Lucy Guo – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 08 Sep 2025 00:22:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 รู้จัก ‘ลูซี่ เกา’ จากเด็กขายการ์ดโปเกมอนสู่ ‘เศรษฐีหญิงอายุน้อยที่สุดในโลก’ ที่เชื่อว่าความ ‘หมกมุ่น’ คือสูตรสู่ความสำเร็จ https://positioningmag.com/1537026 Sun, 07 Sep 2025 14:07:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1537026 ถ้ารู้จัก อเล็กซานเดอร์ หวัง (Alexandr Wang) แห่ง Scale AI ที่สามารถปลุกปั้นสตาร์ทอัพแสนล้านทั้งที่อายุยังไม่ถึง 30 ปี อีกคนที่ต้องทำความรู้จักก็คือ ลูซี่ เกา (Lucy Guo) ผู้ร่วมก่อตั้ง ที่ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีหญิงอายุน้อยที่สุดในโลก ซึ่งบอกเลยว่าตำแหน่งนี้ไม่ได้มาเพราะโชค แต่มาเพราะไมด์เซ็ทความเป็น Entrepreneur ที่มีตั้งแต่เด็ก และการปลูกฝังเรื่องการเงินจากครอบครัวที่เป็นอีกรากฐานสำคัญ

โตมากับครอบครัวที่ปลูกฝังเรื่องการเงินตั้งแต่เด็ก

ลูซี่ เกา เกิดและเติบโตมากับพ่อแม่ชาวจีนที่อพยพมาอเมริกา โดยอาศัยอยู่ที่เมืองฟรีมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งทั้งสองคนทำงานเป็นวิศวกรไฟฟ้า แต่จุดเปลี่ยนสำคัญของครอบครัวก็คือ เมื่อทั้งคู่ต้องถูกให้ออกจากงาน นั่นทำให้ครอบครัวเธอเน้นย้ำถึงเรื่อง การศึกษา และ การเงิน มาโดยตลอด เนื่องจากมองว่า การศึกษาคือหนทางเดียวที่จะทำให้ลูก ๆ มีอนาคตที่ดีกว่าพวกเขา ซึ่งนั่นทำให้เธอเติบโตมาอย่าง เรียบง่าย และ ประหยัด

“ครอบครัวเราประหยัดอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันเคยจะถูกไล่ออกไปอยู่นอกบ้าน ถ้าบ่นว่าอากาศหนาวเกินไปในบ้าน เพราะบ้านเราต้องประหยัดค่าทําความร้อน ซื้อเสื้อผ้าราคาถูกมาก และกินอาหารให้หมด เพราะพ่อแม่มักบอกว่า ไม่ใช่ทุกคนที่โชคดีมีอาหารกินทุกมื้อ”

ด้วยการปลูกฝังเรื่องความประหยัดตั้งแต่เล็ก เธอจึงยังใช้ชีวิตด้วยแนวคิด “Act broke, stay rich” หรือที่ไทยมักมีคำว่า “คนรวยที่ทำตัวจน ไม่มีวันจน” จึงไม่น่าแปลกใจที่พื้นฐานแนวคิดของครอบครัวปลูกฝัง ทำให้เธอยังคงขับรถ Honda Civic ไปทำงาน ช้อปปิ้งที่ Shein และมีเสื้อผ้าแบรนด์เนมเพียงไม่กี่ชุดเพื่อใช้ในโอกาสพิเศษเท่านั้น แม้ว่าจะมีทรัพย์สินกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 47,000 ล้านบาท)  

หาเงินเองตั้งแต่ประถม

ด้วยข้อจำกัดเรื่องการเงินของทางบ้าน ทำให้ ลูซี่ เริ่มฉายแววนิสัยนักธุรกิจตั้งแต่ยังเรียนประถม โดยเริ่มหาของไปขายที่สนามเด็กเล่นในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็น ขายการ์ดโปเกมอน ขายดินสอสี แต่นั่นก็เป็นเหตุทำให้เธอต้องถูกพักการเรียน และนั่นทำให้เธอต้องคิดวิธีหาเงินใหม่ ๆ 

“พ่อแม่ใช้ชีวิตอย่างประหยัดมาก แต่ย้ำเสมอว่าเงินสำคัญ ฉันเลยหาวิธีหาเงินในสนามเด็กเล่น ทั้งแลกการ์ดโปเกมอนมาขาย ขายดินสอสี อะไรที่ขายได้ก็ขายหมด แต่เงินที่ฉันหามาก็ถูกยึดไป เพราะถูกพักการเรียน”

