lineman – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 23 Jun 2022 11:25:49 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 มองตลาด ‘Food Delivery’ ยุค ‘น้ำมันแพง’ เพิ่มโจทย์ใหม่ ‘มัดใจไรเดอร์’ ให้อยู่กับแพลตฟอร์ม https://positioningmag.com/1389897 Thu, 23 Jun 2022 10:02:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1389897 ถือเป็นธุรกิจที่เติบโตสูงแต่ก็มีการแข่งขันที่สูงเช่นกันสำหรับ Food Delivery และหลังจากที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่เกิดการระบาดของ COVID-19 แต่หลังจากที่การระบาดคลี่คลายลง ปัญหาใหม่ที่ทั่วโลกกำลังเจอก็คือ เงินเฟ้อ และ น้ำมันแพง ทำให้แต่ละแพลตฟอร์มต้องเจอ โจทย์ใหม่ เพราะจำนวนการสั่งที่น้อยลง และ ไรเดอร์ที่ต้องแบกต้นทุนมากขึ้น

ตลาดโตไม่เกิน 5%

จากเครื่องชี้วัดธุรกิจจัดส่งอาหาร หรือ Food Delivery ของ LINE MAN Wongnai พบว่าในเดือนพ.ค. 65 จำนวนผู้สมัครเป็นไรเดอร์ในระบบเพิ่มสูงขึ้นกว่า 4.7 เท่า เมื่อเทียบกับเดือนม.ค. 63 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด แต่การเพิ่มขึ้นของไรเดอร์ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ ขยายตลาดและพื้นที่บริการครอบคลุมทั่วประเทศจากเดิมที่มีการให้บริการเพียงไม่กี่จังหวัด

อย่างไรก็ตาม จากการระบาดที่ลดลง ส่งผลให้การใช้ชีวิตเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ หลายคนเริ่มกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ ส่งผลให้ไรเดอร์ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากปริมาณงานต่อวันเฉลี่ยที่ลดลง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า Food Delivery น่าจะขยายตัว 1.7-5% หรือมีมูลค่าประมาณ 7.7 – 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งชะลอลงจากที่เติบโตถึง 46.4% ในปี 2564 และ

Photo : Shutterstock

น้ำมันแพงและจำนวนไรเดอร์ 2 ปัญหาใหญ่

ในส่วนของรายได้จากค่าจัดส่งอาหารของไรเดอร์ในช่วงระหว่างปี 2563-2565 คาดว่ามีหมุนเวียนในระบบเฉลี่ยประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่ตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ให้บริการจัดส่งอาหารไปยังที่พักเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น จากแนวโน้มการสั่งอาหารไปยังที่พักที่ชะลอลง ปริมาณไรเดอร์ในระบบที่มีจำนวนสูง และราคาน้ำมันที่เร่งตัวขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของไรเดอร์ส่วนใหญ่

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้สำรวจมุมมองและการปรับตัวของไรเดอร์ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน โดยมีมุมมองที่น่าสนใจ ดังนี้

  • ปัญหาน้ำมันแพง และ จำนวนไรเดอร์ที่เพิ่มขึ้น นับเป็น ปัญหาใหญ่สุด รองลงมา คือ การกลับไปทำงานและการกลับไปเรียนตามปกติ การแข่งขันที่รุนแรงระหว่างแพลตฟอร์ม ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มอื่น และการใช้โปรแกรมช่วยเหลือในการรับงาน
  • 94% ของไรเดอร์ระบุว่า ตนเองได้รับผลกระทบจาก ปริมาณออเดอร์ต่อวันเฉลี่ยลดลง จากผลสำรวจ พบว่า ออเดอร์เฉลี่ยต่อวัน อยู่ที่ประมาณ 11–15 งานต่อคน (38%) รองลงมาอยู่ที่ 5–10 งานต่อคน (32%)
  • ปัจจุบัน ราคาน้ำมันเบนซินที่ปรับตัวสูงขึ้นไปแล้วกว่า 54% (เทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปี 2564) ส่งผลให้ไรเดอร์ 42% มีค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันเพิ่มขึ้น 50-70 บาทต่อวัน (ขึ้นอยู่กับจำนวนเที่ยวส่ง ระยะทาง และอัตราการกินน้ำมันของรถแต่ละรุ่น)
Photo : Shutterstock

