำได้แค่ให้พลังงาน ทำให้ไม่มีการต่อยอด ไม่มีแวร์ลูแอดไป เราจึงร่วมกับเอไอเอสเพื่อต่อยอด” ธีรตีพิศา เตวิชพศุตม์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าว

ปักเป้า 60 พื้นที่ใน 3-5 ปี

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS เล่าเสริมว่า สำหรับการร่วมมือกับ GULF จะเป็นโครงการระยะยาว โดยภายในปีนี้คาดว่าจะดำเนินโครงการ Green Energy Green Network for THAIs เพิ่มอีกประมาณ 5-6 แห่ง โดยได้รับความร่วมมือจาก สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ในการคัดเลือกพื้นที่ที่ไฟฟ้าหรือสัญญาณยังเข้าไม่ถึง และภายใน 3-5 ปี คาดว่าจะสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ประมาณ 30 แห่ง 

โดยหลังจากติดตั้งเสาสัญญาณ ทาง AIS จะมีการประเมินงาน 3 ระยะ เกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมโดย สมชัย ย้ำว่า โครงการดังกล่าวเป็น โครงการระยะยาว และ AIS ต้องการให้ชุมชนใช้เทคโนโลยีสร้างโอกาสในการพัฒนาองค์ความรู้ และต่อยอดการทำงานร่วมกับภาคส่วนอื่น ๆ ทั้งบริการด้านสาธารณสุข การศึกษา การพัฒนาทักษะด้านอาชีพ และการตลาด เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างประโยชน์ทั้งชุมชน เศรษฐกิจ และยังเป็นการดูแลรักษาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

“ตลอด 34 ปีที่ผ่านมาเราลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาทเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน จนปัจจุบันสัญญาณโมบายครอบคลุม 98% และ 5G ครอบคลุม 90% ของพื้นที่ประเทศไทย ส่วนอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ครอบคลุม 13 ล้านครัวเรือนจากทั้งหมด 20 ครัวเรือน แต่เป้าหมายของ AIS ไม่ใช่แค่สร้างรายได้ แต่ต้องยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น”

มีพื้นที่อีกนับพันที่ยังเข้าไม่ถึงระบบสาธารณูปโภค 

ชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) กล่าวว่า สวพส. ดูแลพื้นที่ที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลปากลาง 500 เมตร ซึ่งในประเทศไทยมีพื้นที่ดังกล่าวประมาณ 20 ล้านไร่ กระจายใน 20 จังหวัด รวมแล้วกว่า 4,000 ชุมชน ซึ่งปัจจุบัน สวพส. สามารถเข้าถึงได้ประมาณ 2,000 ชุมชน และคาดว่ามีประมาณ 1,000 ชุมชนที่ยังไม่มีไฟฟ้าหรือคลื่นสัญญาณดิจิทัลเข้าถึง โดย สวพส. จะทำหน้าที่ให้ข้อมูลและจัดลำดับความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือ

“AIS ยังเชื่อมั่นใน Ecosystem Economy หรือการทำงานร่วมกัน ทั้ง GULF และ AIS เข้าไปช่วยก็ทำให้มันดีขึ้น แต่ก็ยังไม่เท่าเทียม ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องช่วยเหลือ ดังนั้น ก็หวังว่าจะมีภาคเอกชนเข้ามาร่วมมือกันช่วยเหลืออีก” สมชัย ทิ้งท้าย

]]>
1477189
“GULFxGDH Family Power หลานม่า พาความคิดถึงกลับบ้าน” https://positioningmag.com/1469587 Wed, 10 Apr 2024 13:00:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469587
  • กัลฟ์ จับมือ GDH จัดแคมเปญ “Family Power หลานม่า พาความคิดถึงกลับบ้าน”
  • เพราะสำหรับทุกครอบครัว เวลาคือสิ่งมีค่าและสำคัญเสมอ GULF ในฐานะผู้ผลิตพลังงานชั้นนำของประเทศ จึงจัดรถบัส EV พลังงานไฟฟ้า เพื่อส่งต่อพลังงานสู่พลังครอบครัว ให้รถรับ-ส่ง ผู้โดยสารกลับบ้านไปหาครอบครัวฟรี โดยมี MRT ร่วมสนับสนุน จุดปล่อยรถ
  • รถบัส EV “Family Power” ให้บริการในระหว่างวันที่ 5,6,7 และ 10,11,12 เม.ย. 2567 ณ จุดรับบริเวณลานจอดรถ MRT สามย่าน (วัดหัวลำโพง) เพื่อไปส่งยัง 4 สถานีปลายทาง คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต2), สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) สถานีขนส่งผู้โดยสาร สายใต้ใหม่ (ตลิ่งชัน) และสถานีขนส่งสายตะวันออกกรุงเทพฯ(เอกมัย)