เนื่องจาก ลูซี่ เป็นเด็กที่ไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมนอกบ้านอื่น ๆ เหมือนเด็กทั่วไป ทำให้เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการ เล่นคอมพิวเตอร์และวิดีโอเกม เพราะมันเป็น ความสนุกเดียว ที่ได้รับในวัยเด็ก นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอสนใจด้านเทคโนโลยีและเริ่มฝึก เขียนโค้ด ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ

ลูซี่ เริ่มหาเงินจากเกมที่ชอบเล่นอย่าง Neopets โดยจะหาสัตว์เลี้ยงหรือไอเทมหายาก เพื่อนำไปขายเป็นเงินจริง จากนั้นก็เริ่ม สร้างบอทโกงเกมมาขาย และเริ่มหาวิธีอื่น ๆ ในการทำเงินบนอินเทอร์เน็ต โดยลูซี่ได้สร้างเว็บไซต์โดยใช้ Google AdSense และก็พัฒนาไปเรื่อย ๆ

“มันเหมือนลูกโซ่ที่ต่อยอดไปเรื่อย ๆ จากความสนุกและการทดลองในโลกออนไลน์”

หมกมุ่นมากพอจะเดิมพันกับตัวเอง

หลังจากจบไฮสคูล ลูซี่ได้เรียนต่อคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ ในมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon University แต่เหลืออีก 1 ปีก่อนจะเรียนจบ ลูซี่ เลือกที่จะ ลาออก และเข้าร่วมโครงการที่สนับสนุนนักศึกษาที่มีไอเดียทำธุรกิจ ชื่อว่า Thiel Fellowship ของ ปีเตอร์ ธีล ผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal ซึ่งเธอยอมรับว่าตอนนั้นถือเป็นการตัดสินใจที่ยากและเสี่ยงมาก แถมการตัดสินใจนี้ยัง สร้างความไม่พอใจให้พ่อแม่อย่างมาก แต่เธอก็อยาก เดิมพันกับตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างธุรกิจ

“พ่อแม่ฉันสละทุกอย่างเพื่ออพยพมาที่อเมริกาเพื่อให้ลูกมีอนาคตที่ดี การที่ฉันเลิกเรียนกลางคันเลยเหมือนเป็นการตบหน้าพวกเขา พ่อแม่คิดว่าฉันไม่รักพวกเขา แต่จริง ๆ ฉันแค่ลงทุนกับตัวเองและเลือกเส้นทางที่คิดว่าจะทำให้อนาคตดีกว่า”

จากนั้น เธอก็มีโอกาสทำงานกับ Snapchat และเป็น Product Designer ที่ Quora บริษัทถาม-ตอบชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ซึ่งนั่นทำให้เธอเป็นนักออกแบบหญิงคนแรก และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอได้เจอกับ อเล็กซาน เดอร์ หวัง

อเล็กซานเดอร์ หวัง

ความสำเร็จมาจากความหมกมุ่น

ในตอนที่เธอกล้าเสี่ยงจะลาออกทั้งที่เหลืออีกปีเดียวจะเรียนจบ เพราะเธอมองว่า ความล้มเหลวคือเรื่องธรรมดา การจะเป็นผู้ประกอบการได้ ต้องยอมรับความเสี่ยงและพร้อมที่จะล้มเหลวหลายครั้ง จนกว่าจะประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้ ลูซี่ ยังมองว่าความสำเร็จของเธอ ไม่ได้มาจากพรสวรรค์หรือโชค แต่มาจากการ หมกมุ่น ในสิ่งที่เธอทำมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่การหมกมุ่นกับการเล่นเกม ไปจนถึงการหาวิธีทำเงินจากสิ่งเหล่านั้น ซึ่งนำไปสู่การเรียนรู้ด้านการเขียนโค้ดและการสร้างธุรกิจในที่สุด

ความท้าทายใหญ่จากการฟ้องร้อง

หลังจากที่ร่วมกับ อเล็กซานเดอร์ หวัง ก่อตั้ง Scale AI ในปี 2016 เธอก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น โดยในปี 2019 เธอได้ก่อตั้ง Backend Ventures บริษัท VC เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพเทคโนโลยีระยะเริ่มต้น และในปี 2022 เธอได้เปิดตัว Passes แพลตฟอร์มช่วยครีเอเตอร์สร้างรายได้จากคอนเทนต์

และในปี 2025 นี้ ลูซีกำลังต้องเผชิญกับอีกความท้าทายครั้งใหญ่ เมื่อแพลตฟอร์ม Passes ของเธอกำลังถูกฟ้องร้องในคดีแพ่ง ฐานเผยแพร่สื่อลามกเด็กในแพลตฟอร์มเพื่อเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้งาน ซึ่งทางลูซี่และบริษัทก็ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า ไม่มีมูล และปฏิเสธข้อเรียกร้องค่าเสียหาย 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เส้นทางของลูซี่ สะท้อนให้เห็นว่าความสำเร็จไม่ได้เกิดจากโชคหรือพรสวรรค์ แต่มาจากความหมกมุ่นและการไม่หยุดพัฒนาตัวเอง และกล้าที่จะล้มเหลว จนกว่าจะประสบความสำเร็จ