ไรเดอร์โหมรับงาน แพลตฟอร์มแข่งเพิ่มสิทธิพิเศษ

จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ผู้ให้บริการจัดส่งอาหารไปยังที่พักจำเป็นต้องหาวิธีการรับมือ โดยกลุ่มตัวอย่างกว่า 70% ใช้เวลาทำงาน รับออเดอร์ให้มากขึ้น เพื่อให้รายได้กลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนหน้า รวมถึงการเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นแทน หรือหาอาชีพเสริม ขณะที่บางส่วนเลือกลงทะเบียนในแพลตฟอร์มอื่นเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้งาน

ด้านแพลตฟอร์ม Food Delivery สัญชาติไทยอย่าง โรบินฮู้ด (Robinhood) ยอมรับว่า นอกจากการแข่งขันเรื่องการทำโปรโมชันเพื่อดึงดูดผู้ใช้แล้ว อีกส่วนที่ผู้บริโภคไม่รู้ก็คือ การเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อแย่งชิงไรเดอร์ เนื่องจากไรเดอร์เป็นอาชีพฟรีแลนซ์ สามารถรับงานได้กับทุกแพลตฟอร์ม ทำให้ทุกแพลตฟอร์มต้องหาทางมัดใจไรเดอร์ อย่างไรก็ตาม โรบินฮู้ดมีจุดแข็งที่ ไม่คิดคอมมิชชั่นจากไรเดอร์ นอกจากนี้กำลังเร่งพัฒนาฟีเจอร์ ทิป เพื่อเป็นรายได้อีกทาง

“เราไม่คิดคอมมิชชั่นไรเดอร์เลย ส่วนแพลตฟอร์มอื่นไรเดอร์ต้องเสีย 15% ดังนั้น เราไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไรให้ไรเดอร์ เพราะผลตอบแทนเราดีกว่าคู่แข่ง” สีหนาท ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด

ส่วน แกร็บ (Grab) มีการมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อย่าง GrabBenefits จะให้บัตรกำนัลส่วนลดค่าน้ำมันสำหรับไรเดอร์ และมีการให้โบนัสพิเศษ และ การจัดโปรแกรมสินเชื่อ เป็นต้น เช่นเดียวกันกับ ไลน์แมน (LINE MAN) ที่จับมือกับพันธมิตรในการมอบบัตรเติมน้ำมันฟรีรายเดือนสำหรับไรเดอร์ที่ขับเป็นประจำและเข้าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด ส่วน ลาล่ามูฟ (Lalamove) นอกจากจะมีส่วนลดเงินคืนกับพันธมิตรปั๊มน้ำมันแล้ว จะมีการปรับอัลกอริทึมการรับงาน เพื่อให้ไรเดอร์สามารถรับงานได้คุ้มค่ามากที่สุด เป็นต้น

(Photo by Lauren DeCicca/Getty Images)

เสนอ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า แก้ปัญหาระยะยาว

อีกส่วนที่หลายแพลตฟอร์มเริ่มหาทางออกให้ไรเดอร์ก็คือ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า อย่างโรบินฮู้ดก็พยายามผลักดันให้ไรเดอร์ใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เนื่องจากช่วยประหยัดต้นทุนได้ 10 เท่า ซึ่งตั้งแต่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ก็เห็นความต้องการใช้งานมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่นเดียวกันกับ แกร็บ ที่ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนพาร์ตเนอร์คนขับ-ผู้จัดส่งอาหารที่ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้ได้ 10% ของจำนวนพาร์ตเนอร์คนขับทั้งหมดภายในระยะเวลา 5 ปี

“ตอนนี้เรามีให้ไรเดอร์ผ่อนซื้อเป็นรายวันตกวันละ 120 บาท ปัจจุบันมีไรเดอร์ที่ใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าราว 400 คัน มียอดจอง 1,900 คัน จากไรเดอร์ทั้งหมด 28,000 ราย ปัญหาตอนนี้คือ พาร์ตเนอร์ทั้ง 2 รายของเราผลิตไม่ทัน เราเองก็ต้องมองหาเพิ่มอีกราย ซึ่งเรามองว่าการใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะช่วยไรเดอร์ในระยะยาว” สีหนาท กล่าว

