Nong Pim – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 17 Feb 2021 06:25:45 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ปตท. ร่วมพัฒนาโครงการ OUR KhungBangKachao ยกระดับ “ปอดกลางเมือง” ให้เติบโตอย่างยั่งยืน https://positioningmag.com/1318271 Wed, 17 Feb 2021 10:30:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1318271

หลายคนคงรู้จัก หรืออาจจะเคยไปเยือน “คุ้งบางกะเจ้า” กันมาบ้างแล้ว ที่แห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใกล้กรุงเทพฯ อุดมสมบูรณ์ด้วยระบบนิเวศต่างๆ ใครๆ ต่างพากันเรียกว่าเป็น “ปอดกลางเมือง” เพราะเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนแห่งสำคัญของประเทศเลยทีเดียว

ด้วยความที่มีพื้นที่สีเขียวมหาศาล ทำให้คุ้งบางกะเจ้าเป็นชุมชนที่ทรงคุณค่าทั้งด้านสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว สังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ จากชุมชนเล็กๆ ก็เริ่มพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวมากขึ้น มีโฮมสเตย์เพิ่มมากขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

แน่นอนว่าทำให้คุ้งบางกะเจ้ากำลังประสบปัญหาจากการขยายตัวของการพัฒนาเมือง และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างหนัก ถ้าเราไม่ร่วมมือกันดูแลกันในตอนนี้ ปอดกลางเมืองอาจจะยิ่งเสื่อมโทรมก็เป็นได้

ด้วยเหตุนี้เองจึงเกิดเป็นโครงการ “OUR KhungBangKachao” เริ่มก่อตั้งในปี 2561 ภายใต้การกำกับของมูลนิธิชัยพัฒนา และร่วมมือจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศทั้งภาครัฐ เอกชน ภาควิชาการ และประชาสังคม ผสานความร่วมมือในการอนุรักษ์คุ้งบางกะเจ้าด้วยรูปแบบ Social Collaboration with Collective Impact

เป็นการน้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” แห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นหลักการดำเนินงานเพื่อช่วยอนุรักษ์และพัฒนาให้คุ้งบางกะเจ้ากลับมาเป็นพื้นที่สีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งพัฒนาวิถีชีวิตความเป็นอยู่และการเติบโตทางเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นให้ดียิ่งขึ้น

ซึ่งที่ผ่านมาโครงการ OUR KhungBangKachao มีการดำเนินงานคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) 2 ฉบับ ในการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวราชพัสดุภายใต้การดูแลของกรมป่าไม้ (โครงการสวนกลางมหานคร) อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการระหว่างโครงการ OUR KhungBangKachao โดยมูลนิธิชัยพัฒนากับกรมป่าไม้และการฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวและบริหารจัดการเรียนรู้ สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการระหว่าง กรมป่าไม้ กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่คุ้งบางกะเจ้าสู่ความยั่งยืน กล่าวถึง “โครงการ OUR KhungBangKachao” มีการขับเคลื่อนการพัฒนาในรูปแบบสานพลังความร่วมมือ (Social Collaboration with collective impact) จากองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ตั้งแต่ปี 2561มีเป้าหมายร่วม (Shared Goal) ในการยกระดับและพัฒนาพื้นที่ “คุ้งบางกะเจ้า” ให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนในทุกมิติ มีพื้นที่สีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ พร้อมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นอย่างสมดุลโดยน้อมนำศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) มาสืบสานขยายผลตามพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร (รัชกาลที่ 10) และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาเป็นหลักในการดำเนินโครงการฯ

การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ เพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างโครงการ OUR KhungBangKachao กับการพัฒนาพื้นที่สีเขียวราชพัสดุภายใต้การดูแลของกรมป่าไม้ 1,276 ไร่ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ให้เห็นเป็นรูปธรรม

สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาพื้นที่ทั้ง 6 มิติ ได้แก่ การพัฒนาพื้นที่สีเขียว การจัดการน้ำ การจัดการขยะ การพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การส่งเสริมอาชีพ และ การพัฒนาเยาวชนฯ คงไว้ซึ่งความสมบูรณ์ของระบบนิเวศและการให้ชุมชนมีส่วนร่วม และเป็นแนวทางการดูแลพื้นที่ในระยะยาวต่อไป

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เปิดเผยว่า

“ปตท. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ทั้งการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด การพัฒนานวัตกรรมเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม หรือนวัตกรรม“NONG PIM”ระบบตรวจวัดฝุ่น PM 2.5 และวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ต่างๆ

สำหรับการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในเมืองนับเป็นอีกงานที่ ปตท. ให้ความสำคัญ เพราะ ปตท. สั่งสมองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากโครงการปลูกป่าฯ และการบริหารจัดการศูนย์เรียนรู้ ในการฟื้นฟูป่าของ ปตท. 3 แห่ง จึงได้นำความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่มาร่วมสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในโครงการ OUR KhungBangKachao

ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน โดยมุ่งรักษาพื้นที่สีเขียวประมาณ 6,000 ไร่ ในคุ้งบางกะเจ้า สร้างอัตลักษณ์พื้นที่สีเขียวต้นแบบ และเพิ่มครัวเรือนเกษตรปลอดภัย นอกจากนี้ ปตท. ยังให้การสนับสนุนกรมป่าไม้ในการฟื้นฟูสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา ร่วมกับกรมป่าไม้บริหารจัดการเรียนรู้ให้เป็นเสมือนห้องเรียนธรรมชาติให้กับนักเรียนนักศึกษา เป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญอีกแห่งหนึ่งของคุ้งบางกะเจ้าต่อไป”

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า

“สำหรับความร่วมมือในโครงการ OUR KhungBangKachao ในช่วง2 ปี ที่ผ่านมา โครงการฯ ได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุในคุ้งบางกะเจ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพื้นที่ราชพัสดุในคุ้งบางกะเจ้า คิดเป็นพื้นที่เพียง 10% ของพื้นที่คุ้งบางกะเจ้าส่วนที่เหลือต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจจากภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ที่เป็นเจ้าของช่วยกันอนุรักษ์พื้นที่แห่งนี้ ที่เป็นเสมือนปอดกลางกรุงที่ดีที่สุดของเอเชียเอาไว้ให้เป็นพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน”

นายอดิศร นุชดำรง อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า

“การลงนามบันทึกข้อตกลงถือเป็นการตั้งเป้าหมายงานด้านพื้นที่สีเขียวในคุ้งบางกะเจ้าให้ชัดเจน โดยกรมป่าไม้ในฐานะผู้กำกับดูแลพื้นที่ราชพัสดุ พร้อมสนับสนุนพื้นที่เข้าสู่โครงการ OUR KhungBangKachao รวมถึงสนับสนุนงบประมาณ ข้อมูล องค์ความรู้ทางวิชาการ และกำลังคน ในการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว และพัฒนาในมิติอื่นๆ อีก

นอกจากนี้ยังต่อยอดความร่วมมือกับ ปตท. ในการช่วยฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวและบริหารจัดการเรียนรู้ที่สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการเพื่อสร้างมูลค่าให้กับสวนฯ แห่งนี้เป็นแหล่งที่คนอยากมาเยี่ยมชม รับทราบเรื่องราวคุ้งบางกะเจ้า และศึกษาระบบนิเวศรูปแบบการอนุรักษ์ป่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างต่อไป

จากความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ว่าการพัฒนาเมือง หรือพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ตามยุคสมัย แต่อย่างไรแล้วธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมยังเป็นสิ่งสำคัญ โครงการ OUR KhungBangKachao แสดงให้เห็นว่าความร่วมกันหลายฝ่าย จะช่วยฟื้นฟูคุ้งบางกะเจ้า ให้กลับมาเป็นพื้นที่สีเขียวยักษ์ใหญ่ และเป็นปอดกลางเมืองอย่างยั่งยืน

]]>
1318271
ค่าฝุ่น PM 2.5 แบบเรียลไทม์กับ “Nong Pim” นวัตกรรมอุปกรณ์ตรวจวัดจาก ปตท. https://positioningmag.com/1312331 Thu, 07 Jan 2021 04:00:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1312331

ฝุ่น PM 2.5 กลับมาอีกครั้งในช่วงหน้าหนาว และอาจจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานหากไม่มีการตระหนักรู้ถึงปัญหา ทำให้สถาบันนวัตกรรม ปตท. วิจัยและพัฒนา “Nong Pim” อุปกรณ์ตรวจวัด “ค่าฝุ่น PM 2.5” ที่สามารถวัดค่าและส่งข้อมูลแสดงผลออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ หลังทดลองใช้ภายในองค์กรกว่า 1 ปี ขณะนี้พร้อมแล้วที่จะเปิดบริการติดตั้งและสร้างโซลูชันให้องค์กรอื่นที่สนใจ

