Hybrid Working – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 23 May 2022 14:51:02 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เบื่อแล้วรถติด! ส่องผลวิจัย ‘Hybrid Work’ ไม่ได้เวิร์กแค่พนักงานแต่องค์กรก็ได้ประโยชน์ https://positioningmag.com/1386225 Mon, 23 May 2022 03:09:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1386225 เชื่อว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา พนักงานออฟฟิศหลายคนน่าจะไปทำงานสาย เพราะเจอทั้งฝนตก และสภาพการจราจรที่คับคั่งเพราะเปิดเทอม หลายคนน่าจะโหยหายการ Work From Home เหมือนช่วงที่มีการระบาด หรืออย่างน้อยก็อยากให้องค์กรของตัวเองปรับการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work)

เว็บไซต์ TOMTOM เผยข้อมูลการจราจร ปี 2564 โดยจัดอันดับการจราจรใน 404 เมือง ใน 58 ประเทศ ใน 6 ทวีป โดยเฉพาะการเสียเวลาการเดินทางบนท้องถนนของ กรุงเทพฯ ประเทศไทย นั้นอยู่อันดับ 74 ของโลก เสียเวลาในการเดินทางอยู่ที่ 71 ชม.ต่อปี หรือเกือบ 3 วันเลยทีเดียว

ดังนั้น คงจะดีว่าถ้าเราสามารถทำงานจากออฟฟิศหรือจากที่บ้านก็ได้ โดยจากรายงานผลการศึกษาของ ซิสโก้ (Cisco) เกี่ยวกับความพร้อมของพนักงานสำหรับการทำงานแบบไฮบริด (“Employees are ready for hybrid work, are you?”) ของพนักงานในประเทศไทยโดยพบว่า

  • 70% เชื่อว่าคุณภาพการทำงานดีขึ้น
  • 71% รู้สึกว่าประสิทธิภาพการทำงานของตนเองปรับปรุงดีขึ้น
  • 82% รู้สึกว่าตนเองสามารถทำงานจากที่บ้านตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จเท่ากับการทำงานในออฟฟิศ
Photo : Shutterstock

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงาน 28,000 คนใน 27 ประเทศ รวมถึงผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 1,050 คนในไทย พบว่า มีพนักงานในไทยเพียง 37% เท่านั้นที่คิดว่าบริษัทของตน มีความพร้อมอย่างมาก สำหรับการทำงานแบบไฮบริดในอนาคต

  • 69% ของพนักงานในไทยที่ต้องการให้มีรูปแบบการทำงานแบบผสมผสาน เชื่อว่าการทำงานในอนาคตจะเป็นรูปแบบไฮบริด
  • 21% เชื่อว่าจะเป็นการทำงานจากที่บ้านทั้งหมด
  • 9% เชื่อว่าจะเป็นการทำงานในออฟฟิศทั้งหมด
Photo : Shutterstock

การทำงานแบบไฮบริดช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิต

การศึกษาของซิสโก้มุ่งตรวจสอบผลกระทบของการทำงานแบบไฮบริดต่อคุณภาพชีวิตใน 5 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ ด้านอารมณ์ การเงิน จิตใจ ร่างกาย และสังคม โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 85% ระบุว่า การทำงานแบบไฮบริดและการทำงานจากที่บ้าน ช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของตนในหลากหลายแง่มุม ได้แก่

  • 83% ระบุว่าการทำงานแบบไฮบริด ช่วยปรับปรุงสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตสำหรับพนักงาน
  • 54% รู้สึกว่าตารางเวลาการทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
  • 46% รู้สึกว่าไม่ต้องเดินทางเพื่อไปทำงานหรือมีการเดินทางน้อยลงอย่างมาก
  • 74% ระบุว่า สามารถช่วยให้ประหยัดเวลาได้อย่างน้อย 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เมื่อทำงานอยู่ที่บ้าน
  • 33% ระบุว่าช่วยประหยัดเวลาได้อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

ในส่วนของด้านการเงิน กว่า 87% ระบุว่า คุณภาพชีวิตด้านการเงินของตนเองปรับปรุงดีขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้กว่า 271,159 บาทต่อปี