แนะปรับระบบกระจายงาน

นอกจากสิทธิพิเศษแล้ว ทางศูนย์วิจัยกสิกรได้แนะนำว่าควร ปรับระบบการกระจายงานมาใช้ระบบยิงงาน (Auto assign) ซึ่งเป็นระบบสากลที่ทำให้มีความเท่าเทียมในการกระจายงานให้กับไรเดอร์มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ภาครัฐก็อยู่ระหว่างจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. … เพื่อเข้ามาช่วยกำกับดูแลผู้ที่อยู่ในห่วงโซ่ของธุรกิจดังกล่าว

หรือ การคิดคำนวณค่าธรรมเนียมควรมีความยืดหยุ่น เช่น ในต่างประเทศผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์จัดส่งอาหารนำรูปแบบ FuelSurcharge ตามระยะทางมาปรับใช้ในช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูง และเมื่อราคาน้ำมันปรับลดลงก็อาจมีการยกเลิกวิธีการคิดดังกล่าว นอกจากการแก้ไขปัญหาเชิงระบบแล้ว ต้องพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการธุรกิจ เช่น การเพิ่มโอกาสในการรับงานมากขึ้นและลดปริมาณการยกเลิกออเดอร์ในช่วง Peak Hour การลดระยะเวลาในการรอรับอาหารที่ร้านอาหาร

ในระยะถัดไป ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องคงจะต้องช่วยกันออกแบบ และสร้างระบบนิเวศของธุรกิจ ภายใต้กฎระเบียบและกฎเกณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย เพื่อให้ผู้ประกอบอาชีพดังกล่าวสามารถเข้าถึงระบบสวัสดิการต่าง ๆ อาทิ การเปิดรับลงทะเบียนไรเดอร์เข้ามาอยู่ในระบบ เพื่อให้สามารถเข้าถึงการได้รับสิทธิต่าง ๆ จากภาครัฐ เป็นต้น

]]>
1389897
เปิดอินไซต์ ‘ฟู้ดเดลิเวอรี่’ ช่วงโควิดระลอก 3 ‘ปริมณฑล’ ครองแชมป์ ชา-กาแฟ-ตำปูปลาร้า เมนูยอดฮิต https://positioningmag.com/1340078 Thu, 01 Jul 2021 08:53:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1340078 ย้อนไปเมื่อคืนวันที่ 26 มิ.ย. ได้มีราชกิจจานุเบกษา ได้แพร่คำสั่ง ศบค. ฉบับล่าสุดได้ยกระดับ 10 พื้นที่สีแดงใน 10 จังหวัด ประกอบด้วย กทม., นครปฐม, นนทบุรี, นราธิวาส, ปทุมธานี, ปัตตานี, ยะลา, สงขลา, สมุทรปราการ และสมุทรสาคร โดย ‘ห้ามนั่งกินข้าวในร้านอาหาร’ ให้เปิดดำเนินการเฉพาะการซื้อแบบนำกลับไปบริโภคที่อื่นเท่านั้น ทาง ‘LINE MAN Wongnai’ (ไลน์แมนวงใน) ก็ได้ออกมาเปิดข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงโควิดระลอก 3 เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2564 เพื่อเป็นแนวทางในการปรับตัวรับมือ พร้อมออก 6 มาตรการ #Saveร้านอาหาร ช่วยสนับสนุนร้านอาหารในช่วงวิกฤต

ปริมณฑลครองแชมป์แซงกรุงเทพฯ

สำหรับ 5 เขต-อำเภอที่มีคนสั่งมากที่สุด กลายเป็นเขตรอบนอกกรุงเทพฯ ได้แก่

  • อำเภอเมือง สมุทรปราการ
  • อำเภอเมือง นนทบุรี
  • อำเภอบางพลี สมุทรปราการ
  • อำเภอบางบัวทอง นนทบุรี
  • อำเภอคลองหลวง ปทุมธานี

สำหรับสาเหตุที่พื้นที่นอกกรุงเทพฯ ติดอันดับพื้นที่ที่มีคนสั่งมากที่สุดเนื่องจากคน Work from Home กันมากขึ้น ในขณะที่พื้นที่ กรุงเทพฯ ที่มีคนสั่งมากที่สุด คือ เขตจตุจักรและลาดกระบัง ในขณะที่เขตชั้นใน แชมป์เก่าอย่าง ปทุมวันและวัฒนา กลับไม่ติด Top 10 ซึ่งหมายถึงเป็นโอกาสดีของร้านรอบนอกกรุงเทพฯ ส่วนร้านในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯ ก็ลำบากขึ้นเพราะผู้บริโภคหายไปจากในเมือง