ฤดูหนาวในช่วง 2-3 ปีหลังของประเทศไทยไม่ได้มีเฉพาะลมหนาว แต่ยังมี “ฝุ่น PM 2.5” ตามมาสร้างความเจ็บป่วยต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็ก ไร้กลิ่น ทำให้หลายคนไม่รู้สึกถึงความอันตราย จนกว่าจะได้เห็นตัวเลขบนเครื่องวัดค่าฝุ่นจึงจะตระหนักรู้ได้ว่าฝุ่นอยู่รอบตัวเราจริงๆ

ความอันตรายของฝุ่น PM 2.5 คือการเป็นฝุ่นที่เล็กถึง 2.5 ไมครอน เป็นขนาดที่สามารถเล็ดรอดสู่เส้นเลือดฝอย กระจายไปตามอวัยวะต่างๆ ผลกระทบระยะสั้นคือทำให้แสบตา ผิวหนังอักเสบ ภูมิแพ้กำเริบ บางรายอาจมีไข้ ตัวร้อน ส่วนผลระยะยาวอาจทำให้เกิดโรคปอดอักเสบ หัวใจขาดเลือด จนถึงมะเร็งปอดได้

จากความร้ายแรงเหล่านี้ทำให้การรู้ค่าฝุ่น PM 2.5 เป็นเรื่องสำคัญ “เกียรติสกุล วัชรินทร์ยานนท์” และ “ศิระ นิธิยานนทกิจ” สองนักวิจัย ฝ่ายวิจัยเทคโนโลยีพลังงานใหม่ สถาบันนวัตกรรม ปตท. เล่าถึงที่มาของการวิจัยพัฒนา “Nong Pim” ว่า โครงการนี้เริ่มต้นเมื่อเดือนกันยายน 2562 เนื่องจากที่ตั้งของสถาบันนวัตกรรม ปตท. ซึ่งอยู่ใน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่มีเครื่องวัดค่าฝุ่นในบริเวณใกล้เคียงเลย จุดที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปถึง 20 กิโลเมตร ทางสถาบันฯ จึงมองว่าควรจะพัฒนาเครื่องมือวัดค่าฝุ่นของตนเองขึ้น เพื่อให้ทราบค่าฝุ่นในพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ จึงเกิดเป็นอุปกรณ์  Nong Pim

เกียรติสกุลกล่าวว่า ความแตกต่างของ Nong Pim จากอุปกรณ์วัดค่าฝุ่นอื่นที่มีในตลาด คือ Nong Pim เป็นอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) เมื่อติดตั้งแล้วสามารถวัดค่าได้ทุกๆ 10 นาที และส่งสัญญาณข้อมูลแบบออนไลน์ขึ้นสู่ระบบคลาวด์ แสดงผลบนแพลตฟอร์มเว็บไซต์ ทำให้ไม่ต้องใช้คนในการถือเครื่องแบบออฟไลน์เข้าตรวจวัดตามจุดต่างๆ

หลังจากที่สถาบันนวัตกรรมใช้งานไประยะหนึ่ง และปรับปรุงจนใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ Nong Pim จึงเริ่มถูกนำไปติดตั้งในหน่วยงานอื่นของเครือ ปตท. เช่น สำนักงานใหญ่ ปตท. ถนนวิภาวดี-รังสิต พบว่า อุปกรณ์นี้ช่วยแก้ปัญหาของหน่วยงานได้ เนื่องจากเดิมหน่วยงานจะต้องอาศัยพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินถือเครื่องตรวจวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ตามห้องต่างๆ วันละ 3 ครั้ง ซึ่งเสียเวลาและเสียกำลังคนที่ควรได้ทำงานหลักของตนเอง ดังนั้น เมื่อมีเครื่องตรวจวัดอัตโนมัติทำให้แบ่งเบาภาระส่วนนี้ไปได้

“ประโยชน์ของการรู้ค่าฝุ่น PM 2.5 คือทำให้เราสามารถสร้าง Smart Environment ได้ หากค่าฝุ่นสูงเกินระดับปกติ ระบบจะแจ้งเตือนให้พนักงานทราบ เพื่อให้พนักงานเตรียมตัวรับมือฝุ่น รวมถึงทำให้คนตระหนักรู้ว่าฝุ่นมีอยู่จริง มีผลเสียต่อร่างกายจริง นำไปสู่การศึกษาว่าฝุ่นเกิดจากอะไร และถ้าตนเองยังมีกิจวัตรที่ทำให้เกิดฝุ่นก็จะพิจารณาเลิกทำสิ่งเหล่านั้นต่อไป” เกียรติสกุลอธิบายถึงความสำคัญของโครงการนี้