  • 84% ระบุว่าเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและ/หรือค่าเดินทาง
  • 64% ระบุว่าช่วยประหยัดค่าอาหารและความบันเทิง

ที่น่าสนใจคือ ผู้ตอบแบบสอบถาม 81% เชื่อว่าตนเองจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ในระยะยาว และหากคิดที่จะเปลี่ยนงาน ก็อาจพิจารณาปัจจัยเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่ายที่ว่านี้ในการตัดสินใจ

นอกจากนั้น ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 83% เชื่อว่าตนเองมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นเนื่องจากการทำงานจากที่บ้าน และ 78% ระบุว่าการทำงานแบบไฮบริดส่งผลดีต่อนิสัยการกินของตนเอง นอกเรื่องสุขภาพกายแล้ว ผู้ตอบแบบสอบถามส่วน 84% ชี้ว่าการทำงานจากที่บ้านช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์ในครอบครัว และ 64% ระบุว่า ความสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ แน่นแฟ้นมากขึ้น

ความไว้ใจคือกุญแจสู่ความสำเร็จ

อย่างไรก็ดี มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับประเด็นที่ว่ารูปแบบการทำงานที่แตกต่างกันอาจส่งผลกระทบต่อการมีส่วนร่วมและการเข้าถึงของคนทุกกลุ่ม โดยผู้ตอบแบบสอบถามในไทย 73% เชื่อว่า พฤติกรรมการบริหารงานแบบ จู้จี้จุกจิกและคอยจับผิด (Micromanaging) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากการทำงานจากที่บ้านและการทำงานแบบไฮบริด ที่จริงแล้ว การที่ผู้จัดการไม่ไว้ใจว่าพนักงานจะตั้งใจทำงานนับเป็นปัญหาที่บั่นทอนขวัญกำลังใจในการทำงานของพนักงาน

“ไฮบริดเวิร์ค มันไม่ใช่แค่การทำงานที่ไหนก็ได้ แต่ต้องมีเทคโนโลยีรองรับ ไมด์เซ็ทที่ดีของผู้บริหาร พนักงาน  ผู้บริหารและองค์กรต่าง ๆ จะต้องดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อดึงดูดและรักษาบุคลากร โดยจะต้องรับฟังความเห็น สร้างความไว้วางใจ และบริหารงานด้วยความเห็นอกเห็นใจ ความยืดหยุ่น และความยุติธรรม” อานุพัม เตรฮาน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบุคลากรและชุมชนของซิสโก้ ประจำภูมิภาค APJC กล่าว

Photo : Shutterstock

ไซเบอร์ซีเคียว ความกังวลหลักขององค์กร

ผู้ตอบแบบสอบถาม 75% เชื่อว่า ปัญหาในการเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนับเป็นอุปสรรคที่จำกัดกรอบอาชีพการงานสำหรับพนักงานที่ทำงานจากที่บ้าน ด้วยเหตุนี้ 89% จึงมองว่า โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายมีความสำคัญอย่างมากสำหรับประสบการณ์การทำงานจากที่บ้านอย่างไร้รอยต่อ แต่ราว 22% ระบุว่า บริษัทของตนยังคงต้องการโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามในไทย 8 ใน 10 คนเชื่อว่า ไซเบอร์ซีเคียวริตี้มีความสำคัญอย่างมากสำหรับการทำงานแบบไฮบริดอย่างปลอดภัย ขณะที่ 75% กล่าวว่า ในปัจจุบันองค์กรของตนมีความสามารถและโปรโตคอลที่เหมาะสมอยู่แล้ว และมีเพียง 76% เท่านั้นที่คิดว่าพนักงานทุกคนในบริษัทของตนเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานแบบไฮบริด และ 79% คิดว่าผู้บริหารส่วนงานธุรกิจมีความคุ้นเคยเกี่ยวกับความเสี่ยงดังกล่าว