วันและเวลาที่มีการสั่งเดลิเวอรี่สูงที่สุด

วันอาทิตย์, วันศุกร์ และวันเสาร์ เป็นวันที่มีออเดอร์สูงที่สุดตามลำดับ ช่วงเวลาที่มีออเดอร์สูงที่สุดคือ

  • 11:00-12:00 น.
  • 12:00-13:00 น.
  • 13:00-14:00 น.
  • 18:00-19:00 น.
  • 19:00-20:00 น.

ขณะที่ระยะทางเฉลี่ยที่ผู้ใช้ LINE MAN สั่งอาหารคือ 3.19 กิโลเมตร ซึ่งลดน้อยลงจากในอดีต

Photo : Shutterstock

กาแฟอาหารจานเดียวนิยมมากสุด

ในส่วนของ 5 ประเภทร้านอาหารที่คนนิยมสั่งเดลิเวอรี่สูงสุด ได้แก่

  • ร้านกาแฟ
  • ร้านอาหารจานเดียว
  • ร้านอาหารตามสั่ง
  • ร้านก๋วยเตี๋ยว
  • ร้านอาหารไทย

ทั้งนี้ เทรนด์ร้านอาหารที่เปลี่ยนไปจากปี 2020 คือ ร้านกาแฟ กลับมาเป็นที่นิยมติด อันดับ 1 จากเดิมอยู่ อันดับ 7 ขณะที่ ร้านก๋วยเตี๋ยว ตกไปอยู่ อันดับ 4 เดิมเป็นอันดับ 1 ส่วน ร้านฟาสต์ฟู้ด ขึ้นมาเป็น อันดับ 7 เดิมไม่ติด Top 10 ในขณะที่ร้านอาหารเกาหลี/ญี่ปุ่น หลุดโผ Top 10 ครั้งแรก

สำหรับ 10 เมนูที่ถูกสั่งเยอะที่สุด ได้แก่ กาแฟ, ชา, โกโก้, ตำปูปลาร้า, คอหมูย่าง, ข้าวมันไก่, ลาบหมู, หมูปิ้ง, หมูสามชั้น และปาท่องโก๋ ตามลำดับ โดยราคาเฉลี่ยต่อจานที่คนกดสั่งมากที่สุด คือ 60-70 บาท

เมนูที่ถูกสั่งตามช่วงเวลาเยอะที่สุด

  • ช่วงเช้า (6:00-9:00 น.) กาแฟ, หมูปิ้ง, ปาท่องโก๋, ชา, โกโก้, ข้าวมันไก่, โจ๊ก, ต้มเลือดหมู, ไข่ลวก และโก๋กรอบ ตามลำดับ
  • ช่วงกลางวัน (9:00-21:00 น.) กาแฟ ยังคงเป็นเมนูที่ถูกสั่งเยอะที่สุดในช่วงกลางวัน ตามมาด้วย ชา, ตำ, คอหมูย่าง, โกโก้, ลาบหมู, ข้าวมันไก่, หมูสามชั้น, ข้าวผัด และแซลมอน/แซลมอนเบิร์น
  • ช่วงค่ำ (หลัง 21:00 น.) นิยมอาหารอีสาน ได้แก่ หมูสามชั้น, ตำ, คอหมูย่าง และลาบหมู ตามมาด้วย ข้าวต้ม, ไส้กรอก, ข้าวมันไก่, ข้าวผัดหมู, ส้มตำ และยำ

ขณะที่อายุของผู้บริโภคที่สั่งเดลิเวอรี่ ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก กลุ่มวัยเรียนและ First Jobber อายุ 20-24 ปีสั่งเดลิเวอรี่สูงสุด (22.8%) ตามด้วย กลุ่มวัยทำงาน อายุ 30-34 ปี (22.4%) และ 25-29 ปี (21.9%) เพศหญิง 71.1% เพศ ชาย 28.89%