  • โดยมี คุณจินา โอสถศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้าจำกัด , คุณพัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ผู้กำกับภาพยนตร์ “หลานม่า” พร้อมด้วย คุณธนญ ตันติสุนทร Executive Officer บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) และ คุณพรรณวิภา บูรณดิลก ผู้อำนวยการส่วนการตลาดอาวุโส บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด ( BMN) มาร่วมคิกออฟ ปล่อยรถรับส่งพลังงานไฟฟ้าพาผู้โดยสารกลับบ้านฟรีเมื่อวันก่อน
  • คุณจินา โอสถศิลป์ ตัวแทนจาก GDH กล่าวถึงความรู้สึกในกิจกรรมวันนี้ว่า “ภาพยนตร์เรื่องหลานม่า เป็นภาพยนตร์อบอุ่น พูดถึงเรื่องความผูกพันในครอบครัว เราเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้ผู้ชมทุกคน อยากกลับไปกอดใครสักคนที่บ้าน จากจุดเริ่มต้นตรงนี้เราโชคดีมากๆ ที่ได้ GULF มา Make it Happen ทำให้แคมเปญดีๆ เกิดขึ้นจริง”
  • สำหรับ คุณธนญ ตันติสุนทร ตัวแทนจาก GULF กล่าวว่า “เราพร้อมสนับสนุนส่งเสริมพลังหนังไทยนะครับ โดยเฉพาะภาพยนตร์หลานม่า ถือเป็นหนังดีๆที่ทำให้ผู้ชมเกิดความสุขและอยากกลับไปใช้เวลาที่มีความหมายกับครอบครัว การได้ทำแคมเปญ Power Family หลานม่า พาความคิดถึงกลับบ้าน จะเสริมทั้งพลังหนังไทย เสริมพลังครอบครัว สร้างพลังดีๆให้กับสังคม ยินดีที่ได้ทำแคมเปญที่เป็นประโยชน์ในช่วงวันหยุดสำคัญของคนไทยในช่วงนี้ครับ”
  • ด้าน คุณพรรณวิภา บูรณดิลก ตัวแทนจาก BMN กล่าวว่า “ MRT มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมของภาพยนตร์หลานม่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ลานจอดรถ MRT สามย่าน จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการรับส่งความรักและความคิดถึงของทุกคนกลับไปหาครอบครัวอันเป็นที่รักในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้ค่ะ”
  • กลับไปชวนคนที่บ้านมาใช้เวลาร่วมกันกับ “หลานม่า” 4 เมษายนนี้ พร้อมหน้าพร้อมตากันในโรงภาพยนตร์ #GULF #GulfSPARK #หลานม่า #FamilyPower
]]>
1469587
กัลฟ์ ดัน ศูนย์การเรียนรู้เกษตรฯ โรงไฟฟ้าหนองแซง ต้นแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน https://positioningmag.com/1452427 Wed, 22 Nov 2023 09:50:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1452427

นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่พิสูจน์ให้เห็นว่าชุมชนกับภาคอุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเกื้อกูล สำหรับ ศูนย์การเรียนรู้เกษตร และแปลงนาสาธิต บนพื้นที่ 42 ไร่ ภายในโรงไฟฟ้าหนองแซง จ.สระบุรี ที่บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์ค้นคว้าและเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมทางการเกษตรให้กับคนในชุมชนได้เรียนรู้มาตลอดระยะเวลากว่า 8 ปี

ล่าสุด กัลฟ์ ได้จัดกิจกรรม “กัลฟ์สืบสานวิถีชาวนาไทย ร่วมใจลงแขกเกี่ยวข้าว” เพื่อสืบสานประเพณีและวัฒนธรรมซึ่งสะท้อนถึงวิถีชีวิตของชาวนาไทยที่มีความผูกพันกับธรรมชาติ รวมทั้งยังมีการนำผลผลิตที่ได้จากการเก็บเกี่ยวภายในบริเวณศูนย์การเรียนรู้ฯ ได้แก่ ข้าวเหนียวเขี้ยวงูและไข่จากฟาร์มไก่ไข่ มาสาธิตการทำข้าวจี่ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้นำแนวคิดไปต่อยอดและพัฒนาเป็นอาชีพสร้างรายได้ รวมทั้งยังมีการนำผลิตภัณฑ์จากข้าวหลายสายพันธุ์ ซึ่งบางส่วนเป็นผลผลิตที่ได้จากแปลงนามาทำ ไอศกรีมข้าวกล้องมรกต ข้าวเม่าจากข้าวเหนียวเขี้ยวงู และซีเรียลจากข้าวไรซ์เบอร์รี่