]]>
1386225
ไม่อยากเข้าออฟฟิศ! พนักงาน ‘Apple’ แห่ลาออกเพราะต้องกลับออฟฟิศ 3 วัน/สัปดาห์ https://positioningmag.com/1385373 Mon, 16 May 2022 04:29:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1385373 ตั้งแต่เกิดการระบาดของ COVID-19 รูปแบบการทำงานของคนทั่วโลกก็เปลี่ยนไป โดยหลายบริษัทสามารถปรับไปสู่รูปแบบการทำงานแบบ Work From Home หรือทำงานจากที่บ้านได้ แต่หลังจากที่สถานการณ์เริ่มผ่อนคลาย ทำให้หลายบริษัทเริ่มให้พนักงานกลับมาทำงานในออฟฟิศอีกครั้ง แต่ก็มีพนักงานบางส่วนที่ ไม่เห็นด้วย และยังอยากที่จะ Work From Home 100% อยู่

ตัวอย่างของบริษัทที่กำลังเจอแรงต้านจากการให้กลับเข้าออฟฟิศก็คือ Apple ที่ได้ปรับให้พนักงานทำงานแบบไฮบริดโดยให้กลับเข้าออฟฟิศ 3 วัน/สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนที่ผ่านมาพนักงานกว่า 1,000 คนของ Apple ได้เขียนจดหมายถึงผู้นำของบริษัท ว่าขอให้ตัดสินใจด้วยตัวเองร่วมกับทีมและผู้จัดการโดยตรงว่าจะต้องกลับเข้ามาทำงานในออฟฟิศหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีพนักงานหลายคนของบริษัท รวมถึงพนักงานระดับสูง อาทิ Ian Goodfellow ผู้อำนวยการด้านแมชชีนเลิร์นนิ่งยื่นหนังสือลาออก เนื่องจากมองว่าการกลับมาที่ออฟฟิศทำให้มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ทั้งด้านสุขภาพและสุขภาพจิต โดยด้าน Apple เองยังปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น

นักวิเคราะห์มองว่าที่หลายบริษัทเริ่มให้กลับมาทำงานในออฟฟิศเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง, ร้านอาหาร, คอนเสิร์ต, ร้านค้าต่าง ๆ ทำให้ผู้บริหารไม่สามารถมั่นใจได้อีกต่อไปว่าพนักงานจะกลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพท่ามกลางการผ่อนคลายต่าง ๆ ซึ่งต่างจาก 2 ปีก่อนที่พนักงานอาจตั้งใจทำงานเพราะไม่สามารถออกไปจากบ้านได้

อย่างไรก็ตาม เจมี่ ไดมอน ผู้บริหารระดับสูงของ JPMorgan Chase & Co. เป็นหนึ่งในนักวิจารณ์ที่ได้ออกมาพูดถึงเกี่ยวกับมาตรการ Work From Home มากที่สุด ได้ออกมาคาดการณ์ว่า การทำงานทางไกลจากที่บ้านกำลังจะกลายเป็น เรื่องถาวร ในอเมริกามากขึ้น และคาดว่าประมาณ 40% ของแรงงานกว่า 270,000 คน ของบริษัทเขาจะ ทำงานแบบไฮบริด ซึ่งจะมีทั้งวันที่เข้าออฟฟิศและวันที่ทำงานอยู่กับบ้าน

จากรายงาน ล่าสุด ของ Harvard Business School พบว่า การทำงานแบบไฮบริดสามารถลดอัตราการลาออกได้ถึง 35%ละจากการวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดพบว่า คนอเมริกันลาออกจากงานในอัตราที่สูงเป็น ประวัติการณ์ในเดือนมีนาคมที่ 4.5 ล้านคน โดยสาเหตุที่ลาออกเป็นเพราะมองว่า ความยืดหยุ่น นั้นเป็นสิ่งสำคัญ ขณะที่หลายบริษัทตกลงกันว่าจะกลับมาทำงานในออฟฟิศ 3-4 วัน แต่ระยะเวลาที่พนักงานต้องการคือ 1-2 วันในการเข้าออฟฟิศ

futurism / tech.hindustantimes

]]>
1385373
รู้จัก ‘VWORK’ แพลตฟอร์มบริหารจัดการองค์กรรับเทรนด์ ‘Hybrid Work’ https://positioningmag.com/1301540 Thu, 15 Oct 2020 10:00:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1301540