6 มาตรการหนุนร้านอาหาร

1.ร้านอาหารสามารถเลือกได้ว่าจะขายแบบ Non-GP หรือ GP หากเลือกขายแบบ Non-GP จะไม่ต้อง เสียส่วนแบ่งรายได้เลย ลูกค้าจ่ายค่าส่งตามระยะทางจริง ส่วนถ้าเลือกขายแบบ LINE MAN GP ลูกค้าจะได้ ค่าส่งเริ่มต้นที่ 0 บาท เลือกสลับระหว่าง Non-GP และ GP ได้เองผ่าน Wongnai Merchant App

2.ร้านใหม่ขายแบบ GP ฟรี ไม่เสียค่าธรรมเนียม 15 วัน สำหรับร้านอาหารที่ไม่เคยเข้าร่วมการขายออนไลน์แบบ GP มาก่อน ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ระหว่างวันที่ 1-31 กรกฎาคม 2564 สมัครได้ที่ https://bit.ly/3jwXHov

3.ช่วยร้านกระตุ้นยอดขาย แจกคูปองส่วนลดให้ร้าน โค้ดส่วนลด 80 บาทสำหรับลูกค้าใหม่ พร้อมกับกรอบรูปสำหรับโปรโมตให้ร้านนำไปใช้ได้ฟรี ส่วนลูกค้าทั่วไปมีโค้ดส่วนลด 30 บาท สำหรับการสั่งในทุกออเดอร์จากทั้งร้านอาหาร GP และ Non-GP

4.ยกเว้นค่า GP สำหรับการใช้งานฟีเจอร์ Self Delivery (ระบบร้านรับ-ส่งเอง) และ Pickup (รับที่ร้าน) ไม่คิดค่าธรรมเนียม จากเดิมคิด 5% ของยอดขาย สำหรับร้านที่มีบุคลากรจัดส่งเอง หรือลูกค้าสะดวกมารับที่หน้าร้าน

5.Wongnai Deals #ช่วยเชฟSaveร้าน ช่วยสนับสนุนเชฟร้านอาหารกลุ่มไฟน์ไดนิ่งให้ขายได้ผ่านการขายดีลพรีออเดอร์อาหารล่วงหน้าแบบส่งถึงบ้าน โดยไม่คิดค่า GP

6.ให้พื้นที่สื่อโปรโมตร้านบนช่องทางทั้งหมดของ LINE MAN Wongnai ฟรี และถ่ายภาพอาหารเพื่อโปรโมตร้านให้ฟรีจากช่างภาพมืออาชีพ สำหรับร้านอาหารในพื้นที่ 6 จังหวัดควบคุม กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร

นอกจากนี้ LINE MAN Wongnai ยังได้อุดหนุนร้านอาหารในพื้นที่ควบคุม 6 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากการงดนั่งรับประทานอาหารที่ร้านและมีวัตถุดิบอยู่เป็นจำนวนมากแต่ไม่สามารถค้าขายได้ตามปกติ โดยนำมาปรุงเป็นอาหารเพื่อส่งมอบต่อให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าในโรงพยาบาลพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงได้เป็นตัวกลางในการบริจาคอาหารให้กับชุมชนต่าง ๆ รวมกว่า 50 ชุมชนทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล

]]>
1340078
‘Location Platform’ และ ‘หุ่นส่งของ’ อนาคตใหม่ของ ‘Delivery’ ที่ปลอดภัยทั้งคนรับ-ส่ง https://positioningmag.com/1271314 Thu, 02 Apr 2020 05:42:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1271314 เพราะโรคอุบัติใหม่ โควิด-19 ทำให้เกิดกระบวนการเร่งหรือก้าวกระโดดของการใช้ชีวิตดิจิทัล รวมถึง On-Demand-Delivery โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาของธุรกิจ delivery มีการเติบโตอย่างมาก ทั้ง GrabFood, LINE Man, Get หรือ FoodPanda ฯลฯ ได้เพิ่มจำนวนคนขับอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงแรงงานเผยว่าตลาดต้องการแรงงานจัดส่งสินค้ามากถึง 20,500 อัตรา อย่าง LINE Man ปัจจุบันมีพนักงานส่งของ 50,000 คน รองรับออเดอร์จากกว่า 100,000 ร้านในเครือ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ว่า ยอดขายสินค้าออนไลน์ (E-Commerce) และบริการสั่งอาหารไปยังที่พัก (Food Delivery) ในช่วงระหว่างวันที่ 22 มี.ค. – 30 เม.ย. 2563 จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาปกติราว 8,000 ล้านบาท และในช่วงวันที่ 5 – 15 มี.ค. ETDA เผยถึงเหตุผลของการสั่งอาหารออนไลน์ เหตุผลแรกคือ ไม่อยากไปนั่งที่ร้านอาหาร ตามด้วยไม่อยากต่อคิว, มี promo code แจกในแอป, และสั่งอาหารออนไลน์เพราะหวั่น Covid-19 โดย 87.85% เป็นการสั่งทานที่บ้าน 46.11% ผู้สั่งทานที่ทำงาน

เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย ที่ต่างกังวลเรื่องไวรัส พนักงานส่งของจึงเริ่มใช้วิธีดรอปสินค้าที่หน้าบ้านก่อนถึงเวลานัดจริง มากกว่าจะยื่นส่งสินค้ากันตามปกติ รวมถึงแบรนด์เดลิเวอรีก็ออกกฎต่าง ๆ เพื่อปกป้องความปลอดภัยต่อทั้งลูกค้าและพนักงาน ทั้งยืนห่างจากลูกค้า 2 เมตรในการรับส่งสินค้า และผลักดันการชำระเงินผ่านอีวอลเล็ต ทำให้มูลค่าการจัดส่งสินค้าแบบไม่สัมผัสกับลูกค้าปลายทางเติบโตขึ้นถึง 20%

สถานการณ์จะยิ่งผลักดันให้ผู้คนเข้าหาเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น เมื่อมี 5G ที่จะช่วยภาคการขนส่งและคมนาคมอัจฉริยะ ตั้งแต่การโอนถ่ายดาต้า สร้างการสื่อสารระหว่างคันรถ จนถึงเชื่อมต่อรถทุกคันเข้ากับผังเมืองดิจิทัล เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงข้อมูลการจราจรที่ถูกต้องแม่นยำบนรถยนต์ได้ ส่งผลให้การขนส่งสินค้าด้วยหุ่นยนต์ยิ่งมีโอกาสเติบโตหรือรถอัตโนมัติที่นำทางด้วยแผนที่ภายใต้ระบบอัลกอริทึมของ Location platform โดยคาดว่าจะทำรายได้ 4.84 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030

และด้วยระบบ Open Location Platform จะยิ่งตอบโจทย์ on-demand economy ที่แข่งขันกันที่ความเร็ว ความสะดวก และความถูกต้องของสินค้า เนื่องจากช่วยตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกโลเคชั่นต้นทางถึงปลายทาง และถูก localize ให้เข้ากับพื้นที่นั้น ๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีตรอก ซอก ซอย อย่าง Amazon ตั้งเป้าส่งสินค้าถึงปลายทางได้อย่างเรียบร้อยภายใน 30 นาที หรือ Walmart ที่เริ่มให้บริการ same-day delivery ขนส่งด่วนภายในวัน ซึ่งอีคอมเมิร์ซเจ้ายักษ์ในประเทศไทย Lazada หรือ Shopee ก็เริ่มขยายธุรกิจและบริการในลักษณะนี้เช่นกัน

Open Location Platform จะทำหน้าที่ส่งตำแหน่งอัจฉริยะให้แก่บริษัทผ่านแผนที่ดิจิทัลแบบเรียลไทม์ (Application Programming Interface – API) ขณะที่ชุดพัฒนาโมบายล์ซอฟต์แวร์ (Mobile software developments kits – mSDK) ทำให้ผู้ใช้งานสามารถปักหมุดบริเวณที่ต้องการให้รถโดยสารเข้าไปรับระบบเอไอกับแมชชีนเลิร์นนิ่งที่ทำงานร่วมกันบนแผนที่จะช่วยจดจำเส้นทางใหม่และบันทึกเพิ่มในฐานข้อมูล นอกเหนือจากระบบติดตาม GPS แล้ว แพลตฟอร์มแผนที่ยังสามารถนำเสนอเส้นทางที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น ๆ แก่คนขับ

#Grab #Get #Foodpanda #Lineman #Fooddelivery #HereTechnologies #Covid19 #Positioningmag

]]>
1271314