IoT ทำให้ Nong Pim มีประสิทธิภาพกว่า

ด้านเทคโนโลยีที่นำมาใช้กับ Nong Pim ศิระอธิบายว่า เป็นการใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วในตลาด แต่คัดเลือกด้านคุณภาพวัสดุ ตัวเครื่องวัดมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ ระบบ Laser Scattering ซึ่งจะยิงแสงเลเซอร์ขึ้นไปในอากาศเพื่อวัดค่าการสะท้อนกลับของแสง ทำให้ทราบว่ามีฝุ่นอยู่ในอากาศมากแค่ไหน เป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่มักจะใช้ในเครื่องฟอกอากาศตามบ้าน

อย่างไรก็ตาม จุดสำคัญของ Nong Pim คือการใช้ ระบบ Narrow-Band IoT ตัวเครื่องสามารถส่งข้อมูลค่าฝุ่นที่ได้ผ่านเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ขึ้นสู่ระบบคลาวด์ และนำไปแสดงผลบนเว็บไซต์ที่ทางสถาบันนวัตกรรมเป็นผู้พัฒนาขึ้น ดังนั้น สถานที่ติดตั้ง Nong Pim เพียงมีปลั๊กเสียบ USB และมีสัญญาณมือถือก็สามารถใช้งานได้ ไม่จำเป็นต้องมีสัญญาณ Wi-Fi จึงติดตั้งง่ายและสะดวก

ขณะนี้ระบบ Nong Pim ตั้งค่าให้วัดค่าฝุ่นทุกๆ 10 นาที ส่วนการแสดงผลแก่ end user จะตั้งค่าความถี่เท่าใดก็ได้ เช่น แสดงผลทุก 10 นาที แสดงผลทุก 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า

ส่วนการพัฒนาต่อยอดในอนาคต ศิระกล่าวว่า หัวใจสำคัญคือการพัฒนาเซิร์ฟเวอร์การเก็บข้อมูลและแพลตฟอร์มการแสดงผล เพราะข้อมูลที่ได้จะมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเริ่มเปิดตัวในฐานะโซลูชันธุรกิจ การออกแบบแพลตฟอร์มจะต้องเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากขึ้น (user-friendly)

เปิดบริการแบบ B2B โซลูชันวัดค่าฝุ่นองค์กร

เกียรติสกุลกล่าวต่อว่า ขณะนี้ Nong Pim เริ่มเปิดบริการเป็นธุรกิจแบบ B2B แล้ว โดยรับติดตั้งและออกแบบโซลูชันให้องค์กร สามารถปรับรูปแบบเฉพาะ (customize) เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจต่างๆ ได้ และคิดค่าบริการแบบเหมาจ่ายรายเดือน

ส่วนการจำหน่ายแบบ B2C ยังอยู่ในแผนงานอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า ต้องใช้เวลาก่อนเปิดจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไปเพราะการจำหน่ายรายย่อยจะยุ่งยากกว่าในการซ่อมบำรุงผลิตภัณฑ์ รวมถึงวิธีการขายจะแตกต่าง ต้องมีทีมขายและการตลาดที่แข็งแรงขึ้น

แม้ว่า ปตท. จะเริ่มจำหน่าย Nong Pim เป็นธุรกิจบริการ แต่เกียรติสกุลกล่าวว่า ภาพรวมโครงการนี้ “ไม่ได้หวังจะสร้างกำไร แต่อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีขึ้น”

“มลพิษทางอากาศทำให้คนเสียชีวิตได้และเคยเกิดขึ้นมาแล้ว” เกียรติสกุลกล่าว “หน้าที่ของนักวิจัยจึงไม่ใช่เริ่มจากเราอยากทำอะไร แต่เราเห็นเหตุผลว่าสิ่งที่ทำมาจะได้ประโยชน์อะไร ออกมาแล้วคนจะอยากใช้ นั่นต่างหากคือแรงผลักดันที่แท้จริงสำหรับนักวิจัย”

สนใจโซลูชัน Nong Pim ติดต่อที่คุณวิชย์กรณ์ สถาบันนวัตกรรม ปตท. โทร.03-524-8385 เวลาทำการวันจันทร์-ศุกร์ 08.00-17.00 น.

]]>
1312331