เพราะจากเอกสารล่าสุดที่ทาง Tianjin Fuji-Ta Bicycle ผู้ผลิตจักรยานได้ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อขอให้ Ofo จ่ายเงินค่าจ้างผลิตจักรยานมูลค่า 250 ล้านหยวน หรือราว 1,128 ล้านบาท แต่จากการตัดสินของศาลกลับพบว่า “ไม่มีทรัพย์สิน” ที่สามารถจะเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อชำระหนี้ได้ ทั้งนี้บริษัทผู้ผลิตจักรยานสามารถอุทธรณ์ต่อศาลได้ หากพบว่ามีทรัพย์สินที่พอจะใช้หนี้ได้

การตัดสินของศาลในครั้งนี้เป็นสิ่งยืนยันว่า “วิกฤต” Ofo กำลังอยู่ในขั้นหนักหนาสาหัส หลังจากที่มีการรวมตัวของผู้ใช้มากกว่า 2,000 คนหน้าสำนักงานใหญ่ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อเช้าวันอังคารที่ 18 ธันวาคม ปีที่แล้วเพื่อขอความชัดเจนว่าจะได้รับเงินคืนเมื่อไร ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น เพราะผู้ใช้ไม่เชื่อมั่นใน Ofo ซึ่งมีการปิดสำนักงานในหลายจังหวัด

สาเหตุของการรวมตัวเป็นเพราะผู้ใช้ Ofo หลายรายไม่ได้รับเงินคืนตามที่ทำเรื่องไปนานกว่าสองเดือน เงินเหล่านี้เป็นเงินมัดจำสำหรับบริการที่ Ofo ระบุว่าสามารถขอคืนได้ แต่ผลคือ ผู้ใช้ไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ของ Ofo ยังมีข่าวเรื่องพนักงาน Ofo ก่อเหตุพิพาทกับลูกค้าด้วย

จากสถิติเบื้องต้นในครั้งนั้นพบว่า ระบบการคืนเงินของแอป Ofo ได้รับคำขอคืนเงินจากผู้ใช้กว่า 9.7 ล้านราย ทั้งหมดรอการคืนเงินรวมกันอย่างน้อย 920 ล้านหยวน (ราว 4,364 ล้านบาท) แต่จากการรายงานของ Changjiang Times พบว่า ณ สิ้นเดือนพฤษภาคมตัวเลขการคืนเงินมัดจำพุ่งขึ้นเป็นกว่า 15 ล้านคน

ก่อนหน้านี้ Dai Wei ผู้ก่อตั้งลงมือเขียนจดหมายถึงพนักงานอย่างตรงไปตรงมา โดยในจดหมายยอมรับว่ามีความคิดนับครั้งไม่ถ้วนว่าจะเลิกกิจการ และยื่นขอล้มละลาย

“ตลอดทั้งปีนี้ เราได้รับแรงกดดันเรื่องกระแสเงินสดอย่างหนัก ทั้งการขอคืนเงินมัดจำของผู้ใช้ และการจ่ายหนี้ให้แก่ซัปพลายเออร์ เพื่อที่จะทำให้บริษัทสามารถดำเนินงานต่อไปได้ เราต้องแบ่งเงินทุกหยวนออกเป็น 3 ส่วน” 

หาก Ofo ล้มละลายจริง จะถือเป็นการล้มครั้งใหญ่ เพราะ Ofo เป็นบริการที่มีผู้ใช้มากกว่า 200 ล้านคนในประเทศจีน (สถิติเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา) ซึ่งหมายความว่า เงินฝากที่ Ofo ดูแลอยู่ อาจมีมูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 94,885 ล้านบาท.

ที่มา :

• http://www.chinadaily.com.cn/a/201906/19/WS5d09e7b7a3103dbf1432923b.html
• https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9610000126018

สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์ส (Financial Times) รายงานเมื่อวันพุธที่ 19 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า Ofo กำลังพบปัญหากระแสเงินสดขาดมือจนทำให้ Dai Wei ผู้ก่อตั้งลงมือเขียนจดหมายถึงพนักงานอย่างตรงไปตรงมา โดยในจดหมาย Dai Wei ยอมรับว่ามีความคิดนับครั้งไม่ถ้วน ว่าจะเลิกกิจการและยื่นขอล้มละลาย

“ตลอดทั้งปีนี้ เราได้รับแรงกดดันเรื่องกระแสเงินสดอย่างหนัก ทั้งการขอคืนเงินมัดจำของผู้ใช้และการจ่ายหนี้ให้แก่ซัปพลายเออร์ เพื่อที่จะทำให้บริษัทสามารถดำเนินงานต่อไปได้ เราต้องแบ่งเงินทุกหยวนออกเป็น 3 ส่วน” เนื้อความในจดหมายระบุ แต่ทั้ง Ofo หรืออาลีบาบาไม่ออกมาให้ความคิดเห็นใดในขณะนี้

ที่ผ่านมา ตลาดแชร์จักรยานในจีนนั้นเป็นแหล่งละลายงบประมาณหลายร้อยล้านหยวนเพื่อการทำศึกชิงพื้นที่ครองเมืองสำคัญ โดยเมื่อสิงหาคม สำนักข่าวรอยเตอร์สเคยรายงานว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนอย่างตีตี้ (Didi Chuxing) และแอนท์ไฟแนนเชียล (Ant Financial) ของอาลีบาบา กำลังเจรจากับ Ofo เพื่อซื้อกิจการหรือร่วมทุนกัน จุดนี้สื่อเชื่อว่ามูลค่าดีลอาจเริ่มต้นสูงถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐทีเดียว

วิกฤติของ Ofo ยังเห็นชัดเมื่อมีการรวมตัวของผู้ใช้มากกว่า 2,000 คนหน้าสำนักงานใหญ่ที่กรุงปักกิ่งเมื่อเช้าวันอังคารที่ 18 ธันวาคมเพื่อขอความชัดเจนว่าจะได้รับเงินคืนเมื่อไร ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะผู้ใช้ไม่เชื่อมั่นใน Ofo ซึ่งมีการปิดสำนักงานในหลายจังหวัด

หาก Ofo ล้มละลายจริง จะถือเป็นการล้มครั้งใหญ่เพราะ Ofo เป็นบริการที่มีผู้ใช้มากกว่า 200 ล้านคนในประเทศจีน (สถิติเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา) ซึ่งหมายความว่าเงินฝากที่ Ofo ดูแลอยู่อาจมีมูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 94,885 ล้านบาท

การรวมตัวนี้เกิดขึ้นเพราะผู้ใช้ Ofo หลายรายไม่ได้รับเงินคืนตามที่ทำเรื่องไปนานกว่าสองเดือน เงินเหล่านี้เป็นเงินมัดจำสำหรับบริการที่ Ofo ระบุว่าสามารถขอคืนได้ แต่ผลคือผู้ใช้ไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ของ Ofo ยังมีข่าวเรื่องพนักงาน Ofo ก่อเหตุพิพาทกับลูกค้าด้วย 

สถิติเบื้องต้นพบว่า ระบบการคืนเงินของแอป Ofo ได้รับคำขอคืนเงินจากผู้ใช้กว่า 9.7 ล้านราย ทั้งหมดรอการคืนเงินรวมกันอย่างน้อย 920 ล้านหยวน (ราว 4,364 ล้านบาท)

สำหรับ Ofo นั้นเป็นแอปพลิเคชันที่เคยเข้ามาให้บริการที่ประเทศไทยเมื่อกันยายนปี 2017 ที่ผ่านมา เมื่อเปิดแอปพลิเคชัน Ofo บนมือถือ ผู้ใช้จะสามารถค้นหาจักรยานได้บนแผนที่ และเริ่มใช้จักรยานด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ด (QR Code) เพื่อปลดล็อกจักรยาน ทุกคนสามารถแชร์รถจักรยานได้ทุกคัน เมื่อใช้งานเสร็จสามารถจอดในสถานที่ที่กำหนดไว้ตามที่แอปพลิเคชันระบุ ค่าบริการปกติที่เคยให้บริการที่ภูเก็ตคือ 5 บาทต่อการใช้ 30 นาที โดยมีค่ามัดจำ 99 บาท ซึ่งจะสามารถชำระเงินผ่านทางแอปพลิเคชันได้อย่างสะดวกสบาย

เพียง 1 ปีถัดมา Ofo ประกาศยกเลิกให้บริการทุกพื้นที่ในประเทศไทยเมื่อสิงหาคม 2018 สำหรับภูเก็ต โดย Ofo แจ้งแก่บริษัทภูเก็ตพัฒนาเมือง ซึ่งเป็นบริษัทที่นำเอารถจักรยานของ Ofo ไปให้บริการ ว่าทางสำนักงานใหญ่ของ Ofo ประเทศจีนมีมติให้ยุติการให้บริการในทุกพื้นที่ของประเทศไทย โดยมีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา เวลานั้นคาดว่า Ofo รับไม่ได้เรื่องจักรยานชำรุด และมีคนแอบนำไปใช้งานส่วนตัวนอกพื้นที่ แถมยังมีภาพจักรยานถูกทำลายอีกด้วย.

Source

กลุ่มสื่อจีนรายงาน วันอังคาร (15 ส.ค.) “โอโฟ” (ofo) สตาร์ทอัปให้บริการแชร์จักรยานผ่านแอปพลิเคชันชื่อดังของจีน เปิดให้บริการในไทยแล้ว โดยเริ่มให้บริการในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตเป็นที่แรก

รายงานระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา โอโฟ ได้นำจักรยานจำนวน 546 คันมาเปิดให้บริการภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฯ และวางแผนจะเพิ่มจำนวนจักรยานขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึง 6,000 คัน ก่อนจะขยายไปให้บริการนักศึกษามหาวิทยาลัยอื่นๆ อีก 10 แห่งภายใน 3 เดือน และจะให้บริการเป็นการทั่วไปในเขตเมืองในอนาคต

ทั้งนี้ โอโฟ ได้ก่อตั้งขึ้นที่กรุงปักกิ่งตั้งแต่ปี 2557 โดยเป็นผู้ให้บริการแชร์จักรยานสาธารณะ ผ่านแอปพลิเคชันมือถือแห่งแรก ปัจจุบันเป็นผู้ให้บริการฯ รายใหญ่ที่สุดในโลก มีจักรยานให้บริการรวมมากกว่า 6 ล้าน 5 แสนคัน ในพื้นที่ครอบคลุมกว่า 150 เมืองใน 6 ประเทศ ด้วยผู้ใช้บริการมากกว่า 25 ล้านครั้งต่อวัน

ที่มา : manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9600000084308