ตั้งแต่เกิดการระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้หลายองค์กรต้องปรับตัวไปสู่วิถี New Normal ของการทำงาน หรือการ Work From Home แม้ว่าปัจจุบันประเทศไทยจะเริ่มกลับมาทำงานในรูปแบบปกติอย่างเต็มรูปแบบแล้ว แต่จากสภาพการจราจรในแต่ละวัน ส่งผลให้หลายบริษัทยังคงทำงานแบบ ‘Hybrid Working’ โดยพนักงานไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน แต่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ในวันที่ไม่สะดวก หรือวันไหนเบื่อบ้านอยากเจอเพื่อนก็เข้ามาทำงานที่ออฟฟิศได้เหมือนเดิม

แต่แน่นอนว่าจะทำงานแบบ Hybrid ให้ได้ประสิทธิภาพก็ต้องมีตัวช่วย ดังนั้น Positioning จะพาไปรู้จักกับ ‘VWORK’ แพลตฟอร์มของคนไทยที่จะมาช่วยบริหารจัดการองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้สามารถทำงานได้ทั้งแบบ Hybrid หรือจะ Work From Home เต็มตัวก็ทำได้

ในช่วงที่เกิดการระบาดอย่างหนักจนหลายบริษัทสั่งให้พนักงาน Work From Home ทำให้หลายบริษัทหาแพลตฟอร์มต่าง ๆ มาเพื่อช่วยให้การทำงานยังคงดำเนินต่อไปได้ ซึ่งทาง ‘True’ เองก็ได้สร้างแพลตฟอร์ม ‘True VROOM’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Video Conference เพื่อให้คนไทยได้ใช้งานกัน ก่อนที่จะต่อยอดไปเป็น ‘VWORK’

แพลตฟอร์ม VWORK ต่างจาก True VROOM อย่างไร?

อย่างที่บอกไปในตอนแรกว่า True VROOM เป็นแพลตฟอร์ม Video Conference แต่ VWORK จะไม่ได้มีดีแค่ฟีเจอร์ Video Conference เท่านั้น เพราะ VWORK ได้อัพเกรดมาเพื่อให้องค์กรสามารถใช้ในการบริหารจัดการงานด้านต่าง ๆ ขององค์กรอย่างครบครันในที่เดียวไม่ว่าจะเป็น

Video Conference ได้ไม่จำกัดเวลา พร้อมตั้งรหัสผ่านเพื่อความปลอดภัยได้

Check in / Check out ทำงานนอกสถานที่ พร้อมส่งรายงานการปฏิบัติงานเมื่อจบวัน

Chat ได้ทั้งแบบบุคคลและกลุ่ม ไฟล์ไม่หาย มีการเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัย

Forms รองรับ e-signature สามารถส่งตรงถึงผู้อนุมัติได้ทันทีทุกที่ ทุกเวลา

Tasks พร้อมติดตามสถานการณ์ทำงานได้แบบเรียลไทม์

People ค้นหารายชื่อ พร้อมข้อมูลติดต่อสำหรับการประสานงาน

ใช้งานอย่างไร?

ขั้นตอนแรกไปที่เว็บไซต์ http://www.truevirtualworld.com และเข้าไปลงทะเบียนผู้ใช้งานพร้อมคอนเฟิร์มอีเมล์ เลือกแพลตฟอร์ม VWORK สำหรับการทำงาน จากนั้นสมัครพื้นที่ทำงาน ด้วยบัญชีทางการ ในนามองค์กรพร้อมแนบเอกสารยืนยันเป็นชื่อที่ต้องการ สุดท้าย เชิญทีมงานเข้าร่วมพื้นที่ทำงานเริ่มต้นใช้งานได้ผ่านทางอีเมล และ SMS โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่ http://onelink.to/gqhdw4

หลังจากทำตามขั้นตอนทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเริ่มทดลองใช้งานกันได้เลย ซึ่งทาง True ก็ใจดีให้ทดลองใช้ฟรีนาน 90 วัน เมื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน พร้อมลงทะเบียนใช้งานแบบนิติบุคคล

 

]]>
1301540