นายธนญ ตันติสุนทร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานธุรกิจระบบโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

นายธนญ ตันติสุนทร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานธุรกิจระบบโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยจุดเริ่มต้นของการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เกษตรและแปลงนาสาธิตว่า ตั้งแต่เริ่มการก่อสร้างโรงไฟฟ้าหนองแซงนั้น กัลฟ์ มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้โรงไฟฟ้าและวิถีเกษตรชุมชนอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน และด้วยพื้นที่โดยรอบส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม จึงได้เกิดโครงการสร้างศูนยการเรียนรู้ขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และโครงการต้นแบบในการทำเกษตรอินทรีย์ให้แก่คนในชุมชน

ซึ่งหลังจากที่ได้ดำเนินโครงการมาก็มีทั้งเกษตรกรชุมชนโดยรอบ นักเรียน นักศึกษา หน่วยงานราชการจากที่ต่างๆ เข้ามาเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง กัลฟ์ จึงได้พยายามหาแนวทางพัฒนาโดยมีเป้าหมายเป็นต้นแบบของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่มีการวางแผนและออกแบบให้นำทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัดมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ รวมถึงสร้างคุณค่าจากทรัพยากรที่มีให้ได้มากที่สุดและที่สำคัญจะต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ยังได้จัดแปลงนาลดการสร้างมลภาวะเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยจะไม่เผาตอข้าวเก่าซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจก แต่เปลี่ยนเป็นการทำนาข้าวตอที่ 2 แทน ซึ่งตอข้าวเก่าจะถูกหมุนเวียนโดยใช้จุลินทรีย์ย่อยเป็นปุ๋ยสำหรับการปลูกข้าวรอบใหม่ สามารถสะท้อนแนวคิด “Zero Waste” หรือการกำจัดขยะจนไม่มีเหลือเป็นมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ยังมีแผนที่จะนำพลังงานสะอาดอย่างโซลาร์เซลล์มาใช้ในการบริหารจัดการระบบของศูนย์ฯ อย่างครบวงจรมากขึ้นในอนาคต

นายธนากิจ กายพรมราช ผู้จัดการโรงไฟฟ้าหนองแซง

ด้านนายธนากิจ กายพรมราช ผู้จัดการโรงไฟฟ้าหนองแซง อธิบายเพิ่มเติมถึงศูนย์การเรียนรู้เกษตรและแปลงนาสาธิตว่า ตอนนี้พื้นที่หลักเป็นนาสำหรับปลูกข้าว เสมือนห้องทดลองในการปลูกข้าวหลากหลายสายพันธุ์ เพื่อเป็นแนวทางให้ชาวบ้านสามารถนำไปต่อยอดในที่นาของตัวเองได้ และยังมีการปลูกพืชผักสวนครัว และเลี้ยงสัตว์ ที่สามารถนำไปแปรรูปต่อเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้

โดยศูนย์การเรียนรู้ฯ ตั้งเป้าที่จะผลักดันวิถีเกษตรอินทรีย์ผ่านการอบรมให้กับชุมชน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการให้ความรู้ในหลายเรื่อง เช่น การเลี้ยงไส้เดือนและทำปุ๋ยมูลไส้เดือนใช้ในการปลูกพืชผักสวนครัว, การเลี้ยงหนอนแมลงทหารดำ ที่ใช้วิธีการนำปลายข้าวและเศษพืชผักมาเป็นอาหารให้หนอน และนำหนอนระยะดักแด้มาเป็นอาหารไก่ไข่ภายในศูนย์การเรียนรู้ฯ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในการนำร่องสู่การทำเกษตรอินทรีย์แบบครบวงจรและสร้างความยั่งยืนให้กับวิถีเกษตรชุมชนอย่างแท้จริง