]]>
1537026
รู้จัก ‘Alexandr Wang’ ซีอีโอ ‘Scale AI’ วัยไม่ถึง 30 แต่ ‘Meta’ ยอมทุ่มเงินกว่า 4.5 แสนล้าน เพื่อให้ได้ตัวมาทำงานด้วย https://positioningmag.com/1526519 Wed, 18 Jun 2025 09:37:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1526519 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีข่าวใหญ่ในวงการเทคโนโลยี เมื่อ Meta พร้อมทุ่มเงินถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลงทุนใน Scale AI สตาร์ทอัพด้าน AI ระดับยูนิคอร์น อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังจริง ๆ ไม่ใช่แค่การลงทุน แต่เป็นเพราะ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ต้องการจะได้ตัว อเล็กซานเดอร์ หวัง (Alexandr Wang) ซีอีโอ Scale AI มาทำงานด้วย ดังนั้น Positioning จะพาไปทำความรู้จักกับซีอีโอสตาร์ทอัพแสนล้านทั้งที่อายุยังไม่ถึง 30 ปี!

เด็กเนิร์ดจากบ้านนักฟิสิกส์

Alexandr Wang เกิดในปี 1997 ที่เมือง Los Alamos รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา โดยพ่อ-แม่ของเขาเป็นนักฟิสิกส์ชาวจีนที่อพยพเข้ามาทำงานให้กับ Los Alamos National Laboratory ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญในการพัฒนาโครงการแมนฮัตตัน (Manhattan Project) ที่สร้างระเบิดปรมาณูในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง 

จากการเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการตั้งคำถามทางวิทยาศาสตร์ และการคิดเชิงตรรกะ ทำให้เขามีความสนใจในคณิตศาสตร์และการเขียนโปรแกรมตั้งแต่ยังเด็ก และเริ่มเรียนรู้การเขียนโค้ดผ่านอินเทอร์เน็ต จากนั้นเขาก็เริ่มแข่งขันโอลิมปิกฟิสิกส์ และการแข่งเขียนโค้ดหลายครั้ง โดยมีแรงบัลดาลใจคือ ได้ไปท่องเที่ยวดูโลกกว้าง

“ตอนเด็ก ๆ ผมไม่ได้เดินทางไปไหนมาไหนมากนัก และนั่นเป็นแรงผลักดันที่ทําให้ผมตื่นเต้นกับการแข่งขันคณิตศาสตร์จริง ๆ เพราะถ้าคุณทําได้ดีพอ … คุณจะบินออกไปและไปเที่ยวฟรี ๆ อย่างตอนที่อยู่เกรดหก ผมได้ไปที่ดิสนีย์เวิลด์ ซึ่งผมไม่เคยไปมาก่อน” หวัง เล่า

โดดเด่นจนบริษัทใน Silicon Valley เห็นแวว

หลังจากเข้าร่วมการแข่งขันการเขียนโค้ดออนไลน์หลายครั้ง ในปี 2014 เขาก็ได้รับคัดเลือกโดย Addepar บริษัทเทคโนโลยีทางการเงินที่กำลังร้อนแรงที่สุดใน Silicon Valley ในตอนนั้น ให้เขาเข้าไปทำงานในตำแหน่งวิศวกรซอฟต์แวร์ หลังจากนั้นไม่นานก็เติบโตเป็นตําแหน่ง Tech Lead ที่ Quora แม้ว่าเขาจะมี อายุเพียง 17 ปี และไม่มีปริญญา 

โดยหลังจบมัธยมปลาย เขาได้เข้าเรียนที่ Massachusetts Institute of Technology (MIT) ในสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์ แต่หลังจากเรียนไปได้ 1 ปี ในปี 2016 เขาก็ได้ข้อเสนอจากบริษัทมากมายที่ต้องการได้ตัวไปร่วมงานด้วย แต่เขาก็ปฎิเสธทุกข้อเสนอ อีกทั้งยังตัดสินใจลาออกจาก MIT ขณะนั้นเขามีอายุเพียง 19 ปี

จากปัญหาเล็ก ๆ สู่ความสำเร็จยิ่งใหญ่

ที่เขาตัดสินใจลาออกเพราะต้องการไปปลุกปั้น Scale AI หลังจากที่เขามั่นใจแล้วว่า ข้อมูล คือ อุปสรรคใหญ่สุดของการพัฒนา AI เนื่องจากเขาเริ่มเห็นปัญหาเล็ก ๆ ในการพัฒนา AI ของตัวเอง บวกกับเริ่มสังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมวงการหลายคนยังพัฒนา AI ไม่ได้ เพราะมีแต่ข้อมูลดิบ จนเกิดเป็นปัญหา คอขวด ของข้อมูลในการพัฒนา AI 