นายดุรงค์ฤทธิ์ ศิริวัฒนพันธ์ ปลัดจังหวัดสระบุรี

ขณะที่นายดุรงค์ฤทธิ์ ศิริวัฒนพันธ์ ปลัดจังหวัดสระบุรี ได้ขอบคุณ กัลฟ์ ที่ให้ความสำคัญกับวิถีชุมชนและได้ริเริ่มโครงการศูนย์การเรียนรู้ฯ ให้กับชุมชน ทั้งนี้ อ.หนองแซง มีการทำนาเป็นหลักเนื่องจากมีคลองชลประทาน ซึ่งการทำนาในปัจจุบันเมื่อเก็บเกี่ยวแล้วมักจะเผาตอฟาง สร้างมลพิษในอากาศ ซึ่งการที่ กัลฟ์ ได้ทำแปลงนาสาธิต เพื่อเป็นแนวทางให้ความรู้กับชาวบ้านในเรื่องของการทำนาโดยไม่ต้องเผาฟางนั้น เป็นการทำเกษตรแบบหมุนเวียนที่ได้ผลผลิตไม่ต่างไปจากการทำนาโดยใช้เครื่องจักรและยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ผู้ที่สนใจการทำเกษตรแบบยั่งยืนก็สามารถเดินทางเข้ามาศึกษาดูงานได้ที่ศูนย์การเรียนรู้เกษตรและแปลงนาสาธิต โรงไฟฟ้าหนองแซง จ.สระบุรี

]]>
1452427
GULF จับมือ Binance ร่วมพัฒนาตั้งศูนย์ซื้อขาย ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ ในไทย​  https://positioningmag.com/1370654 Mon, 17 Jan 2022 13:17:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370654 หลังมีกระเเสข่าวว่า Binance แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วมมือกับบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เอกชนรายใหญ่ของไทย เพื่อศึกษาธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ล่าสุดทาง GULF แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับกลุ่ม Binance เพื่อร่วมกันศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย

โดยบริษัทเล็งเห็นถึง ‘การเติบโตอย่างก้าวกระโดด’ ของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในประเทศไทย จากการที่เศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องจะเข้ามามีบทบาทอย่างมาก ในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศ และจะมีความสำคัญในชีวิตประจำวันของประชาชนมากขึ้น

“ความร่วมมือกับ Binance ดังกล่าว จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนของประเทศ จากการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความพร้อมในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ติจิทัลมาตอบสนองความต้องการดังกล่าว”

GULF เป็นบริษัทด้านพลังงาน ที่มีเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาคธุรกิจและภาคการเงิน โดย บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AIS ที่ GULF ถือหุ้นอยู่ 42.25% ได้ร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จัดตั้ง ‘บริษัทร่วมทุน’ อย่าง AISCB ที่เปิดมาให้บริการด้านการเงินดิจิทัลโดยเฉพาะ
.
ขณะที่ Binance มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เเละเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการเติบโตเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ มีปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก

Binance ระบุว่า การทำข้อตกลงกับ GULF ถือเป็น ‘ก้าวแรก’ สำหรับการเปิดโอกาสในไทย อย่างไรก็ตาม Binance ประกาศหยุดให้บริการเป็น ‘ภาษาไทย’ มาตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. 2564 นับเป็นความพยายามที่จะปรับตัวเข้ากับกฎระเบียบของแต่ละประเทศ

โดยในช่วงที่ผ่านมา Binance มุ่งใช้กลยุทธ์ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ อย่างการได้รับการอนุมัติเบื้องต้นจากธนาคารกลางของบาห์เรน ให้เป็นผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล และบรรลุข้อตกลงกับ Dubai World Trade Centre Authority เกี่ยวกับกฏหมายสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นต้น

ที่มา :  SET , Bloomberg 

]]>
1370654
“สารัชถ์ รัตนาวะดี” แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 62 รวย 1.21 แสนล้านบาท โค่น “หมอเสริฐ” แชมป์ 6 สมัย https://positioningmag.com/1256669 Thu, 12 Dec 2019 02:53:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1256669 เผยแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2562 “สารัชถ์ รัตนาวะดีรวย 1.21 แสนล้านบาท หุ้นกัลฟ์ราคาพุ่งหนุนนั่งบัลลังก์แชมป์เศรษฐีหุ้นปีแรก อันดับ 2 “นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถมูลค่า 6.61 หมื่นล้านบาท

อันดับ 3 นิติ โอสถานุเคราะห์รวย 4.86 หมื่นล้านบาท ด้านเจ้าสัวเจริญคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดีติดทำเนียบเศรษฐีหุ้นหน้าใหม่ IPO

วารสารการเงินธนาคารร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทย โดยวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2562 สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปี 2562