เนื่องจากโมเดล AI ต้องการข้อมูลปริมาณมหาศาล และต้องมีคุณภาพสูงในการฝึกฝน แต่การเตรียมข้อมูลเหล่านี้ (เช่น การติดฉลากรูปภาพ, ข้อความ, เสียง, วิดีโอ) เป็นงานที่ซับซ้อนและต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก ทำให้เขาเลยมีแนวคิดที่จะ จัดระเบียบข้อมูล เพื่อให้เป็นข้อมูลดีไว้ใช้พัฒนา AI 

จากนั้นเขาก็ได้ไปชวน ลูซี่ เกา (Lucy Guo) เพื่อนร่วมงานจาก Quora วัย 21 ปี ที่ลาออกจาก Carnegie Mellon มาร่วมงานกัน จากนั้น ทั้งคู่สมัครเข้า Y Combinator ที่เคยปั้น Airbnb และ Stripe โดยเขาได้เงินทุนเริ่มต้นมา 120,000 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากก่อตั้งบริษัทได้ 3 เดือน 

แม้แต่กองทัพสหรัฐฯ ก็ใช้บริการ 

แน่นอนว่าทุกการเริ่มต้นต้องเจออุปสรรค โดยในช่วงแรก ๆ ในการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับ Data labeling หรือการจัดระเบียบข้อมูลสำหรับฝึกโมเดล AI เขาและทีมงานไม่ได้รู้ชัดเจนว่าควรจะมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลประเภทใด เพราะมีมหาศาลมาก พวกเขาจึงลองทำหลายตัวเลือก บางอย่างประสบความสำเร็จ บางอย่างก็ล้มเหลว โดยลูกค้ารายแรกของ Scale AI คือ ช่วยฝึก AI สำหรับรถยนต์ไร้คนขับ 

ซึ่งทางบริษัทต้องใช้มนุษย์มาช่วยติดป้ายข้อมูลบนภาพถ่ายจากกล้องหน้ารถนับล้านภาพ ก่อนจะนำข้อมูลเหล่านั้นไปฝึก AI ให้รู้ว่าแต่ละภาพประกอบด้วยอะไรบ้าง ควรหยุดตรงไหน จากนั้น บริษัทก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนมีลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม การแพทย์ อสังหาริมทรัพย์ แม้แต่ กองทัพสหรัฐฯ ก็ใช้บริการ ทำให้ Scale AI เป็นบริษัท AI แห่งแรกที่นำ LLM (Large Language Model) ของตนเองชื่อ Donovan ไปใช้งานบนเครือข่ายความลับ (classified network) ของกองทัพ

หลังจากประสบความสำเร็จกับบริการ Data labeling บริษัทก็ได้ขยายบริการไปสู่โครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล AI เต็มรูปแบบ เช่น การประเมินโมเดล (model evaluation), การสร้างข้อมูล (data generation) และการรับรองความปลอดภัยของ AI (safety and alignment)

ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในโลก

ตลอดระยะทาง 9 ปี Scale AI ได้ระดมทุนรวมแล้วประมาณ 1.59 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.82 แสนล้านบาท) โดยปัจจุบัน Scale AI มีมูลค่าบริษัทประมาณ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.44 แสนล้านบาท)

โดยในปี 2021 Alexandr Wang ขึ้นแท่นเป็น มหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดด้วยวัย 24 ปี โดย Forbes ประเมินมูลค่าทรัพย์สินของเขาในปี 2025 อยู่ที่ประมาณ 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.7 แสนล้านบาท)

และในปี 2025 มีการคาดว่า Scale AI จะจะมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวอยู่ที่ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.5 หมื่นล้านบาท) จากปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ประมาณ 870 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.8 หมื่นล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม การที่เขาตัดสินใจลาออกจาก MIT เขาเคยเล่าว่านี่ไม่ใช่การ เดิมพัน แต่ Alexandr Wang มองว่า หากคุณไม่พร้อมที่จะเสี่ยงตอนนี้ แล้วจะเสี่ยงเมื่อไหร่ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างสิ่งที่มีความหมายอาจจะเป็นการ เริ่มต้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้ในตอนแรกเขาไม่ได้มีภาพในหัวเลยว่า บริษัทจะเป็นอย่างไรในอีก 3 ปีข้างหน้า แต่สิ่งที่เขามีในตอนนั้นคือ ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและความตั้งใจที่จะลอง แม้ว่ามันอาจไม่สำเร็จอย่างที่คิดก็ตาม

]]>
1526519