ปรากฏว่าทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยปี 2562 ได้ต้อนรับแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยคนใหม่ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF โดยถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 รวม 120,960 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 63,315 ล้านบาท หรือ 109.84% ซึ่งหุ้นที่ถือครองมีเพียง 1 บริษัท คือ GULF โดยถือหุ้นสูงเป็นอันดับ 1 ในสัดส่วน 35.44%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือหมอเสริฐ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพและสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 66,110.64 ล้านบาท รวยลดลง 11,018.68 ล้านบาท หรือ 14.29% ความมั่งคั่งของหมอเสริฐที่ลดลงในปีนี้เนื่องมาจากหุ้นที่ถือครองทั้ง 3 บริษัท คือ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) และ บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV) ราคาตกลงจากปีที่แล้ว โดยหมอเสริฐเป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 6 ปีติดต่อกันตั้งแต่ปี 2556-2561

เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ได้แก่ นักลงทุนรายใหญ่ทายาทอาณาจักรโอสถสภา นายนิติ โอสถานุเคราะห์ ก้าวจากอันดับ 7 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 48,613.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,648.61 ล้านบาท หรือ 52.08% นอกจากพอร์ตหุ้นที่ลงทุนมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ปีนี้ยังถือครองหุ้น บมจ.โอสถสภา (OSP) ซึ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 โดยนายนิติเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ในสัดส่วน 16.28%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ได้แก่ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ขยับจากอันดับ 9 เมื่อปีที่แล้ว โดยหุ้นที่ถือครองรวมมูลค่าทั้งสิ้น 43,080.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,708.42 ล้านบาท หรือ 51.84% เนื่องจากราคาหุ้น BTS และ บมจ.วี จี ไอ โกบอล มีเดีย (VGI) ปรับตัวสูงขึ้นมากจากปีที่แล้ว เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ได้แก่ นายสมโภชน์ อาหุนัย เจ้าของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กิจการธุรกิจพลังงาน จำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หล่นจากอันดับ 3 เมื่อปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 42,084.25 ล้านบาท ลดลง 125.16 ล้านบาท หรือ 0.30%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ได้แก่ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กรรมการกลุ่มบริษัท ทีโอเอ ทายาทคนโตของอาณาจักรสี TOA โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 41,055.30 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 34,162.15 ล้านบาท หรือ 495.60% จากการเข้าลงทุนเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยอ้อม (Backdoor Listing) ใน บมจ.สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย (SMM) เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เพื่อทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสายไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยวนรัชต์เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ใน STARK ที่ 73.37%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 7 และ 8 ได้แก่ 2 เศรษฐีหุ้นเจ้าของ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) หรือชื่อเดิมคือ เมืองไทยลิสซิ่ง ดาวนภา เพ็ชรอำไพ ร่วงลงไปอยู่ในอันดับ 7 จากอันดับ 5 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้น MTC มูลค่า 41,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,300 ล้านบาท หรือ 18.13% ส่วนนายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ร่วงจากอันดับ 4 ลงมาอยู่อันดับ 8 โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 40,841.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,448.98 ล้านบาท หรือ 15.40%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 ได้แก่ นายพิชญ์ โพธารามิก ทายาทคนเดียวของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดิศัย โพธารามิก ผู้ก่อตั้ง บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ถูกเบียดลงมาจากอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้นมูลค่ารวม 32,596.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,677.46 ล้านบาท หรือ 12.72% และเศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ได้แก่ นายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ร่วงจากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 27,469.19 ล้านบาท ลดลง 5,431.16 ล้านบาท หรือ 16.51%

ด้านเจ้าสัวเจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยปีนี้เป็นครั้งแรก โดยอยู่ในอันดับ 23 มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองคนละ 10,330.57 ล้านบาท จากการนำ บมจ.เครือไทย โฮลดิ้งส์ (SEG) Holding Company ของกลุ่มสิริวัฒนภักดีที่ลงทุนในธุรกิจประกันอาคเนย์เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 โดยเจ้าสัวเจริญและคุณหญิงวรรณาถือหุ้น SEG สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในสัดส่วนเท่ากันที่ 37.38% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ปรากฏชื่ออย่างเป็นทางการในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

สำหรับทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยในปี 2563 น่าจะได้เห็นความมั่งคั่งของเจ้าสัวเจริญและคุณหญิงวรรณาเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล จากการนำ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) Holding Company ที่ถือหุ้นในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของทีซีซี กรุ๊ปเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 ด้วยมูลค่า IPO รวม 185,742 ล้านบาท สูงสุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย ซึ่งเจ้าสัวเจริญถือหุ้นเป็นอันดับ 2 ในสัดส่วน 25.12% และคุณหญิงวรรณาถือหุ้นอันดับ 3

Source

]]>
1256669